Please enable JavaScript.

Coggle requires JavaScript to display documents.

มารดา G1P0P0A0L0 Premature Rupture of Membranes with Fail Induction with…

- - - - การผ่าตัดคลอดที่มีการวางแผนไว้ตั้งแต่ใกล้กำหนดคลอด 1-2 สัปดาห์
        หรืออายุครรภ์ 38 สัปดาห์ ขึ้นไป หรือเริ่มเข้าสู่ระยะคลอด
    - - การผ่าตัดคลอดที่ไม่ได้วางแผนล่วงหน้า ทำในกรณีที่ไม่สามารถคลอดทางช่องคลอดได้หรือมีข้อบ่งชี้ในการผ่าตัดคลอดเกิดขึ้นหลังจากเข้าสู่ระยะคลอดแล้ว
        
        ในกรณ๊ศึกษานี้เป็นการผ่าตัดคลอดกรณีฉุกเฉิน
  - - - การลงแผลในแนวกึ่งกลางลำตัวต่ำกว่าระดับสะดือเล็กน้อยความยาวของแผลผนังหน้าท้องขึ้นอยู่กับขนาดของทารก
        
        ข้อดี
        
        สามารถขยายความกว้างของแผลได้ตามต้องการ
        
        การผ่าตัดสามารถทำคลอดทารกได้สะดวกและรวดเร็ว
    - - การลงแผลในแนวขวางลำตัวตรงตำแหน่ง skin crease เหนือหัวเหน่า
        
        ข้อดี
        
        แผลสวยงามและรอยแผลซ่อนอยู่ใต้ขอบกางเกงชั้นใน
        ความแข็งแรงของแผลดีกว่าทำให้เกิด incision hernia น้อยกว่า
        
        ข้อเสีย
        
        การขยายขนาดของแผลผ่าตัดทำได้ไม่ดีเท่า midline incision และใช้เวลาทำผ่าตัดมากกว่าเล็กน้อย
        
        ในกรณีศึกษานี้เป็นการผ่าตัดคลอดตามแนวขาวาง
  - - - ภาวะรกเกาะต่ำ
      - ความผิดปกติของเชิงกรานหรือช่องทางคลอด
      - มะเร็งปากมดลูก
      - การติดเชื้อรุนแรงที่ปากมดลูก
      - การคลอดติดขัด
      - ทารกอยู่ในภาวะเครียด
      - ภาวะสายสะดือย้อย
    - - ทารกอยู่ในท่าผิดปกติ เช่น ทารกในท่าก้นที่ศีรษะทารกแหงนหน้ามากเกินไป ท่าก้นที่ใช้เท้าเป็นส่วนนำ ทารกมีขนาดใหญ่ และผู้คลอดเป็นครรภ์
      - ครรภ์แฝดที่ทารกไม่อยู่ใท่าศีรษะ
      - มีเลือดออกในระยะตั้งครรภ์ ในกรณีรกลอกตัวก่อนกำหนด ที่มีเลือดออกมาก หรือการคลอดทางช่องคลอดดำเนินไปช้า
        
        ในกรณีศึกษานี้มารดาการคลอดทางช่อคลอดดำเนินไปช้า
      - ทารกมีภาวะเสี่ยงต่อภาวะเครียดและไม่สามารถติดตามสุขภาพของทารกในครรภ์ขณะคลอดได้ดี หรือใช้เวลาในระยะคลอดยาวนาน
      - เคยผ่าตัดผนังมดลูกมาก่อน
        เช่น เคยผ่าตัดคลอดทางหน้าท้อง
      - โรคแทรกซ้อนทางอายุรกรรม เช่น ผู้คลอดเป็นเบาหวานและทารกมีน้ำหนักตัวมากกว่าปกติ
  - - - การฉีกขาดของแผลผ่าตัดบนตัวมดลูก
      - การบาดเจ็บต่อทารกจากการผ่าตัดหรือจากการทำคลอดที่ยาก เช่นทารกในท่าขวางหรือท่าก้น
      - การบาดเจ็บต่อกระเพาะปัสสาวะและลำไส้
      - การฉีกขาดของแผลผ่าตัดบนตัวของมดลูกไปจนถึงปากมดลูก ช่องคลอด และ Uterine vessels ทำให้เสียเลือดมากขณะผ่าตัดจนต้องให้เลือดแทน
      - ภาวะแทรกซ้อนจากยาระงับความรู้สึกหรือจากยาสลบ เช่น กดการหายใจ และความดันโลหิตต่ำ
      - ภาวะแทรกซ้อนทางวิสัญญี ได้แก่ การสำลักอาหารและน้ำเข้าปอด กดการหายใจ โดยเฉพาะในรายที่ใช้ยาระงับความรู้สึกเฉพาะส่วนของร่างกาย
    - - ภาวะแทรกซ้อนทางวิสัญญี เช่น ท้องอืด
      - การอักเสบของเยื่อบุโพรงมดลูก แผลผ่าตัด การอักเสบติดเชื้อภายในช่องท้องและกเิดหนองในอุ้งเชิงเชิงกราน
      - มีเลือดออกภายในช่องท้องภายหลังการทำผ่าตัด
      - การอักเสบของระบบทางเดินหายใจ
      - การตกเลือดขึ้นภายหลังร่วมกับภาวะช็อคและต้องตัดมดลูก
    - - ผู้คลอดเสี่ยงต่อการเกิดภาวะแทรกซ้อนจากการได้รับยาระงับความรู้สึกแบบ Regional Anesthesia โดยวิธี spinal block เนื่องจากผ่าตัดคลอดทางหน้าท้อง
        
        A1: spinal block เป็นวิธีการระงับความรู้สึกโดยการฉีดยาเข้าสู่ subarachnoid space โดยยาชาจะออกฤทธิ์ที่ spinal nerve และ dorsal ganglion (ที่ spinal cord เอง พบว่า concentration ของยาชาต่ำเกิดนกว่าจะทำให้เกิด clinical effect) ทำให้เกิดอาการชาและขยับส่วนล่างของร่างกายไม่ได้อยู่ ชั่วระยะเวลาหนึ่งตาม dermatome ที่ยาชาออกฤทธิ์ ซึ่งยาชาแต่ล่ะชนิดมีระยะเวลาการออกฤทธิ์ยาวนานแตกต่างกัน (พิชยา ไวทยะวิญญ, 2556)
        
        A2 : ภาวะแทรกซ้อนขณะใช้ยาระงับความรู้สึกทางช่องไขสันหลัง ร้อยล่ะ 69.2 มีภาวะความดันโลหิตต่ำ รองลงมา คือภาวะคลื่นไส้อาเจียน อาการคันตามร่างกาย และภาวะหนาวสั่ย ตามลำดับ
        
        ข้อมูลสนับสนุน
        
        o: มารดาได้รับการผ่าตัดคลอดทางหน้าท้องโดยได้ยาระงับความรู้สึกโดยวิธี spinal block
      - เสี่ยงต่อภาวะตกเลือดหลังคลอดเนื่องจากมีแผลผ่าตัดทางหน้าท้อง
        
        ข้อมูลสนับสนุน
        
        O: มารดาได้รับการผ่าตัดคลอดทางหน้าท้อง
        
        O: Blood loss 400 cc
        
        O: แผลผ่าตัดทางหน้าท้อง Low cervical cesarean
        
        O: แผลผ่าตัดมดลูก Low Transverse cesarean section
        
        A1 : ภาวะตกเลือดหลังคลอด หมายถึง การเสียเลือดมากกว่าหรือเท่ากับ 500 มิลลิลิตรจากกระบวนการ คลอดปกติและมากกว่าหรือเท่ากับ 1,000 มิลลิลิตร จากการผ่าตัดคลอด เมื่อเกิดภาวะตกเลือดทำให้เกิดการสูญเสียเลือดปริมาณมากส่งผลให้เซลล์ต่าง ๆ ในร่างกายขาดออกซิเจนและเสียสมดุลโดยเฉพาะสมองส่วนไฮโปทาลามัสและต่อมใต้สมองที่ส่งผลต่อฮอร์โมนสำคัญในระยะหลังคลอด ถ้าได้รับการรักษาที่ล่าช้าจะทำให้เกิดภาวะแทรกซ้อนตามมา ได้แก่ Sheehan’s syndrome โลหิตจางรุนแรง ช็อก ทุพพลภาพ และเสียชีวิตได้ (ทิพวรรณ์ เอี่ยมเจริญ, 2560) จากการศึกษาพบว่าภาวะตกเลือดหลังคลอดจากการผ่าตัดคลอดทางหน้าท้องมีอัตราการให้เลือดมากกว่าการคลอดทางช่องคลอด (รุ่งเพ็ชร สุยะเวช และคณะ , 2558) ซึ่งในกรณีศึกษารายนี้ได้รับการผ่าตัดคลอดทางหน้าท้อง จึงมีโอกาสตกเลือดมากขึ้น
    - - การขาดออกซิเจน การบาดเจ็บจากปลายมีดขณะผ่าตัดกรีดผนังมดลูก หรือได้รับบาดเจ็บในกรณีที่ใช้คีมช่วยนำศีรษะทารกออกจากอุ้งเชิงกราน มีโอกาสเกิดปัญหาของระบบทางเดินหายใจ เนื่องจากทางเดินหายใจของทารกไม่ผ่านกลไกการบีบรัดจากหนทางคลอด ทารกจึงมีโอกาสสำลักน้ำคร่ำขณะนำทารกออกมาจากโพรงมดลูก
- - - - รกและเยื่อหุ้มรก ทำคลอดรกด้วยวิธี Manual movement (การล้วงรก)
  - - - A1: เมื่อมดลูกมีการหดรัดตัวถี่ขึ้นและรุนแรงมากขึ้น ส่งผลต่อการไหลเวียนเลือดไปสู่รกได้ไม่เพียงพอ ทำให้ทารกในครรภ์ขาดออกซิเจน ร่างกายทารกตอบสนองโดยการเพิ่มการเต้นของหัวใจ เพื่อให้ออกซิเจนไปเลี้ยงสมองและเซลล์อย่างเพียงพอ และเมื่อมีภาวะขาดออกซิเจนเป็นเวลานาน ทารกมีการเผาพลาญแบบไม่ใช้ออกซิเจน ทำให้เกิดกรดคั่งในร่างกาย ส่งผลให้ aortic chemoreceptor ถูกกระตุ้น หัวใจจะเต้นเร็วยิ่งขึ้น มีการหดตัวของหลอดเลือดส่วนปลาย แรงต้านในหลอดเลือดที่ปอดเพิ่มขึ้น เพื่อให้เลือดไปสมอง หัวใจ ไต และรกมากขึ้น หากไม่ได้รับการแก้ไข การไหลเวียนจะช้าลง และหัวใจหยุดเต้นในที่สุด (นันทพร แสนศิริพันธ์, 2560)
      - ข้อมูลสนับสนุน
        
        O : 14.00 Interval 2’40” Duration 40’’ Severity ++ Pain Score 5 คะแนน
        
        O : 15.00 Interval 2’-3’ Duration 45’’ Severity ++ Pain Score 5 คะแนน
        
        O : 16.00 Interval 2’-3’ Duration 45’’ Severity ++ Pain Score 5 คะแนน
    - - ข้อมูลสนับสนุน
        
        O: ทารกแรกเกิด APGAR score 9-10-10คะแนน
        
        O: APGAR นาทีที่ 1 ได้ 9 คะแนน เขียวปลายมือปลายเท้า
        
        O: ทารกแรกเกิดยังมีน้ำคร่ำในปาก และจมูก
        
        O: ทารกแรกเกิดยังไม่สามารถสารคัดหลั่งหรือน้ำคร่ำออกได้เอง
      - A1: ทารกแรกคลอด ทันทีที่คลอดออกมาก็จะเริ่มมีการหายใจเอง โดยมีปอดทำหน้าที่ในการแลกเปลี่ยนก๊าซ ปกติทารกแรกเกิดจะหายใจภายใน 1 นาทีหลังคลอด สิ่งสำคัญต่อการมีชีวิตรอดประการแรกของทารกแรกเกิด คือการที่ทารกสามารถหายใจครั้งแรกได้สำเร็จ โดยศูนย์ควบคุมการหายใจ (Respiratory Center ) ในสมองส่วน Medulla จะถูกกระตุ้นโดยอาศัยปัจจัยต่างๆ (ชฎารัตน์ แก้วเวียงเดช, 2565)
    - - ข้อมูลสนับสนุน
        
        O: พื้นที่ผิวกายของทารกมากเมื่อเทียบกับน้ำหนักตัว
        
        O: ไขมันเสียน้ำตาลมีน้อยจึงสูญเสียความร้อนได้ง่าย
        
        O: ศูนย์ควบคุม Hypothalamus ยังเจริญเติบโตไม่เต็มที่
      - A1 : ทารกแรกเกิดจะมีการเปลี่ยนแปลงของอุณหภูมิกายตามสิ่งแวดล้อม ถ้าทารกอยู่ในที่ที่มีอุณหภูมิต่ำหรือสูงก็จะมีอุณหภูมิของร่างกายต่ำหรือสูงตามไปด้วย ทั้งนี้เพราะทารกมีความสามารถจำกัดในการปรับตัวเพื่อรักษาระดับอุณหภูมิกายให้คงที่ส่งผลให้อุณหภูมิแกนกลางของร่างกาย (core body temperature) มีการเปลี่ยนไปตามอุณหภูมิสิ่งแวดล้อมที่เปลี่ยนไป โดยอาศัยประสาทรับความรู้สึก (thermo receptor) ศูนย์ควบคุมอุณหภูมิในไฮโปธาลามัส และอวัยวะต่างๆ ระบบที่ถูกกระทบจะมีการตอบสนองโดยการขยายหรือมีการหดรัดตัวของหลอดเลือดมีการเปลี่ยนแปลงของอัตราการเผาผลาญมีการขับเหงื่อและการหนาวสั่น ซึ่งประสาทรับความรู้สึกมีอยู่ทั่วไปใต้ผิวหนังแต่ประสาทรับความรู้สึกเย็น (Cold receptor) พบได้มากบริเวณใบหน้ามือมากกว่าบริเวณอื่นๆ และยังพบบริเวณลิ้นอวัยวะทางเดินหายใจไขสันหลัง และที่ไฮโปธาลามัสเองเมื่อได้รับความเย็นจึงมีการตอบสนองมากบริเวณเหล่านี้ (พรทิพย์ ศิริบูรณ์พิพัฒนา, 2560)
    - - ข้อมูลสนับสนุน
        
        O: ทารกแรกเกิด หลังคลอดไม่เกิน 24 ชั่วโมง
        
        O: สะดือของทารกเป็นสะดือเปียกยังไม่หลุด
        
        O: ตาของทารกมีการเปื้อนสารคัดหลั่ง
      - A: ทารกแรกเกิดมี neutrophil storage pool ต่ำกว่าผู้ใหญ่ เมื่อได้รับเชื้อโรคเข้าสู่ร่างกายทารกไม่สามารถสร้าง neutrophil และ macrophage ขึ้นใหม่จาก stem cell ได้ จึงทำให้ neutrophil ซึ่งมีน้อยอยู่แล้วถูกใช้หมดไป ยิ่งกว่านั้น neutrophil ของทารกแรกเกิด ยังมีความผิดปกติในเชิงคุณภาพด้วยโดยเฉพาะในขณะเกิดการติดเชื้อหรือภาวะ stress immunoglobulin จากมารดาผ่านทาง placenta หยุดลง ส่วน IgA และ IgM ก็ลดต่ำลงด้วยเนื่องจากผ่าน placenta ได้น้อย ดังนั้นทารกแรกเกิดจึงเสี่ยงต่อการติดเชื้อแบคทีเรียได้ง่าย (ปิยะนุช ชูโต, 2554)
    - - ข้อมูลสนับสนุน
        
        O: ทารกแรกเกิดระยะ 24 ชั่วโมงแรกปัจจัยการแข็งตัวเลือดยังไม่สมบูรณ์
      - A1: ภาวะเลือดออกง่าย หมายถึง การมีเลือดออกง่าย เนื่องจากมีการผิดปกติในกลไกของการห้ามเลือด ได้แก่ ความผิดปกติของผนังหลอดเลือด ปริมาณ และคุณภาพของเกล็ดเลือด ปัจจัยการแข็งตัวของเลือด เลือดออกง่ายในทารกแรกเกิดสัมพันธ์กับการขาด vitamin K dependent factor ได้แก่ factor II, VII, IX, X ดังนั้นหากขาดวิตามิน K ทำให้แคลเซียมไม่สามารถจับกับ factor ได้ ส่งผลให้กระบวนการการแข็งตัวของเลือดลดลง (ณัฐฐิณี ศรีสันติโรจน์, 2556) ในทารกทุกรายได้รับ vitamin K ไม่เพียงพอ และในทารกรายนี้ยังไม่ได้นมแม่ทันทีหลังคลอดทำให้ได้รับ vitamin K ที่อยู่ในน้ำนมไม่เพียงพอ จึงได้รับ vitamin K (ณัฐฐิณี ศรีสันติโรจน์, 2556).
- - - - Fern test เป็นทดสอบโดยนำน้ำในช่องคลอดป้ายลงบนแผ่นสไลด์ ทิ้งไว้ให้แห้ง แล้วส่องดูด้วยกล้องจุลทรรศน์ให้ผลบวกเมื่อพบผลึกรูปใบเฟิร์น ซึ่งเกิดจากส่วนประกอบของ electrolytes โดยเฉพาะ NaCl ที่แห้งแล้วจับตัวเป็นผนึก อาจพบผลลบลวงได้ในกรณีที่มีการปนเปื้อนของมูก เลือด ขี้เทา หรือน้ำยาหล่อลื่น
      - Nitrazine paper test เป็นการทดสอบความกรด-ด่าง โดยน้ำในช่องคลอดมีฤทธิ์เป็นกรดและมี pH< 4.5 (3.8-4.2) และมูกที่ปากมดลูกและปัสสาวะมี pH 4.5 – 6.0 ซึ่งให้ผลลบโดยกระดาษไนตราซีนสีเหลืองจะไม่เปลี่ยนสีหรือเปลี่ยนเป็นสีเขียว ส่วนน้ำคร่ำมีฤทธิ์เป็นด่างและมี Ph 7.0-7.3 ซึ่งให้ผลบวก คือกระดาษเปลี่ยนเป็นสีน้ำเงินหรือสีกรมท่า การตรวจวิธีนี้เป็นผลลวงเกิดจากการปนเปื้อนของเลือด น้ำอสุจิ สบู่หรือน้ำยา หรือการติดเชื้อที่มีฤทธิ์เป็นด่าง ส่วนผลลบลวงเกินจากน้ำในช่องคลอดมีมากจนน้ำคร่ำเจือจางหรือน้ำคร่ำที่ใช้ทดสอบมีปริมาณน้อยมาก
      - Nile blue test เป็นการตรวจดูเซลล์ไขมันของทารกในครรภ์ โดยนำในช่องคลอด 1 หยดผสมกับ 0.1 % Nile blue test sulfate 1 หยด ใส่ลงบนสไลด์ ปิดด้วย cover slip ลนไฟเล็กน้อยแล้วส่องดูด้วยกล้องจุลทรรศน์ ถ้าเป็นน้ำคร่ำจะพบเซลล์ไขมันในทารกติดสีแสดไม่มี nucleus ส่วนเซลล์อื่น ๆ ติดสีน้ำเงิน การทดสอบวิธีนี้ไม่มีผลบวกลวง แต่อาจมีผลลบลวงได้ในกรณีอายุครรภ์น้อยกว่า 32 – 34 สัปดาห์ เนื่องจากเซลล์ไขมันของทารกมีน้อย
        
        .ในเคสนี้ไม่ได้รับการตรวจ
      - การตรวจคลื่นเสียงความถี่สูง ถ้าตรวจพบน้ำคร่ำมีปริมาณน้อยมาก หรือน้ำคร่ำแห้ง ร่วมกับมประวัติถุงน้ำคร่ำแตกอย่างชัดเจนจะช่วยยืนยันการวินิจฉัย หากปริมาณน้ำคร่ำลดลงไม่มากจะวินิจฉัยได้ยาก เนื่องจากอาจเกิดจากสาเหตุอื่น
        
        ในเคสนี้ไม่ได้รับการตรวจ
  - - - 1.1 การซักประวัติ ซักถามเกี่ยวกับ ลักษณะสี กลิ่น และปริมาณของนำคร่ำที่ไหลออกมา เพื่อวินิจฉัยแยกจากน้ำในปัสสาวะน้ำหรือเมือกในช่องคลอด หรือมูกจากปากมดลูก
        
        จาการสอบถาม มารดาบอกว่ามีน้ำไหลออกทางช่องคลอดมีสีใส ไม่มีกลิ่น
      - 1.2 วันเวลาและสถานที่ถุงน้ำคร่ำแตก เพื่อประเมินระยะเวลา และโอกาสที่จะติดเชื้อ
        
        เวลาในการแตกของถุงน้ำคร่ำ 21.30 น.
      - 1.3 อายุครรภ์ เพื่อประเมินความสมบูรณ์ของปอดทารก และโอกาสเกิดภาวะแทรกซ้อนอื่น
        
        มารดามีอายุครรภ์ 38+6 สัปดาห์
      - ใช้วิธีการ sterile speculum exam และตรวจยืนยันการทำ Nitrazine test และfern test
    - - มารดามีอายุครรภ์ 38+6 สัปดาห์ ซึ่งแพทย์พิจารณาให้คลอดเอง
    - - ในเคสนี้ไม่ได้ตรวจ
    - - ในเคสนี้แพทย์ได้พิจารณาให้การชักนำการคลอดเป็น 5%DN/2 1000 ml + synto 10 unit vein drip 6 cc/hr. tritrae ทุก 30 นาทีL
        
        การชักนำการคลอด
        
        ข้อบ่งชี้ (สุภาพ ไทยแท้, 2555)
        
        ด้านมารดา
        
        ภาวะความดันโลหิตสูงขณะตั้งครรภ์ โดยเฉพาะภาวะครรภ์เป็นพิษชนิดรุนแรง หรือภาวะชัก
        
        มารดามีความดันโลหิตสูงอยู่ในระดับปกติ
        
        2.ภาวะครรภ์เกินกำหนด
        
        มารดาอายุครรภ์ 38+6 สัปดาห์
        
        ภาวะถุงน้ำคร่ำแตกหรือรั่วก่อนอายุครรภ์ครบกำหนด
        
        มารดามีอายุครรภ์ครบกำหนด
        
        ภาวะติดเชื้อในน้ำคร่ำ
        
        ไม่มีภาวะติดเชื้อ
        
        5.ภาวะน้ำคร่ำน้อย
        
        ไม่มี
        
        ภาวะรกลอกตัวก่อนกำหนด
        
        ไม่มี
        
        ภาวะแทรกซ้อนทางอายุรกรรมของมารดา เช่น โรคเบาหวาน โรคหัวใจ โรคความดันโลหิตสูง รวมถึงมารดาที่เป็นโรคมะเร็งและต้องได้รับการรักษาด้วยเคมีบำบัดหรือรังสีรักษาเร่งด่วน
        
        ไม่มีภาวะแทรกซ้อนในอายุรกรรม
        
        ทารก
        
        ทารกเสียชีวิตในครรภ์
        
        ทารกในครรภ์เป็นโรคที่ต้องได้รับการรักษา เช่น
        เลือดตกตะกอนในทารก จากการไม่เข้ากันของหมู่เลือด
        
        ทารกพิการแต่กำเนิดในครรภ์ที่ไม่สามารถมีชีวิตอยู่ได้ ควรตั้งครรภ์ยุติลงเนื่องจากผู้คลอดจะมีความวิตกกังวลและทุกข์ใจที่จะตั้งครรภ์ต่อไป
        
        ทารกในครรภ์มีสุขภาพไม่แข็งแรง เช่น ทารกเจริญเติบโตช้าในครรภ์
        
        ใน case นี้ ไม่มีข้อบ่งชี้
        
        ข้อห้าม
        (สุภาพ ไทยแท้, 2555)
        
        2 แบบ
        
        ไม่ควรชักนำให้เกิดการเจ็บครรภ์โดยเด็ดขาด
        
        ภาวะไม่ได้สัดส่วนระหว่างศรีษะของทารกและช่องเชิงกรานของผู้คลอด (cephalopelvic disproportion )
        
        ภาวะสายสะดือย้อย (prolapsed cord)
        
        ภาวะมีเส้นเลือดทอดต่ำหรือผ่านปากมดลูก (vasa Previa)
        
        ทารกในครรภ์อยู่ในท่าผิดปกติ
        
        มีประวัติเคยผ่าตัดคลอดบุตรชนิดดั้งเดิม (classical cesarean section)
        
        มีประวัติผ่ามดลูกมาก่อน
        
        โรคเริมขณะตั้งครรภ์
        
        มีก้อนเนื้อในอุ้งเชิงกรานที่ขัดขวางการคลอด
        
        2.อาจชักนำให้เกิดการเจ็บครรภ์ได้ถ้ามีความจำเป็น
        
        ทารกในครรภ์มีก้นเป็นส่วนนำ
        
        ครรภ์แฝด (multifetal pregnancy)
        
        ครรภ์แฝดน้ำ (polyhydramios)
        
        เคยคลอดบุตรมาแล้ว 5 ครั้ง
        
        มีประวัติผ่าตัดคลอดบุตรที่มีแผลบริเวณมดลูกเป็นแนวขวาง
        
        กรณีที่สงสัยว่าทารกในครรภ์มีภาวะเครียด
        
        มารดาไม่มีข้อห้ามในการชักนำการคลอด
        
        ปัจจัยที่มีผลต่อความสำเร็จของการชักนำการคลอด (ศิริวรรณ แสงอินทร์, 2557)
        
        อายุครรภ์ พบว่า ความสำเร็จของการชักนำการคลอดขึ้นอยู่กับอายุครรภ์ที่เพิ่มขึ้น ทำให้มดลูกและปากมดลูกมีความพร้อมต่อการคลอดเพิ่มมากขึ้น
        
        มารดามีอายุครรภ์ 38+6 สัปดาห์
        
        จำนวนครั้งของการตั้งครรภ์และการคลอดบุตร พบว่าผู้คลอดที่เคยคลอดบุตรมาก่อนจะพบความสำเร็จของการชักนำให้เกิดการเจ็บครรภ์มากกว่าผู้คลอดที่ไม่เคยคลอดบุตรมาก่อน (สุภาพ ไทยแท้, 2555)
        
        มารดาตั้งครรภ์ครั้งแรก
        
        จำนวนครั้งของการตั้งครรภ์และการคลอด มารดาหลังคลอดปากมดลูกมักจะนุ่มและเปิดขยายบ้างแล้วเมื่อเปรียบเทียบกับมารดาครรภ์แรก ทำให้ง่ายต่อการกระตุ้น (ศิริวรรณ แสงอินทร์ ,2557)
        
        ความพร้อมของปากมดลูกและระดับของส่วนนำ การประเมินความพร้อมของปาดมดลูกและระดับของส่วนนำเป็นปัจจัยสำคัญที่สุดในการบอกความสำเร็จของการชักนำการคลอดวิธีที่นิยมใช้โดยทั่วไป คือ การประเมินสภาพก่อนการเจ็บครรภ์โดยใช้ระบบการให้คะแนนของ Bishop (ศิริวรรณ แสงอินทร์, 2557)
        
        ในมารดารายนี้ ได้ Bishop ได้ = 4 คะแนน
        
        หากได้คะแนนตั้งแต่ 9 คะแนน จากคะแนนเต็ม 13 คะแนน แสดงว่าปากมดลูกพร้อมต่อการคลอด การชักนำการคลอดมีโอกาสสำเร็จสูง (ศิริวรรณ แสงอินทร์, 2557)
        
        คะแนนทั้งหมด
        9 คะแนนขึ้นไป จะชักนำการคลอดได้สำเร็จทุกราย
        5-8 คะแนน จะชักนำการคลอดได้สำเร็จร้อยล่ะ 95.2
        0-4 คะแนน จะชักนำการคลอดได้สำเร็จร้อยละ 80.5
        (สุภาพ ไทยแท้, 2555)
        
        ประเมินได้ การเปิดของปากมดลูก 1 cms. ความบางของปากมดลูก 50 % ระดับของส่วนนำ -1 ความนุ่มของปากมดลูก แข็ง ตำแหน่งของปากมดลูก ด้านหลัง
        
        การให้
        
        ใช้ในการชักนำการคลอดและการเร่งคลอดที่มีความก้าวหน้าของการคลอดล่าช้า (สุภาพ ไทยแท้, 2555)
        
        ข้อบ่งชี้
        
        สงสัยว่าทารกในครรภ์อยู่ในภาวะอันตราย เช่น ทารกเจริญเติบโตช้าในครรภ์
        
        มดลูกหดรัดตัวไม่ดี
        
        ภาวะถุงน้ำคร่ำแตกก่อนกำหนด
        
        มารดารายนี้มีอายุครรภ์ 38+6 สัปดาห์ มีภาวะถุงน้ำคร่ำแตกก่อนกำหนดเมื่อวันที่ 8 กรกฏาคม 2566 เวลา 21.30 น.
        
        มารดเล่าว่า มีน้ำใส ๆ ไหลออกทางช่องคลอด
        
        การตั้งครรภ์เกินกำหนด
        
        การติดเชื้อของถุงน้ำคร่ำ
        
        เสี่ยงต่อภาวะแทรกซ้อนจากการได้รับยา syntocinon
    - - ไม่ได้ทำเนื่องจากเคสนี้เป็นมารดามีอายุครรภ์ 38+6 สัปดาห์
        ซึ่งในเคสนี้มารดามีอายุครรภ์เกิน 37 สัปดาห์
    - - ในเคสนี้แพทย์สั่งให้ Ampicillin 2 gm vein stat เนื่องจากมีภาวะน้ำคร่ำแตก 18 ชั่วโมง แล้วก็
        
        PV Cx. Dilate 1 cm eff 50% MR station -1 I=2-3' D=40-45"
      - ในมารดารายนี้ 5 ชั่วโมงก่อนมาโรงพยาบาลมารดามีน้ำใส ๆ ไหลออกทางช่องคลอด ร่วมกับท้องปั้นแข็งเป็นช่วง ๆ ไปตรวจที่โรงพยาบาลปากคาด Fern test Neg ไม่สบายใจขอมารับการรักษาที่โรงพยาบาลบึงกาฬ มา Admit ที่ LR เวลา 02.30 น.
        
        เสี่ยงต่อภาวะติดเชื้อเนื่องจากมีภาวะถุงน้ำคร่ำแตกเป็นระยะเวลานาน
        
        S : มารดาให้ประวัติว่า “มีน้ำไหลทางออกช่องคลอด ก่อนมาโรงพยาบาล 5 ชั่วโมง”
        
        O : Fern test Negative
        
        O : WBC 8,400 /cu.mm.
  - - - มีโอกาสติดเชื้อในโพรงมดลูกและถุงน้ำคร่ำ การติดเชื้อถุงน้ำคร่ำ การติดเชื้อในกระแสเลือด เพิ่มอุบัติการณ์การผ่าตัดคลอด
        ภาวะติดเชื้อของมดลูก (ฉวี เบาทรวง, 2560)
      - เพิ่มความเสี่ยงต่อการติดเชื้อ เช่น ถุงน้ำคร่ำอักเสบ มดลูกอักเสบ การติดเชื้อในกระแสเลือด ความเสี่ยงนี้จะเพิ่มขึ้นตามระยะเวลาของการมีถุงน้ำคร่ำแตก
        (สุภาพ ไทยแท้, 2555)
    - - การติดเชื้อในกรแสเลือด กลุ่มอาการผิดปกติต่าง ๆ ของทารก ภาวะขาดออกซิเจน (asphyxia) จากการสายสะดือถูกกดเนื่องจากน้ำคร่ำน้อย สายสะดือย้อย (prolapsed cord ) พบได้มากในรายที่ศรีษะทารกมีขนาดเล็ก การคลอดก่อนกำหนด ทารกมีปัญหาเรื่องปอดเจริญไม่เต็มที่ ภาวะเลือดออกในสมอง มีผลทำให้ทานกเสียชีวิตภายหลังคลอดได้ หากถุงน้ำคร่ำแตกก่อนอายุครรภ์ครบ 24 สัปดาห์ หลัง 24 สัปดาห์ ทารกมีโอกาสเกิดภาวะดังกล่าวน้อย
        (สุภาพ ไทยแท้,2555)
      - การติดเชื้อของทารกในครรภ์และทารกแรกเกิด การติดเชื้อในกระเลือด กลุ่มอาการผิดปกติของทารก ภาวะ hypoxia ภาวะ perinatal asphyxia เนื่องจากน้ำคร่ำน้อย สายสะดือถูกกด การติดเชื้อ การคลอดก่อนกำหนด ภาวะแทรกซ้อนของการคลอดก่อนกำหนด ได้แก่ อาการหายใจลำบาก (ฉวี เบาทรวง, 2560)
- - - - O : 14.00 Interval 2’40” Duration 40’’ Severity ++ Pain Score 5 คะแนน
      - O : 15.00 Interval 2’-3’ Duration 45’’ Severity ++ Pain Score 5 คะแนน
      - O : 16.00 Interval 2’-3’ Duration 45’’ Severity ++ Pain Score 5 คะแนน
      - O : จากการสังเกตพบว่า ขณะที่มดลูกหดรัดตัว มารดามีสีหน้าแสดงถึงความเจ็บปวด ท่าทางกระสับกระส่าย บิดตัวไปมา เกร็งตัว มีหน้านิ่วคิ้วขมวด
      - A1: : เมื่อปลายประสาทมีความเจ็บปวด ใยประสาทรับความรู้สึกเข้าสู่ระบบควบคุมประตูมาที่บริเวณ Dorsal horn และ SG cell ของไขสันหลัง ส่งไปที่ T cell ทำหน้าที่ควบคุมการเปิดหรือปิดประตู หากใยประสาทขนาดเล็กมีมากกว่าใยประสาทขนาดใหญ่จะทำให้ประตูควบคุมความเจ็บปวดที่ไขสันหลังเปิดรับสัญญาณความปวด โดยมี T-cell ส่งสัญญาณไปสมอง , Lateral spinothalamic tract , Thalamus , Cerebral cortex , Limbic system และ Brain stem ทำหน้าที่แปลความรู้สึกปวดส่งผ่านกลับมาผิวหนัง จึงทำให้รู้สึกเจ็บปวด (จันทรรัตน์ เจริญสันติ, 2561) โดยความเจ็บปวดจะส่งผลให้ผู้คลอดเกิดความไม่สุขสบายขณะรอคลอด
      - A2: ทฤษฎีการกระตุ้นของฮอร์โมน Oxytocin (Oxytocin stimuli Theory) ในระยะท้ายๆของการตั้งครรภ์ก่อนที่จะเข้าสู่ระยะคลอด จะมีฮอร์โมน Oxytocin เล็กน้อยในกระแสเลือดและจะเพิ่มมากยิ่งขึ้นในปลายระยะที่ 1 ของการคลอด เมื่อมีการเคลื่อนต่ำของส่วนนำกดปากมดลูกจะมีการหลั่ง oxytocin มาจาก Posterior pituitary gland โดยจะมีตัว receptor ที่บริเวณผนังมดลูกซึ่งจะมีเพิ่มขึ้นตามอายุครรภ์ที่มากขึ้น ซึ่ง oxytocin มีคุณสมบัติกระตุ้นและเพิ่มการหดรัดตัวของมดลูก (มาลีวัล เลิศสาครศิริ, 2558) จากกรณีศึกษามารดาอายุครรภ์ 38 สัปดาห์ ซึ่งจะมีอาการเจ็บครรภ์ถี่มากขึ้นเรื่อย ๆ ตามการหดรัดตัวของมดลูกจนทำให้เกิดการคลอดปกติ ซึ่งเป็นไปตามทฤษฎีที่กล่าวมาข้างต้น
      - A3: prostaglandin synthesis theory ซึ่งทฤษฎีนี้เชื่อว่าจากการที่ progesterone ที่ลดลงส่งผลและระดับ estrogen ที่เพิ่มขึ้นกระตุ้นให้มีการสร้าง prostaglandin ซึ่ง prostaglandin มีผลต่อปากมดลูกและทำให้มดลูกหดรัดตัวทำให้มารดาเกิดอาการเจ็บครรภ์คลอด (จันทรรัตน์ เจริญสันติ, 2560)
    - - S: ผู้คลอดบอกว่าก็ยังมีความกังวลเรื่องการผ่าตัดคลอดพราะหมอ พยาบาลบอกว่าการผ่าตัดคลอดมีภาวะแทรกซ้อนเยอะกว่าการคลอดธรรมชาติ
        O : จากการสังเกต ผู้คลอดมีสีหน้าท่าทางวิตกกังวล
      - A1: ความวิตกกังวลเป็นเรื่องธรรมชาติอย่างหนึ่งที่พบได้เป็นปกติของมนุษย์เพื่อเตรียมความพร้อมในการเผชิญปัญหาหรือสถานการณ์ความเครียดต่างเป็นสภาวะทางอารมณ์ของบุคคลที่มีความรู้สึกว่า หวาดหวั่น หวาดกลัว อึดอัด บุคคลเกิดอารมณ์ไม่สบายใจ กระวนกระวายใจ ท้อแท้ ซึ่งในมารดารายนี้มีความวิตกกังวลเกี่ยวกับทารกที่อาจจะคลอดออกมาว่าจะปลอดภัยหรือแข็งแรงดีหรือไม่ดังนั้นมารดารายนี้จึงควรได้รับการอธิบายแผนการรักษาและกิจกรรมการพยาบาลเพื่อให้มารดาเข้าใจและลดความวิตกกังวล (กนิษฐา แก้วดู, 2562)
    - - S : มารดาให้ประวัติว่า “มีน้ำไหลทางออกช่องคลอด ก่อนมาโรงพยาบาล 5 ชั่วโมง”
      - O : Fern test Negative
      - O : WBC 9,000 /cu.mm.
      - A : ถุงน้ำคร่ำ มีส่วนประกอบเป็น collagens หลายชนิด เชื่อมติดกับชั้น decidua ซึ่งเป็น maternal origin รวมเรียกว่า amniochorial- decidual unit ของ amnion ซึ่งมี trophoblast แทรกอยู่ภายใน ความแข็งแรงและความเหนียวแน่นของถุงน้ำคร่ำเกิดจาก extracellular membrane proteins ได้แก่ collagens, fibronectin และ fibronectin และ laminin ในช่วงแรกของการตั้งครรภ์ ถุงน้ำคร่ำจะแข็งแรงดี ภายหลังเนื้อเยื่อถุงน้ำคร่ำจะถูกยืดออกเนื่องจาก การยืดขยายของปากมดลูก การหดรัดตัวของมดลูก ความดันโนโพรงมดลูก และการเคลื่อนไหวของทารกในครรภ์ ตามปกติถุงน้ำคร่ำจะแตกเอง ช่วงปลายระยะที่ 1 ต่อระยะที่ 2 ของการคลอด ตามการเปิดขยายของปากมดลูก และตำแหน่งที่รั่วหรือแตกบ่อย คือบริเวณที่ใกล้กับปวกมดลูก อธิบายได้ว่ามีกลไกบางอย่างทำให้เกิดถุงน้ำคร่ำอ่อนแอหรือเปราะบาง โดยเฉพาะการอักเสบติดเชื้อของถุงน้ำคร่ำซึ่งเกิดจากการะบวนการย่อยสลายของโปรตีน ทำให้ความแข็งแรงและความยืดหยุ่นของถุงน้ำลดลง และตำแหน่งที่ถุงน้ำคร่ำแตกพบว่า มีคอลลาเจนลดลง อาจทำให้ความแข็งแรงในการตึงตัวของถุงน้ำลดลง (นันทพร แสนศิริพันธ์, 2560)
  - - - O: มารดาได้รับการผ่าตัดคลอดทางหน้าท้อง
      - O : Blood loss 400 CC
      - O : แผลผ่าตัดที่หน้าท้อง : Low cervical cesarean
      - O : แผลผ่าตัดที่มดลูก : Low Transverse cesarean section
      - A1 : ภาวะตกเลือดหลังคลอด หมายถึง การเสียเลือดมากกว่าหรือเท่ากับ 500 มิลลิลิตรจากกระบวนการ คลอดปกติและมากกว่าหรือเท่ากับ 1,000 มิลลิลิตร จากการผ่าตัดคลอด เมื่อเกิดภาวะตกเลือดทำให้เกิดการสูญเสียเลือดปริมาณมากส่งผลให้เซลล์ต่าง ๆ ในร่างกายขาดออกซิเจนและเสียสมดุลโดยเฉพาะสมองส่วนไฮโปทาลามัสและต่อมใต้สมองที่ส่งผลต่อฮอร์โมนสำคัญในระยะหลังคลอด ถ้าได้รับการรักษาที่ล่าช้าจะทำให้เกิดภาวะแทรกซ้อนตามมา ได้แก่ Sheehan’s syndrome โลหิตจางรุนแรง ช็อก ทุพพลภาพ และเสียชีวิตได้ (ทิพวรรณ์ เอี่ยมเจริญ, 2560) จากการศึกษาพบว่าภาวะตกเลือดหลังคลอดจากการผ่าตัดคลอดทางหน้าท้องมีอัตราการให้เลือดมากกว่าการคลอดทางช่องคลอด (รุ่งเพ็ชร สุยะเวช และคณะ , 2558) ซึ่งในกรณีศึกษารายนี้ได้รับการผ่าตัดคลอดทางหน้าท้อง จึงมีโอกาสตกเลือดมากขึ้น
    - - O : มารดาได้รับการผ่าตัดคลอดทางหน้าท้องโดยได้รับยาระงับความรู้สึกโดยวิธี spinal block
      - A1 : spinal block เป็นวิธีการระงับความรู้สึกโดยการฉีดยาเข้าสู่ subarachnoid space โดยยาชาจะออกฤทธิ์ที่ spinal nerve และ dorsal ganglion (ที่ spinal cord เอง พบว่า concentration ของยาชาต่ำเกินกว่าจะทำให้เกิด clinical effect) ทำให้เกิดอาการชาและขยับส่วนล่างของร่างกายไม่ได้อยู่ ชั่วระยะเวลาหนึ่ง ตาม dermatome ที่ยาชาออกฤทธิ์ ซึ่งยาชาแต่ละชนิดมีระยะเวลาการออกฤทธิ์ยาวนานแตกต่างกัน
        (พิชยา ไวทยะวิญญ,2556)
      - A2: ภาวะแทรกซ้อนขณะให้ยาระงับ ความรู้สึกทางช่องไขสันหลัง ร้อยละ 69.2 มีภาวะความดันโลหิตต่ำ รองลงมา คือ ภาวะคลื่นไส้อาเจียน อาการคันตามร่างกาย และภาวะหนาวสั่น ตามลำดับ (อนงค์ สายสุด, 2561)
  - - - O : มีแผลในโพรงมดลูก จากการลอกตัวของรก
      - O : แผลผ่าตัดที่หน้าท้อง : Low cervical cesarean
      - O : แผลผ่าตัดที่มดลูก : Low Transverse cesarean section
      - O: EBL 400 cc
      - A1: การฉีกขาดของช่องคลอด เสี่ยงที่จะทำให้เกิดการฉีกขาดของช่องทางคลอด ได้แก่ การตัดฝีเย็บ ปัจจัยที่กล่าวมาข้างต้นมีผลทำให้ช่องทางคลอดได้รับบาดเจ็บเนื่องจากชองทางคลอดเกิดการยืดขยายมากกว่าปกติ ทำให้ช่องทางคลอดเกิดการฉีกขาดลึกเส้นเลือดได้รับการบาดเจ็บและเสียเลือดปริมาณมากจนเกิดการตกเลือดหลังคลอดได้ (ทิพวรรณ์ เอี่ยมเจริญ,2560)
      - A2 : การตกเลือดหลังคลอด เป็นภาวะแทรกซ้อนทางสูติกรรมที่พบได้บ่อย และเป็นสาเหตุการตายของมารดาทั่วโลกมากที่สุด โดยสาเหตุหลักของการตกเลือดที่พบมากที่สุด คือ การหดรัดตัวของมดลูกไม่ดี รองลงมาคือ มีการฉีกขาดของช่องทางคลอด และมีเศษรกค้าง เยื่อหุ้มรก หรือความผิดปกติของการแข็งตัวของเลือด ซึ่งมีปัจจัยเสี่ยงหลายประการที่ส่งเสริมให้เกิดการตกเลือดหลังคลอด (ปิยะวจี ปลื้มใจ, 2560)
    - - S: มารดาให้ข้อมูลว่า “มีอาการปวดแผลผ่าตัดเวลาขยับหรือเคลื่อนไหวร่างกาย”
      - O: ปวดแผล Pain score 5 คะแนน
      - O : แผลผ่าตัดที่หน้าท้อง : Low cervical cesarean
      - O : แผลผ่าตัดที่มดลูก : Low Transverse cesarean section
      - A: การผ่าตัดเป็นสิ่งเร้าเชิงกลทำอันตรายต่อเนื้อเยื่อและเส้นประสาทโดยตรง เมื่อเนื้อเยื่อได้รับอันตรายจะปล่อยสารเคมี เช่น โพรสตาแกลนดิน อีทู ฮิสตามิน ปฏิกิริยาที่เกิดจะเป็นเฉพาะที่บริเวณเนื้อเยื่อ ผ่าตัด สารเคมีเหล่านี้จะไปกระตุ้นปลายประสาทรับความรู้สึกเจ็บปวดให้ไวต่อการกระตุ้น ทำให้เนื้อเยื่อไวต่อ การเจ็บปวดมากขึ้น เมื่อปลายประสาทรับความรู้สึกเจ็บปวดจะนำส่งไปตามใยประสาทขนาดเล็ก และใย ประสาทซีไปยังไขสันหลัง เข้าสู้ระบบควบคุมประตูในบริเวณดอร์ซอล ฮอร์น และส่งสัญญาณประสาทจากไข สันหลังจะนำไปสู่สมองส่วนไฮโปทาลัส ซึ่งเป็นสมองส่วนรับความรู้สึก จึงทำให้เกิดความเจ็บปวด (ภาวดี วิมลพันธุ์, 2558)
    - - O : มารดาได้รับการผ่าตัด คลอดทางหน้าท้อง
      - O : แผลผ่าตัดที่หน้าท้อง : Low cervical cesarean
      - O : แผลผ่าตัดที่มดลูก : Low Transverse cesarean section
      - A: เมื่อรกคลอดแล้ว ตำแหน่งที่รกเกาะจะเป็นตุ่มเล็กๆภายในมีลิ่มเลือดอุดตันอยู่ มีเศษเนื้อตายปะปนเป็นบริเวณเพาะเชื้อที่ดีต่อเชื้อโรคและแพร่กระจายง่าย และภาวะติดเชื้อหลังคลอดหรือการติดเชื้อหลังคลอด (Postpartum infection) เป็นการอักเสบติดเชื้อภายหลังจากการคลอดทางช่องคลอด หรือการผ่าตัดคลอด (ผ่าท้องคลอดบุตร ส่วนมากเกิดจากการติดเชื้อแบคทีเรีย ผู้ป่วยมักมีไข้สูงตั้งแต่ 38 องศาเซลเซียส ขึ้นไป หลังจาก 24 ชั่วโมงของการคลอดบุตร จนถึงประมาณ 10 วันหลังคลอด ทั้งผู้ที่คลอดทางช่องคลอดหรือผ่าตัดคลอด (ประนอม บุพศิริ, 2559)
  - - - O : Bleeding per vagina เปลี่ยน Pad 2 ผืน 50 cc (10/07/66 เวลา 14.00 น.)
      - O : มีแผลในโพรงมดลูก จากการลอกตัวของรก
      - O : ทำคลอดรก โดยวิธี Manaul movement
      - O : แผลผ่าตัดที่หน้าท้อง : Low cervical cesarean
      - O : แผลผ่าตัดที่มดลูก : Low Transverse cesarean section
      - O : EBL 400 cc
      - A1: การฉีกขาดของช่องคลอด เสี่ยงที่จะทำให้เกิดการฉีกขาดของช่องทางคลอด ได้แก่ การตัดฝีเย็บ ปัจจัยที่กล่าวมาข้างต้นมีผลทำให้ช่องทางคลอดได้รับบาดเจ็บเนื่องจากชองทางคลอดเกิดการยืดขยายมากกว่าปกติ ทำให้ช่องทางคลอดเกิดการฉีกขาดลึกเส้นเลือดได้รับการบาดเจ็บและเสียเลือดปริมาณมากจนเกิดการตกเลือดหลังคลอดได้ (ทิพวรรณ์ เอี่ยมเจริญ,2560)
      - A2 : การตกเลือดหลังคลอด เป็นภาวะแทรกซ้อนทางสูติกรรมที่พบได้บ่อย และเป็นสาเหตุการตายของมารดาทั่วโลกมากที่สุด โดยสาเหตุหลักของการตกเลือดที่พบมากที่สุด คือ การหดรัดตัวของมดลูกไม่ดี รองลงมาคือ มีการฉีกขาดของช่องทางคลอด และมีเศษรกค้าง เยื่อหุ้มรก หรือความผิดปกติของการแข็งตัวของเลือด ซึ่งมีปัจจัยเสี่ยงหลายประการที่ส่งเสริมให้เกิดการตกเลือดหลังคลอด (ปิยะวจี ปลื้มใจ, 2560)
      - O : Bleeding per vagina ชุ่ม Pad 75 cc (09/07/66 เวลา 14.00 น.)
    - - O : มารดาได้รับการผ่าตัด คลอดทางหน้าท้อง
        O : แผลผ่าตัดที่มดลูก Low Transverse cesarean section
      - A : หลังจากรกคลอด ตำแหน่งที่รกเกาะจะเป็นแผลที่ยกตัวขึ้นเป็นเป็นสีแดงคล่ำ แผลที่รกเกาะเป็นตุ่มเล็ก ๆ ซึ่งเกิดจากเส้นเลือดมากมายภายในเป็น Thrombin อุดอยู่ บริเวณนี้เป็นแหล่งเพาะเชื้อที่ดีของเชื้อโรค ขณะเดียวกัน decidual ทั้งหมดก็ไวต่อการติดเชื้อแบคทีเรีย รวมทั้งมีแผลผ่าตัดคลอด ซึ่งเป็นอีกช่องทางหนึ่งที่ส่งผลให้เชื้อแบคทีเรียเข้าสู่ร่างกายและกระจายเข้าสู่กระแสเลือดและน้ำเหลือง ทำให้มารดาหลังคลอดมีการติดเชื้อเข้าสู่ร่างกายได้ (สุสัณหา ยิ้มแย้ม, 2560)
    - - O : วันที่ 09/7/66 น้ำนมไหลในระดับ 1 คะแนน
        
        วันที่ 10/7/66 น้ำนมไหลในระดับ 1คะแนน
      - O: ประเมิน LATCH score 9 คะแนน
      - A : การเลี้ยงลูกด้วยนมแม่เป็นสิ่งสำคัญที่จะบรรลุเป้าหมายการพัฒนาอย่างยั่งยืนของประเทศ (SDGs) เนื่องจากเป็นการลงทุนด้านสุขภาพที่คุ้มค่าสำหรับทารกและมารดา เนื่องจากนมแม่ให้สารอาหารที่สำคัญสำหรับการเริ่มต้นชีวิต การป้องกันการตายของเด็กจากโรคติดเชื้อ ลดความเสี่ยงของน้ำหนักเกินและโรคอ้วนในทารก ส่งเสริมพัฒนาการทางสติปัญญาของทารก สำหรับคุณแม่ การเลี้ยงลูกด้วยนมแม่ช่วยป้องกันการเสียชีวิตจากมะเร็งเต้านม ลดความเสี่ยงของโรคเบาหวานและลดอุบัติการณ์ของมะเร็งรังไข่ นอกจากนี้การเลี้ยงลูกด้วยนมแม่เป็นวิธีที่ประหยัด ช่วยบรรเทาความยากจน ส่งเสริมการเจริญเติบโตของเศรษฐกิจของประเทศ ซึ่งเป็นวิธีที่ง่ายในการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่และประหยัดต้นทุน ทำให้ประเทศเจริญก้าวหน้าและเข้มแข็งในการพัฒนาอย่างต่อเนื่องและยั่งยืน (ขนิษฐา เมฆกมล, 2561)
- - - - ไม่ควรผ่าท้องทำคลอดก่อน 15 ชั่วโมง
        
        ในมารดารายนี้มีภาวะน้ำเดินรวม 18 ชั่วโมง แล้วได้รับการชักนำการคลอด 9 ชั่วโมง
        
        อายุครรภ์ตั้งแต่ 37 สัปดาห์ขึ้นไป ภายหลังถุงน้ำคร่ำแตก 12 ชั่วโมง ถ้ายังไม่มีอาการเจ็บครรภ์ ควรตรวจภาพในเพื่อดูสภาพของปากมดลูกและส่วนนำของทารก ต่อการนั้นให้ชักนำการคลอดโดยใช้ oxytocin หรือผ่าตัดคลอดทางหน้าท้องเมื่อมีข้อบ่งชี้ (สุภาพ ไทยแท้, 2555)
        
        มารดารายนี้ได้ผ่าตัดคลอด
        
        การผ่าคลอดทางหน้าท้อง
        
        ข้อบ่งชี้
        
        2 more items...
        
        ประเภทของการผ่าตัดทางหน้าท้อง
        
        2 more items...
        
        ภาวะแทรกซ้อน
        
        ยาระงับความรู้สึก
        
        4 more items...
        
        ผู้คลอดเสี่ยงต่อภาวะ Hypovolemic shock เนื่องจากการเสียเลือดขณะผ่าตัดคลอดทางหน้าท้อง
        
        4 more items...
      - มีการประเมินความก้าวหน้าของการคลอด
        เวลา 10.00 PV Cx. 1 cm. Eff 50 % stations-1 ถุงน้ำคร่ำ MR
        เวลา 14.00 น. Cx. 1 cm. Eff 50 % stations-1 ถุงน้ำคร่ำ MR