Please enable JavaScript.
Coggle requires JavaScript to display documents.
กำลังการคลอดผิดปกติ Abnormality of power - Coggle Diagram
กำลังการคลอดผิดปกติ Abnormality of power
แรงจากการหดรัดตัวของมดลูก (Force from uterine contraction)
จุดกำเนิดการหดรัดตัวของมดลูกอยู่ที่มุมบนของตัวมดลูก (corun of uterus) ข้างหนึ่ง ตามด้วยอีกข้างในเวลาที่แตกต่างกัน
แรงกระตุ้นจากทั้งสองจุดจะรวมกันมายังตัวมดลูก
ลงสู่ปากมดลูกโดยมีแรงดันจากภายในโพรงมดลูก
โดยปกติมดลูกต้องมีแรงดันอย่างน้อย 15 มิลลิเมตรปรอท
มดลูกหดรัดตัวน้อยกว่าปกติ (Hypotonic uterine dysfunction/
uterine inertia)
หดรัดตัวเป็นจังหวะ แต่การหดรัดตัวไม่แรง
มดลูกยังนุ่มและไม่สามารถทำให้ปากมดลูกเปิดขยายได้
การหดรัดตัวของมดลูกจะห่างออกไป
ความนาน (duration) < 40 นาที ระยะห่าง (Interval) > 3 นาที
ความถี่น้อยกว่า 3 ครั้งใน 10 นาที ความแรง (intensity) น้อย-ปานกลาง
มักเกิดในระยะ active phase โดยเฉพาะในระยะปากมดลูกเปิดเร็ว
(Phase of maximum slope) รวมทั้งในระยะที่สองของการคลอด
สาเหตุ
ภาวะผิดสัดส่วนกันของศีรษะทารกและช่องทางคลอด
ทารกมีส่วนนำและท่าที่ผิดปกติ
มดลูกมีการยืดขยายมากกว่าปกติเช่น การตั้งครรภ์แฝด ครรภ์แฝดน้ำ
การได้รับยาระงับปวดมากเกินไป
การติดเชื้อในน้ำคร่ำและในโพรงมดลูกจากการที่ถุงน้ำคร่ำแตกเป็นเวลานาน
สาเหตุร่วมอื่นๆ เช่น ภาวะเครียดทางจิตใจ การขาดสารน้ำ ความเหนื่อยล้า กระเพาะปัสสาวะเต็ม
ภาวะแทรกซ้อนของมารดา
ตกเลือดหลังคลอดโดยเฉพาะในมารดาครรภ์แฝดหรือครรภ์แฝดน้ำเนื่องจากมดลูกหดรัดตัวไม่ดี
มารดาขาดความมั่นใจ เกิดความวิตกกังวลเนื่องจากการคลอดที่ไม่ก้าวหน้า ปากมดลูกเลยเปิดช้าและส่วนนำไม่เคลื่อนต่ำ
การคลอดใช้เวลายาวนานมารดามีภาวะขาดน้ำและเกิดความเหนื่อยล้า ทำให้เกิดการติดเชื้อในโพรงมดลูก
ภาวะแทรกซ้อนของทารก
อาจเกิดภาวะออกซิเจนและติดเชื้อในกระแสเลือด (neonatal sepsis) จากการใช้เวลาคลอดยาวนาน
แนวทางการรักษา
กระตุ้นให้มดลูกหดรัดตัวดีโดยให้ oxytocin IV drip
จนมดลูกมีการหดรัดตัวทุก 2-3 นาที นานครั้งละ 45 -60 วินาที
ให้ยาระงับปวดในขนาดและเวลาที่เหมาะสม
เจาะถุงน้ำคร่ำในกรณีที่ถุงน้ำคร่ำยังไม่แตกเพื่อกระตุ้นให้มดลูกหดรัดตัวดีขึ้น
การพยาบาล
ประเมินสภาวะที่เหมาะสมต่อการเจาะถุงน้ำคร่ำเร่งคลอด เช่น ปากมดลูกเปิดอย่างน้อย 2 เซนติเมตร
ส่วนนำเข้าช่องเชิงกรานแล้ว เพื่อกระตุ้นให้มดลูกหดรัดตัวดี
ดูแลการได้รับยากระตุ้นการหดรัดตัวของมดลูกตามแผนการรักษาและประเมินภาวะแทรกซ้อนจากการได้รับยา
ติดตามและประเมินเสียงหัวใจทารกอย่างต่อเนื่อง หากพบเสียงหัวใจทารกผิดปกติ จัดให้นอนตะแคงซ้ายดูแลให้ออกชิเจน และรายงานแพทย์
ตรวจภายในเพื่อประเมินความก้าวหน้าของการคลอดทุก 2-4 ชั่วโมง หรือตามข้อบ่งชี้ เช่น มีมูกเลือดออกมามากขึ้น ถุงน้ำคร่ำแตก มารดาอยากเบ่ง
เตรียมมารดาให้พร้อมสำหรับการทำหัตถการหรือการผ่าตัดคลอดทารกทางหน้าท้องในกรณีฉุกเฉิน
เฝ้าระวังภาวะตกเลือดหลังคลอดจากการที่มดลูกหดรัดตัวน้อยกว่าปกติ (atony bleeding)
ดูแลให้กระเพาะปัสสาวะว่าง เนื่องจากกระเพาะปัสสาวะเต็มจะขัดขวางการหดรัดตัวของมดลูกโดยการกระตุ้นให้มารดาถ่ายปัสสาวะทุก 2-4 ชั่วโมง และถ้ามารดาถ่ายปัสสาวะเองไม่ได้ ดูแลสวนปัสสาวะให้
อธิบายให้เข้าใจเกี่ยวกับการคลอดยาวนาน แผนการรักษา การปฏิบัติตัว พร้อมทั้งเปิดโอกาสให้ชักถามข้อสงสัยและระบายความรู้สึกเพื่อลดความกลัวและวิตกกังวล
ดูแลให้มารดาได้รับสารน้ำและอาหารอย่างเพียงพอ
กรณีที่ปากมดลูกยังเปิดไม่หมด ถุงน้ำคร่ำยังไม่แตก และส่วนนำลงช่องเชิงกรานแล้ว ควรกระตุ้นให้ลุกเดินหรือนอนในท่าศีรษะสูง ทำให้มดลูกหดรัดตัวดีขึ้น
มดลูกหดรัดตัวมากกว่าปกติ (Hypertonic uterine dysfunction/incoordinate uterine dysfunction)
การที่มดลูกหดรัดตัวแรง แต่ไม่มีประสิทธิภาพ
กล้ามเนื้อมดลูกในระยะพักมีความตึงตัวมากกว่าปกติ
ไม่มีการหดรัดตัวที่ยอดมดลูก
มารดาจะรู้สึกปวดมาก
ปากมดลูกไม่เปิดขยาย ส่วนนำของทารกไม่เคลื่อนต่ำ
พบในระยะ Latent phase
ภาวะแทรกซ้อนด้านมารดา
อาการเจ็บครรภ์ที่มากกว่าปกติอาจทำให้เกิดภาวะเหนื่อยล้า เลือดไปเลี้ยงมดลูกน้อยลง หากไม่ได้รับการแก้ไขอาจทำให้มีภาวะขาดน้ำภาวะเลือดเป็นกรด และการคลอด
ล่าช้า มดลูกหดรัดตัวไม่ดีหลังคลอด และเกิดการตกเลือดได้
ภาวะแทรกซ้อนด้านทารก
เกิดภาวะขาดออกชิเจนจากการที่ออกชิเจนไปเลี้ยงมดลูกน้อยลง
เกิดก้อนโนที่ศีรษะ หรือก้อนโนเลือด เนื่องจากศีรษะโดนกดเป็นเวลานาน
แนวทางการรักษา
1.ให้ยาระงับปวดเพื่อช่วยให้มารดามีความเจ็บปวดลดลง พักผ่อนได้และทำให้มดลูก
กลับมาหดรัดตัวเป็นปกติ ในรายที่จำเป็นอาจให้ยายับยั้งการเจ็บครรภ์
ให้สารน้ำทางหลอดเลือดดำเพื่อป้องกันภาวะขาดน้ำ
ในรายที่ทารกมีภาวะขาดออกซิเจนควรให้มารดานอนตะแคงซ้ายและให้ออกซิเจน อาจต้องเตรียมผ่าตัดคลอดบุตรทางหน้าท้อง
การหดรัดตัวของมดลูกไม่ประสานกัน
มดลูกหดรัดตัวเป็นรอยคอดพยาธิสภาพ (Pathological retraction ring)
รอดคอดที่เกิดจากมดลูกส่วนบนและล่าง เกิดหลังจาดมดลูกหดรัดตัวถี่ มีระยะพักสั้นเป็นเวลานาน จากการมีสิ่งกีดขวาง ทำให้ทารกในครรภ์์ไม่สามารถเคลื่อนต่ำลงมาสู่ช่องทางคลอดได้ กล้ามเนื้อส่วนล่างถูกยืดขยาย บางตัวลงกล้ามเนื้อมดลูกมีการหดเกร็ง จึงเกิดเป็นรอยคอด
อาการและอาการแสดง
ตรวจพบวงแหวนระหว่างมดลูกส่วนบนและส่วนล่างที่บริเวณหน้าท้องต่ำกว่าระดับสะดือ
อาจคลำพบเอ็นกลมด้านข้างของมดลูกทั้ง 2 ข้างเนื่องจากยอดมดลูกสูงขึ้น
ฟังเสียงหัวใจทารกไม่ได้เนื่องจากมดลูกแข็งตึงตลอดเวลา
มดลูกหดรัดตัวถี่และรุนแรงชี้น ระยะพักสั้นลงจนไม่มีระยะพัก ทำให้มารดามีอาการเจ็บปวดมากเมื่อสัมผัสหน้าท้องส่วนล่างของผู้คลอดจะรู้สึกเจ็บมาก
ตรวจภายในพบการคลอดไม่ก้าวหน้า ส่วนนำของทารกไม่เคลื่อนต่ำ กระดูกศีรษะทารกเกยกันมาก และพบก้อนโนขนาดใหญ่ที่ศีรษะ
แนวทางการรักษา
จำเป็นต้องผ่าตัดคลอดบุตรทางหน้าท้องอย่างเร่งด่วนเพื่อป้องกันมดลูกฉีกขาด ตกเลือดและทารกเสียชีวิต
สาเหตุ
ศีรษะทารกไม่ได้สัดส่วนกับเชิงกรานของมารดา หรือทารกอยู่ในท่าผิดปกติ เช่น ท่าขวาง ท่าหน้าผา
มดลูกหดรัดตัวเป็นวงแหวน ( constriction ring)
อาการและอาการแสดง
มดลูกหดรัดตัวไม่สม่ำเสมอและไม่ประสานกัน มารดาจะรู้สึกเจ็บปวดมากเนื่องจากมดลูกหดรัดตัวแข็งตึงมาก
ในขณะที่มดลูกหดรัดตัว ทารกในครรภ์จะถูกดึงรั้งขึ้นมากกว่าดึงลง
เมื่อตรวจภายในโดยสอดมือเข้าไปคลำในโพรงมดลูกจะคลำพบวงแหวนและหากพบในระยะรกจะพบว่ารกไม่คลอดภายในระยะเวลาที่รกควรจะคลอด
แนวทางการรักษา
การได้รับยาบรรเทาปวดหรือยาระงับความรู้สึกทำให้วงแหวนคลายออกได้แต่หากทารกในครรภ์มีภาวะขาดออกซิเจน อาจให้การรักษาโดยการผ่าตัดคลอดบุตรทางหน้าท้อง
สาเหตุ
พบได้ในรายที่มดลูกถูกกระตุ้นจากการให้ยา oxytocin ภายหลังคลอดทารกแฝดคนแรกแล้ว ภายหลังการหมุนกลับทารกภายในหรือการช่วยทำคลอดทารก
กล้ามเนื้อมดลูกชนิดวงกลมมีการหดรัดตัวไม่คลายเฉพาะที่จนเกิดเป็นวงแหวน (tetanic annular contraction) พบมากบริเวณรอยต่อระหว่างมดลูกส่วนบนและส่วนล่างวงแหวนนี้จะไม่เปลี่ยนตำแหน่งและรัดรอบตัวทารกไว้แน่น ทำให้ไม่สามารถเคลื่อนต่ำลงมาได้
สาเหตุ
สาเหตุที่แท้จริงยังไม่ทราบแน่นอนแต่มักพบในผู้คลอดครรภ์แรกมากกว่าครรภ์หลัง ผู้คลอดที่มีความเครียดและกลัวมาก ๆ ทารกในครรภ์อยู่ในท่าผิดปกติหรือมีภาวะผิดสัดส่วนกันของศีรษะทารกและช่องทางคลอด
แรงจากการเบ่ง (Force from voluntary muscle หรือ Bearing down effort)
แรงเบ่งที่ถูกต้องจะสามารถเพิ่มแรงดันในโพรงมดลูกให้เพิ่มขึ้น 2-3 เท่า มีความสำคัญมากในระยะที่สองของการคลอด
ไม่ถูกวิธีหรือแรงเบ่งน้อย ทำให้ระยะที่สองของการคลอดยาวนาน
เนื่องจากกลไกการเคลื่อนต่ำของทารก (descent) การก้มของศีรษะทารก (Flexion) และการหมุนของส่วนของทารกในช่องเชิงกราน (internal rotation) เกิดขึ้นล่าช้า
สาเหตุ
มารดาไม่มีประสบการณ์เกี่ยวกับการคลอดมาก่อน ทำให้เบ่งไม่ถูกต้องหรือไม่กล้าเบ่งกลัวว่าจะทำให้ฝีเย็บฉีกขาด
มารดาที่ได้รับยาระงับความรู้สึกในระยะคลอดจะลด reflex ทำให้ความรู้สึกอยากเบ่งลดลงหรือไม่มีแต่ไม่ได้ทำให้ความสามารถที่จะหดกล้ามเนื้อหน้าท้องและกระบังลมหายไป มารดายังคงเบ่งได้ถ้าได้รับการสอน พยาบาลจึงควรสอนให้มารดาเบ่งทุกครั้งที่มดลูกหดรัดตัว
มารดาที่มีอาการเหนื่อยล้าจากการคลอดที่ยาวนาน การได้รับสารน้ำและสารอาหารไม่เพียงพอทำให้มารดาไม่มีแรงเบ่ง
ท่าของการเบ่งอาจไม่เอื้อต่อการเคลื่อนต่ำของส่วนนำ ท่าที่ช่วยให้แรงเบ่งเพิ่มขึ้นคือท่าศีรษะและลำตัวสูง (upright position) เช่น ท่านั่งยอง (squating position) ท่านั่งโน้มตัวไปข้างหน้า (leaning forward position)
การมี paralysis ของกล้ามเนื้อหน้าท้องซึ่งอาจเกิดขึ้นภายหลัง poliomyelitis