Please enable JavaScript.
Coggle requires JavaScript to display documents.
โรคเบาหวานในเด็กและวัยรุ่น
Diabetes Mellitus (DM)
พยบ. 1132…
โรคเบาหวานในเด็กและวัยรุ่น
Diabetes Mellitus (DM)
พยบ. 1132 การพยาบาลเด็กและวัยรุ่น
น.ส. ธนัญธรณ์ นวลประสิทธิ์
รหัสนิสิต 65019602
-
การรักษา
-
- การใช้ยา คือ ยาฉีดอินซูลินสำหรับเบาหวานชนิดที่ 1 ซึ่งเด็ก
จำเป็นต้องฉีดอินซูลินวันละอย่างน้อย 3-4 ครั้ง ทุกวันไปตลอดชีวิต และต้องตรวจน้ำตาลปลายนิ้วด้วยตนเอง สำหรับเบาหวานชนิดที่ 2 รักษาด้วยยากินหรือบางรายต้องได้รับการฉีดอินซูลินร่วมด้วย
- การปรับวิถีการดำเนินชีวิต เป็นหัวใจสำคัญและมีความสำคัญอย่างมากในการรักษา
เบาหวานทั้ง 2 ชนิด ผู้ป่วยโรคเบาหวานชนิดที่ 1 ควรทานอาหารตามปริมาณปกติที่ต้องการตามวัย โดยสัดส่วนพลังงานจากคาร์โบไฮเดรตประมาณ ร้อยละ 50
ไขมัน ร้อยละ 30 และโปรตีน ร้อยละ 20 ของพลังงานทั้งหมดที่ได้รับต่อวัน โดยเลือกทานอาหารที่มีคาร์โบไฮเดรตชนิดที่ไม่ทำให้น้ำตาล
ในเลือดขึ้นเร็วเกินไป เช่น อาหารที่มีใยอาหารสูง ข้าวหรือธัญพืชที่ไม่ขัดสี ถั่ว ฝรั่ง แอปเปิ้ล เป็นต้น และควรหลีกเลี่ยงอาหารที่มีรสเค็มจัด หรือมีไขมันสูง ออกกำลังกายสม่ำเสมอ สามารถเล่นกีฬาได้ตามปกติ แต่ต้องมีการปรับลดขนาดอินซูลินหรือเพิ่มมื้ออาหารว่างก่อน
และขณะออกกำลังกายเพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาน้ำตาลต่ำ สำหรับโรคเบาหวานชนิดที่ 2 ต้องมีการปรับวิถีชีวิตความเป็นอยู่ในเรื่องอาหารการกิน ต้องควบคุมอาหารโดยมีเป้าหมายให้น้ำหนักลดลง ในรายที่อ้วนและมีน้ำหนักตัวเหมาะสมกับเพศและวัย ควรหลีกเลี่ยงอาหารที่มีไขมันสูง รวมทั้งหลีกเลี่ยงอาหารฟาสต์ฟู้ดต่าง ๆ และควรออกกำลังกายเป็นประจำ วันละ 30 นาทีถึง 1 ชั่วโมง และลดการอยู่นิ่ง ๆ หรือนอนดูโทรทัศน์ และเล่นเกมคอมพิวเตอร์
เอกสารอ้างอิง
-
เปรมฤดี ภูมิถาวร. (2563). โรคเบาหวานในเด็กและวัยรุ่น.
ภาควิชากุมารเวชศาสตร์. คณะแพทยศาสตร์
โรงพยาบาลรามาธิบดี. มหาวิทยาลัยมหิดล.
ภาคภูมิ เดชหัสดิน. (2566). เช็กให้ดี "หลังคอดำ" ไม่ใช่ขี้ไคลเสมอไป อาจเป็นสัญญาณเตือนเบาหวาน. ไทยรัฐออนไลน์.
-
สุขภาพ (2563). เป็น เบาหวาน อาจ อาการหนัก. ศูนย์บริการข้อมูลข่าวสารและประชาสัมพันธ์. กรมแพทย์ทหารบก.
-
อาการเบื้องต้นของโรคเบาหวาน. (2565). กองโรคไม่ติดต่อ. กรมควบคุมโรค สำนักโรคไม่ติดต่อ. กระทรวงสาธารณสุข.
พยาธิสรีรวิทยา
อินซูลิน —> เป็นฮอร์โมนชนิด Peptide สร้างจากเบต้าเซลล์ของตับอ่อน ทำหน้าที่ควบคุม Metabolism ของคาร์โบไฮเดรต โปรตีนและไขมัน โดยนำกลูโคสในเลือดเข้าสู่เซลล์กล้ามเนื้อ ไขมัน และตับ เพื่อนำไปใช้เป็นพลังงาน สร้าง Triglyceride โดยผ่านกระบวนการ Lipogenesis และสร้าง Glycogen (Glycogenesis) ตามลำดับ นอกจากนี้ฮอร์โมนอินซูลินจะยับยั้งการสร้างกลูโคสจาก
ตับ (Glyconeogenesis) และมีผลต่อการสร้างโปรตีนในเซลล์ต่างๆ
-
โดยปกติร่างกายจะสร้างอินซูลินเพื่อควบคุมระดับน้ำตาลในเลือด
ให้อยู่ในเกณฑ์ปกติ โดยจะมีระดับสูงขึ้นหลังรับประทานอาหารอาหารกลุ่มคาร์โบไฮเดรต และมีระดับต่ำในช่วงที่ไม่ได้กิน (Fasting)
สัญญาณเตือนโรคเบาหวาน
Acanthosis Nigricans —> เป็นภาวะที่ผิวหนังโดยเฉพาะบริเวณคอ รักแร้ ขาหนีบ มีการเปลี่ยนเป็นสีคล้ำและผิวหนามากกว่าปกติ ส่วนใหญ่จะเกิดในคนอ้วน และคนที่มีอินซูลินในร่างกายสูง หรือเสี่ยงจะเป็นเบาหวาน หรือเป็นเบาหวานอยู่แล้ว
โรคเบาหวานเกิดจากความผิดปกติของฮอร์โมนอินซูลิน โดยอาจมีปริมาณไม่เพียงพอหรืออินซูลินทำงานได้น้อยกว่าปกติ เนื่องจากมีภาวะดื้ออินซูลิน (insulin resistance)
“ภาวะดื้อต่ออินซูลิน” (Insulin Resistance) ที่พบได้คืออ้วนมาก (Severe Obesity) และภาวะ Acanthosis Nigricans เป็นรอยดำ หนา ขรุขระ บริเวณคอ บางคนเรียกผิวหนังช้าง พบได้บริเวณคอ รักแร้ ขาหนีบ โดยเฉพาะในคนที่อ้วนมาก
-
-
-
-
2 ป้องกันไม่ให้เกิดภาวะแทรกซ้อนระยะยาว ได้แก่ ภาวะแทรกซ้อนทางไต ทางตา ทางปลายประสาท แผลเรื้อรัง โดยการควบคุมระดับน้ำตาลและ A1C ขึ้นกับวัยของผู้ป่วย เพื่อให้มีความปลอดภัยและสามารถปฏิบัติได้ ผู้เชี่ยวชาญเบาหวานชนิดที่ 1 ทั่วโลก (ADA/ISPAD/IDF)7 มีการพิจารณาปรับเป้าหมายการควบคุม A1C ในผู้ป่วย
เบาหวานชนิดที่ 1 ทุกอายุเป็นค่าเดียวกัน คือ น้อยกว่า 7.5%
ยกเว้นในกรณีที่ผู้ป่วยมีภาวะน้ำตาลในเลือดต่ำบ่อยๆ หรือมีภาวะน้ำตาลต่ำโดยที่ไม่มีอาการเตือน (Hypoglycemia unawareness)
-
4 มีความปกติสุข และคุณภาพชีวิตที่ดี ในกรณีเบาหวานชนิดที่ 2 มักอ้วน ต้องเพิ่มเป้าหมายเรื่อง การควบคุมน้ำหนักให้กลับมาอยู่ในเกณฑ์ที่ปลอดภัยจากโรค
และภาวะแทรกซ้อน
หมายเหตุ
1 เป้าหมายระดับน้ำตาลในเลือดปรับได้ตามบริบทของผู้ป่วยแต่ละราย
2 ปรับเป้าหมาย A1C ให้สูงกว่าเกณฑ์ ในรายที่มีน้ำตาลในเลือดต่ำบ่อย (Hypoglycemia unawareness) ควรตรวจระดับน้ำตาลในเลือดหลังอาหาร (Postprandial blood glucose) หากพบว่าระดับน้ำตาลสะสม (A1C) กับระดับน้ำตาลในเลือดก่อนอาหาร (Pre-prandial blood glucose) ไม่สอดคล้องกัน
ผู้ป่วยเด็กเพศหญิง อายุ 6 ปี 6 เดือน Dx. Type I Diabetes Mellitus, DKA
-
-
-
เกณฑ์การประเมินผล
1 ระดับน้ำตาลในเลือดอยู่ในช่วง 90-180 mg/dL
2 ไม่มีอาการของภาวะน้ำตาลในเลือดสูง เช่น ปัสสาวะบ่อย คอแห้ง กระหายน้ำ คลื่นไส้ อาเจียน ปวดท้อง อ่อนเพลียไม่มีแรง หอบเหนื่อย ลมหายใจมีกลิ่นผลไม้ ชีพจรเต้นเร็ว ความดันโลหิตต่ำ เป็นต้น
กิจกรรมการพยาบาล
1 ดูแลให้ได้รับอินซูลินตามแผนการรักษาของแพทย์ และป้องกันภาวะแทรกซ้อนจากยา
2 ประเมินสภาพเบื้องต้นของการมีภาวะน้ำตาลในเลือดสูง
3 ซักประวัติและเหตุการณ์ก่อนมีอาการน้ำตาลในเลือดสูง หากเป็นผู้ป่วยที่กลับมารับการรักษาซ้ำ เน้นสอบถามข้อมูลเกี่ยวกับพฤติกรรมเสี่ยงต่อการเกิดภาวะน้ำตาล
ในเลือดสูง
4 งดอาหารทางปากในระยะแรก เมื่ออาการดีขึ้นเริ่มให้อาหารเหลวแล้วค่อยๆเปลี่ยนเป็นตาม Step diet
5 จัดสภาพแวดล้อมให้เงียบสงบ เหมาะแก่การพักผ่อน
6 บันทึกสัญญาณชีพ และเฝ้าระวังภาวะน้ำตาลในเลือดสูง
7 สอนวิธีฉีดอินซูลินที่ถูกต้องแก่ผู้ปกครอง
8 ติดตามและประเมินภาวะแทรกซ้อนที่เกิดจากการฉีดอินซูลิน
เช่น การแพ้ หรืออาจเกิดภาวะน้ำตาลในเลือดต่ำ
-
-
-
-
-
-
-
แม้ว่าในปัจจุบัน โรคเบาหวานเป็นโรคที่ยังรักษาไม่หายขาด และมีโอกาสเกิดภาวะแทรกซ้อนได้มาก โดยเฉพาะอย่างยิ่ง หากไม่สามารถควบคุมระดับน้ำตาลในเลือดได้ดีก็อาจ
ส่งผลกระทบต่ออวัยวะต่าง ๆ ของร่างกายได้ แต่การให้ความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับโรค การรักษา การดำเนินโรค รวมทั้งภาวะแทรกซ้อนที่อาจเกิดขึ้น ตลอดจนการมีส่วนร่วมของครอบครัวและโรงเรียน เป็นสิ่งที่มีความสำคัญมากที่จะช่วยให้การรักษาประสบ
ความสำเร็จมากยิ่งขึ้น นอกจากนี้ การที่ผู้ป่วยและครอบครัวได้เข้าร่วมกลุ่มกิจกรรมและพบปะผู้ป่วยโรคเบาหวานด้วยกันจะช่วยปรับแนวคิด ความเข้าใจในโรค และมีกำลังใจในการดูแลเบาหวานด้วยตนเองอย่างถูกต้องเหมาะสม
-
-
-
การวินิจฉัยโรคเบาหวาน
-
1 การให้สารน้ำ —> ประเมินการขาดน้ำที่มีมากกว่าอาการแสดง โดยทั่วไปเด็กที่มีภาวะ DKA มีภาวะขาดน้ำ 5-10% โดยคิดตามเกณฑ์การให้สารน้ำทดแทนตามระดับ Mild, Moderate, Severe วิธีการบริหารสารน้ำมี 3 แนวทางตามแผนการรักษา มีวัตถุประสงค์แก้ไขภาวะช็อก ชดเชย ทดแทน และดูแลสมดุลในร่างกาย
-
-
-กรณีผู้ป่วยไม่มีภาวะช็อก ให้ 0.9% NaCl 10-20 ml/kg ใน 60 นาที (ไม่เกิน 1-1.5 ลิตรวน 1 ชั่วโมงแรกสำหรับเด็กอ้วน) และอาจให้เร็วขึ้นและซ้ำได้จนกว่า Tissue perfusion จะดีขึ้น ส่วนผู้ป่วย mild DKA มัคไม่ต้องให้สารน้ำ สามารถเริ่มตามข้อ 3) ได้เลย
-
-
-กรณีผู้ป่วยมีภาวะช็อก ให้ 0.9% NaCl (NSS) ขนาด 20 ml/kg ทางหลอดเลือดดำใน 15 นาที ถ้ายังมีภาวะช็อกอยู่พิจารณาให้ซ้ำได้
-
1)Holliday-Segar formular: 20 kg, 1,500 ml+20 ml/kg/24 h สำหรับแต่ละ kg ที่ >20 kg
2)Simplified Holiday-segar formul:20 kg, 60+1 ml/kg/h สำหรับแต่ละ kg ที่ > 20 kg
3)Body surface area (BSA)-based (สำหรับน้ำหนักตัว > 10 kg): 1,500 ml/m2/24 h
-
-
-ในการวินิจฉัย จำเป็นต้องนึกเสมอว่าผู้ป่วยเข้าเกณฑ์ DKA หรือไม่ โดยการตรวจระดับสารคีโตนในเลือดหรือปัสสาวะ
-
1 ผู้ที่มีอาการของโรคเบาหวานชัดเจน ได้แก่ หิวน้ำบ่อย ปัสสาวะบ่อย น้ำหนักลด ตรวจพบระดับพลาสมากลูโคส ตั้งแต่ 200 mg/dL ขึ้นไป โดยไม่จำเป็นต้องงดอาหารก่อนตรวจ
2 การตรวจระดับพลาสมากลูโคสตอนเช้า หลังอดอาหารอย่างน้อย 8
ชั่วโมงขึ้นไป มีค่าตั้งแต่ 126 mg/dL ขึ้นไป
-
3 การตรวจความทนต่อกลูโคส (Oral Glucose Tolerance Test; OGTT) พบระดับพลาสมากลูโคส 2 ชั่วโมง หลังดื่มน้ำตาลมีค่าตั้งแต่ 200 mg/dL ขึ้นไป
-
การตรวจทางห้องปฏิบัติการ
นอกจากการตรวจเพื่อยืนยันการวินิจฉัยโรคเบาหวานแล้ว ควรตรวจยืนยันการวินิจฉัยโรคเบาหวานชนิดที่ 1 โดยตรวจ anti-islet autoantibody ได้แก่ IAA, anti-GAD, ICA, anti-IA2 หรือ anti-ZnT8 ซึ่งผู้ป่วยจะพบ Auto Antibody อย่างน้อย 1 ชนิด นอกจากนี้ผู้ป่วยจะมีระดับ insulin และ C-peptide ต่ำหรือวัดไม่ได้
-
-
-
-
-
-
-
-
-
-
-
-
-
-
-
-
-
-
-
-
-
-
-
-
-
-
-
-
-
-
-
-
-
-
-
-
-
-
-
-