Please enable JavaScript.
Coggle requires JavaScript to display documents.
การพยาบาลทารกแรกเกิด : การพยาบาลทารกตั้งแต่ระยะแรกเกิด- 4 สัปดาห์/28…
การพยาบาลทารกแรกเกิด : การพยาบาลทารกตั้งแต่ระยะแรกเกิด- 4 สัปดาห์/28 วันหลังคลอด
การประเมินสภาพทารกแรกแกิด
การปลี่ยนแปลงทางสรีระของทารกแรกเกิด
ระบบหายใจ : มีการปรับตัวเป็นอันดับแรก
การกระตุ้นการหายใจครั้งแรก
ประสาทสัมผัส : การมองเห็น ได้ยิน แสง เสียง ความเจ็บปวด การดูดสารคัดหลั่งในปาก การกระตุ้นให้ร้อง
ภาวะ asphyxia : ขาดออกซิเจน
เป็นสิ่งกระตุ้นการหายใจของทารกที่รุนแรงที่สุด
หลักกลศาสตร์ : เมื่อทารกคลอดผ่านช่องคลอด อกจะถูกบีบรัด ทำให้น้ำคร่ำในปอดถูกบีบออก เมื่อทรวงอกคลอดผ่านออกมาแล้วจะคืนตัวสู่สภาพเดิมทันที อากาศจากภายนอกจะเข้าไปแทนที่
อุณหภูมิ : ทารกตัวเปียกด้วยน้ำคร่ำทำให้อุณหภูมิที่ผิวหนังเย็นทำให้ตัวรับรู้อุณหภูมิถูกกระตุ้นและส่งกระแสประสาทไปยังศูนย์ควบคุมการหายใจ
อัตราการหายใจ 30-60 ครั้ง/นาที เฉลี่ย 40 ครั้ง/นาที
ระบบหัวใจและการไหลเวียนโลหิต
เลือดผ่านเข้าสู่ปอดมากขึ้นและเลือดกลับเข้าหัวใจห้องบนซ้ายเพิ่มขึ้น
ความดันในหัวใจห้องบนซ้ายเพิ่มขึ้น
ดันท่อทางลัด Foramen ovale ปิด
ดันท่อทางลัด Ductus Arteriosus ที่อยู่ระหว่างเส้นเลืดแดงที่ไปปอดกับเส้นเลือดแดงที่ออกจากหัวใจปิด
PR = 100-150 bpm
180 bpm ใน 4 ชม หลังคลอดหลังจากนั้นจะปกติ
เฉลี่ย 140 bpm
ระบบเลือด
physiologic anemia
1-2 เดือนแรกหลังคลอด RBC ที่มี fetal hemoglobin จะถูกทำลายหมดแต่ไขกระดูกที่สร้าง RBC ที่มี adult hemoglobin ไม่ทัน
preterm จะเกิดขึ้นเร็วและรุนแรงกว่า term
blood coagulation
2-3 วันแรกจะมีการแข็งตัวของเลือดช้าเพราะ prothrombin complex ต่ำ (factor 2,7,9,10)
ภาวะเลือดออกง่ายหยุดยาก
coagulation protein จะค่อยเพิ่มขึ้นในสัปดาห์แรกเมื่อได้ Vit K1
plasma volume
ค่าคงที่ = 50ml/kg
วันแรกๆ= 50-60 mmHg
วันที่ 4 = 60-80 mmHg
ระบบขับถ่ายปัสสาวะ
ไตยังพัฒนาไม่ดีพอ
ความสามารถในการกรองและการดูดกลับสารต่างๆ เช่น glucose กรด amino ยังไม่ดี
Dehydration
Moderate : ขาดน้ำ 7-10% ของน้ำหนักตัว
ปากและเยื่อบุต่างๆแห้ง ปัสสาวะน้อยลง มีตาโหล มีกระหม่อมหน้าบุ๋ม ไม่มี skin turgor V/Sผิดปกติ
Severe : ขาดน้ำมากกว่า 10% ของน้ำหนักตัว
ชีพจรไม่สม่ำเสมอ เบาเร็ว ความดันลดลง ช็อค ระดับความรู้สึกตัวซึมลง ปัสสาวะน้อยหรือไม่มีเลย ไตวายเฉียบพลัน (azotemia) ในที่สุด
Mild : ขาดน้ำ 3-5% ของน้ำหนักตัว
ปากและผิวแห้ง ปัสสาวะน้อยลง ไม่มี skin turgor ไม่มีตาโหล ไม่มีกระหม่อมหน้าบุ๋ม
ปัสสาวะทันทีแรกเกิด ไม่เกิน 48 ชม
ใส สีเหลืองอ่อน ไม่มีกลิ่น บางครั้งสีเหลืองอมชมพูจากกรดยูริคสูง
ปัสสาวะตั้งแต่อยู่ในครรภ์ (GA 5 wk)
สร้าง amniotic fluid
การทำงานของไตไม่สมบูรณ์ ดูดกลับน้อย
น้ำหนักลด
ปริมาณปัสสาวะ 30-50 cc/วันใน2-3วันแรก และ200 cc/วันใน wk2
ทารกปัสสาวะบ่อย 10-20 ครั้ง/วัน
ระบบควบคุมอุณหภูมิร่างกาย
ทารกไม่สามารถใช้ glycogen จากกล้ามเนื้อได้ non - shivering thermogenesis
Hypothermia
ทารกจะดิ้นและร้องเพื่อเพิ่มการเผาผลาญ
ใช้ brow fat ที่สะสมไว้มาสลาย glycogen ในตับ
เพิ่ม metabolic rate เกิดความร้อนและนำไปทางกระแสเลือดเข้าเนื้อเยื่อ
ถ้าออกซิเจนไม่พอจะเปลี่ยนการเผาผลาญแบบไม่ใช้ออกซิเจน
1 more item...
core temperature ต่ำกว่า 36.5 องศา
ต่ำกว่า 35 องศาหัวใจ เต้นผิดจังหวะและหยุดทำงาน
enzymes ที่เกี่ยวกับการหายใจระดับเซลล์หยุดทำงาน
อาการ : ผิวหนังเย็น cyanosis หายใจลำบาก มีเสียงกลั้นหายใจ
เลือดเป็นกรด acidosis
การเพิ่มอุณหภูมิกายอย่างเร็ว : ติก skin probe ไว้ที่หน้าท้อง ปรับอุณหภูมิ 36.5 องศาและวัดอุณหภมิทางก้นทุ 15-30 นาที ถ้าถึง 36.5 องศาให้ย้ายเข้าตู้อบ
ระบบอวัยวะอื่นๆได้รับผลกระทบรุนแรง เช่นระบบหายใจ CNS ไตและภาวะ Scleroderma (ผิวหนังแข็ง)
การเปลี่ยนแปลงอุณหภูมิกายที่ควบคุมโดย hypothalamus ทำได้ช้าเพราะยังเจริญได้ไม่เต็มที่
ทารกมีพื้นที่ผิวกายมีมากกว่าเมื่อเทียบกับน้ำหนักตัว ฉนวนกันความร้อนมีน้อยทำให้สูญเสียความร้อนไปยังสิ่งแวดล้อมได้ดีกว่า
heat loss
การนำความร้อน conduction
ผิวทารกสัมผัสโดยตรงกับวัตถุที่เย็นกว่า
มือที่เย็นไปจับทารก/วางทารกไว้ที่นอนที่เย็นกว่า
การแผ่รังสี radiation
การวางทารกไว้ใกล้วัตถุ/ห้องที่เย็น
ห่อตัวและวางทารกไว้ห่างจากผนังห้องที่เย็น
การพาความร้อน convection
สูญเสียความร้อนจากผิวกายไปสู่อากาศรอบๆตัว
วางทารกที่มีลมพัด ต้องปิดพัดลมและห่อตัวทารก
การระเหยของน้ำทevaporation
สูญเสียความร้อนเมื่อตัวเปียก/มีความชื้นสูง
เช็ดตัวให้แห้งทันที
Energy metabolism
ทารกแรกเกิดใช้ glucose จากกระบวนการ glycolysis เท่านั้น จนกว่าจะได้แหล่งอื่นนอกร่างกาย
ภายใน 2-3 ชมหลังคลอดทารกจะใช้ glucose หมด ต้องได้เสริมทดแทนจากนมแม่
หากไม่ได้glucose ทดแทนจะทำให้เกิดภาวะ hypoglycemia
ระดับน้ำตาลในเลือดต่ำ
term = ต่ำกว่า 35 mg%
ทารกน้ำหนักน้อย = ต่ำกว่า 25%
อาการ : ร้องเสียงสูง ร้องเบาลง cyanosis หายใจตื้นเร็ว jitteriness เฉี่อยชา ชัก หรือไม่มีอาการอะไรเลย
หลังคลอดควรมีน้ำตาลในเลือดเกิน 45 mg%
Bilirubin metabolism : มากกว่า 5 mg/dl
physiologic jaundice : หลังคลอด 24 ชมจะตัวเหลือง
จากการทำลายเม็ดเลือดแดง fetal hemoglobin ซึ่งมีอายุสั้น
enzyme ที่เกี่ยวกับ Bilirubin metabolism ยังไม่ปกติ
การกรองและการดูดกลับของไตยังพัฒนาได้ไม่สมบูรณ์
ขับออกได้น้อย = ปัสสาวะน้อย
ให้ทารกดูดนมแม่ให้เร็วที่สุดภายใน 1 ชมหลังคลอด และดูดบ่อยทุก 2-3 ชม
pathological jaundice : ทารกตัวเหลืองตั้งแต่คลอด
หมู่เลือดของแม่กับลูกเข้ากันไม่ได้หรือเม็ดเลือดแดงผิดปกติ ป่อง กลม เล็ก
เม็ดเลือดแดงแตก
ผลิตมากเกินไปหรือขับ bilirubinออกได้น้อยลง จากตับพัฒนาไม่เต็มที่/ลำไส้อุดตัน
การรักษา
phototherapy
ฉายแสงผ่านผิวหนัง โมเลกุลของ Bilirubin จะถูกดูดซึมเข้ากระแสเลือดกลับไปที่ตับเพื่อขับออกมาในรูปของน้ำดี
ภาวะแทรกซ้อน
ถ่ายเหลว
น้ำหนักตัวลดลง
bronze baby สีผิวคล้ำขึ้น
ทารกจะมีภาวะเสียน้ำมากจากการระเหยของน้ำ
การดูแลทารก
ปิดตาทารกด้วย eye shield
งดทาแป้ง น้ำมัน โลชั่นจะทำให้ผิวไหม้
พลิกตะแคงตัวทุก 2 ชม ให้ทุกส่วนสัมผัสแสง
ให้ได้รับนมมารดาทุก 2-3 ชมกันภาวะขาดน้ำ
สังเกตภาวะขาดน้ำและการขับถ่ายอุจจาระ
V/S ทุก 4 ชม
ถ้าปริมาณBilirubin เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว
เสี่ยงเกิด kernicterus ความผิดปกติที่เนื้อสมอง : ซึม ไม่ดูดนม อาเจียน ร้องเสียงแหลม ไม่มี moro reflex ชัก
เปลี่ยนถ่ายเลือด
ภาวะตัวเหลืองที่สัมพันธ์กับนมแม่
breast milk jaundice
ตัวเหลืองตอนปลาย wk แรกหลังคลอด
breast feeding jaundice
2-3 วันแรกหลังคลอด
ภาวะเลือดออก
anemia ในทารก Hct. น้อยกว่า 40% ในทารกคลอดครบกำหนด
การลดการสร้างเม็ดเลือดแดง
การเสียเลือด
การทำลายเม็ดเลือดแดง
Calcium metabolism
ระดับแคลเซียมในทารกแรกคลอดจะต่ำสุดใน 24-48 ชมหลังคลอด
hypocalcemia
อาการ : jitteriness ชัก มีmuscletone สูง
แคลเซียมจะได้จากมารดาผ่านทางรก เกิดขึ้นเมื่อ GA 28 wkขึ้นไป
preterm เกิดภาวะ hypocalcemia ง่าย
ระบบภูมิคุ้มกัน
สะสม neutrophil น้อยและสร้าง neutrophil และ macrophage ใหม่จาก stem cell ไม่ได้
ใช้หมดไป
immunoglobulin จากมารดาผ่านทางรกหยุดลง
IgG,IgM
การป้องกันทารติดเชื้อในทารกแรกเกิด
จัดให้ผู้ป่วยอยู่ในสิ่งแวดล้อมที่มีเชื้อโรคน้อยที่สุด
ให้ยาปฏิชีวนะป้องกันการติดเชื้อเมื่อมีข้อบ่งชี้
กระบวนการไร้เชื้อเมื่อจับทารก/ทำหัตถการต่างๆ
ระบบขับถ่ายอุจจาระ
ทารกจะมีการถ่ายขี้เทาภายใน 24 ชม ถ้าไม่มีการขับถ่ายอาจเกิดลำไส้อุดตันจากขี้เทา meconium ileus
อาการ : ท้องอืด โป่ง ไม่ดูดนม อาเจียน
สวนอุจจาระด้วยน้ำเกลืออุ่น
การประเมินภาวะสุขภาพของทารกแรกเกิด
การดูแลทารกเมื่อศีรษะทารกโผล่พ้นช่องคลอดหรือพ้นทางหน้าท้อง
จัดท่านอนหงายหัวต่ำ 30 องศา /เอียงหัวไปข้างใดข้างหนึ่ง
ไม่หิ้วทารกขึ้นห้อยหัวลง
ทารกที่ขาดออกซิเจนอยู่แล้วเกิดภาวะเลือดออกในสมองง่าย
ดูดเมือกหรือน้ำคร่ำจากปากและจมูก
การให้คะแนน Apgar 10 คะแนน
G= Grimace : Reflex ของทารกจากการดูดเมือกออกทางจมูกหรือลูบส้นเท้าเด็ก
1 = ทำหน้าแสยะ/ร้องครางเบา
0 = ไม่มีการตอบสนองเลย
2 = ไอ จาม ร้องไห้ทันที
A= Activity : กำลังกล้ามเนื้อโดยการดึงหรือยืดแขนขาเด็กออก
1 = ค่อยงอชักมือเท้ากลับ
0 = นอนเฉยๆ
2 = งอกลับทันที
P = Pulse : อัตราการเต้นของหัวใจ คลำที่อกซ้ายหรือที่สายสะดือ
1= น้อยกว่า 100 bpm
0 = ไม่มีการเต้นของชีพจร
2 = มากกว่า 100 bpm
R= Respiration : การหายใจ
1 = หายใจช้าไม่สม่ำเสมอ
0 = ไม่หายใจเลย
2 = หายใจเองสม่ำเสมอ/ร้องไห้เสียงดัง
A = Appearance : สีผิว
1 = ริมฝีปากและตัวแดงดีแต่มือเท้าเขียว
0 = เขียวซีดไปหมดทั้งตัว
2 = ริมฝีปาก ตัว มือเท้าแดงดี
นาทีที่ 1 : การขาดออกซิเจน
นาทีที่ 5 : ผลเสียทางระบบประสาทของทารกในอนาคต
การประเมินผล
4-6 คะแนน = ทารกซึมปานกลาง จาก CNS ถูกกด/muscle tone ของระบบทางเดินหายใจไม่ปกติ
หน้าเขียว ตัวนิ่ม ปวกเปียกแต่หัวใจกับ reflexดี
clear airway ให้ออกซิเจน 4 LPM และใช้มือขีดฝ่าเท้า/ตบก้นเบาๆ
0-3 คะแนน = สภาวะไม่ดี
ต้องให้การช่วยเหลืออย่างเร่งด่วนเพราะหายใจไม่ได้เลย
อ่อนปวกเปียกซีด ไม่รู้สึกตัว
รีบดูดเมือกเอาขี้เทาออกหรือมูกข้นออกจากหลอดลม
7-10 คะแนน = ทารกอยู่ในสภาพปกติ
ถ้าร้องและหายใจได้เองภายใน 2 นาทีแรกคลอดปกติ ไม่จ้องให้การช่วยเหลือใดๆ
ดูแลใกล้ชิดและให้ความอบอุ่นแก่ทารก
การตรวจร่างกายทารกแรกแกิด
การตรวจร่างกายทารกใน 24 ชม หลังเกิด
ความสามารถของทารกในการปรับตัวเพื่ออยู่นอกครรภ์มารดา
การได้รับผลกระทบจากการคลอด การทำคลอด ยาระงับปวด ยาสลบ
ความพิการแต่กำเนิด
อาการผิดปกติต่างๆเมื่อแรกคลอด
การเตรียมก่อนตรวจร่างกาย
ทารกแรกเกิด
ความพิการแต่กำเนิด
ส่งที่แสดงถึงโรคในเด็ก
ซีดหรือเขียว
อายุครรภ์ของทารก
Ballad score
ความสมบูรณ์ด้านกายภาพ
ความสมบูรณ์ด้านกล้ามเนื้อและประสาท
ผู้ตรวจ
สิ่งแวดล้อมและสถานที่
สิ่งแวดล้อมที่ทำให้อุณหภูมิกาย 37 องศา ไม่มีลมพัดผ่าน ไม่เปิดแอร์จนเย็นเกินไป
เย็นเกินไปทารกจะตัวเย็น ซึม การหายใจผิดปกติ
อุปกรณ์ที่ใช้ตรวจร่างกาย
General appearance
จมูก : แบน แคบ เล็ก มีผนังกั้นตรงกลาง รูจมูกเท่ากัน
ช่องท้อง : ค่อนข้างกลม นุ่ม โป่งนูนเล็กน้อย มีกล้ามเนื้อหน้าท้องปกคลุม
diaphragmatic hernia :
gastroschisis : ไม่มีผนังหน้าท้องปกคลุม
ตา : มีลูกตา เลนส์ตาใส เยื่อตาขาวสะอาด หางตาอยู่ระดับขอบใบหู
down's syndrome : หางตาเฉียงขึ้น ขอบหูอยู่ต่ำกว่าหางตา ลายมือมีเส้นตัดกลาง ปากเล็กลิ้นคับปาก นิ้วก้อยมี 2 ข้อนิ้ว หัวใจพิการแต่กำเนิด
สาเหตุจากโครโมโซม
translocation : ย้ายที่ คู่ที่14มาติดกับ 21
mosaic down syndrome : มีแท่งที่ 46 กับ 47 ในคนเดียวกัน
trisomy 21 : คู่ที่ 21 เกิน
การพยาบาล
ให้ครอบครัวยอมรับความจริงต่อสภาพเด็ก
ให้ความรู้เกี่ยวกับตัวเด็กแก่ครอบครัว
อบรม กระตุ้นพัฒนาการตามสติปัญญา
ป้องกันการเกิดซ้ำในครอบครัว
subconjunctiva hemorrhage : มีเลือดออกที่ตาขาว
dacryocystitis : น้ำตาไหล
ท่อน้ำตาอุดตันทำให้น้ำตาที่ผลิตออกมาไหลลงรูท่อน้ำตาได้ ทำให้มีน้ำตาไหลอยู่ตลอดเวลา หายได้เองใน 1-2 เดือน
ใช้นิ้วก้อยกดหัวตาด้านจมูกเบาๆ จากหัวตาลงจมูก 20-30ครั้ง วันละ 2-3 รอบ ใช้เวลา 2-3 เดือนท่อน้ำตาจะเปิดเอง
10 เดืนยังไม่เปิดให้พบแพทย์
ทรวงอก : รูปร่างกลม สมมาตรกัน ไม่บุ๋ม ไม่โป่งนูนหรือแบนราบข้างใดข้างหนึ่ง
supernumerary nipples : หัวนมมากกว่าปกติ
หลัง
spina bifida
หู : ได้รูป ขนาดเท่ากันทั้ง 2 ข้าง อยู่ในระดับหางตา กระดูกอ่อนของใบหูแข็งแรง คืนตัวได้ดี
preaudicular skin tag : มีติ่งเนื้องอกข้างหู
แขนขา
polydactyly : นิ้วมือ/นิ้วเท้าเกินข้างละมากกว่า 5 นิ้ว
club foot : เท้าปุก
เท้าปุกแท้ congenital clubfoot : โค้งมากชัดเจน มีร่องเนื้อด้านในเท้า เท้าดัดไม่ได้
นวดเท้า/ถูเท้าเบาๆ/ดัดนวดเท้าและใส่เฝือกขายาว
เท้าปุกเทียม postural clubfoot : หายได้เองภายใน 2 - 3 เดือนหลังคลอด ดัดได้รอบทิศทาง
ปาก : มุมปากอยู่ระดับเดียวกัน ไม่มีฟัน เพดานเรียบ
clef palate : เพดานโหว่
precocious teeth : มีฟันขึ้น
เป็นเคราติน มีแต่ตัวฟัน ไม่มีรากฟัน
ใช้ผ้าก๊าซหุ้มรอบๆหัวนมขณะให้นม ป้องกันการขบกัดหัวนม
ถอนฟันออกหากมารดาเจ็บหัวนมมาก
ทำเมื่อทารกอายุครบ 1 วัน หลังถอนออก กดสันเหงือกให้เลือดหยุดไหล 3-4 นาที มารดาให้นมได้ปกติ
ควรเก็บไว้จนกว่าจะหลุดไปเอง
clef lips : ปากแหว่ง
epstein pearl : เม็ดสีขาวเล็กๆ พบที่เหงือกและเพดานแข็ง
ใบหน้า : ค่อนข้างกลม เคลื่อนไหวเท่ากันทั้ง 2 ข้างเมื่อร้อง
facial nerve palsy : ใบหน้าเคลื่อนไหวไม่เท่ากัน 2 ข้าง
หายได้เองใน 1-3 wk
ลิ้น : ไม่มีฝ้าขาว ไม่มีลิ้นติด
tongue tie : ลิ้นติด เกิดจากเนื้อเยื่อที่เกาะใต้ลิ้นกับพื้นล่างช่องปากสั้นและหนาตัว
อาการ : แลบลิ้นได้ไม่พ้นปากหรือเหงือกบน,กระดกลิ้นไม่ได้ ลิ้นเป็นร่องหยักเข้ามาเป็นรูปหัวใจ
ดูดนมแม่ไม่ได้ อมหัวนมแล้วหลุด
น้ำหนักตัวน้อยเพราะได้น้ำนมไม่พอ
หายได้เองอายุ 2-3 ปี/ผ่าตัด frenotomy
แม่เจ็บหัวนม/เป็นแผล/สร้างน้ำนมน้อย
ศีรษะ : ไม่สมมาตรกันจากการเกิด molding หัวแบนราบ ไม่มีก้อนบวม เส้นผมนิ่มกระจายเป็นปกติ
caput succedaneum : ก้อนบวมจากน้ำคั่งใต้เนื้อเยื่อ
ข้ามรอยต่อ suture
หายได้เองใน 2-3 วัน
การคั่งของของเหลว : ก้อนบวม โต นุ่ม กดบุ๋ม
microcephaly : ศรีษะเล็กกว่าปกติ
cephal hematoma : ก้อนบวมจากเลือดคั่งใต้เยื่อหุ้มกระดูกกะโหลกศีรษะ
เกิดจากช่องคลอดกดทับ/Vaccuum
ให้นอนตะแคงด้านตรงข้ามเพื่อป้องกันไม่ให้กดทับ เลือดคั่งมากขึ้น
ไม่ข้ามรอยต่อ suture
hydrocephalus : ศรีษะโตกว่าปกติ
คอ : ค่อนข้างสั้น ไม่มีปีกที่คอ ต่อมไทรอยด์ไม่โต
webbed neck : ปีกที่คอยื่นออกมาทั้ง 2 ข้างแผ่ติดไปยังไหล่
ผิวหนัง : แดง เรียบ นุ่ม ยืดหยุ่น ตึงตัวดี
millia
เม็ดสีขาวเล็กๆ เกิดจากการขยายตัวของต่อมไขมัน พบที่หน้าผาก แก้ม จมูก คาง รวมกันเป็นกลุ่ม
petechiae
จุดจ้ำเลือด
lanugo hair
ขนอ่อนละเอียดที่แก้ม หน้าผาก ไหล่ ใบหู
mongolian spot
ปานสีน้ำเงินเข้ม ขอบเขตไม่ชัดเจน เกิดจาก melanin แทรกซึมอยู่ใต้ผืวหนังมากเกินไป พบตรงก้นกบ แก้มก้น หลัง หายประมาณ 1 ขวบ
vernix caseosa
ไขสีขาวปกคลุมผิว พบใน 2-3 วันแรก จะค่อยๆดูดซึมกลับเข้าผิวหนังเอง
อวัยวะเพศชาย
hydrocyle
undescended testes : ลูกอัณฑะไม่ลงถุงอัณฑะ
มีก้อนนูนตรงขาหนีบ คลำไม่พบในทารกแรกเกิด
อายุ
เป็นข้างเดียวหรือ 2 ข้าง
คลำอัณฑะข้างที่ไม่ลงถุงได้หรือไม่
รักษาด้วยฮอร์โมน/ผ่าตัด orchiopexy technique เมื่อายุ 1-2 ปี
อวัยวะเพศหญิง : labia majora ปิด labia minora
pseudomenstruation
ambiguous genitalia : ระบุเพศไม่ได้
ทวารหนัก
imperforrate anus : ไม่มีรูทวารหนัก
การพยาบาลทารกแรกเกิดประจำวัน
อาบน้ำและทำความสะอาดอวัยวะสืบพันธุ์ทารก
เช็ดสะดือ ใช้สำลี 4 ก้อนชุบAlc 70% ทุกวันหลังอาบน้ำ ห้ามใช้แป้งหรือยาผลโรยสะดือเด็ก
สายสะดือเด็ก โคนสะดือต้องแห้งไม่มีกลิ่นเหม็น
อาการผิกปกติ : มีน้ำเหลือง เลือด หนองซึม มีกลิ่นเหม็น ติ่งเนื้อเป็นตุ่มแดง แผลไม่แห้ง
ชั่งน้ำหนักทารกแรกเกิดทุกวันขณะอยู่รพ
หลังเกิด 2-3 วันแรกน้ำหนักอาจจะลดลงได้แต่ไม่ควรเกินร้อยละ 10 ของน้ำหนักตัวแรกคลอด
เช็ดตา ใช้สำลี 2 ก้อนชุบน้ำต้มสุกที่เย็นแล้ว เช็ดจากหัวตาไปหางตา
ให้ได้รับน้ำนมแม่อย่างเพียงพอ ทุก 2-4 ชม
สังเกตการสำรอกนมเพราะหูรูดกระเพาะยังทำงานไม่ดี
ต้องทำการไล่ลมและให้นมในท่านั่ง
การดูดกลืนผิดปกติ ในทารกที่เป็นกลุ่มอาการดาวน์และคลอดก่อนกำหนด
ให้ทารกดูดหัวนมยางทำให้สับสนหัวนม
ประเมิน sucking reflex ถ้าผิดปกติจะไม่มีแรงดูดหรือไม่ดูด
การดูแล
จับเรอลมทุกครั้งหลังกินนมเสร็จ
ดูแลให้ได้รับนมเพียงพอ
ถ้าสำลักนมให้นอนตะแคงขวา หัวต่ำลง ห้ามอุ้มขึ้นทันทีเมื่อสำลัก
ปริมาณนมที่มากเกินไปทำให้สำลักนมออกมา
การให้นมไม่ถูกวิธี
การแพ้น้ำตาลแล็คโตส
ลำไส้ย่อยน้ำตาลแล็คโตสในนมไม่ได้เพราะขาดเอนไซม์แล็กเทส
แล็กโตสเข้าลำไส้ใหญ่จะเกิดเป็นแก๊ส ทำให้ท้องอืดท้องเดินหลังได้นม
ทารกแรกเกิดงดนมมารดาและนมวัว ให้ดื่มนมถั่วเหลืองแทน
การขับถ่ายและทำความสะอาดหลังขับถ่าย
ให้ความอบอุ่น อุณหภูมืร่างกาย 36.5-37 องศา
วัดอุณหภูมิแรกเกิดทางทวาร
วัดอุณหภูมิแกนกลาง
ตรวจว่ามี imperforated anus หรือไม่
การสังเกตอาการอื่นๆ
การบิดตัว
ทารกคลอดครบกำหนดจะบิดขี้เกียจเวลานอน
การสะดุ้งผวา
ปกติจะพบได้จนอายุ 6 เดือน
ผิวหนังลอก ลิ้นขาว
ใช้สำลีชุบน้ำต้มสุขพันนิ้วก้อยเช็ดลิ้นทารกวันละครั้ง
ผื่นผ้าอ้อม
ดูแลให้ผิวหนังแห้ง
อาเจียน
สังเกต สี ปริมาณ กลิ่น ลักษณะ
ตา
ตาแดง ตาเหลือง ตาบวม
อาการไม่สุขสบาย
ร้องเสียงดัง เสียงแหลม ดิ้นรน ท้องอืดจะร้องดัง กำมือ จิกเท้า บิดตัวไปมา
ตรวจดูลักษณะทั่วไปของทารก หัว-เท้า
การให้ภูมิคุ้มกันวัคซีนสำหรับทารกแรกเกิดและป้องกันภาวะแทรกซ้อน
BCG : วัณโรค
เคยได้รับมาก่อนไม่ต้องฉีดซ้ำแม้จะไม่มีแผลเป็น
ตรงที่ฉีดจะมีตุ่มหนอง ไม่ควรบ่ง ไม่ต้องใส่ยา
ถ้าไม่มีแผลเป็นและไม่มีหลักฐานว่าเคยฉีดให้ฉีดทันที
MMR : หัด คางทูม หัดเยอรมัน
ครั้งแรก 9-12 เดือน ครั้งที่ 2 อายุ 4-6 ปี
มีไข้ ผื่นขึ้นตามตัว ปวด บวมที่ฉีด หายใจลำบาก
OPV :โปลิโอชนิดกิน
หยอด 5 ครั้งที่อายุ 2,4,6 เดือน
JE : ไข้สมองอักเสบเจอี
3 ครั้ง เริ่มเมื่อ 6 เดือนขึ้นไป เข็มต่อมา 4 wk และ 1 ปี
ไข้ต่ำๆ ปวด บวม คันที่ฉีด
DTwP : คอตีบ บาดทะยัก ไอกรน
2,4,6 เดือน
ไข้สูง ปวด บวม แดง ร้อนที่ฉีด
Influenza : ไข้หวัดใหญ่
ฉีดอายุตั้งแต่ 6 เดือนขึ้นไป
อาจมีไข้
HBV : ไวรัสตับอักเสบ บี
3 ครั้ง 0,1,6
หลังฉีดอาจมีไข้
HPV : มะเร็งปากมดลูก
เด็กป.5 2 เข็มห่างกัน 6-12 เดือน
อาการผิดปกติของทารกที่ควรมาพบแพทย์ก่อนกำหนดนัด
ชัก
ปากเป็นฝ้าขาว
อาเจียน
ตัว ตาเหลืองเกิน 7 วัน
ถ่ายเหลวเป็นน้ำ
ตาอักเสบ มีขี้ตาแฉะ
มีไข้
สะดือมีกลิ่นเหม็น มีเลือด หนอง
ซึมไม่ดูดนม
LITTLE I” คือนวัตกรรมรองเท้าสำหรับทารกแรกคลอดที่ออกแบบมาเพื่อดูแลทารกในพื้นที่ขาดแคลนสาธารณสุข
เมื่อทารกสวมรองเท้า ระบบเซนเซอร์สำหรับตรวจสอบสุขภาพทารกจะทำงาน โดยมี Interface ที่พื้นรองเท้า เพื่อโชว์สัญญาณ และส่งเสียงได้ในกรณีฉุกเฉิน ทำให้สามารถช่วยเหลือได้ทันท่วงที
เมื่อพ้นช่วงอันตรายของทารก รองเท้าคู่นี้ยังสามารถนำไปทำความสะอาด เพื่อส่งต่อให้ทารกคนถัดไปได้อีกด้วย