Please enable JavaScript.
Coggle requires JavaScript to display documents.
การพยาบาลผู้ป่วยที่มีปัญหาความผิดปกติของทางเดินหายใจ - Coggle Diagram
การพยาบาลผู้ป่วยที่มีปัญหาความผิดปกติของทางเดินหายใจ
1.ความผิดปกติในทางเดินหายใจส่วนบน (Upper respiratory disorders)
1.1โรคคออักเสบหรือคอหอยอักเสบ(Pharyngitis)
การรักษา 1.รักษาตามสาเหตุและการรักษาประคับประคองตามอาการ2. ให้ยาปฏิชีวนะ 5-14 วัน หากมีลักษณะการติดเชื้อ GABHS (เข้าเกณฑ์ > 3 ข้อใน 4 ข้อ หรือCentor criteria) ดัง
การวินิจฉัย
-ประวัติอาการของผู้ป่วย
-การตรวจร่างกาย. ตรวจดูในลําคอ คลําต่อมน้ําเหลืองลําคอ และตรวจทางหูคอจมูก
สาเหตุของคออักเสบ
ส่วนใหญ่ 30-80% เกิดจากการติดเชื้อไวรัส Rhinovirus, Adenovirus และ Coronavirus รองลงมาเกิดจากการติดเชื้อแบคทีเรีย
1.2 ต่อมทอนซิลและต่อมอดีนอยด์อักเสบ (Tonsillitis & Adenoiditis)
ข้อวินิจฉัยการพยาบาล
-ไม่สุขสบายเนื่องจากปวดจากมีการอักเสบของต่อมทอนซิล
-มีไข้เนื่องจากการอักเสบและติดเชื้อ
-พร่องความรู้ในการดูแลตนเองให้เหมาะสมกับโรค
-วิตกกังวล เกี่ยวการผ่าตัด/ พร่องความรู้เกี่ยวกับการปฏิบัติตัวหลังการผ่าตัด
การพยาบาล
วางกระเป๋าน้ําแข็งบริเวณคอเพื่อบรรเทาปวด
ดูแลให้รับประทานยาแก้ปวดทุก4-6ชั่วโมงและรับประทานก่อนอาหาร 30 นาที เพื่อบรรเทาปวดขณะกลืน
-กลั้วคอบ่อยๆด้วยน้ําเกลืออุ่นๆและแปรงฟันหลังอาหาร
-ดูแลให้ได้รับน้ําอย่างเพียงพอเพื่อขับเสมหะได้ง่าย
รับประทานยาแก้ไอตามแผนการรักษา เพื่อบรรเทาอาการไอและการระคายเคืองในช่องคอและช่วยให้พักผ่อนได้
รับประทานยาปฏิชีวนะ ให้ครบตามแผนการรักษา
-ให้คําแนะนําเกี่ยวกับโรคและการผ่าตัด
1.3 ไซนัสอักเสบหรือโพรงอากาศข้างจมูกอักเสบ (Sinusitis, Rhinosinusitis)
อาการและอาการแสดง ปวด กดเจ็บบริเวณโพรงอากาศข้างจมูก มักเป็นในช่วงเวลาตื่นนอนตอนเช้า คือ คัดจมูก มีน้ํามูกเสมหะข้นสีเหลืองเขียว
มีกลิ่นเหม็นไหลลงคอ ลมหายใจมีกลิ่นเหม็น ไอ เจ็บคอ หอบ
ข้อวินิจฉัยการพยาบาล
-การหายใจไม่มีประสิทธิภาพ เนื่องจากคัดจมูกและมี nasal packing
-ปวดเนื่องจากเนื้อเยื่อได้รับบาดเจ็บ
-มีโอกาสเลือดออกหลังผ่าตัด
การพยาบาล
-ประเมินสัญญาณชีพและการมีเสมหะคั่งค้างในทางเดินหายใจ
จัดให้นอนศีรษะสูง เพื่อลดอาการบวม
ประคบเย็น เพื่อห้ามเลือดและบรรเทาปวด ในช่วงแรกและเมื่อผ่าน 48ชั่วโมงหลังผ่าตัดให้ประคบอุ่นเพื่อให้ยุบบวมและบรรเทาปวด
กระตุ้นให้ดื่มน้ําบ่อยๆ เพื่อให้ช่องปากชุ่มชื้นและเสมหะอ่อนตัว
ดูแลให้ได้รับยาแก้ปวดตามแผนการรักษา
ดูแลให้ยาแก้ปวดอย่างน้อย 30 นาที ก่อนดึง nasal packing ออก -สังเกตการมีเลือดออกดูแลnasalpackingซึ่งใส่หลังผ่าตัด24ชั่วโมงจากนั้นทําแผลและเปลี่ยนหากมีเลือดออกมากรายงานแพท
1.4 เลือดกําเดา (Nasal bleeding, Epistaxis)
อาการและอาการแสดง
มีเลือดออกทางจมูก แบบช้า ๆหรืออาจไหลแรง ซึ่งทําให้เกิดภาวะช็อกได้ ตรวจร่างกายโดย ส่องจมูกด้วย nasal speculumและใช้ไม้กดลิ้นดูความผิดปกติเหนือและด้านหลังลิ้นไก่(uvula)
การรักษา
การปฐมพยาบาลโดยบีบจมูกก้มหน้า ประคบเย็น ห้ามสั่งน้ํามูก ห้ามรับประทานยา aspirinหรือ ibuprofen จนกว่าจะห้ามเลือดได้ รายงานแพทย์ หากหายใจผิดปกติ
การห้ามเลือด ขึ้นอยู่กับตําแหน่งเลือดออก
1.5 ริดสีดวงจมูก (Nasal polyps)
อาการและอาการแสดง
คัน จาม คัดจมูก น้ํามูกไหลเรื้อรัง เมื่ออาการมากขึ้นจะพบอาการคัดจมูก ไอ ระคายคอ
การรักษา
1.การกําจัดริดสีดวงจมูกออกโดย ใช้ยากลุ่มสเตียรอยด์พ่นจมูก เพื่อทําให้ยุบตัวลงและ การรักษาโดยการผ่าตัดมักใช้วิธี Functional endoscopic sinus surgery (FESS) ซึ่งให้การพยาบาล เช่นเดียวกับผู้ป่วยโพรงอากาศข้างจมูกอักเสบที่รักษาโดยการทํา FESS
2.การรักษาโรคที่เกิดร่วมและการป้องกันการเกิดซ้ําของริดสีดวงจมูก โดยตรวจสอบสาเหตุและกําจัดสาเหตุร่วมกับการรักษาโดยการกําจัดริดสีดวงจมูก
1.6 มะเร็ง ศีรษะและลําคอ (Head and neck cancer)
อาการและอาการแสดง
คัดแน่นจมูกปวดหรือน้ํามูกไหลข้างเดียวหูอื้อฟังไม่ชัดก่อนที่คอโต
ข้อวินิจฉัยการพยาบาล
-วิตกกังวลเนื่องจากพร่องความรู้เกี่ยวกับการผ่าตัดและผลของการผ่าตัด
-ปวดเนื่องจากเนื้อเยื่อได้รับการบาดเจ็บจากการผ่าตัด
การพยาบาล
-อธิบายให้ผู้ป่วยและญาติทราบถึงวัตถุประสงค์การผ่าตัดสภาพหลังผ่าตัดโดยเฉพาะการหายใจทางStomaและการพูดที่ไม่มีเสียง
-อธิบายเกี่ยวกับการฝึกพูดและการใช้กล่องเสียงเทียม
-วางแผนเกี่ยวกับการสื่อสารโดยวิธีอื่นที่ไม่ใช้การพูดเช่นการเขียนการใช่ภาษาท่าทาง และฝึกให้คุ้นเคย เพื่อใช้สื่อสารหลังการผ่าตัด
-จัดท่าศีรษะสูง 30 –45 องศา เพื่อลดบวมและป้องกันแผลแยก การนั่งควรมีหมอนหรือผ่ารองศีรษะและพยุงคอป้องกันการดึงรั้ง
1.7 ภาวะหยุดหายใจขณะหลับ (Obstructive sleep apnea, OSA)
อาการ นอนกรน อ่อนเพลีย
การรักษา
การรักษาด้วยเครื่องอัดอากาศแรงดันบวก (CPAP)
-การรักษาด้วยทันตอุปกรณ์(oralappliance)
-การรักษาด้วยวิธีการผ่าตัดทางเดินหายใจ
กระบวนการพยาบาลผู้ป่วยที่มีโรคหรือความผิดปกติในทางเดินหายใจส่วนล่าง
2.1 โรคหลอดลมอักเสบ (Bronchitis)
อาการ
ไข้ อ่อนเพลีย ปวดศีรษะ ไอบ่อย ระยะแรกจะไอแห้งๆ ต่อมาเสมหะมีปริมาณมากขึ้น อาจเป็นสีขาวหากเกิดจากไวรัสหรือการระคายเคืองหรือเสมหะข้นสีเขียวหรือเหลืองหากติดเชื้อแบคทีเรียอาจไอมีเลือดปน(bloodstreak)หากอักเสบถึงท่อลมและเยื่อบุทางเดินหายใจ
ข้อวินิจฉัยทางการพยาบาล
-แบบแผนการหายใจไม่มีประสิทธิภาพเนื่องจากหลอดลมหดเกร็งตัว
-มีไข้จากการติดเชื้อในทางเดินหายใจ
-กลไกทําให้ทางเดินหายใจให้โล่งไม่มีประสิทธิภาพเนื่องจากการติดเชื้อและมีเสมหะมาก
การพยาบาล
-ประเมินการหายใจฟังปอดทุก4ชั่วโมง
-ดูแลการพักผ่อนและการได้รับอาหารและน้ําให้เพียงพอ ดื่มน้ําอุ่นมากๆ -ดูแลให้ทางเดินหายใจชุ่มชื้น
-แนะนํา/ กระตุ้นให้ผู้ป่วยไอที่ถูกวิธี ขับเสมหะและบ้วนทิ้งทุก 2 ชั่วโมง และปิดปากทุกครั้ง
-รักษาความสะอาดปากและฟันล้างมือบ่อยๆ
-ดูแลให้ยาตามแผนการรักษา
2.2 โรคปอดอักเสบ (Pneumonia, Pneumonitis)
อาการ
เชื้อแบคทีเรียมักไข้สูงทันทีทันใด หนาวสั่น (โดยเฉพาะในระยะที่เริ่มเป็น) อ่อนเพลีย หายใจหอบ ในระยะแรกอาจไอแห้งๆ ต่อมาไอมีเสมหะขุ่นข้นสีเหลือง สีเขียว สีสนิมเหล็กหรือมีเลือดป
ข้อวินิจฉัยทางการพยาบาล
-การขับเสมหะไม่มีประสิทธิภาพ/ทางเดินหายใจไม่โล่งเนื่องจากมีเสมหะมาก/เหนียวข้น
การพยาบาล
-ดูแลทางเดินหายใจให้โล่งโดยจัดให้นอนศีรษะสูง30องศาเพื่อให้ปอดได้ยืดขยายได้เต็มที่เคาะปอดจัดท่าระบายเสมหะดูดเสมหะตามความจําเป็น
-ฟังเสียงปอดเป็นระยะๆเมื่อมีอาการเหนื่อยหอบ
วัดสัญญาณชีพ โดยเฉพาะอุณหภูมิ ทุก 4 ชั่วโมง
-สังเกตลักษณะสีกลิ่นของเสมหะผิดปกติรายงานแพทย์
เก็บเสมหะส่งตรวจ Gram stain, Culture, Sensitivity
ดูแลให้ได้รับยาขับเสมหะและให้ดื่มน้ําอย่างเพียงพอ
2.3 วัณโรคปอด (Lung Tuberculosis, TB lung)
อาการ
ไอเรื้อรังเกิน 2 สัปดาห์ ไอแห้งๆหรือมีเสมหะสีเหลือง เขียวหรือไอปนเลือด (hemoptysis) อ่อนเพลียเบื่ออาหารน้ําหนักลดมีไข้ต่ําๆตอนบ่ายหรือเย็นเจ็บแน่นหน้าอกเหนื่อยหอบ
ข้อวินิจฉัยทางการพยาบาล
แบบแผนการหายใจไม่มีประสิทธิภาพเนื่องจากมีการติดเชื้อในระบบทางเดินหายใจ
การพยาบาล
วัดสัญญาณชีพ โดยเฉพาะอุณหภูมิ ทุก 4 ชั่วโมง
ประเมินภาวะพร่องออกซิเจน เช่น กระสับกระส่าย
-ฟังเสียงปอดเป็นระยะๆสังเกตลักษณะสีกลิ่นของเสมหะ
-จัดท่านอนศีรษะสูงเพื่อให้ปอดได้ยืดขยายได้เต็มที่จัดท่าระบายเสมหะแนะนําการไอให้มีประสิทธิภาพเคาะปอดดูดเสมหะ
ดูแลให้ได้รับยาขับเสมหะ
เก็บเสมหะส่งตรวจตามแผนการรักษา
2.4 ฝีที่ปอด (Lung abscess)
การและอาการแสดง ไข้ ไอมีเสมหะมากและมีกลิ่นเหม็น อาจจะเจ็บหน้าอก น้ําหนักลด และอาจพบ Clubbing fingers
การรักษา
-การรักษาด้วยยาปฏิชีวนะในกรณีที่สงสัยว่ามีสาเหตุจากเชื้อแบคทีเรียหรือเชื้ออื่นๆ
-การรักษาด้วยยาขยายหลอดลม ในรายที่ได้ยินเสียง Wheeze หรือ Rhonchi
-การให้สารน้ําให้เพียงพอ แนะนําให้ดื่มน้ํามากๆ แพทย์อาจให้สารน้ําทางหลอดเลือดดํา
-การให้ออกซิเจน ในรายที่หายใจเร็วหอบ กระวนกระวาย หรือซึม
2.5 หนองในเยื่อหุ้มปอด (Empyema, Empyema thoracis)
อาการแสดง ไข้ หอบเหนื่อย เบื่ออาหาร อ่อนเพลีย เจ็บหน้าอกเฉพาะเวลาหายใจเข้าสุดหรือไอ (pleuritic chest pain) และไอมีเสมหะขุ่นข้น (mucopurulent sputum)
การรักษา
การให้ยาปฏิชีวนะ ครอบคลุมเชื้อที่อาจเป็นสาเหตุของการเกิด empyema
2.การเจาะปอด(Thoracentesis)เพื่อระบายน้ําหรือหนองตรวจหาเชื้อก่อนให้ยาปฏิชีวนะ3) การผ่าตัดระบายทรวงอก (Surgical drainag)
2.6 ปอดแฟบ (Atelectasis)
การพยาบาล
-มีโอกาสเกิดปอดแฟบเนื่องจากพร่องความรู้เกี่ยวกับการบริหารปอด
2.7 โรคปอดอุดกั้นเรื้อรัง (Chronic obstructive pulmonary disease: COPD)
อาการ
ระยะแรกไม่มีอาการ
-มีอาการเหนื่อยหอบเมื่อออกแรงไอเรื้อรังไอมีเสมหะมากตอนเช้าหายใจลําบาก
การรักษา เพื่อชลอพยาธิสภาพ
1.การให้คําแนะนําเลิกสูบบุหรี่
2.การให้วัคซีน influenza ปีละครั้ง โดย pneumococcal vaccine ชนิด PCV13, PPSV23 ในอายุ> 65 ปี, และให้ PPSV23 ในอายุ < 65 ปี
การฟื้นฟูสมรรถภาพ
2.8 โรคหอบหืด (Asthma)
การพยาบาล
ควบคุมอาการของโรคหืดและลดปัจจัยเสี่ยงในการเกิดโรคหืดกําเริบเฉียบพลัน(asthmaexacerbation)แนวทางการรักษาคือการให้ความรู้ผู้ป่วยและครอบครัวให้สามารถในการจัดการตนเอง การแนะนําให้หลีกเลี่ยงสิ่งกระตุ้น การประเมินระดับความรุนแรงก่อนการรักษาและการประเมินผลการควบคุมโรค
2.9 มะเร็งปอด (Pulmonary tumor, lung cancer)
การพยาบาล
การพยาบาลผู้ป่วยจะมุ่งเน้นที่การสอน การดูแลตามอาการ และการประคับประคองจิตใจ เพื่อให้ผู้ป่วยมีคุณภาพชีวิตที่ดี และสามารถเผชิญกับการรับรู้ว่าเป็นมะเร็งได้
กระบวนการพยาบาลผู้ป่วยที่มีโรคหรือความผิดปกติของการไหลเวียนเลือดในปอด: ภาวะลิ่มเลือดอุดตันในหลอดเลือดปอด (Pulmonary embolism)
การรักษาโรคลิ่มเลือดอุดกั้นในปอด
1.การรักษาโรคเบื้องต้นและแก้ไขภาวะวิกฤติ กรณีช็อกหรือหัวใจวาย
2.การรักษาลิ่มเลือดเดิมและป้องกันการเกิดลิ่มเลือดใหม่