Please enable JavaScript.
Coggle requires JavaScript to display documents.
การพยาบาลผู้ป่วยที่มีปัญหาความผิดปกติของต่อมไร้ท่อ - Coggle Diagram
การพยาบาลผู้ป่วยที่มีปัญหาความผิดปกติของต่อมไร้ท่อ
ภาวะผิดปกติของต่อมใต้สมอง
1.1 เนื้องอกของต่อมใต้สมอง (Pituitary tumor หรือ Pituitary adenoma )
อาการและอาการแสดง
การที่เนื้องอกกดเบียดอวัยวะข้างเคียง (Mass effect)
การพร่องฮอร์โมน (Hormonal insufficiency)
เนื้องอกสร้างฮอร์โมนมากเกินปกติ (Hormonal hypersecretion)
ข้อวินิจฉัยการพยาบาล
เสี่ยงตjอการเกิดอุบัติเหตุ
เนื่องจากมีความผิดปกติของสายตา
ไม่สุขสบายเนื่องจากปวดศรีษะ
ผู้ป่วยและญาติมีความวิตกกังวลเนื่องจากขาดความรู้เกี่ยวกับโรคและแนวทางการรักษา
การพยาบาล
ให้การพยาบาลตามอาการ เช่น อาการปวดศีรษะตามองเห็นภาพซ้อน
ให้คําแนะนําเกี่ยวกับโรคแนวทางการรักษาและการปฏิบัติตัวก่อนและหลังผ่าตัด
เตรียมผู้ป่วยให้พร้อมผ่าตัด ทําความสะอาดบริเวณผ่าตัด
เฝ้าระวังอุบัติเหตุ
1.2 ภาวะผิดปกติของต่อมใต้สมองส่วนหลัง: DI, SIADH
1.2.1 ภาวะเบาจืด (Diabetes insipidus, DI)
อาการและอาการแสดง
ปัสสาวะมากประมาณ5-20ลิตรต่อวันหรือถ่ายปัสสาวะทุก½-1ชั่วโมง
กระหายน้ำมาก ดื่มน้ำมาก อ่อนเพลีย กล้ามเนื้ออ่อนแรง ฉุนเฉียวง่าย ปวดศีรษะ
ขาดน้ํา: ผิวหนังแห้ง น้ําหนักลด เบื่ออาหาร ท้องผูก
หัวใจเต้นเร็วหรืออาจถึงshockถ้าให้น้ําทดแทนไม่ทัน
ข้อวินิจฉัยการพยาบาล
มี/ เสี่ยงอันตรายจากภาวะไม่สมดุลของอิเลคโทรไลตฺหรือกรดด่างเนื่องจากปัสสาวะ
เสี่ยงต่อการเกิดอุบัติเหตุเนื่องจากระดับความรู้สึกตัวลดลงจากภาวะโซเดียมในเลือดต่ํ
มีภาวะขาดน้ํา/เสี่ยงภาวะช็อกเนื่องจากปัสสาวะมาก
การพยาบาล
บันทึกจํานวน ลักษณะ สี และวัดค่าความถ่วงจําเพาะของปัสสาวะทุก 1 ชั่วโมงเพื่อประเมินภาวะเบาจืด คือ ปัสสาวะสีใสปสสาวะ > 200 มล./ชั่วโมง ค่าความถ่วงจําเพาะ < 1.005
ดูแลให้ได้รับสารน้ําชนิด 0.9% NSS 1,000 มิลลิลิตร IV
วัดสัญญาณชีพและประเมินภาวะขาดน้ําเช่น ริมฝีปากแห้ง กระหายน้ํา ความยืดหยุ่นของผิวหนังลดลงน้ําหนักลด ความดันโลหิตลดลงและชีพจรเร็ว
ติดตามผลตรวจทางห้องปฏิบัติการSerumcortisol,prolactin, T3, T4, TSH, BUN, creatinine, electrolyte
รักษาสมดุลน้ําและอิเลคโทรไลท์โดยการบันทึกintake/output ชั่งน้ําหนักทุกวัน
1.2.2 ภาวะ Syndrome of Inappropriate ADH Secretion (SIADH)
พยาธิสภาพ
ภาวะที่มีการหลั่งADHออกมากโดยไม่สัมพันธ์กับพลาสมาออสโมลาลิตี้และซีรั่มโซเดียมเนื่องจากADHเป็นฮอร์โมนที่มีฤทธิ์ระงับการหลั่งปัสสาวะ(ADH)การหลั่งออกมามากผิดปกติทําให้มีการดูดซึมน้ํากลับมากกว่าการขับออกทางปัสสาวะ
ข้อวินิจฉัยการพยาบาล
มีภาวะน้ําเกินเนื่องจากการถ่ายปัสสาวะผิดปกติ
มี/ เสี่ยงอันตรายจากภาวะไม่สมดุลของอิเลคโทรไลต์เนื่องจากภาวะน้ําเกิน
การพยาบาล
สังเกตอาการและอาการแสดงของภาวะไม่สมดุลของสารน้ําและภาวะโซเดียมในเลือดต่ํา
จํากัดปริมาณสารน้ําที่ได้รับหรือตามแผนการรักษา
ประเมินภาวะน้ําเกินได้แก่ บันทึกสมดุลของสารน้ําชั่งน้ําหนักตัวผู้ป่วยทุกวัน
ดูแลการได้รับ 3% NaCl IV ช้าๆ หากหอบเหนื่อย เสมหะเป็นฟอง ต้องรีบรายงานแพทย์
1.3 การพยาบาลผู้ป่วยโรคเบาหวาน (Diabetes mellitus)
ชนิดของเบาหวาน
ชนิดที่1(typeIDM)เกิดจากการทําลายเบต้าเซลล์ที่ตับอ่อนจากภูมิคุ้มกันของร่างกายโดยผ่านขบวนการ cellular mediated ส่วนใหญ่พบในคนอายุน้อย
ชนิดที่ 2 (type II DM) ผู้ป่วยเบาหวานส่วนใหญ่ (95%) เป็นชนิดที่ 2 เกิดจากภาวะดื้อต่ออินสุลิน (insulin resistance) และมีความบกพร่องในการผลิตอินสุลิน (relative insulin deficiency)
อาการและอาการแสดง
ดื่มน้ำมาก
น้ำหนักลด
กระหายน้ำมาก
รับประทานอาหารมากขึ้น
ข้อวินิจฉัยการพยาบาล
เสี่ยงต่อการเกิดภาวะแทรกซ้อนเรื้อรังเนื่องจากขาดความรู้ในการควบคุมโรคเบาหวาน
เสี่ยงต่อการไม่สามารถควบคุมระดับน้ําตาลให้คงที่เนื่องจากพร่องความรู้เกี่ยวกับการดูแลตนเอง
ผู้ป่วยและญาติมีความวิตกกังวล เกี่ยวกับการดําเนินของโรคและการรักษา
การพยาบาล
ประเมินความรู้ ความเข้าใจของผู้ป่วย เกี่ยวกับโรคและการ
ดูแลตนเองสำหรับผู้ป่วยเบาหวาน
แนะนําอธิบายถึงความสําคัญในการควบคุมระดับน้ําตาลในเรื่องและให้คําแนะนําการปฏิบัติตนสําหรับผู้ป่วยเบาหวานในเรื่องการควบคุมอาหาร การออกกําลังกายการใช้ยาอย่างต่อเนื่องและการติดตามการรักษาอย่างต่อเนื่อง
อธิบายให้ทราบถึงภาวะแทรกซ้อนเรื้อรังที่อาจจะเกิดขึ้นหากควบคุมระดับน้ําตาลได้ไม่ดีเช่นภาวะกล้ามเนื้อหัวใจตายโรคหลอดเลือดสมอง การติดเชื้อได้ง่าย การเสื่อมของระบบประสาทส่วนปลาย
อธิบายให้ทราบถึงภาวะแทรกซ้อนเฉียบพลันที่อาจเกิดขึ้นเช่นน้ําตาลในเลือดต่ําน้ําตาลในเลือดสูงและการดูแลตนเองเบื้องต้น ก่อนมาโรงพยาบาล
1.4ภาวะผิดปกติของต่อม Thyroid
1.4.1 ภาวะ Hyperthyroidism
สาเหตุ
มีการกระตุ้นTSHreceptorมากผิดปกติเช่นในโรคเกรฟ (Grave’s Disease) ปฏิกิริยาออโตอิมมูนทําให้ร่างกายสร้าง Thyroid stimulating immunoglobulin (TSI) มากระตุ้น TSH receptor ที่ต่อมไทรอยด์ ทําให้มีฮอร์โมนไทรอยด์สูง ต่อมไทรอยด์โตและตาโปน ( Exophthalmos ) ในการตั้งครรภ์ไข้ปลาอุกจะมีฮอร์โมนที่คล้าย TSH มากระตุ้น TSH receptor 2)
การเปลี่ยนแปลงเนื้อเยื่อต่อมไทรอยด์บางแห้งเช่น toxic adenoma, Toxic multinodular goiter (TMNG)
อาการและอาการแสดง
น้ําหนักตัวลดลง, เหงื่อออกมาก, ขี้ร้อน, ผิวหนังอุ่นชื้น ชุ่มและเนียน ซีด
ข้อวินิจฉัยทางการพยาบาล
ขาดน้ําเนื่องจากสูญเสียไปทางปัสสาวะและเหงื่อ
ความทนต่อการทํากิจกรรมลดลง เนื่องจากอาการอ่อนเพลียจากภาวะการเผาผลาญสูง
การพยาบาล
แนะนําการพักผ่อนและการทํากิจกรรมให้สมดุลจัดสิ่งแวดล้อมที่สงบ เลี่ยงภาวะเครียดเพื่อป้องกันการหลั่ง catecholamine เพิ่มขึ้นซึ่งจะทําให้หัวใจทํางานหนักเพิ่มขึ้น
ชั่งน้ําหนักตัววันละครั้งเพิ่มอาหารว่างอาหารคาร์โบไฮเดรตและโปรตีนสูงพลังงานสูงอาจมากถึง4000kcal/day
ติดตามสัญญาณชีพโดยเฉพาะ BP, P, R และเสียงหายใจ ประเมินอาการบวมของเนื้อเยื่อส่วนปลาย การโป่งของเส้นเลือด jugular vein เนื่องจากการมี ไทรอยด์ฮอร์โมน เพิ่มขึ้นทําให้มีการเผาผลาญเพิ่มขึ้นและความต้องการใช้ออกซิเจนเพิ่มขึ้นซึ่งอาจเกิด Hypertension, arrhythmia, congestive heart failure ได้
ติดตามผล lab: serum albumin, total lymphocyte
1.4.2 ภาวะ Hypothyroidism
สาเหตุ
autoimmunethyroiditisหรือเรียกHashimoto’sdiseaseคือการที่ระบบภูมิคุ้มกัน ของร่างกาย ทําลายต่อมไทรอยด์
จากสารหรือยาบางชนิด ได้แก่ lithium, iodine compound, amiodarone และกลุ่ม antithyroid drugs
ได้รับสาร iodine ไม่เพียงพอ
ข้อวินิจฉัยการพยาบาล
มีภาวะไม่สมดุลทางโภชนาการเนื่องจากได้รับสารอาหารเกินความต้องการของร่างกาย/น้ําหนักตัวเพิ่มเนื่องจากมีการเผาผลาญของร่างกายลดลง
ความทนต่อการทํากิจกรรมลดลง
การพยาบาล
ติดตามสัญญาณชีพโดยเฉพาะ BP, P,R และเสียงหายใจ
แนะนําความสมดุลระหว่างกิจกรรมและการพักผ่อน สังเกตอาการเจ็บหน้าอก หายใจลําบาก ใจสั่น วิงเวียน
แนะนําให้รับประทานอาหารกากใยมาก ดื่มน้ําวันละ 2 ลิตร อาหารกากใย เพื่อให้อุจจาระอ่อนตัวและกระตุ้นการเคลื่อนไหวของลําไส้และกระตุ้นให้ทํากิจกรรม
1.5 ภาวะผิดปกติต่อม Parathyroid
1.5.1 ภาวะ Hyperparathyroidism
สาเหตุ
ภาวะที่มีการหลั่ง paratyroid hormone (PTH) มาก ทําให้การเผาผลาญของกระดูกผิดปกติ โดยมีการเคลื่อนของแคลเซียมในกระดูกเข่ามาในเลือด ส่งผลให้แคลเซียมในเลือดสูง กระดูกหักและเกิดการสะสมของแคลเซียมในเนื้อเยื่อ เกิดนิ่วในไต ไตวาย ตับอ่อนอักเสบ แผลในกระเพาะ
การพยาบาลผู้ป่วยที่มีภาวะHyperparathyroidism
เสี่ยงต่อการได้รับบาดเจ็บ การหักของกระดูกจากการมีแร่ธาตในกระดูกลดลง
-มีความบกพร่องของการขับถ่ายปัสสาวะจากการมีแคลเซียมในเลือดสูงและhyperphosphatemia/ปวดขณะปัสสาวะเนื่องจากมีนิ่วในทางเดินปัสสาวะ
-มีภาวะทุพโภชนาการ ได้รับสารอาหารไม่เพียงพอเนื่องจากคลื่นไส้ อาเจียน
-ท้องผูกเนื่องจากผลข้างเคียงของแคลเซียมในเลือดสูง
การพยาบาล
ดูแลให้ได้รับน้ํา มากกว่า 2 ลิตร/วัน ,ผลไม้รสเปรี้ยว ป้องกันการเกิดนิ่วในไต
-ประเมินneurosignความรู้สึกตัว/ระวังอุบัติเหตุ/ดูแลการทํากิจกรรม
1.5.2 ภาวะ Hypoparathyroidism
การพร่อง PTH มักเกิดหลังผ่าตัดต่อมไทรอยด์ หรือภายหลังการฉายแสงที่ลําคอ ภาวะ นี้จะมีผลทําให้กระดูก ลําไส้และท่อไตลดการดูดซึม Ca ลง เกิดภาวะ Hypocalcemia และ hyperphosphatemia ผู้ป่วยจะชา ชัก ตะคริว bronchospasm laryngeal spasm , Trousseau’s sign ,dysphagia, anxiety, EKG เปลี่ยนแปลง และมี Chvostek’s sign
1.6 ภาวะผิดปกติของต่อมหมวกไต(Adrenal gland)
1.6.1 กลุ่มอาการคุชชิ่ง (Cushing’s syndrome)
กลุ่มอาการที่เกิดจากมีกลูโคคอร์ติคอยด์โดยเฉพาะคอร์ติซอลออกฤทธิ์มากผิดปกติ มักเกิดจากมีการสร้างคอร์ติซอลมากเกินปกติจนคอร์ติซอลในเลือดสูงผิดปกติและการหลั่งคอร์ติซอลผิดปกติคํานี้ต่างจากคําว่า Cushing disease จะหมายถึง เนื้องอกของต่อมใต้สมองทําให้มีการหลั่ง ACTH มากผิดปกติ
ข้อวินิจฉัยการพยาบาล
เสี่ยงต่อภาวะน้ําเกิน
เสี่ยงต่อการบาดเจ็บเกิดอุบัติเหตุจากการกล้ามเนื้ออ่อนแรง กระดูกหัก
เสี่ยงต่อการติดเชื้อเนื่องจากการตอบสนองต่อการอักเสบเปลี่ยนแปลง/ภูมิคุ้มกันบกพร่อง
การพยาบาล
สังเกตอาการ, ระวังการเกิดอุบัติเหตุ, แนะนําให้รับประทานยาตอนเช้า โดยรับประทาน พร้อมอาหาร ห้ามหยุดยาเอง
แนะนําอาหารการออกกําลังกายการพักผ่อนแนะนําเลี่ยงการคลุกคลีผู้ป่วยติดเชื้อ
ชั่งน้ําหนักทุกวันวัด,V/SโดยเฉพาะBP,P,R,ประเมินอาการบวมของอวัยวะส่วนปลาย , การโป่งของ jugular vein , จํากัดน้ํา
1.6.2 ภาวะต่อมหมวกไตบกพร่อง (Adrenal insufficiency, AI)
ภาวะบกพร่องของการหลั่งฮอร์โมนคอร์ติซอลจากที่การทํางานของต่อมหมวกไตชั้นนอกทํางานได้น้อยลงทําให้มีปริมาณฮอร์โมนที่สร้างจากต่อมนี้รวมถึงอัลเดอสเตอโรนต่ำ
ข้อวินิจฉัยการพยาบาล
หัวใจเต้นผิดจังหวะ/อาจได้รับอันตรายจากภาวะ Hyperkalemia
เสี่ยงต่อการเกิดอุบัติเหตุจากกระบวนการคิดเปลี่ยนแปลง/ความดันโลหิตต่ํา
การพยาบาล
เฝ้าระวังอาการhypoglycemia,ติดตามBSดูแลการได้รับอาหาร
ดูแลการทํากิจกรรมให้รับประทานโปรตีนสูงเลี่ยงคาร์โบไฮเดรต
ดูแลให้ได้ยาลด K , จํากัด K, สังเกตภาวะ hyperkalemia ได้แก่ heart block , peak T
ประเมินความรู้สึกตัวจัดสิ่งแวดล้อมเฝ้าระวังอุบัติเหตุบันทึกสารน้ําเข้าออกดูแลการได้รับสารน้ําทดแทน