Please enable JavaScript.
Coggle requires JavaScript to display documents.
วิวัฒนาการของนาฏศิลป์และการละครไทย ยุคแรก - Coggle Diagram
วิวัฒนาการของนาฏศิลป์และการละครไทย ยุคแรก
🔴 สมัยน่านเจ้า
มีนิยายเรื่อง นามาโนห์รา เป็นนิยายของพวกไต หรือคนไทย ในสมัยน่านเจ้าที่มีปรากฏอยู่ ก่อนหน้านี้คือ การแสดงจำพวกระบำ เช่นระบำหมาก ระบำนกยุง
ประวัติความเป็นมา
🛑
จากการค้นคว้าหาหลักฐานทางประวัติศาสตร์พบว่า สมัยอาณาจักรน่านเจ้า ไทยมีนิยายเรื่องหนึ่งคือ
“มโนห์รา” ซึ่งปัจจุบันนี้ก็ยังมีอยู่ หนังสือทีเขียนบรรยายถึงเรื่องของชาวจีนตอนใต้ และเขียนถึงนิยายการเล่นต่างๆ ของจีนตอนใต้ มีอยู่เรื่องหนึ่งที่ชื่อเหมือนกับนิยายของไทย คือเรื่อง “นามาโนห์รา” และอธิบายไว้ด้วยว่าเป็นนิยายของพวกไต ซึ่งจีนถือว่าเป็นชน
กลุ่มน้อยอยู่ทางใต้ของประเทศจีน ไตเป็นน่านเจ้าสมัยเดิม คำว่า “นามาโนห์รา” เพี้ยนมาจากคำว่า “นางมโนห์รา” ของไทยนั่นเอง
🔴 สมัยอยุธยา
กำเนิดการแสดงละครมากมาย เช่น ละครชาตรี ละครนอก ละครใน
บางการแสดงได้รับวัฒนธรรมมาจากเพื่อนบ้าน
แบบแผนของศิลปะการแสดง
ละคร
ฟ้อนรำ
โขน
บุคคลสำคัญ
🛑
กลางสนามปรากฏอยู่ในตำราพระราชพิธีอินทราภิเษก โดยใช้ตำรวจแสดงเป็นฝ่ายอสูร ๑๐๐ คน ทหารมหาดเล็กเป็นฝ่ายเทพยดา ๑๐๐ คน เป็นพาลี สุครีพ มหาชมพูและบริวารวานรอีก ๑๐๓ คน การแสดง
ชักนาคดึกดำบรรพ์ ฝ่ายอสูรชักส่วนหัว ฝ่ายเทพยดาชักส่วนหาง และบริวารวานรอยู่ส่วนปลายหาง
รวมผู้เล่นโขนประมาณ ๓๐๐ กว่าคน แต่ไม่มีการกล่าวถึงชื่อผู้แสดง
บุคคลสำคัญในวงการนาฏศิลป์ไทยสมัยอยุธยา ได้แก่ ตำรวจ ทหารมหาดเล็ก ซึ่งแสดงโขน
ประวัติความเป็นมา
ละครมีระเบียบแบบแผนมากขึ้น กำหนดชื่อชนิดของการ
แสดง เช่น ละครชาตรี ละครนอก ละครใน เป็นต้น
บทละครในมีเรื่องใหญ่ๆ อยู่ ๔ เรื่อง คือ เรื่องอิเหนา
เรื่องรามเกียรติ์ เรื่องอุณรุท และเรื่องดาหลัง
🔴 สมัยสุโขทัย
ได้รับอิทธิพลมาจากอินเดีย เรียกศิลปะการแสดงว่า โขน ละคร ฟ้อนรำ
ประวัติความเป็นมา
🛑
สมัยสุโขทัยได้มีการติดต่อกับชนชาติที่รับอารยธรรมอินเดีย เช่น พม่า มอญ ขอม เป็นต้น ทำให้คนไทยได้รับวัฒนธรรมทางด้านการละครของอินเดียเข้ามา ส่งผลให้ศิลปะแห่งการละเล่นพื้นเมืองของไทย คือ รำและระบำได้วิวัฒนาการขึ้น โดยมีการกำหนดให้เป็นแบบแผนและบัญญัติคำที่เรียกศิลปะแห่งการแสดงดังกล่าวข้างต้นว่า โขน ละคร ฟ้อน รำ
กล่าวโดยสรุป สมัยสุโขทัยมีการแสดงละครเป็นเรื่อง คือ เรื่องมโนราห์และเกิดละครแก้บน
การละครไทยมีวิวัฒนาการมาจากการละเล่นพื้นเมืองของไทย และจากคติของพราหมณ์ที่มีการรำบวงสรวงตามเทวสถานในอินเดีย จึงเกิดละครแก้บนขึ้น
แบบแผนของศิลปะการแสดง
โขน
ละคร
ฟ้อนรำ
บุคคลสำคัญ
🔴
หลวงปู่มหาสวัสดิ์ (พระสวัสดิ์มหาประยูรศาสตร์) เป็นอาจารย์ที่สำคัญในการพัฒนานาฏศิลป์และการละครในสมัยสุโขทัย โดยเขาได้สร้างกลุ่มละครที่เน้นการสอนเรื่องศาสนาและคุณค่าทางศีลธรรม ทั้งนี้เพื่อให้คนในสังคมได้รับการสอนและเข้าใจเรื่องราวศาสนาได้ง่ายขึ้น
หลวงปู่เขียว (พระนามะเมธี) เป็นนักศึกษาศาสตร์ที่สำคัญในสมัยสุโขทัย โดยเขาได้รวบรวมความรู้เกี่ยวกับพระมหากษัตริย์และพระราชสำนักสงฆ์จากหลายที่ทั่วประเทศ และเขาได้พัฒนานาฏศิลป์และกลุ่มละครเพื่อใช้ในการศึกษาและสอนคนอื่น ๆ
🔴 สมัยธนบุรี
สมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราชได้ทรงพระราชนิพนธ์บทละครเรื่อง รามเกียรติ์ ๕ ตอน เกิดคณะละครหลวงและเอกชน ขึ้นหลายโรง
บุคคลสำคัญ
บุคคลสำคัญในวงการนาฏศิลป์ไทยสมัยธนบุรี ได้แก่ ครูอิ่ม อิเหนา ซึ่งภายหลังได้เป็น ครูละครหลวง และได้เป็นเจ้าจอมมารดาในรัชกาลที่ ๑ แห่งกรุงรัตนโกสินทร์ นับว่าเป็นผู้สืบทอดศิลปะ การฟ้อนรำการละครจากสมัยธนบุรีมาถึงสมัยรัตนโกสินทร์ สมัยรัตนโกสินทร์
ประวัติความเป็นมา
สมัยธนบุรี เจ้าฟ้าพินทวดี ได้สืบทอดท่ารำละครในจากสมัยอยุธยา และได้ละครผู้หญิงของเจ้านครศรีธรรมราชมาเป็นครูฝึกหัดละครใน สมัยนี้ยังถือเป็นราชประเพณีว่า ละครผู้หญิงจะมีได้แต่เฉพาะภายในพระราชฐาน และยังมีละครหลวงที่แสดงโดยผู้ชายเกิดขึ้นอีกด้วย
นอกจากนี้ สมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช ยังสนพระทัยในศิลปะการแสดงนาฏศิลป์และละคร ทรงกำกับและดูแลการฝึกซ้อมด้วยพระองค์เอง ทรงพระราชนิพนธ์บทละครใน เรื่องรามเกียรติ์ ตอนหนุมานเกี้ยวนางวาริน ตอนท้าวมาลีวราชว่าความ ตอนปล่อยม้าอุปการ ตอนพระลักษณ์ถูกหอกกบิลพัท ตอนทศกัณฐ์ตั้งพิธีทรายกรด (เผารูปเทวดา)
ทรงมีพระราชประสงค์จะให้ละครหลวงนำออกแสดง โดยที่พระองค์ทรงแก้ไขให้บทละครเหมาะสมกลมกลืนกับการแสดง นอกจากเรื่องรามเกียรติ์แล้ว บทที่ละครหลวงใช้แสดงยังมีเรื่องอิเหนาที่เป็นบทละครครั้งกรุงศรีอยุธยาด้วย
นอกจากละครไทยแล้ว ยังมีละครเขมรของหลวงพิพิธวาที อีกด้วยกล่าวโดยสรุป สมัยธนบุรีบทละครมาจากสมัยอยุธยา มีละครใน ละครนอก และละครของเอกชน
ละครของเอกชนในสมัยธนบุรีมีหลายโรงด้วยกัน เช่น
ละครหมื่นเสนาะภูบาล
ละครหลวงวิชิณรงค์
ละครหมื่นไวหารภิรมย์
แบบแผนของศิลปะการแสดง
ระบำ
ละครรำ
โขน