Please enable JavaScript.
Coggle requires JavaScript to display documents.
จิตเภสัชบำบัด (psychopharmaco therapy) - Coggle Diagram
จิตเภสัชบำบัด (psychopharmaco therapy)
3.ยาต้านเศร้า/ ยารักษาอาการเศร้า (Antidepressant drugs)
รักษาโรคอารมณ์แปรปรวนในระยะซึมเศร้า (Bipolar disorder depressive episode) โรควิตกกังวล (Anxiety disorder) และโรคซึมเศร้า (Major depressive disorder) นอกจากนี้ยังใช้รักษาอาการปวดเรื้อรัง ปวดศีรษะไมเกรน โรคแพนิค (Panic disorder) และโรคความผิดปกติจากการรับประทานอาหาร (Eating disorder)
1.ยากลุ่ม Monoamine Oxidase Inhibitor (MAOIs)
ส่งผลให้อารมณ์ซึมเศร้าดีขึ้น แต่ tyramine ซึ่งเป็นสารกำเนิดของ norepinephrine ที่อยู่ในเนยแข็ง ไวน์ ช็อคโกแลค โยเกิร์ต กล้วย ได้รับการยับยั้งไปด้วย ทำให้norepinephrine เพิ่มสูงขึ้นมาก ส่งผลให้ผู้ป่วยได้รับอันตรายจากภาวะความดันโลหิตสูง (tyramine –induced hypertensive crisis) ซึ่งเป็นอันตรายต่อชีวิต ผู้ป่วยที่ใช้ยานี้จึงไม่ควรรับประทานอาหารที่มีไทรามีนสูง ยาในกลุ่มนี้ ได้แก่ tranylcypromine (parnate) , phenelzine (nardil) ซึ่งปัจจุบันยากลุ่มนี้เลิกใช้แล้วเป็นส่วนใหญ
2.ยากลุ่มไตรไซคลิก และเททราไซคลิก (Tricyclic and Tetracyclic Antidepressants: TCAs) หรือ
nonselective inhibition of noreprinephrine and serotonin
ส่งผลให้อารมณ์เศร้าหมดไปหรือทุเลาลง และยายังมีประสิทธิผลในการรักษาอื่นๆ ได้แก่ ช่วยให้ง่วงซึมในผู้ป่วยที่มีปัญหานอนไม่หลับ ทำให้อาการอ่อนเพลียดีขึ้น เพิ่มความอยากอาหาร และลดความวิตกกังวล
ผลข้างเคียง
ยาอาจเหนี่ยวนำให้ผู้ที่เป็นและไม่เป็น Bipolar disorder เกิดอาการ mania
อาการง่วงซึมจากฤทธิ์ antihistamine และ alpha adrenergicblocking
ผลต่อระบบประสาท ทำให้มีอาการมือสั่น รายที่ได้รับยาขนาดสูงจะมีอาการกล้ามเนื้อกระตุก พูดไม่ชัด เดินเซ
ฤทธิ์anticholinergic ทำให้เกิดอาการตาพร่า ปากแห้ง คอแห้งปัสสาวะถูกกักคั่ง (retention of urine)
ท้องผูก เหงื่อออกน้อย ท้องอืด และหัวใจเต้นเร็ว อาการเหล่านี้จะดีขึ้นในสัปดาห์หลังๆของการให้ยา
ผลต่อระบบประสาทอัตโนมัติ ทำให้เกิดอาการใจสั่นเหงื่อออกมากความดันโลหิตเพิ่มขึ้น
ผลต่อหัวใจ ทำให้หัวใจเต้นผิดจังหวะ (arrhythmia) และหัวใจเต้นเร็วผิดปกติ (tachycardia) หรือ EKG เปลี่ยนแปลง เนื่องจากยากลุ่มนี้มีฤทธิ์กดกล้ามเนื้อหัวใจโดยตรงเหมือนatropine
อาการ มือสั่น (fine tremor) หากอาการรบกวนมากแพทย์อาจให้propranolol 20-40 mg./day
น้ำหนักเพิ่ม โดยเฉพาะจาก amitriptyline
อาการ orthostatic hypotension
10.withdrawal symptoms จากการหยุดยา ผู้ป่วยจะมีอาการวิตกกังวล กระวนกระวาย นอนไม่หลับ คลื่นไส้
11.ข้อควรระวัง คือ ไม่ควรให้ในหญิงตั้งครรภ์
3.ยากลุ่ม Selective Serotonin Reuptake Inhibitions (SSRIs)
ยาออกฤทธิ์โดยช่วยเพิ่มการตอบสนองของ serotonin มีประสิทธิภาพในการรักษาโรคซึมเศร้า (Major depressive disorder) โรคตื่นตระหนก (Panic disorder) โรคย้ำคิดย้ำทำ (Obsessive Compulsive Disorder : OCD) โรคกลัวสังคม (Social phobia) การรับประทานอาหารผิดปกติ (Eating Disorder) และอาการผิดปกติภายหลังเผชิญเหตุการณ์สะเทือนขวัญ (Post -Traumatic Stress Disorder : PTSD) เป็นยากลุ่มที่มีความปลอดภัย ไม่ก่อให้เกิดอันตรายถึงชีวิตแม้ใช้ยาเกินขนาด ปฏิกิริยาไม่พึงประสงค์ของยาอยู่ในระดับที่ยอมรับได้ ไม่มีผลต่อการรู้คิด(Cognition) และความจำ (Memory) ไม่ทำให้เกิดอาการสับสนจึงนิยมใช้กับผู้สูงอายุ นอกจากนี้ยาไม่มีผลต่อหัวใจจึง
สามารถใช้กับผู้ป่วยโรคหัวใจได้อย่างปลอดภัย ยาในกลุ่มนี้ได้แก่ Fluoxetine (Prozac), Paroxetine (Seroxat), Sertaline (Zoloft), Mirtazapine (Remeron), Tianeptine (Stablon), Venlafaxine (Effexor)
ผลข้างเคียง
ผลต่อระบบประสาทส่วนกลางทำให้มีอาการปวดศีรษะในช่วงแรก (ในสัปดาห์ต่อมาจะดีขึ้น) มือสั่น หวาดหวั่น กระวนกระวาย หงุดหงิด (แก้ไขโดยให้ propranolol 10-20 mg. tid) นอนไม่หลับ (แก้ไขโดยให้ trazodone 50-100 mg. hs. หรือ clonazepam 0.5-1 mg. hs.) ผลต่อระบบประสาทส่วนกลางอื่นๆที่พบ คือ ง่วง ชัก สีหน้าไม่ยินดียินร้าย (apathy)
ผลต่อกระเพาะอาหารและลำไส้ จะมีอาการมากในช่วงแรกของการรักษา และค่อยๆ ลดลง หรือสามารถทนได้ ได้แก่ เบื่ออาหาร อาหารไม่ย่อย คลื่นไส้ ท้องร่วง
อาการผื่นขึ้น มีอันตรายมากเพราะปฏิกิริยาภูมิแพ้ที่อาจลามถึงปอด จึงควรเลิกใช้ยานี้ในผู้ป่วยที่มีผื่นขึ้น
ยาทำให้ระดับน้ำตาลในเลือดลดลง ต้องระวังในการใช้ยานี้กับผู้ป่วยโรคเบาหวาน
ผลทางเพศ ความต้องการทางเพศลดลง หลั่งช้า ไม่มี orgasm
ยาควบคุมอารมณ์ (Mood-stabilizer drugs)
ยากันชัก (anti-convulsant)
เป็นยาที่นำมาใช้รักษาโรคอารมณ์สองขั้ว (Bipolar disorder) เมื่อผู้ป่วยไม่
ตอบสนองต่อ lithium ยาที่นำมาใช้ได้แก่ carbamazepine (tegretol), sodium valproate หรือ valproic acid (depakine), gabapentin (neurontin), lamotrigin (lamictal) และ topiramate (topamax) โดยยาจะมีผลต่อการทำงานของ GABA และปิดกั้นการทำงานของ calcium และ sodium
ผลข้างเคียง
carbamazepine (tegretol)
sodium valproate (depakine)
lamotrigin (lamictal)
lamotrigin (lamictal)
น้ำหนักลด การคิด และการตัดสินใจลดลง
ผิวหนังมีผื่นขึ้น Steven Johnson Syndrome
ผมร่วง มือสั่น น้ำหนักเพิ่ม คลื่นไส้ ง่วงนอน ตับทำงานผิดปกติ เดินเซ (ถ้าขนาดยาสูงเกินไป)
และอาจมี thrombocytopenia
สับสน เวียนศีรษะ ตาพร่า เห็นภาพซ้อน เดินเซ ง่วงนอน คลื่นไส้ อาเจียน อาจพบ agranulocytosis และ
Steven-Johnson syndrome
Lithium
ออกฤทธิ์โดยลดปริมาณของ beta-adrenergic receptors และลดปริมาณของ serotonin receptors เป็นการลดการตอบสนองของสมองต่อสารสื่อประสาทข้อบ่งใช้ รักษา mania และป้องกันการกลับเป็นซ้ำของโรค Bipolar disorder ทั้งระยะ mania และระยะซึมเศร้า
ผลข้างเคียงที่พบบ่อยในแต่ละระดับของ lithium ในเลือด
ระดับที่ใช้บำบัดรักษา (0.8-1.2 mEq/L) มีอาการปากแห้ง กระหายน้ำ ง่วงซึม คลื่นไส้ ท้องเสีย มือสั่น มีภาวะไทรอยด์ต่ำ บวม น้ำหนักตัวเพิ่ม ปัสสาวะบ่อย ปวดศีรษะ ความจำลดลง เป็นต้น อาการข้างเคียงนี้จะลดลงหรือหายไปหลังจาก 3-6 สัปดาห์
ระดับเป็นพิษเล็กน้อย-ปานกลาง (1.5-2 mEq/L) มีอาการท้องเสีย อาเจียน มึนงง มือสั่น กล้ามเนื้ออ่อน
แรง ปากแห้ง
ระดับเป็นพิษปานกลาง-รุนแรง (2-3 mEq/L) มีอาการข้างเคียงคล้ายกับระดับเล็กน้อย-ปานกลาง และมีอาการดังต่อไปนี้ร่วมด้วย ได้แก่ ตาพร่ามัว เพ้อ สับสน ชักกระตุก ตากระตุก เดินเซ วิงเวียน และหูอื้อ
ระดับเป็นพิษรุนแรงมาก (>3 mEq/L) มีอาการข้างเคียงคล้ายกับระดับปานกลาง-รุนแรง และมีอาการ
ดังต่อไปนี้ร่วมด้วย ได้แก่ ชัก การทำงานของอวัยวะต่างๆของร่างกายล้มเหลว ไตวาย หมดสติ และอาจถึงขั้นเสียชีวิต
การรักษาพิษของยา
หยุด lithium ทันที
ตรวจ vital signs ให้น้ำ และอิเลคโตรไลท์ให้อยู่ในภาวะสมดุล
ให้ aminophyline หรือ mannitol และ sodium lactate เพื่อช่วยเร่งการขับถ่ายลิเทียม
แก้ระบบการไหลเวียนล้มเหลวและหัวใจหยุดเต้น
การพยาบาลเฉพาะสำหรับผู้ป่วยที่ได้รับยา Lithium
เตรียมผู้ป่วยให้มีความรู้เกี่ยวกับการรับประทานยา และผลข้างเคียงของยาที่พบในแต่ละระดับของlithium ในเลือด เน้นให้ผู้ป่วยปฏิบัติตัวเกี่ยวกับการรับประทานยาว่า ควรรับประทานยาในเวลาเดียวกันเป็นประจำทุก
ดูแลผู้ป่วยให้เกิดความสุขสบาย โดยลดผลข้างเคียงของยาที่เกิดขึ้น เช่น คลื่นไส้ อาเจียน ท้องเสีย กระหายน้ำ มือสั่น น้ำหนักเพิ่ม นอนไม่หลับ ปวดศีรษะ
ติดตามดูปริมาณของ lithium ในเลือด สังเกต และติดตามอาการข้างเคียงที่ต้องรายงานแพทย์ทันที