Please enable JavaScript.
Coggle requires JavaScript to display documents.
การเปลี่ยนแปลงในระบบทางเดินอาหาร ตับ ทางเดินน้ําดีและตับอ่อน - Coggle…
การเปลี่ยนแปลงในระบบทางเดินอาหาร ตับ ทางเดินน้ําดีและตับอ่อน
ความผิดปกติของหลอดอาหารกระเพาะอาหารลําไส้
ความผิดปกติของหลอดอาหาร
ความผิดปกติแต่กําเนิด (congenital abnormalities): หลอดอาหารตีบตัน (esophageal atresia; EA) และหลอดอาหารเชื่อมต่อกับหลอดลมคอ (trachea-esophageal fistula; TEF)
ภาวะน้ีพบได้ไม่บ่อย และอาการเกิดขึ้นไม่นานหลังจากคลอด ถ้ามีการตีบตันของหลอดอาหารอย่างสมบูรณ์ จะมีผลต่อการกลืน หาก จะทําให้สําลักนมเข้าปอด ชนิดที่พบบ่อยคือ ชนิดที่มีการตีบตันของหลอดอาหารส่วนบน และส่วนล่างจะเชื่อมกับหลอดลม ผู้ป่วยกลุ่มน้ีมักพบความผิดปกติของหัวใจและทางเดินอาหารส่วนอื่น ๆ ร่วมด้วย
การตีบตันของหลอดอาหาร (Esophageal obstruction): อคาเลเซีย (achalasia)
อาการและอาการแสดง
ถ้ารู้สึกอึดอัดไม่สบายหลังกลืนอาหาร 2-4 วินาที แสดงว่าการอุดตันอยู่ ส่วนบนของหลอดอาหาร หากรู้สึกอึดอัดหลังกลืนอาหาร 10-15 วินาที แสดงว่ามีการอุดตันส่วนล่าง ของหลอดอาหาร อาการสําคัญคือ อาการกลืนลําบาก นอกจากนี้อาจมีการขย่อนอาหาร อาเจียน น้ําหนักลด อาจสําลักอาหารจนปอดอักเสบได้
การยืนหรือโป่งเป็นถุงของผนังหลอดอาหาร (Esophageal diverticulum)
อาการและอาการแสดง
ผู้ป่วยจะมีความรู้สึกว่าอาหารติดค้างอยู่ที่หลอดอาหารก่อนที่จะ เคลื่อนตัวลงสู่กระเพาะ ร่วมกับมีอาการสําลัก ไอ และเรอมีกลิ่น เหม็นเน่าจากอาหารท่ีติดค้างอยู่
หลอดอาหารอักเสบ (Esophagitis)
การฉีกขาดเป็นแผลยาวที่หลอดอาหาร (Esophageal laceration)
เป็นการฉีกขาดตรงตําแหน่งรอยต่อระหว่างหลอดอาหารกับกระเพาะอาหาร (Esophagogastric junction) ซึ่งเรียกว่า Mallory-Weiss tear
หลอดอาหารอักเสบจากการไหลย้อนของกรดในกระเพาะอาหารข้ึนมาที่หลอด อาหาร (reflux esophagitis) หรือภาวะกรดไหลย้อน (Gastroesophageal reflux disease; GERD)
อาการและอาการแสดง
กล้ามท่ีมีอาการในหลอดอาหาร (Esophageal syndrome) ได้แก่ ปวดแสบปวดร้อนบริเวณหน้าอกและล้ินปี่ (Heart burn) โดยอาการจะเกิดภายหลังรับประทานอาหารประมาณ 30-60 นาที
กลุ่มที่มีอาการนอกหลอดอาหาร (Extra-esophageal syndrome) ได้แก่ เสียงแหบเรื้อรัง หรือแหบเฉพาะตอนเช้า ไอเรื้อรัง ไอหรือรู้สึกสําลักน้ําลาย หรือหายใจไม่ออกในเวลา กลางคืนจนอาจทําให้ต้องตื่นกลางดึก เจ็บหน้าอกที่ไม้ได้เกิดจากโรคหัวใจ (Non-cardiac chest pain)
ภาวะการอักเสบเรื้อรังของหลอดอาหาร (Barrett esophagus; BE)
หลอดเลือดดําบริเวณหลอดอาหารส่วนปลายโป่งพอง (Esophageal variceal; EV)
อาการและอาการแสดง ได้แก่ มีเลือดออกในทางเดินอาหาร อาเจียนเป็นเลือดสด (Hematemesis) ชีพจรเบาเร็ว ความดันโลหิตต่ำ ใจสั่น หายใจเร็ว และหมดสติ (อาการแสดงของภาวะช็อกจากการเสียเลือด)
มะเร็งหลอดอาหาร (Esophageal cancer)
ระยะของโรคมะเร็งหลอดอาหาร
ระยะที่1เป็นระยะที่ก้อนมะเร็งมีขนาดเล็กและยังอยู่เฉพาะในตัวหลอดอาหาร
ระยะท่ี2เป็นระยะที่ก้อนมะเร็งลุกลามมากข้ึนลุกลามไปต่อมน้ําเหลืองใกล้เคียง
ระยะที่ 3 เป็นระยะที่ก้อนมะเร็งลุกลามออกมาทะลุเน้ือเยื่อของหลอดอาหาร และมีการลุกลามไปต่อมน้ําเหลืองใกล้เคียง
อาการและอาการแสดง
อาการเริ่มแรกของมะเร็งหลอดอาหาร คือ อาการกลืนลําบาก โดย อาการจะมากขึ้นเรื่อย ๆ อาการอื่น ๆ ที่อาจพบร่วมด้วย ได้แก่ อาการกลืนแล้วเจ็บ อาเจียนเป็นเลือด ถ้ามีการลุกลามของโรค ผู้ป่วยอาจจะมี อาการไอเป็นเลือด อุจจาระสีดํา เสียงแหบ น้ําหนักลดลง
ความผิดปกติของกระเพาะอาหาร
ความผิดปกติแต่กําเนิด (Congenital abnormalities):กระเาพส่วนปลายตีบ (pyloric stenosis)
อาการและอาการแสดง พบอาการอาเจียนเป็นอาการสําคัญ โดยอาการจะเริ่มเป็นมากขึ้นเรื่อย ๆ มีอาเจียนพุ่ง เป็นนมไม่มีน้ําดีปน บางรายมีลิ่มเลือดเล็ก ๆ หรือมีสีน้ําตาลคล้ำ (Coffee ground) ปนออกมา หลังอาเจียนเด็กจะหิวดูดนมต่อได้แล้วอาเจียนออกมาหมด มักเริ่มมีอาการเมื่ออายุ
3 สัปดาห์เป็นต้นไป
กระเพาะอาหารเลื่อน หรือไส้เลื่อนกระบังลม (Hiatal hernia หรือ hiatus hernia)
อาการและอาการแสดง
แสบร้อนกลางอก จุกแน่นยอดอก คลื่นไส้ เรอบ่อย มีรสเปรี้ยวของกรดในคอ
กระเพาะอาหารอักเสบ (Gastritis)
กระเพาะอาหารอักเสบเฉียบพลัน
กระเพาะอาหารอักเสบเรื้อรัง
Helicobactor pylori gastritis
Autoimmune gastritis
อาการและอาการแสดง
พบอาการปวดท้อง ซึ่งมีลักษณะอาการที่สําคัญ คือ ปวดบริเวณลิ้นปี่ ปวดแบบแสบ ๆ หรือร้อน ๆ ปวดเรื้อรัง เป็น ๆ หาย ๆ
แผลในทางเดินอาหาร หรือแผลเป็บติค (Peptic Ulcer Disease: PUD)
อาการและอาการแสดง
จะมีอาการปวด แสบบริเวณยอดอก (Epigastrium) หรือบริเวณชายโครงซ้าย อาจปวดรุนแรงจนนอนไม่หลับ หรือมี อาการจุกเสียดแน่น ท้องอืดเล็กน้อย มักมีอาการปวดภายหลังรับประทานอาหาร 1⁄2 -2 ชั่วโมง
ความผิดปกติของลําไส้เล็กและลําไส้ใหญ่
ความผิดปกติแต่กําเนิด (Congenital anomalies)
ถุงยื่นแบบเม็คเคล (Meckel’s diverticulum)
โรคลําไส้ใหญ่โป่งพอง (Aganglionic megacolon) หรือโรคเฮิชสพรุง (Hirschsprung’s disease)
ความผิดปกติของการอุดตันในลําไส้
ภาวะลําไส้อุดตัน (Intestinal obstruction)
อาการและอาการแสดง
ปวดท้อง คลื่นไส้อาเจียน ท้องอืด การถ่ายผิดปกติ
ไส้เลื่อน (Hernia)
ไส้เลื่อนบริเวณขาหนีบ (Inguinal hernias)
ไส้เลื่อนบริเวณสะดือ (Umbilical hernias)
ไส้เลื่อนจากการผ่าตัด (Incisional hernias)
ไส้เลื่อนบริเวณต่ำกว่าขาหนีบ (Femoral hernias)
ความผิดปกติของการอักเสบของลําไส้
ลําไส้อักเสบเรื้อรัง(inflammatoryboweldisease;IBD)
Crohn’s disease
Ulcerative colitis
ไส้ต่ิงอักเสบเฉียบพลัน (Acute appendicitis)
อาการและอาการแสดง
คลื่นไส้ อาเจียน มีไข้ เบื่ออาหาร ท้องเสีย
การเลื่อนของช้ันเยื่อเมือกเข้าไปในช้ันกล้ามเน้ือของลําไส้ใหญ่ (Diverticulum)
กลุ่มความผิดปกติของลําไส้ตรงและทวารหนัก
ริดสีดวงทวาร (Hemorrhoids)
ระยะของริดสีดวงทวารหนักตามความรุนแรงจะแบ่งออกได้ 4 ระยะ
ระยะที่ 1 ริดสีดวงอยู่เหนือ Dentate line และไม่ยื่นออกมานอกขอบทวาร จะมีอาการ เลือดออก การตรวจต้องใช้เครื่องมือพิเศษส่องเข้าไปดูภายในทวารหนัก มองจากภายนอก หรือคลําดูจะ ไม่สามารถบอกได้
ระยะท่ี 2 ริดสีดวงจะโผล่ออกมานอกขอบทวารเวลาเบ่งถ่ายอุจจาระ และเลื่อนกลับเข้าไป ในทวารหนักได้เองหลังถ่ายอุจจาระ
ระยะที่ 3 ริดสีดวงจะโผล่ออกนอกขอบทวารขณะถ่ายอุจจาระและหลังถ่ายอจจาระ ต้องใช้นิ้วมือดันกลับจึงเข้า
ระยะท่ี 4 ริดสีดวงทวารโผล่ออกมาภายนอก และไม่สามารถดันกลับเข้าไปได้
อาการและอาการแสดง ในระยะแรกอาจมีเลือดติดกระดาษชําระหลังอุจจาระ หรือเคลือบอุจจาระออกมา ต่อมาอาจมีเลือดแดงสดหยดลงในโถส้วมขณะเบรงถ่ายหรือหลังถ่ายอุจจาระ
ฝีบริเวณทวารหนัก (anorectal abscess)
ฝีที่คัณฑสูตร (anal fistula or fistula in ano)
Intersphincteric fistula เป็นชนิดที่พบได้บ่อยที่สุด
Transphincteric fistula เป็นชนิดที่พบได้รองลงมา
Suprasphincteric fistula เป็นชนิดที่พบได้น้อย
Extrasphincteric fistula เป็นชนิดที่พบได้น้อยมาก
ความผิดปกติในการทําหน้าที่ของระบบทางเดินอาหาร
ภาวะท้องผูก (Constipation)
ลําไส้แปรปรวน (Irritable Bowel Syndrome; IBS)
อาการและอาการแสดง อาการเด่นที่พบคือ ปวดท้องหรือไม่สบายท้องที่สัมพันธ์กับการ ถ่ายอุจจาระ เช่น การเปลี่ยนแปลงความถี่ในการถ่ายอุจาระ หรือลักษณะความแข็งเหลวของอุจจาระ
ความผิดปกตขิองช่องท้อง(Peritonealcavity)
เยื่อบุช่องท้องอักเสบ (Peritonitis)
ความผิดปกติของตับ ทางเดินน้ําดี และตับอ่อน
ความผิดปกติของตับ (liver)
ตับแข็ง (cirrhosis)
อาการและอาการแสดง ภาวะตับแข็งในระยะเริ่มต้นมักไม่มีอาการ บางรายอาจมีอาการ อ่อนเพลีย เบื่ออาหาร เหนื่อยง่าย คลื่นไส้ น้ําหนักลด
ภาวะแทรกซ้อนของโรคตับแข็งที่พบ
ภาวะความดันเลือดในตับสูง (Portal hypertension)
ภาวะท้องมานน้ํา (Ascites)
หลอดเลือดดําในหลอดอาหารโป่งพอง (Esophageal varices)
โรคสมองจากโรคตับ (Hepatic encephalopathy)
ตับอักเสบ (Hepatitis)
ตับอักเสบจากเชื้อไวรัส (Viral hepatitis)
ตับอักเสบชนิดเอ (Hepatitis A)
ตับอักเสบชนิดบี (hepatitis B)
ไวรัสตับอักเสบซี (Hepatitis c virus)
ไวรัสตับอักเสบอี (Hepatitis E virus)
ความผิดปกติของทางเดินน้ําดี (Biliary tract)
นิ่วในถุงน้ําดี (Cholelithiasis or gall stone)
อาการและอาการแสดง ส่วนใหญ่มักจะไม่มีอาการ หรือมีอาการบางอย่างโดยไม่จําเป็นต้องมี ครบทุกอาการ ได้แก่ ท้องอืด แน่นท้องหลังรับประทานอาหารโดยเฉพาะอาหารที่มีไขมันมาก ปวดท้อง ใต้ชายโครงขวาเป็นครั้งคราว ปวดท้องรุนแรงและปวดร้าวไปถึงสะบักด้านขาว
ถุงน้ําดีอักเสบ (Cholecystitis)
มีอาการปวดท้องที่ใต้ชายโครงขวาอย่างรุนแรงภายหลังรับประทานอาหารมื้อใหญ่ ประมาณ 1-3 ชั่วโมง อาการปวดจะคงอยู่เป็นชั่วโมง หรือบางรายปวดท่ีลิ้นปี่ ร่วมกับมีไข้ เบื่ออาหาร
ความผิดปกติของตับอ่อน (Pancreas)
ตับอ่อนอักเสบ (Pancreatitis)
ตับอ่อนอักเสบเฉียบพลัน (Acute pancreatitis)
ตับอ่อนอักเสบเรื้อรัง (Chronic pancreatitis)