Please enable JavaScript.

Coggle requires JavaScript to display documents.

การพยาบาลในระยะตั้งครรภ์ พยบ.1131 น.ส. ธนัญธรณ์ นวลประสิทธิ์ รหัสนิสิต…

- - - - อาการแสดงอาการแสดงการตั้งครรภ์
        แน่นอน 100% (Positive signs)
        
        ตรวจพบการเต้นของหัวใจทารก (Fetal heart sound: FHS) จากการฟังด้วย Doppler principle ตั้งแต่ GA 10-12 สัปดาห์ อัตราการเต้น 120-160 ครั้ง/นาที จังหวะสม่ำเสมอแยกออกจากชีพจรของมารดาได้ชัดเจน แต่ถ้า 12 สัปดาห์แล้วฟังด้วย Doppler ไม่ได้ยินเสียงหัวใจทารกต้องส่งพบแพทย์เพื่อ Ultrasound
        
        ตรวจพบการเคลื่อนไหวของทารกในครรภ์ เมื่อ GA 20 สัปดาห์ โดยใช้มือสัมผัสหน้าท้องคอยรับความรู้สึกเมื่อทารกดิ้น
        
        ตรวจพบทารกโดยภาพรังสี จะตรวจได้ตั้งแต่ GA 16 สัปดาห์ขึ้นไป จะเห็นกระดูก Femur ได้ชัดเจน (สีแดง) หาก Ultrasound เห็นกระดูก Femur คือตั้งครรภ์จริง
        
        ตรวจพบทารกโดยวิธีคือเสียงความถี่สูง (Ultrasound) สามารถมองเห็นตัวอ่อนอยู่ในถุงน้ำคร่ำ Gestational sac ตั้งแต่อายุครรภ์เพียง 5 สัปดาห์ เป็นการช่วยยืนยันการตั้งครรภ์ได้ดี หาก 8 สัปดาห์ ยังตรวจไม่พบตัวอ่อนใน Sac เรียกว่า ท้องลม (Blighted ovum)
  - - - * ครั้งที่ 1 เมื่อมาฝากครรภ์ครั้งแรก
      - CBC (Hct, Hb, Blood Group, MCV, OF, DCIP)
      - * ครั้งที่ 2 เมื่ออายุครรภ์ 28-32 สัปดาห์ และต้องห่างจากครั้งที่ 1 อย่างน้อย 3 เดือน
      - Hct, VDRL และ Anti-HIV
      - -การตรวจปัสสาวะวิธี Urine strip test ตรวจหาไข่ขาว((Albumin) และน้ำตาล(Sugar) ในปัสสาวะ ตรวจทุกครั้งที่มาฝากครรภ์
- - - - ด้านเพศสัมพันธ์
        
        O ไตรมาสที่ 1 —> หญิงตั้งครรภ์อาจมีความรู้สึกทางเพศลดลง เนื่องจากความไม่สุขสบายทางด้านร่างกาย
        
        O ไตรมาสที่ 2 —> หญิงตั้งครรภ์จะมีความรู้สึกทางเพศเพิ่มขึ้นและร่างกายมีการตอบสนองทางเพศดีขึ้น (มีอารมณ์ทางเพศจากฮอร์โมน Estrogen สูง)
        
        O ไตรมาสที่ 3 —> รูปร่างของหญิงตั้งครรภ์จะเปลี่ยนแปลงมากขึ้น ขนาดของมดลูกขยายใหญ่ขึ้นทำให้รู้สึกอึดอัด ไม่สะดวกในการมีเพศสัมพันธ์
    - - ตัวอย่างข้อวินิจฉัยทางการพยาบาล
        ในระยะตั้งครรภ์
        
        ข้อวินิจฉัยทางการพยาบาล
        ในระยะตั้งครรภ์
        
        ข้อมูลสนับสนุน
        
        S : มารดาบอกว่า “ท้องผูกบ่อย 2-3 วัน 1 ครั้ง”
        S : ปัสสาวะบ่อยมากขึ้น ตื่นเข้าห้องน้ำกลางดึกบ่อยมากขึ้น
        
        ไม่สุขสบายจากการเปลี่ยนแปลง
        ด้านร่างกายในขณะตั้งครรภ์
        
        วางแผนการพยาบาล(Planning)
        
        -วัตถุประสงค์
        เพื่อลดความไม่สุขสบายจากการเปลี่ยนแปลงด้านร่างกาย
        ในไตรมาสที่ 2
        
        เกณฑ์การประเมิน
        
        หญิงตั้งครรภ์มีความสุขสบายในระหว่างตั้งครรภ์ไตรมาสที่ 2
        
        2.สามารถขับถ่ายได้ปกติ อาการท้องผูกลดน้อยลง
        
        3.หญิงตั้งครรภ์เข้าใจเกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลงทางสรีระวิทยาของร่างกาย
        
        กิจกรรมการพยาบาล
        1.ประเมินความไม่สุขสบายเมื่อมาตรวจครรภ์ทุกครั้ง สังเกตสีหน้าแสดงอาการแน่นท้อง และอื่นๆ ถามว่ามีอาการไม่สุขสบายหรือไม่
        2.ประเมินว่าสตรีต้องการทำอย่างไรเพื่อลดหรือบรรเทาอาการท้องผูก เช่น การดูแลตนเองในเรื่องโภชนาการ การดื่มน้ำ การออกกำลังกายเพื่อประเมินว่ามีประสิทธิภาพหรือไม่
        3.อธิบายความรู้ทางสรีระที่เกี่ยวข้องกับความไม่สุขสบายของสตรีตั้งครรภ์เกี่ยวกับสาเหตุของอาการท้องผูก เพื่อให้หญิงตั้งครรภ์เข้าใจและลดความกังวล
        
        ประเมินผลการพยาบาล(Evaluation)/
        ประเมินผลการสอนสุขศึกษา
        
        หญิงตั้งครรภ์มีความสุขสบายในระหว่างตั้งครรภ์ไตรมาสที่ 2
        2.สามารถขับถ่ายได้ปกติ อาการท้องผูกลดน้อยลง
        3.หญิงตั้งครรภ์เข้าใจเกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลงทางสรีระวิทยาของร่างกาย
  - - - ด้านภาพลักษณ์
      - O ไตรมาสที่ 1 —> การเปลี่ยนแปลงทางร่างกายยังปรากฏไม่ชัดเจน (การเปลี่ยนแปลงภาพลักษณ์น้อย)
      - O ไตรมาสที่ 2 —> เริ่มรู้สึกต่อการเปลี่ยนแปลงทางร่างกาย ความรู้สึกจะไม่คงที่
      - O ระยะไตรมาสที่ 3 —> รู้สึกว่าร่างกายเปลี่ยนแปลงมากขึ้นเกิดความไม่คล่องตัว, อาจมีความรู้สึกทางด้านลบต่อร่างกายของตนเองได้
  - - - -ขั้นที่ 4 การเปลี่ยนบทบาทการเป็นมารดา
      - 1.ฝันถึงภาพบทบาทการเป็นมารดาที่กำลังเลี้ยงดูบุตร
      - 2.วางแผนจัดเตรียมของในบ้าน เตรียมบุตรคนก่อนและสมาชิกครอบครัวให้พร้อมต้อนรับบุตรเกิดใหม่
      - 3.วิตกกังวลเกี่ยวกับการเจ็บครรภ์ มีความรู้สึกต้องพึ่งพาคนอื่น
      - 4.คิดว่ามีความเสี่ยงรออยู่ มีทั้งสมหวังหรือสูญเสียจะเกิดขึ้น
  - - - 1)สนใจซื้อเสื้อผ้าให้ทารกแรกเกิด
      - 2)มีการปฏิสัมพันธ์กับทารกโดยการสัมผัสภายนอกคิดถึงว่าบุตรจะมีบุคลิกคล้ายผู้ใด
      - 3)ยอมรับภาพลักษณ์ไม่น่าเกลียดแต่เป็นการให้กำเนิดชีวิต
      - 4)ชักนำให้สามีสนใจทารก “ช่วยกันตั้งชื่อ”
- - - - -นั่งเก้าอี้โยก —> ฝึกการทรงตัว เป็นการกระตุ้นเซลล์สมองเกี่ยวกับการเคลื่อนไหวและการรับรู้ ของทารกในครรภ์
        
        -น้ำแข็งประคบหรือน้ำเย็นใส่ขวด เลื่อนบนท้องเบาๆช้าๆ จะรู้สึกว่าลูกเคลื่อนหนี ทำวันละไม่เกิน 5 นาทีเท่านั้น เมื่อแรกคลอดทารกจะชินกับอุณหภูมิภายนอกที่เย็นกว่าในมดลูกทำให้ไม่หนาวสั่น
        
        -ไฟฉายส่องท้อง —> เซลล์สมอง ประสาทส่วนรับภาพ และการมองเห็นมีพัฒนาการดีขึ้น
        
        -ฝักบัวอาบน้ำ —> ขณะอาบน้ำลองใช้ทั้งน้ำอุ่นและนำเย็นฉีดลงบนบริเวณหน้าท้อง ทารกในครรภ์จะเกิดความคุ้นเคยการสายน้ำ รวมถึงคุ้นเคยกับการอาบน้ำเมื่อคลอดออกมา
- - - - -การมีเพศสัมพันธ์
        หากเคยมีประวัติการแท้งหรือคลอดก่อนกำหนด —> งดมีเพศสัมพันธ์ในไตรมาสที่ 1 เนื่องจากเสี่ยงแท้งได้ง่าย และงดในช่วงหนึ่งเดือนก่อนคลอดเพราะอาจทำให้เกิด
        การคลอดก่อนกำหนด
        
        -โภชนาการ และการใช้ยา
        แม่มีภาวะโภชนาการดีน้ำหนักขึ้นตามเกณฑ์จะทำให้ทารกแรกเกิดมี
        น้ำหนักตัวมากกว่า 2,500 กรัม, ธาตุเหล็ก —> ไตรมาสที่ 2-3 ให้เสริมยาเม็ดธาตุเหล็ก 1 เม็ดต่อวัน เพราะได้จากอาหารอย่างเดียวไม่พอ ถ้าขาดธาตุเหล็กจะทำให้เกิดภาวะโลหิตจางทั้งแม่และลูก มีผลต่อการคลอดและภาวะตกเลือดในแม่ขณะคลอด , ควรรับประทานโปรตีนเพิ่มขึ้นเป็นเท่าตัว, คาร์โบไฮเดรตและไขมันรับประทานได้ตามปกติ(ไม่ต้องเพิ่ม), งดอาหารรสจัด, ชา กาแฟ, สารเสพติด เหล้า และบุหรี่, ไม่ควรซื้อยาทุกชนิดมารับประทานเอง