Please enable JavaScript.
Coggle requires JavaScript to display documents.
การเผยแพร่พระพุทธศาสนา ในทวีปเอเชีย, ด ช ธีธัช จันทน์เสนะ ชั้น ม 3/14…
การเผยแพร่พระพุทธศาสนา
ในทวีปเอเชีย
จีน
พระพุทธศาสนาเข้ามาในประเทศจีน เมื่อประมาณ พ ศ 608
ในสมัยพระจักรพรรดิเม่งเต้ แห่งราชวงค์ฮั่น
โดยมีพระถังซัมจั๋งเดินทางไปที่อินเดียแล้วนำกลับมาปรับปรุงศาสนาในจีน
พ ศ 2455 จีนได้เปลี่ยนชื่อประเทศเป็นสาธารณรัฐจีน รัฐบาลไม่ได้สนับสนุนในพระพุทธศาสนา แต่สนับสนุนแนวความคิดของลัทธิมาร์กซิสต์ ซึ่งลัทธิดังกล่าวได้โจมตีพระพุทธศาสนา
พ ศ 2519 รัฐบาลชุดใหม่ของจีน ให้เสรีภาพการนับถือศาสนาของประชาชนมากขึ้น
ในปัจจุบัน มีการฟื้นฟูพระพุทธศาสนาลัทธิมหายานขึ้นใหม่
นอกจากนี้รัฐบาลยังให้การสนับสนุนจัดตั้งพุทธสมาคมแห่งประเทศจีน และสภาการศึกษาพระพุทธศาสนาแห่งประเทศจีนขึ้นในกรุงปักกิ่ง เพื่อเป็นศูนย์กลางการติดต่อเผยแผ่พระพุทธศาสนากับประเทศต่างๆทั่วโลก
ปัจจุบันนี้ชาวจีนส่วนใหญ่นับถือพระพุทธศาสนาควบคู่ไปกับการนับถือลัทธิขงจื๊อ และลัทธิเต๋า
พ ศ 2465 พระสงฆ์จีนรูปหนึ่งชื่อว่า พระอาจารย์ไท้สู ได้ช่วยกู้ฐานะของพระพุทธศาสนาไว้บางส่วนคือ ท่านได้ทำการปฏิรูปพระพุทธศาสนาอย่างจริงจัง เริ่มด้วยการตั้งวิทยาลัยสงฆ์ขึ้นที่
วูซัน เอ้หมึง เสฉวน และหลิ่งนาน เพื่อฝึกผู้นำทางพระพุทธศาสนาให้มีความรู้ทางพระธรรมวินัยและวิชาการทางโลกสมัยใหม่ แล้วนำมาเผยแผ่เพื่อให้เกิดประโยชน์ต่อสังคม
ความพยายามของพระอาจารย์ไท้สู ทำให้ประชาชนและรัฐบาลเข้าใจในพระพุทธศาสนาดีขึ้น ทางราชการได้ออกคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์สินของวัดห้ามนำไปใช้ในกิจการอื่น
เกาหลี
พระพุทธศาสนาเข้ามาในประเทศเกาหลีเมื่อ พ ศ 915 โดยสมณทูตซุนเตา เดินทางจากจีนเข้ามาเผยแพร่พระพุทธศาสนา
มีการสร้างวัดขึ้นมากมายประเทศเกาหลีในสมัยก่อนประกอบด้วย 3 อาณาจักร คือ โกคุริโอ ปีกเช และซิลลา แต่ผู้นำทั้ง 3 อาณาจักรนับถือพระพุทธศาสนาและให้การสนับสนุนกิจการต่าง ๆ และทรงถือว่าพระพุทธศาสนาเป็นศาสนาประจำชาติ
พ ศ 1935 พระพุทธศาสนาในเกาหลีเริ่มเสื่อมลงเมื่อราชวงศ์โซซอนาขึ้นมามีอำนาจ
ราชวงศ์นี้ได้เชิดชูลัทธิขงจื๊อให้ เป็นศาสนาประจำชาติ
จึงทำการกดขี่ผู้นับถือพระพุทธศาสนาจนทำให้พระสงฆ์ต้องหนีออกไปอยู่อย่างสงบตามชนบทป่าเขา
ตอนปลายสงครามโลกครั้งที่สอง พ ศ 2488
เกาหลีจึงถูกแบ่งเป็น 2 ประเทศ คือ เกาหลีเหนือ และเกาหลีใต้
เกาหลีเหนือปกครองด้วยลัทธิคอมมิวนิสต์ ไม่สนับสนุนพระพุทธศาสนา
เกาหลีใต้ พระพุทธศาสนาเจริญรุ่งเรืองมีมหาวิทยาลัยพระพุทธศาสนาที่เก่าแก่ที่สุดของเกาหลี
คือ มหาวิทยาลัยดองกุก
พ ศ 2507 คณะสงฆ์เกาหลีใต้ได้ตั้งโครงการแปลและจัดพิมพ์พระไตรปิฎกฉบับเกาหลีขึ้นเรียกว่า
ศูนย์แปลพระไตรปิฎกเกาหลี ตั้งอยู่ในมหาวิทยาลัยดองกุก
ญี่ปุ่น
พระพุทธศาสนาเข้าสู่ประเทศญี่ปุ่นผ่านทางเกาหลี ในรัชกาลพระเจ้ากิมเมจิจักรพรรดิองค์ที่ 29
พระพุทธศาสนาเข้าสู่ประเทศญี่ปุ่นโดยพระเจ้าเซมาโวแห่งเกาหลี ส่งราชทูตไปยังราชสำนักพระเจ้ากิมเมจิพร้อมด้วยพระพุทธรูป ธง คัมภีร์พุทธรรม และขอให้พระเจ้ากิมเมจินับถือศาสนาพุทธ
พ ศ 1135 เจ้าชายโชโตกุได้ทรงวางรากฐานการปกครองประเทศญี่ปุ่น พระพุทธศาสนาได้เจริญรุ่งเรือง ประชาชนญี่ปุ่นต่างแข่งขันกันสร้างวัดและสำนักปฏิบัติธรรมเป็นอันมาก ยุคสมัยนี้ได้ชื่อว่ายุคโฮโก คือยุคที่สัทธรรมไพโรจน์
เจ้าชายโกโตกุสิ้นพระชนม์ลง พระพุทธศาสนาก็ถูกแบ่งออกเป็นหลายนิกาย
พระพุทธศาสนาก็ยิ่งเสื่อมลงลัทธิชินโตได้รับความนิยมนับถือแทนพระพุทธศาสนา
ปัจจุบันชาวญี่ปุ่นนับถือพระพุทธศาสนาควบคู่ไปกับศาสนาชินโต
พระพุทธศาสนาแบ่งออกเป็นหลายนิกายที่สำคัญมี 5 นิกาย คือนิกายเทนได (เทียนไท้) นิกายชินงอน นิกายโจโด (สุขาวดี) นิกายเซน (ชยาน หรือ ฌาน) นิกายนิชิเรน
เนปาล
พระพุทธศาสนาเข้าสู่ประเทศเนปาลทางประเทศอินเดีย
แต่เดิมประเทศเนปาลเป็นส่วนหนึ่งของประเทศอินเดีย
สถานที่ประสูติของพระพุทธเจ้าคือสวนลุมพินีอยู่ในเขตประเทศเนปาล
สมัยพระเจ้าอโศกมหาราชได้ทรงสร้างวัดและเจดีย์หลายแห่งซึ่งปรากฏอยู่ที่นครกาฐมาณฑุในปัจจุบัน
ในสมัยที่ชาวมุสลิมเข้ารุกรานแคว้นพิหาร และเบงกอล ในประเทศอินเดีย พระภิกษุจากอินเดียต้องหลบหนีภัยเข้าไปอาศัยอยู่ในเนปาล
พระพุทธศาสนาในเนปาลยุคแรกเป็นพระพุทธศาสนาแบบดั้งเดิมหรือแบบเถรวาท
เถรวาทเสื่อมสูญไปเนปาลกลายเป็นศูนย์กลางของพระพุทธศาสนามหายานนิกายตันตระซึ่งใช้คาถาอาคมและพิธีกรรมแบบไสยศาสตร์
นิกายพุทธปรัชญาสำนักใหญ่ ๆ เกิดขึ้นอีก 4 นิกาย
คือ สวาภาวิภะ ไอศวริกะ การมิกะ และยาตริกะ แต่ละนิกายก็ยังแยกเป็นสาขา
พระพุทธศาสนาเนปาลในปัจจุบัน ได้มีการฟื้นฟูพระพุทธศาสนาฝ่ายเถรวาทขึ้น
โดยส่งภิกษุสามเณรไปศึกษาในประเทศที่นับถือพระพุทธศาสนาฝ่ายเถรวาท
เช่น ไทย พม่า ศรีลังกา
พระพุทธศาสนาซึ่งได้อุบัติขึ้นในชมพูทวีป เมื่อ 2,500 กว่าปีมาแล้วได้เริ่มหลายไปสู่ดินแดนต่าง ๆ นับ ตั้งแต่สมัยพระเจ้าอโศกมหาราชเป็นต้นมา
ด ช ธีธัช จันทน์เสนะ ชั้น ม 3/14 เลขที่ 9