Please enable JavaScript.
Coggle requires JavaScript to display documents.
การใช้กระบวนการพยาบาลในการดูแลมารดา ที่มีปัญหาสุขภาพในระยะหลังคลอด,…
การใช้กระบวนการพยาบาลในการดูแลมารดา
ที่มีปัญหาสุขภาพในระยะหลังคลอด
การตกเลือดหลังคลอด
(postpartum hemorrhage)
❖ การคลอดบุตรทางช่องคลอดปริมาณมากกว่า500 cc. หรือ ร้อยละ 1 ของน้ำหนักตัว มารดาหลังคลอด
❖ กรณีผ่าตัดคลอดเสียเลือดมากกว่า 1,000 cc.
การตกเลือดหลังคลอด แบ่งเป็น 2 ระยะ
1.การตกเลือดหลังคลอดในระยะแรก (early or immediate or primary postpartum hemorrhage) เกิดภายใน 24 ชั่วโมง แรกหลังคลอดโดยรวมระยะที่สามของการคลอด
การตกเลือดหลังคลอดในระยะหลัง(late or secondary postpartum hemorrhage) เกิดหลัง 24 ชั่วโมง ไปจนถึง
6 สัปดาห์หลังคลอด
อาการและอาการแสดง
(sign and symptom)
มีเลือดออกทางช่องคลอด
ลักษณะแตกต่างกันตามสาเหตุ
มดลูกหดรัดตัวไม่ดี เลือดที่ออกมาจะเป็นสีคล้ำ มีลิ่มเลือดปน
การฉีกขาดของช่องทางคลอด เลือดที่ออกมาจะเป็นสีแดงสด
การฉีกขาดของหลอดเลือดฝอยเลือดจะไหลซึมเรื่อยๆ
ฉีกขาดของหลอดเลือดแดงเลือดจะพุ่งแรงตามจังหวะของชีพจรและไหลไม่หยุดแม้ว่ามดลูกจะหดรัดตัวแข็ง
เศษรกค้าง
ถ้าเศษรกขนาดใหญ่จะเกิดการตกเลือดทันทีจากมดลูกหดรัดตัวไม่ดี
ถ้าขนาดเล็กจะเกิดการตกเลือดในช้วง 6-10 วันหลังคลอด เลือดจะเป็นสีแดงคล้ำ
การปลิ้นของมดลูก เลือดจะไหลพุ่งออกมาให้เห็นเป็นจำนวนมากและอาจมีลิ่มเลือดสีแดงคล้ำ
การมีเลือดคั่งใต้ผิวหนัง (hematoma) พบผิวหนังมีอาการบวมแดงออกสีม้วงคล้ำหรือดำคล้ำ เจ็บปวดอย่างรุนแรง
มดลูกหดรัดตัวไม่ดี
ลักษณะน้ำคาวปลา ถ้าติดเชื้อ จะมีกลิ่นเหม็น สีแดงคล้ำหรือสีน้ำตาล เป็นเวลานาน มีอุณหภูมิกายสูงขึ้น
ปวดท้องน้อย กรณีมดลูกปลิ้นจะปวดท้องน้อยอย่างรุนแรง ปวดถ่วงในอุ้งเชิงกราน หรือมีก้อนจุกที่ช้องคลอด
พยาธิสรีรภาพ
การตกเลือดหลังคลอด เกิดจากการฉีกขาดของหนทางคลอดใกล้บริเวณท่อปัสสาวะทำให้ท่อป้สสาวะบวม ทำให้มารดาหลังคลอด ถ่ายปัสสาวะลำบาก หรือถ่ายป้สสาวะไม้ได้ ทำให้กระเพาะป้สสาวะเต็ม(full bladder) ซึ่งขัดขวางการหดรัดตัวของมดลูก ทำให้เสี่ยงต้อการตกเลือดซ้ำได้
การประเมินและการวินิจฉัย
การซักประวัติ เพื่อค้นหาภาวะเสี่ยงต่อการตกเลือดหลังคลอด
การมีเลือดออกผิดปกติ
มีภาวะโลหิตจางเป็นโรคเลือด
ประวัติการตั้งครรภ์แฝด ทารกตัวโต
การคลอดยากการแท้งการขูดมดลูก
การผ่าตัดมดลูกการตกเลือดในครรภ์ก่อน
การตรวจร่างกาย
คาดคะเนปริมาณเลือดที่ออกทางช่องคลอดหลังจากทารกคลอด
สังเกตอาการและอาการแสดงของการเสียเลือด
ประเมินการหดรัดตัวของมดลูก การฉีกขาดช่องทางคลอด ตรวจดูความสมบูรณ์ของรก
การตรวจทางห้องปฏิบัติการ
ดูความผิดปกติในการแข็งตัวของเลือด ภาวะโลหิตจาง platelets count, thrombin time, prothrombin time, fibrinogen concentration
แนวทางการรักษา
การกู้ชีพเบื้องต้น
1.เปิดเส้นเลือดเพื่อให้สารน้ำทางหลอดเลือดดำ ด้วยเข็มเบอร์ 18
ให้ออกซิเจน cannular หรือ mask with bag
วัดสัญญาณชีพ และประเมินต่อเนื่อง (vital signs monitor)
ใส่สายสวนป้สสาวะ เพื่อประเมินปริมาณปัสสาวะ
ประเมินสาเหตุที่ทำให้เกิดการตกเลือด 4T
รักษาตามสาเหตุหลัก
ดูแลตามสาเหตุของการตกเลือด
รกไม่คลอด หรือ คลอดไม่หมด (Tissue)
ล้วงรก
ขูดมดลูก กรณีที่รกคลอดไม่ครบ
การหดรัดตัวของมดลูกไม่ดี(Tone)
นวดคลึงมดลูก
ให้ยากระตุ้นการหดรัดตัวมดลูก โดยใช้ Oxytocin
Bimanual compression
บาดเจ็บช่องทางคลอด มดลูกปลิ้น มดลูกแตก (Trauma)
เย็บซ่อมตำแหน่งที่ฉีกขาด
มดลูกแตก มักต้องตัดมดลูก
มดลูกปลิ้น ใส่มดลูกกลับคืน
การบวมเลือ ต้องผ่าและขูดเอาก้อนเลือดออก
การแข็งตัวของเลือดผิดปกติ(Thrombin)
แก้ไข หรือให้องค์ประกอบของเลือดทดแทน
ปรึกษาอายุรแพทย์
กรณีไม่ตอบสนองต่อการรักษาเบื้องต้น
ปรึกษาแพทย์ผู้มีประสบการณ์ / วิสัญญีแพทย์
ส่งต่อมารดาทารกหลังคลอดโดยมีแพทย์ พยาบาลพร้อมทีมกู้ชีพร่วมดูแลระหว่างการส่งต่อ
ดูแลอย่างใกล้ชิด Intensive care และป้องกันเลือดออกเพิ่ม Control BP และการแข็งตัวของเลือด
ให้เลือด น้ำเกลือ องค์ประกอบของเลือด
ห้ามเลือด ควบคุมเลือดออกเฉพาะที่ เช่น เย็บผูกหลอดเลือดมดลูก เป็นต้น
ภายหลังการตัดมดลูก เลือดยังออกไม่หยุด
ทำ abdominal packing โดยนำผ้ากอซ(swab) ใส่ในช่องท้อง
อัดให้แน่นเพื่อห้ามเลือด แล้วเอาออกภายใน 24 ชั่วโมง
การพยาบาล
1.การพยาบาลเพื่อป้องกันการตกเลือดหลังคลอด
ซักประวัติการตั้งครรภ์ การคลอด ครั้งก่อน เพื่อหาปัจจัยเสี่ยงที่อาจส่งผล และแก้ไขป้ญหาความเข้มข้นของเลือด โดยแนะนำการรับประทานอาหาร
และยาเสริมธาตุเหล็ก
หลีกเลี่ยง /ลดความรุนแรงของปัจจัยเสี่ยง เช่น การคลอดที่ยาวนาน การให้ยากระตุ้นการหดรัดตัวของมดลูกนานๆ การติดเชื้อในถุงน้ำคร่ำ , มารดาที่มีความเสี่ยงสูง ควรงดน้ำ งดอาหารทางปาก เปิดเส้นให้สารน้ำทางหลอดเลือดดำ เจาะเลือดตรวจความเข้มข้นของเลือด หมู่เลือด , ทำคลอดในระยะที่สองและสามของการคลอดอย่างถูกต้องเหมาะสม โดย ไม่บีบเคล้นหรือคลึงมดลูกก่อนรกรอกตัว
ให้ oxytocin เมื่อทารกคลอดแล้วควรให้ต่อไปอย่างน้อย 1 ชั่วโมง
ดูแลอย่างใกล้ชิด ใน 2 ชั่วโมงแรกหลังคลอด
โดย ดูการหดรัดตัวของมดลูก ปริมาณเลือด อาการอาการแสดงของการเสียเลือด วัดสัญญาณชีพ ทุก 15-30 นาที
ดูแลกระเพาะปัสสาวะให้ว่าง
สังเกตการหดรัดตัวของมดลูก
1 more item...
ดูแลแบบ Active Management of Third
Stage of Labor (AMTSL)
การพยาบาลขณะที่มีการตกเลือดหลังคลอดให้ปลอดภัยจากภาวะช็อค
ประเมินระดับความรู้สึกตัว
บันทึกสัญญาณชีพ ทุก 15 นาที
จัดให้นอนราบ ไม่หนุนหมอน ตะแคงหน้าเพื่อให้ทางเดินหายใจโล่ง ให้ความอบอุ้นแก่ร่างกาย
ดูแลให้ออกซิเจน Nasal cannula 4-5 ลิตร/นาที
ให้สารน้ำหรือเลือดทางหลอดเลือดดำ
บันทึกปริมาณเลือดที่ออกทางช่องคลอด ปัสสาวะ ปริมาณน้ำเข้า และขับออก
3.การพยาบาลเพื่อฟ้นฟูและส้งเสริมสุขภาพของมารดาหลังคลอด
ดูแลให้มารดาหลังคลอดได้พักผ่อนอย่างเต็มที่
จัดสิ่งแวดล้อมให้สะอาด สงบ
ดูแลให้รับประทานอาหารอ่อน ย่อยง่าย มีคุณค่าสูง เพิ่มโปรตีน วิตามิน และธาตุเหล็ก
ดูแลความสะอาดร่างกายทั่วไป อวัยวะสืบพันธุ์ และสังเกตลักษณะน้ำคาวปลา
ดูแลให้ได้รับยาปฏิชีวนะตามแผนการรักษา
แนะนำการมาตรวจตามนัดหลังคลอด และเว้นระยะการมีบุตร 1-2 ปี
การติดเชื้อหลังคลอด
(puerperal infection)
การติดเชื้อแบคทีเรียของระบบอวัยวะสืบพันธุ์มารดาหลังคลอด มักเกิดในช่วง 28 วันหลังคลอด เป็นภาวะแทรกซ้อนที่พบได้บ่อยในช่วงหลังคลอด
การติดเชื้ออื่นๆ นอกระบบอวัยวะสืบพันธุ้ที่พบได้ เช่น กระเพาะป้สสาวะอักเสบ (cystitis) กรวยไตอักเสบ(pyelonephritis) ปอดอักเสบ(pneumonia) เต้านมอักเสบ(mastitis)
สาเหตุส่งเสริม
ภาวะทุพโภชนาการ โลหิตจางตั้งแต้ระยะตั้งครรภ์ ภาวะขาดน้ำ หรือตกเลือดระหว่างการคลอด
การเจ็บครรภ์และระยะคลอดยาวนาน โดยเฉพาะในรายที่ถุงน้ำแตกก่อนคลอดเป็นเวลานาน
ปนเปื้อนขณะใส่ electrode เข้าไป
เทคนิคการทำคลอดไม่ถูกต้อง
มีเศษรกค้างในโพรงมดลูก
ดูแลแผลฝ้เย็บไม่ถูกต้อง หรือขาดการดูแลรักษาความสะอาดอวัยวะสืบพันธุ์ภายนอก
เนื้อเยื่อหนทางคลอดได้รับความกระทบกระเทือน บอบช้ำ หรือมีการบวมเลือด การฉีกขาด จากการคลอดด้วยสูติศาสตร้หัตถการ หรือการคลอดยาก
พยาธิสรีรภาพ
การติดเชื้อเฉพาะที่
การติดเชื้อแผลฝีเย็บ ปากช่องคลอด ช่องคลอด และปากมดลูก
อาการ ปวดเฉพาะที่ไม่รุนแรง ปัสสาวะลำบาก(dysuria) ร่วมด้วย ถ้าระบายหนองได้ดี อาการจะไม่รุนแรง ไข้ต่ำกว่า 38.5 C ถ้ามีหนองคั่ง อาจมีอาการไข้สูง หนาวสั่น
การรักษา การดูแลเหมือนแผลศัลยกรรมทั่วไป ตัดไหม เปิดแผลให้หนองระบาย ทำ hot sitz baths ช่วยบรรเทาอาการปวดในระยะเฉียบพลันของการติดเชื้อ ให้ยาปฏิชีวนะและยาระงับปวด
การติดเชื้อเยื่อบุโพรงมดลูก หรือการติดเชื้อของของมดลูก
แบคทีเรียเพาะตัวที่เยื่อบุมดลูก (decidua) บริเวณที่รกเกาะ เกิดขึ้นตั้งแต่ 2-3 ชั่วโมง ถึง 2-3 วันหลังคลอด ถ้าการติดเชื้ออยู่เฉพาะบริเวณผิวก็จะหลุดออกมาเองใน 2-3 วัน แต่ถ้าติดเชื้อลุกลาม เชื้อเกือบทั้งหมดจะเข้าสู้ชั้นกล้ามเนื้อมดลูกทำให้เกิดการอักเสบของมดลูกชั้น myometrium (myometritis)
อาการและอาการแสดง
อาการมักเริ่มต้นใน 48 ชั่วโมงแรกหลังคลอด
มีไข้สูงแบบฟันเลื่อยระหว่าง 38.5-40 C
ชีพจรเร็วสัมพันธ์กับอุณหภูมิ
ปวดท้องน้อยบริเวณมดลูก
น้ำคาวปลามีกลิ่นเหม็น
การรักษา
ยาปฏิชีวนะชนิด broad spectrum เช่น ampicillin เริ่มให้ยาทางหลอดเลือดดำ 4-8 กรัม/วัน
จนไม่มีไข้ 24-48 ชั่วโมง เปลี่ยนเป็นแบบรับประทาน 4-5 วัน และรักษาตามอาการ
การติดเชื้อลุกลามออกไปนอกมดลูก
1.แพร่กระจายไปตามหลอดเลือดดำ
เกิด septic pelvic thrombophlebitis,femoral thrombophlebitis, pyemia จาก infected emboli หลุดไปตามกระแสโลหิต ถ้า emboli ก้อนใหญ่หลุดไปอุดตัน
เส้นเลือดในปอด จะทำให้เสียชีวิตเฉียบพลัน
อาการและอาการแสดง
Septic pelvic thrombophlebitis พบไข้สูงลอยทั้งที่ให้ยาปฏิชีวนะ
femoral thrombophlebitis จะพบขาบวมตึง กดไม่บุ๋ม
แนวทางการรักษา
ให้ heparin ถ้าตอบสนองดีใน48-72 ชั่วโมง ให้ต่อไปจนครบ 10 วัน ร่วมกับให้ยาปฏิชีวนะ ถ้าไม่ตอบสนองต่อการรักษาต้องผ่าตัดหน้าท้อง
femoral thrombophlebitis ให้ยาปฏิชีวนะระงับความรู้สึก และอาจให้ heparin ในบางราย นอนยกขาสูง ห้ามเดินจนกว่าอุณหภูมิจะลดลงมาแล้ว 1 สัปดาห์
แพร่กระจายไปตามระบบน้ำเหลือง
Pelvic cellulitis เป็นการติดเชื้อของเนื้อเยื่อเกี่ยวพันในอุ้งเชิงกรานนอกเยื่อบุช่องท้อง
อาการ มีไข้สูงมากกว่า 38 C ต่อเนื่องหลายวัน ปวดท้องน้อย เบื่ออาหาร คลื่นไส้ อาเจียน ปวดศีรษะ มดลูกติดแน่น กดเจ็บทั้ง 2 ข้าง คลำพบก้อนบริเวณ broad ligament
แนวทางการรักษา
ให้ยาปฏิชีวนะครอบคลุมทั้ง anaerobic และaerobe coliform organism รายที่เป็นรุนแรงจะต้องได้รับการผ่าตัด
Peritonitis การติดเชื้อของมดลูกกระจายทางท่อน้ำเหลืองมดลูก ลุกลามไปเยื่อบุช่องท้อง การอักเสบอาจเป็นเฉพาะที่อยู่ในช่องเชิงกราน หรือเชื้ออาจกระจายเป็น generalized peritonitis
อาการ ปวดท้องรุนแรง มีท้องโป่งตึง กดเจ็บ มี rebound tenderness ไม่มีเสียงการทำงานของลำไส้ ไข้สูง ชีพจรเร็ว กระสับกระส่าย เบื่ออาหาร คลื่นไส้ อาเจียน ถ้ามีฝีแล้วไม่ได้รับการรักษาฝีจะแตก หนองเข้าช่องท้อง เกิด septic shock
การพยาบาล
1.การพยาบาลเพื่อป้องกันการติดเชื้อหลังคลอด
แนะนำการปฏิบัติตัวระหว่างการตั้งครรภ์ให้มีสุขภาพแข็งแรง ฝากครรภ์ตามนัดเพื่อดูแลและแก้ไขความผิดปกติได้ทันที
ดูแลให้ผู้คลอดได้พักผ่อนและได้รับสารน้ำอย่างเพียงพอ
บุคลากรในห้องคลอดผูก mask ใช้อุปกรณ้ sterile และ Aseptic technique
ทำคลอดด้วยความระมัดระวังเพื่อป้องกันการบาดเจ็บ ชอกช้ำ ของช่องทางคลอด
ทันทีหลังคลอด เปลี่ยนเสื้อผ้า ผ้าปูที่นอน และสิ่งอื่นๆ ที่ปนเปื้อนเลือดหรือสารคัดหลั่ง
แนะนำล้างมือบ้อยๆ โดยเฉพาะก่อนและหลังเปลี่ยนผ้าอนามัย และการขับถ่าย
แนะนำทำความสะอาดอวัยวะสืบพันธุ้ที่ถูกวิธี ป้องกันการนำเชื้อE.coli
กระตุ้นให้ดื่มน้ำมากๆ รับประทานอาหารที่มีคุณค่าทางโภชนาการสูง
2.การพยาบาลขณะมีการติดเชื้อหลังคลอด
แยกมารดาที่ติดเชื้อออกจากมารดาหลังคลอดทั่วไป เพื่อป้องกันการแพร้กระจายเชื้อ(universal precaution)
ประเมินสัญญาณชีพและสังเกตอาการ ประเมินภาวะ shock จากการติดเชื้อ
ให้พักผ่อนอย่างเต็มที่ ดูแลความสุขสบายเช็ดตัวเพื่อลดไข้
ดูแลให้ได้รับอาหารที่มีพลังงาน วิตามิน โปรตีนสูง และได้รับสารน้ำอย่างเพียงพอ
ดูแลความสะอาดร่างกายและสิ่งแวดล้อม
ดูแลให้ได้รับยาปฏิชีวนะยาแก้ปวด และอื่นๆ ตามแผนการรักษา
มดลูกเข้าสู่อุ้งเชิงกรานช้ากว้าปกติ
(sub involution)
ภาวะที่กระบวนการกลับคืนสู่สภาพเดิมของมดลูกใช้เวลานาน หรือกระบวนการนั้นหยุดไปก่อนที่มดลูกจะกลับคืนสู่สภาพเดิมอย่างสมบูรณ์
อาการและอาการแสดง
น้ำคาวปลาออกนาน หรือมากกว่าปกติ สีแดง มีกลิ่นเหม็น อุณหภูมิกายสูงกว่า 38 c และอาจตกเลือดหลังคลอดระยะหลัง
การพยาบาล
เพื่อป้องกันมดลูกเข้าอู่ช้า
หลังรกคลอด ตรวจสอบความสมบูรณ์ของรก ให้แน่ใจว่าไม่มีเศษรกค้าง
ส่งเสริมให้น้ำคาวปลาไหลสะดวก เช่น กระตุ้นให้ลุกจากเตียงโดยเร็ว เดินบ่อยๆ หรือให้นอนคว่ำ
ส่งเสริมให้เลี้ยงลูกด้วยนมมารดา
2.เมื่อเกิดภาวะมดลูกเข้าอู่ช้าในระยะหลังคลอด
ให้ข้อมูล : อาการ การรักษา แนะนำการปฏิบัติตัว
ถ้าไม่มีอาการกดเจ็บที่มดลูก น้ำคาวปลาปกติ ไม่มีกลิ่นเหม็น เลือดออกน้อย ให้ยากระตุ้นการหดรัดตัวของมดลูก ประเมินขนาดของมดลูก
ถ้ามีไข้ น้ำคาวปลามีกลิ่นเหม็น กดเจ็บที่มดลูก เยื่อบุมดลูกอาจอักเสบหาสาเหตุว่าเกิดจากเชื้อใด หา sensitivity ให้สารน้ำทางหลอดเลือดให้ยาปฏิชีวนะตามแผนการรักษา
ถ้ามีเศษรกค้าง อาจต้องขูดมดลูกเพื่อเอาเศษรกออก
แนะนำการดูแลตนเอง พักผ่อนให้เพียงพอ รักษาความสะอาดร่างกาย และอวัยวะสืบพันธุ์
นัดมาตรวจตามนัด แนะนำสังเกตอาการผิดปกติ ถ้ามีอาการผิดปกติให้มาก่อนนัด
เต้านมอักเสบ (mastitis)
ภาวะมีเลือดคั่งในอวัยวะสืบพันธ์สตรี
(hematoma)
ภาวะหลอดเลือดดำอักเสบ (thrombophlebitis)
ความผิดปกติทางจิตใจในระยะหลังคลอด
การเปลี่ยนแปลงของระดับฮอร์โมนเอสโตรเจน(estrogen) โปรเจสเทอโรน(progesterone) มีผลต่อสารสื่อประสาท เซโรโทนิน(serotonin) ระดับฮอร์โมนที่ลดต่ำลง จะส่งผลให้เซโรโทนิน ลดต่ำลงด้วย ซึ่งระยะหลังคลอดระดับฮอร์โมนเอสโตรเจนและโปรเจสเทอโรน ต่ำลงทันที จะทำให้มารดารู้สึก เบื่อหน่าย นอนไม่หลับ เป็นสาเหตุการเกิดอารมณ์เศร้า
ภาวะเศร้าหลังคลอดแบ่งออกเป็น 3 ระดับ
1.ภาวะเศร้าหลังคลอด
(postpartum blues)หรือ baby blues
อาการชั่วคราว ไม่รุนแรง เช่น มีอาการอ่อนเพลีย อารมณ์แปรปรวนขึ้นๆ ลงๆ เปลี่ยนแปลงง่าย หงุดหงิด ร้องไห้ง่าย เศร้าง่าย เซื่องซึมง่าย
ถ้าอาการอยู่นาน เกิน 2 สัปดาห์หลังคลอด้องได้รับการรักษา อาจพัฒนาเป็น
ภาวะซึมเศร้าหลังคลอด และโรคจิตหลังคลอด
2.ภาวะซึมเศร้าหลังคลอด
(postpartum depression)
ภาวะเบี่ยงเบนทางอารมณ์ ความคิด ที่มีผลทำให้พฤติกรรมเปลี่ยนไปจากเดิม ทั้งทางด้านร่างกาย จิตใจและอารมณ์ จะมีอาการนานกว่า 2 สัปดาห์
อาการและอาการแสดง
รู้สึกเศร้า หดหู้ เซื่องซึม วิตกกังวล อารมณ์เปลี่ยนแปลงง่าย หงุดหงิด โมโห ขาดความสนใจตนเองและสิ่งแวดล้อม รู้สึกหมดหวังในชีวิต ไร้ค่า มองโลกในแง่ร้าย
อาการรุนแรง
หวาดระแวง ประสาทหลอน เช่น หูแว่ว พฤติกรรมแปลกประหลาด วุ่นวายผิดแปลก อารมณ์ก้าวร้าวรุนแรง
ซึมเศร้า หรืออารมณ์ดีแบบไม่สมเหตุสมผล มีความคิดหลงผิด คิดทำร้ายตนเองคนรอบข้าง แม้กระทั่งบุตรของตัวเอง
การประเมินและการวินิจฉัย
ใช้เกณฑ์ของ Diagnostic and Statistical Manual of Mental Disorders V (DSM-V)
อย่างน้อย 5 ข้อ โดยมีข้อ 1 หรือ 2 อย่างน้อย 1 ข้อ มีอาการนานอย่างน้อย 2 สัปดาห์ และต้องไม่เคยมีประวัติของ mania หรือ hypomania
ผลกระทบต่อภาวะสุขภาพของมารดาและทารก
ต่อมารดาหลังคลอดและครอบครัว
มารดาหลังคลอดจะสูญเสียสมรรถภาพทางร่างกาย จากการพักผ่อนไม่เพียงพอ ความเหนื่อยอ่อน เซื่องซึม สูญเสียพลังงาน มีสุขภาพจิตที่ไม่สมบูรณ์
2.มารดาหลังคลอดมีพฤติกรรมทำร้ายตัวเอง เช่น สูบบุหรี่ เสพสารเสพติด หรือการฆ่าตัวตาย
3.มารดาหลังคลอดสูญเสียความสนใจในชีวิตสมรส โดยเฉพาะเรื่องเพศสัมพันธ์ ทำให้ชีวิตสมรสไม่ราบรื่น อาจเป็นสาเหตุของการหย่าร้าง
ต่อทารก
มีปัญหา การพัฒนา ด้านสติปัญญา ด้านอารมณ์ และพฤติกรรมแสดงออกในระยะยาว เช่น ไม่เล่นกับผู้อื่น พูดช้าไม่ตอบสนองด้านอารมณ้ และมีความเครียดมากกว่า
โรคจิตหลังคลอด(postpartum psychosis)
พบได้น้อยประมาณร้อยละ0.09 แต่อาการมักรุนแรงเริ่มใน 2-3วันแรกหลังคลอดอาจพบอาการของโรคได้ภายใน 1 เดือนแรกหลังคลอดผู้ที่เป็นรุนแรงอาจมีอาการวิกลจริตโรคจิตหลังคลอดสามารถรักษาหายขาดได้ หากได้รับการประเมินและให้การช่วยเหลือดูแลรักษาตั้งแต่เริ่มแรก
อาการนำ เริ่มด้วยความไม่สุขสบายก่อน อาการแรกๆที่พบบ่อยคือ นอนไม่หลับ บุคลิกภาพเปลี่ยนแปลง ขาดความในใจในสิ่งแวดล้อมรอบตัว กระสับกระส่าย ผุดลุกผุดนั่ง หงุดหงิด วิตกกังวลอย่างมาก การรับรู้ตัวอาจลางเลือนลาง ความจำเสีย สับสน และขาดสมาธิ มีพฤติกรรมวุ่นวายแปลกประหลาด มีความหลงผิด
อาการโรคจิตหลังจากนั้นอาจมีอารมณ์ซึมเศร้า หรืออารมณ์จะเปลี่ยนแปลงเร็วมาก อาจมีอาการโรคจิตหรือวิกลจริตร่วมกับความผิดปกติของอารมณ์ ซึ่งอาการโรคจิตที่จำเพาะของโรคจิตหลังคลอด คือ ความผิดปกติไบโพลาร์ หรืออารมณ์แปรปรวนสองรูปแบบ ซึ่งมีอาการทั้งซึมเศร้า และร่าเริงแบบไม่สมเหตุสมผล
นางสาวสาธนี ศรีเมฆ 6301110801050