ผู้ป่วยชาย อายุ 73 ปี

อาการสำคัญ : ไอ มีเสมหะ ไข้สูง หายใจลำบาก 5 ชั่วโมงก่อนมาโรงพยาบาล

Dx. Pneumonia

พฤติกรรม : ผู้ป่วยชอบรับประทานอาหารมื้อดึก ชอบอาหารรสจัดและอาหารที่เป็นของทอด

เกิดการสะสมของไขมันในเนื้อเยื่ออื่น ได้แก่ กล้ามเนื้อลาย หัวใจ ตับ

กรดไขมันอิสระในกระแสเลือดมีปริมาณเพิ่มขึ้น

เกิดภาวะดื้ออินซูลิน

Glipizide 5 mg. ครั้งละ 2 เม็ด วันละ 2 ครั้ง ก่อนอาหาร

เนื้อเยื่อไขมันทำให้มีการสลายไขมัน มีกรดไขมันอิสระในกระแสเลือดเพิ่มขึ้น

เกิดที่กล้ามเนื้อจะทำให้การนำเข้ากลูโคสเข้าสู่เซลล์และเก็บสะสมในรูปของไกลโคเจน
ลดลงรวมถึงภาวะดื้ออินซูลินในตับจะเพิ่มขึ้น

ไม่สามารถใช้น้ำตาลกลูโคสเป็นพลังงานให้กับร่างกายได้

มีการสลาย glycogenolysis

สร้างน้ำตาลขึ้นมาใหม่ที่ตับและปล่อยออก
สู่กระแสเลือดเพิ่มขึ้น

เกิดภาวะน้ำตาลในเลือดสูงอย่างต่อเนื่อง

Diabetes Mellitus type II

ไม่สามารถควบคุมระดับน้ำตาลในเลือดได้

ข้อวินิจฉัยที่ 3 เฝ้าระวังภาวะ Hypo-Hyperglycemia เนื่องจากร่างกายไม่สามารถควบคุมระดับน้ำตาลในเลือดได้

เชื้อโรคในทางเดินหายใจส่วนต้นแพร่เข้าสู่ถุงลมปอด

มีการโบกพัดของ cilia ในถุงลม เกิดการไอเพื่อขจัดเชื้อโรคออกทางเสมหะ

Macrophage ทำลายเชื้อโรคในถุงลม

ถ้าไม่มีกลไกดังกล่าวปอดจะอักเสบ

สร้างของเหลวและน้ำเมือกเพิ่มขึ้นบริเวณถุงลม

ไหลเข้าสู่ถุงลมฝอย

พื้นที่ในการแลกเปลี่ยนออกซิเจนลดลง

เม็ดเลือดขาวและเม็ดเลือดแดงมารวมกันบริเวณที่มีการอักเสบมากขึ้น

ถุงลมแคบแข็งตัว

น้ำเมือกที่มีการติดเชื้อแพร่ไปที่ปอดส่วนอื่นๆ

ปอดขาดประสิทธิภาพการแลกเปลี่ยนก๊าซ

ข้อวินิจฉัยที่ 1 พร่องออกซิเจนเนื่องจากประสิทธิภาพการแลกเปลี่ยนก๊าซที่ปอดลดลง

S : ผู้ป่วยบอกว่า "เหนื่อยเวลาตะแคงข้างนอน"
O : ผู้ป่วยหายใจเหนื่อยหอบ
O : ผู้ป่วยมีไข้ 38 องศาเซลเซียส
O : ผล chest x-ray คือ infiltration both lungs และ perihilar infiltration ปอดซ้ายเป็น patchy infiltration มากกว่าข้างขวา

O : DTX 247 mg./dl.
O : ผู้ป่วยมีประวัติเป็นเบาหวานมาประมาณ 10 ปี
O : ผู้ป่วยได้รับ Regular insulin 6 U

พฤติกรรม

ปัสสาวะออกน้อยเป็นระยะเวลานานและมีปัญหาเรื่องควบคุมการขับถ่ายปัสสาวะ รวมถึงทำความสะอาดอวัยวะเพศไม่ทั่วถึงจนอาจจะติดเชื้อ

ภาวะเจ็บป่วย

เกิดการติดเชื้อย้อนกลับไปจากท่อปัสสาวะ

S : ผู้ป่วยบอกว่า "ปัสสาวะแสบขัด"
O : ผู้ป่วย Retrained Foley's catheter แบบคาสาย
O : มีไข้ 38 องศาเซลเซียส และ R = 26 ครั้ง/นาที
O : ผลจากห้องปฏิบัติการ ได้แก่ Urine color = Brown , Urine albumin = 1+ , W.B.C(UA) = 5-10

รับประทานอาหารก็จะอาเจียนออกมาทั้งหมด ไม่สามารถรับประทานอาหารได้เอง

เกิดการกระตุ้นการตอบสนองผ่านทางกระแสประสาท

เข้ามาที่ศูนย์ควบคุมการอาเจียนที่สมองส่วน Medulla

รับกระแสประสาทผ่านทาง Chemoreceptor trigger zone , pharynx , gastrointestinal tract(ผ่านทาง vagal afferent fiber) และ cerebral cortex ที่สมอง

ทำให้ร่างกายไม่สามารถดูดนำเอาสารอาหารไปใช้ได้

ข้อวินิจฉัยที่ 4 เสี่ยงเกิดภาวะทุพโภชนาการเนื่องจากผู้ป่วยไม่สามารถรับประทานอาหารเองได้

O : ไม่สามารถรับประทานอาหารเองได้
O : ปริมาณพลังงานที่ผู้ป่วยควรได้รับ คือ 1,500 Kcal.
O : ปริมาณอาหารทางสายยางที่ผู้ป่วยได้รับต่อวัน คือ 1,000 ml. เป็นสูตรอาหาร Blenderized diet (1:1) 250 ml. * 4 feed น้ำตาม 50 ml.

แบคทีเรียส่วนใหญ่จะเข้าสู่ระบบทางเดินปัสสาวะจาก
บริเวณทวารหนักย้อนกลับขึ้นไป

แบคทีเรียที่มี Adhesions จะพบมากขึ้นและปรับตัวเข้ากับปัจจัยของร่างกาย

Retrained Foley's catheter แบบคาสาย

ข้อวินิจฉัยที่ 2 เสี่ยงต่อการติดเชื้อทางเดินปัสสาวะเนื่องจากคาสายสวนปัสสาวะ

ผู้ป่วยนอนบนเตียง ช่วยเหลือตนเองไม่ได้

มีอาการอ่อนเพลียและอ่อนแรงที่เเขนและขาทั้ง 2 ข้าง

ร่างกายจึงไม่สามารถขยับและช่วยเหลือตนเองได้

ทำให้ไม่สามารถปฏิบัติกิจวัตรประจำวันได้

ข้อวินิจฉัยที่ 5 พร่องสุขวิทยาส่วนบุคคลเนื่องจากไม่สามารถช่วยเหลือตนเองได้

S : ญาติบอกว่า "ต้องมีคนคอยดูแล"
O : ผู้ป่วยนอนบนเตียง ช่วยเหลือตนเองไม่ได้
O : ผู้ป่วยมีอาการอ่อนเพลีย
O : On Nasogastric tube for feed
O : On High flow nasal cannula
O : Retrained Foley's catheter

ข้อวินิจฉัยที่ 6 D/C planning ของผู้ป่วยปอดอักเสบ

S : ญาติถามว่า "เมื่อกลับบ้านต้องเฝ้าระวังอาการอะไรบ้าง"
S : ญาติถามว่า "ปัจจัยเสี่ยงต่อการเกิดปอดอักเสบมาจากอะไรได้บ้าง"
O : ต้องมีญาติเฝ้าอย่างใกล้ชิด