Infected CAPD
พยาธิสภาพ
กรณีศึกษา
ความหมาย
การวินิจฉัย
ภาวะแทรกซ้อน
การรักษา
อาการและอาการแสดง
ภาวะแทรกซ้อนของผู้ป่วยไตวายเรื้อรังที่ได้รับการรักษาด้วยการขจัดของเสียทางเยื่อบุช่องท้องอย่างต่อเนื่อง เกิดเยื่อบุช่องท้องอักเสบ หรือมีการติดเชื้อของสายสวนที่ใส่ในช่องท้อง ทำให้มีอาการไข้ ปวดท้อง น้ำยาที่ไหลออกจากช่องท้องมีลักษณะขุ่น พบเม็ดเลือดขาวมากกว่า 100 เซลล์ต่อ ลบ.ซม. และนิวโตรฟิลมากกว่าร้อยละ 50 หรือได้รับการวินิจฉัยจากแพทย์
ทฤษฎี
กรณีศึกษา
ผู้ป่วยหญิงไทยวัยสูงอายุ อายุ 65 ปี ตื่นรู้สึกตัวดี อ่อนเพลีย ซีดเล็กน้อย
อาการสำคัญ : มาตรวจตามนัด มีอาการปวดหัว น้ำยาล้างไตขุ่น
ประวัติการเจ็บป่วยปัจจุบัน : 4 ปีก่อนตรวจพบโรคไตเรื้อรังระยะสุดท้ายและได้รับการรักษาใส่สายสวนล้างไตทางช่องท้อง 16 วันก่อนมาโรงพยาบาลมารับการรักษาด้วยภาวะติดเชื้อจากการล้างไตทางช่องท้องแบบถาวร
มีโรคประจำตัวเป็น เบาหวาน ความดันโลหิตสูง และโรคไตเรื้อรังระยะสุดท้าย
ผู้ป่วยไตวายเรื้อรังระยะสุดท้าย ได้รับการบำบัดทดแทนไตโดยการล้างไตผ่านทางหน้าท้อง (CAPD) เกิดเยื่อบุช่องท้องอักเสบและมีการติดเชื้อของสายล้างไตทางช่องท้อง มีอาการไข้ ปวดท้องมาก น้ำยาล้างไตที่ไหลออกมีลักษณะขุ่น
อาจเกิดการติดเชื้อในกระแสเลือด มีก้อนหนองในท้อง การพบน้ำในช่องท้องหลังถอดสายล้างไตออก การเกิดพังผืดในช่องท้อง และการเสียชีวิตจากการติดเชื้อในช่องท้อง
ทฤษฎี
- สังเกตอาการแสดงของการอักเสบและติดเชื้อ เช่น ไข้ ปวดท้อง และกดเจ็บบริเวณท้อง
- น้ำยาล้างไตขุ่นโดยตรวจพบเซลล์เม็ดเลือดขาวมากกว่า 100 เซลล์ต่อ ลบ.มม. และเป็นนิวโทรฟิลล์ในสัดส่วนที่มากกว่าร้อยละ 50
3.ตรวจพบเชื้อก่อโรคด้วยการย้อมสีแกรมหรือเพาะเชื้อขึ้นจากน้ำยาล้างไต แนะนำให้ดูดน้ำยาล้างไตจากถุงมา 5-10 มิลลิลิตร และแบ่งฉีดเข้าไปในขวดเพาะเชื้อในเลือด 2 ขวด
กรณีศึกษา
- สังเกตอาการแสดงของการอักเสบและติดเชื้อ โดยผู้ป่วยมีอาการปวดท้องและกดเจ็บบริเวณท้อง pain score 7 คะแนน
ทฤษฎี
- การให้ยาปฏิชีวนะในเบื้องต้นต้องครอบคลุมทั้งแบคทีเรียแกรมบวกและแกรมลบ แนะนำให้ยาปฏิชีวนะทางช่องท้อง (Intraperitoneal, IP) ได้แก่ Cefazolin 1 g IP OD ร่วมกับ Ceftazidime 1 g IP OD โดยแนะนำให้ปล่อยน้ำยาล้างไตที่ผสมกับยาปฏิชีวนะค้างในช่องท้องอย่างน้อย 6 ชั่วโมง ในกรณีที่ผู้ป่วยมีอาการ sepsis รุนแรง ควรให้ยาปฏิชีวนะทางหลอดเลือดดำ
- ในกรณีที่น้ำยาล้างไตขุ่นมากหรือมีไฟบรินปน ให้ผสม heparin 500 ยูนิตต่อลิตร จนกว่าน้ำยาล้างไตจะใส
- ในกรณีที่ผู้ป่วยปวดท้องมาก พิจารณาปล่อยน้ำยาล้างไต เข้า-ออก 3 รอบติดต่อกัน (multiple rapid exchange)
- ส่งน้ำยาล้างไตเพื่อนับจำนวนเซลล์เม็ดเลือดขาวทุกวัน หากพบว่ายังมีเซลล์เม็ดเลือดขาวมากกว่า 100 เซลล์ต่อ ลบ.มม. หลังจากให้ยาปฏิชีวนะที่เหมาะสมนานเกิน 5 วัน (refractory peritonitis) หรือผลการเพาะเชื้อขึ้นเป็นเชื้อรา (fungal peritonitis) หรือผู้ป่วยมี exit-site infection/tunnel infection จากเชื้อเดียวกันร่วมด้วย (catheter-related peritonitis) ให้พิจารณาถอดสาย PD catheter ออก และเปลี่ยนเป็นฟอกเลือดชั่วคราว
- ในกรณีที่ตอบสนองต่อยาดี พิจารณาให้ยาปฏิชีวนะในระยะเวลาที่เหมาะสมจนครบ ซึ่งขึ้นกับชนิดของเชื้อก่อโรคโดยทั่วไป ให้ยานาน 21 วัน ยกเว้น Coagulase-negative staphylococci และ Streptocococcus ให้ยานาน 14 วัน Stenotrophomonas ให้ยานาน 21-28 วัน
- ในกรณีทราบผลเพาะเชื้อ แนะนำให้ยาปฏิชีวนะร่วมกัน 2 ชนิด (combination therapy) หากผลการเพาะเชื้อขึ้นเป็น Pseudomonas, Stenotrophamonas และ Enterococcus
- ในกรณีที่ผลการเพาะเชื้อให้ผลลบ ถ้าอาการและจำนวนเซลล์เม็ดเลือดขาวกลับมาเป็นปกติ สามารถให้การรักษาต่อโดยยาเดิมจนครบ 14 วัน
กรณีศึกษา
- ดูแลวัดสัญญาณชีพทุก 4 ชั่วโมง สังเกตและประเมินการหากมีอาการแสดงของการติดเชื้อ เช่น ไข้ ความดันโลหิตต่ำ ปวดท้อง น้ำยาล้างไตขุ่น เป็นต้น
- ให้ยาปฏิชีวนะทางช่องท้อง (Intraperitoneal, IP) ได้แก่ Cefazolin 1 g IP OD ร่วมกับ Ceftazidime 1 g IP OD เพื่อรักษาอาการติดเชื้อในเยื่อบุช่องท้อง
- ผสม heparin 2000 ยูนิตในถุงน้ำยาล้างไต 2 ลิตร จนกว่าน้ำยาล้างไตจะใส
ทฤษฎี
1.มีอาการและอาการสดงของการอักเสบเยื่อบุช่องท้อง ได้แก่ การอักเสบของช่องท้อง เช่น อาการปวดท้อง กดเจ็บ อืดแน่นท้อง คลื่นไส้อาเจียน หรือท้องร่วง เป็นต้น อาการของการติดเชื้อ คือ เช่น ไข้ ความดันโลหิตต่ำ หรือ shock เป็นต้น และพบความผิดปกติของน้ำล้างช่องท้อง เช่น น้ำยาขุ่นจนมองเห็นได้ชัด มีเส้ยใยหรือก้อนวุ้นให้เห็น หรือน้ำยาออกน้อยลง เป็นต้น
- น้ำยาล้างไตขุ่น โดยมีเซลล์เม็ดเลือดขาวมากกว่า 100 เซลล์ ต่อ ลบ.มม. และเป็นเม็ดเลือดขาวชนิดนิวโตรฟิวล์ (neutrophil) มากกว่าร้อยละ 50
- ตรวจพบเชื้อก่อโรคด้วยการย้อมสีแกรมหรือเพาะเชื้อขึ้นจากน้ำยาล้างไต
กรณีศึกษา
ผู้ป่วยมีอาการปวดท้อง ความดันโลหิตต่ำ น้ำยาล้างไตขุ่นและมีสีชมพู และมีเซลล์เม็ดเลือดขาว 160 เซลล์ต่อลบ.มม. และมี Neutrophil 80%
ข้อวินิจฉัยทางการพยาบาล
- มีการติดเชื้อที่เยื่อบุช่องท้องเนื่องจากมีการปนเปื้อนของเชื้อโรคผ่านทางการล้างไตทางหน้าท้องแบบต่อเนื่อง (CAPD)
จุดมุ่งหมาย : มีการติดเชื้อลดลง
click to edit
เกณฑ์การประเมิน
- ลักษณะของน้ำยาล้างไตเป็นสีใส ไม่ขุ่น
- ไม่มีไข้ อุณหภูมิ 36.5 - 37.4 c
- ผู้ป่วยไม่มีอาการปวดท้อง pain score น้อยกว่า 3 คะแนน
click to edit
ข้อมูลสนับสนุน
S : ผู้ป่วยบอกว่า “ปวดท้อง” pain score 7 คะแนน
O : น้ำยาล้างไตขุ่น
Neutrophil 90.5% (40-73.1)
Lymphocyte 6.2% (18.7-48.3)
Monocyte 3.1% (3.4-12.3)
Eosinophil 0.1% (0.4-9.2)
ผล Peritoneal dialysis (PD) พบ Gram positive bacilli
click to edit
กิจกรรมพยาบาลและเหตุผลทางการพยาบาล
- ประเมินสภาวะทั่วไปเกี่ยวกับการติดเชื้อ ได้แก่ ปวด บวม แดง ร้อน บริเวณหน้าท้อง เพื่อประเมินอาการ และอาการแสดงของการติดเชื้อ เพื่อให้ได้รับการรักษาได้ทันท่วงที
- วัดสัญญาณชีพทุก 4 ชั่วโมง โดยเฉพาะอุณหภูมิ เพื่อประเมินการมีไข้จากการติดเชื้อ
- ดูแลให้ได้รับยา Vancomycin 1 gm. drip in 2 hr. ทุกวันจันทร์และพฤหัสบดี เพื่อลดการติดเชื้อและให้ได้รับยาตามแผนการรักษา
- ติดตามผลทางห้องปฏิบัติการของน้ำล้างไต (PDF) และสังเกตสี ลักษณะของน้ำล้างไต เพื่อประเมินอาการแสดงของอาการติดเชื้อ
2.เกิดภาวะความดันโลหิตต่ำ (Hypotension) จากการติดเชื้อของเยื่อบุช่องท้อง
จุดมุ่งหมาย : ไม่เกิดภาวะความดันโลหิตต่ำ
click to edit
เกณฑ์การประเมิน :
- ความดันโลหิตของผู้ป่วยอยู่ในเกณฑ์ปกติ ช่วง 120/80 mmHg
- ไม่มีอาการของภาวะความดันโลหิตต่ำ ความดันโลหิต 90/60 mmHg ปวดศีรษะ อ่อนเพลีย มือเท้าเย็น ระดับความรู้สึกตัวลดลง
click to edit
ข้อมูลสนับสนุน
- “หน้ามืด เพลีย”
- ความดันโลหิต
02/05/66
10:00 น. 77/44
14:00 น. 88/54
click to edit
กิจกรรมการพยาบาลและเหตุผลทางการพยาบาล
- ประเมินอาการและอาการแสดงของภาวะความดันโลหิตต่ำ (Hypotension) คือ BP น้อยกว่า หรือเท่ากับ 90/60 mmHg มีอาการอ่อนเพลีย มือเท้าเย็น ความรู้สึกตัวลดลง เพื่อประเมินและเฝ้าระวังภาวะความดันโลหิตต่ำ
- ดูแลให้ได้รับสารน้ำ 5%D/NSS 1000 ml 40 cc/hr เพื่อรักษาภาวะความดันโลหิตต่ำ/กระตุ้นความดันเลือด
- สังเกตผลข้างเคียงของการให้สารน้ำ เช่น ความดันโลหิตสูง ปวดบริเวณที่ให้สารน้ำ เพื่อป้องกันการเกิดผลข้างเคียงจากการให้สารน้ำ
สาเหตุ
ทฤษฎี
กรณีศึกษา
- การติดเชื้อที่เป็นผลมาจากการปนเปื้อนในระหว่างการดูแลประจำวัน เช่น การเปลี่ยนน้ำยา ซึ่งทำให้เชื้อโรคผ่านเข้าสู่สายล้างไตและช่องท้อง
- เชื้อโรคผ่านทางกระแสเลือด เช่น ผู้ป่วยที่เป็นวัณโรคหรือคนที่มีฟันผุ
- เชื้อโรคผ่านทางผนังลำไส้ เกิดจากการอักเสบของลำไส้ (diverticulitis) เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดการติดเชื้อจากสาเหตุนี้ ผู้ป่วยที่มีการอักเสบของลำไส้ ต้องได้รับการดูแลเป็นพิเศษ และป้องกันไม่ให้เกิดท้องผูก
- จากระบบสืบพันธุ์ โดยเฉพาะผู้หญิงสามารถติดเชื้อที่ได้ง่าย เชื้อโรคจะซึมผ่านท่อรังไข่และช่องคลอดที่มีการติดเชื้อเข้าสู่ช่องท้อง
6.ผู้ป่วยมีการปนเปื้อนของเชื้อโรคในระหว่างการดูแลประจำวัน โดยใช้มือเปล่าในการทำความสะอาดสายล้างไต ทำให้เกิดการปนเปื้อนผ่านเข้าสู่สายล้างไตได้ง่าย
- เกิดจากเชื้อโรคผ่านเข้าทางรอบๆท่อ Tenekhoff เนื่องจากบริเวณรอบๆท่อเนื้อเยื่อยังเจริญไม่เต็มที่ หรือจากการใช้น้ำยาจำนวนมากในระยะแรก
การปนเปื้อนอาจเกิดจากการปนเปื้อนในระหว่างการดูแลประจำวัน ผู้ป่วยให้ข้อมูลว่าใช้มือเปล่าในการหยิบจับทำแผลและทำความสะอาดสายล้างไตขณะอยู่บ้าน
ผลการตรวจทางห้องปฏิบัติการและผลตรวจพิเศษ
CBC
ผลตรวจ PDF C/S พบ WBC 492 cells/mm^3
click to edit
Infected CAPD คือการติดเชื้อจากภาวะแทรกซ้อนของการล้างไตผ่านทางหน้าท้อง โดยเชื้อโรคสามารถปนเปื้อนได้จากขณะเปลี่ยนถ่ายน้ำยาหรือการดูแลความสะอาดในขณะล้างไตทางช่องท้องไม่เหมาะสม ทำให้เชื้อโรคเข้าสู่สายล้างไต ส่งผลให้เกิดการอักเสบและติดเชื้อของเยื่อบุช่องท้อง ทำให้เกิดภาวะแทรกซ้อนต่างๆจากการติดเชื้อ เช่น การติดเชื้อในกรแสเลือด การติดเชื้อจากภาวะแทรกซ้อนของการล้างไตผ่านทางหน้าท้อง มี 3 ประเภท ได้แก่
click to edit
⠀
- Exit site infection เป็นการติดเชื้อเกิดขึ้นบริเวณแผลที่ท่อล้างช่องท้อง (catheter) โผล่ออกนอกผิวหนัง มีอาการบวมเดงบริเวณผิวหนัง ผู้ป่วยมักไม่มีอาการปวด อาจมีหนองหรือน้ำเหลืองไหลออกจากบริเวณรอบท่อล้างช่องท้อง
- Tunnel infection การติดเชื้อที่เกิดลึกเข้าไปกว่าการติดเชื้อที่ผิวหนัง โดยเกิดที่เนื้อเยื่อรอบท่อล้างช่องท้อง อาจเกิดร่วมกับการติดเชื้อบริเวณผิวหนังหรือไม่ก็ได้ เจ็บบริเวณที่วางท่อล้างช่องท้อง บวมแดงร้อนที่บริเวณดังกล่าว อาจมีลักษณะของฝีร่วมด้วย
- Peritoneal dialysis related peritonitis
ลักษณะทางคลินิก 2 ใน 3 ข้อดังนี้- มีอาการแสดงของการอักเสบของเยื่อบุช่องท้อง
- น้ำยาล้างไตขุ่นโดยมีจำนวนเซลล์มากกว่า 100 เซลล์ต่อลูกบาศก์มิลลิเมตร และในจำนวนนี้เป็น neutrophils มากกว่าร้อยละ 50
- ตรวจพบเชื้อโรคด้วยการย้อมสีแกรมหรือเพาะเชื้อขึ้น
- ให้คำแนะนำในการดูแลทำความสะอาดสายล้างไตทางช่องท้อง หรือในขณะล้างไต โดยล้างมือให้สะอาด ปิดพัดลมขณะทำแผล สวมหน้ากากอนามัย จัดสิ่งแวดล้อมให้สะอาด
- น้ำยาล้างไตขุ่น โดยตรวจพบเซลล์เม็ดเลือดขาว 160 เซลล์ต่อ ลบ.มม. และเป็นนิวโทรฟิลล์ในสัดส่วนร้อยละ 80
- ตรวจพบเชื้อก่อโรคด้วยเพาะเชื้อขึ้นจากน้ำยาล้างไต Gram positive bacilli
%NEUTROPHIL 90.5% สูง %LYMPHOCYTE 6.2%, %MONOCYTE 3.1% และ %EOSINOPHIL 0.1% ต่ำ เนื่องจากร่างกายมีการติดเชื้อบริเวณเยื่อบุช่องท้อง
Electrolyte
ผลตรวจค่าไต (Renal function test)
Na 134 mmol/L ต่ำ เนื่องจากร่างกายไม่สามารถขับน้ำส่วนเกินออกไปได้ ส่งผลให้ระดับโซเดียมในเลือดต่ำลง
CO2 17.4 mmol/L ต่ำ เนื่องจากไตเสื่อมหน้าที่ ทำให้ควบคุมไบคาร์บอเนตไม่ได้
Creatinine 13.24 mg/dl และ BUN 43 mg/dl สูง เกิดจากการทำงานของไตเสื่อมลง มีภาวะไตวายเรื้อรัง
eGFR 2.6 ml/Min/1.73n เนื่องจากผู้ป่วยเป็นโรคไตวายเรื้อรังระยะสุดท้าย
Cl 91 mmol/L ต่ำ เนื่องจากไตไม่ดูดกลับโซเดียม ก็ย่อมทำให้โซเดียมในเลือดลดลง และมีผลทำให้คลอไรด์ลดระดับความเข้มข้นลงไปด้วย
K 5.37 mmol/L สูง เนื่องจากอัตราการกรองและความสามารถในการขับโพแทสเซียมของไตลดลง
- ส่งน้ำยาล้างไตเพื่อนับจำนวนเซลล์เม็ดเลือดขาว พบว่ายังมีเซลล์เม็ดเลือดขาว 492 เซลล์ต่อ ลบ.มม. หลังจากให้ยาปฏิชีวนะที่เหมาะสมนานเกิน 5 วัน พิจารณาให้ยาปฏิชีวนะเป็น Vancomycin 1 g drip in 2 ชั่วโมง ทุกวันจันทร์และพฤหัสบดี และพิจารณาถอดสาย Tenckhoff catheter ออก และเปลี่ยนเป็นฟอกเลือดชั่วคราวแทน เพื่อป้องกันภาวะแทรกซ้อนที่ตามมา เช่น การติดเชื้อในกระแสเลือด