Please enable JavaScript.
Coggle requires JavaScript to display documents.
การพยาบาลผู้หญ่ที่มีความผิดปกติของระบบทางเดินอาหาร - Coggle Diagram
การพยาบาลผู้หญ่ที่มีความผิดปกติของระบบทางเดินอาหาร
การประเมินภาวะสุขภาพ
1.การซักประวัติ
1.1 ข้อมูลส่วนบุคคล
ประวัติการเจ็บป่วยในปัจจุบัน
สอบถามอาการในระบบทางเดินอาหาร เช่น ปวดท้อง คลื่นไส้
1.3 ประวัติการเจ็บป่วยในอดีต
1.4 ประวัติการเจ็บป่วยในครอบครัว
1.5 ประวัติส่วนตัว
การตรวจร่างกาย
2.1 สัญญาณชีพ
2.2 การตรวจร่างกาย
สภาพทั่วไป ได้แก่ สีผิว ภาวะเหลือง (jaundice)
1.3 การตรวจทางห้องปฎิบัติการและการตรวจพิเศษ
การตรวจเลือด
การตรวจปัสสาวะ
การตรวจอุจจาระ
การตรวจทางรังสี
การส่องกล้องตรวจผ่าน endoscope
ข้อวินิจฉัยการพยาบาล
พร่องความรู้เกี่ยวกับการตรวจพิเศษ
เสี่ยงต้อการแพ้สารทึบแสง / มีโอกาสเกิดภาวะแทรกซ้อนจากการฉีดสารทึบแสง
มีโอกาสสูดสำลักหลังได้รับยาสลบ
-วิตกกังวลเกี่ยวกับการตรวจ EGDเนื่องจากขาดประสบการณ์
-ให้ข้อมูลเกี่ยวกับการตรวจ ตรวจนานประมาณ 30 นาที- 1 ชั่วโมง จัดท่านอนตะแคงซ้าย พ้นยาชาบรเิวณลำคอ ช่วยกลืนสาย
-วิตกกังวลเกี่ยวกับการตรวจ Colonoscope เนื่องจากขาดประสบการณ์
เตรียมลำไส้โดย ดูแลให้รับอาหารเหลวใส เลี่ยงน้ำสีแดง กากใยสูงธัญพืช ดูแลให้ได้รับยาระบาย สวนล้างลำไส้
โอกาสเกิดภาวะแทรกซ้อนจากการทํา ERCP
-ประเมิน สัญญาณชีพ ทุก15 นาที 4 ครั้ง ทุก 30 นาที 4 ครั้ง เมื่ออาการคงที่ประเมินทุก 1 ชวั่ โมง เพื่อให้ยาลดหรือบรรเทาอาการปวด
1. กระบวนการพยาบาลผู้ป่วยที่มีความผิดปกติของระบบทางเดินอาหารส่วนบน
ความผิดปกติที่พบบ่อย ได้แก่ GERD, Gastritis, Peptic ulcer, GI hemorrhage, Esophageal cancer, Gastric cancer
1.1 ภาวะกรดไหลย้อน (gastroesophageal reflux disease, GERD)
สาเหตุ
หูรูดส่วนปลายหลอดอาหาร (lower esophageal sphincter, LES หรือ cardiac sphincter)
อาการของ GERD
ปวดแน่นลิ้นปี้ (dyspepsia) แสบหน้าอก (pyrosis) และขย่อน (regurgitation)
ภาวะแทรกซ้อน
การมีเลือดออก โลหิตจาง หลอดอาหารตีบ
การประเมินภาวะสุขภาพ
การซักประวัติและอาการ
การตรวจพิเศษที่สำคัญคือ การส่องกล้อง (upper endoscopy)
การรักษา
การปรับเปลี่ยนพฤติกรรม
ยา
1.2 กระเพาะอาหารอักเสบ (Gastritis)
การอักเสบของเยื่อบุกระเพาะอาหาร (gastric mucosa) มีสาเหตุจากการระคายเคือง
อาการของกระเพาะอาหารอักเสบ
ปวดแน่นใต้ลิ้นปีหลังอาหาร ปวดท้องแบบ gnawing, burning ปวดบิด เรอ ขย้อน เบื่ออาหาร
การประเมินภาวะสุขภาพ
การรักษากระเพาะอาหารอักเสบ รักษาตามอาการ และรักษาสาเหตุ
ยา
ให้สารน้ำทางหลอดเลือดดำ งดน้ำและอาหาร 6-12 hr
ทำ gastric lavage ตรวจหา pH
1.3 แผลเป็ปติค (Peptic ulcer)
สาเหตุ
1) ป้จจัยด้านการป้องกัน (defensive factor) เช่น ความต้านทานของเยื่อ
2) ปัจจัยด้านการคุกคาม (aggressive factor) เช่น การตดิเชื้อ H. pyroli, ปริมาณ
อาการ
ปวดแน่นใตลิ้นปี้ (dyspepsia) โดยปวดแบบ aching, แสบรอน (burning), บิด (cramp-like),
ภาวะแทรกซ้อนได้แก่
เลือดออก แผลทะลุการติดเชื้อในกระแสเลือด hypovolemic shock
การประเมินภาวะสุขภาพ
การรักษา
ยา
พฤตกิรรม
ข้อวินิจฉัยการพยาบาล
-ปวดท้องเฉียบพลัน หรือเรื้อรังจากการบาดเจ็บของเยื่อบุทางเดินอาหาร (กระเพาะอาหารอักเสบเฉียบพลัน)
ประเมินอาการปวด อาการรวม ฟัง BS
ประเมินปัจจัยส่งเสริม ปัจจัยที่ทำให้อาการปวดทุเลา
เสี่ยงต่อปริมาตรเลือดพร่องจากการเสียเลือด / อาเจียน (กระเพาะอาหารอักเสบเฉียบพลัน)
ติดตามผล Hb, Hct ดูแลการไดัรับเลือดทดแทน เช่น PRC, FFP ถ้าPT INR > 1.5
เสี่ยงต่อภาวะขาดสารอาหาร(กระเพาะอักเสบเรื้อรัง)
ประเมินภาวะโภชนาการ ชั่งนำ้หนักทุกวัน
ติดตามค่า Hb, Hct, RBC indices
1.4 เลือดออกในทางเดินอาหาร (Gastrointestinal bleeding)
สาเหตุที่พบบอยู่ในทางเดินอาหารส่วนต้นได้แก่ Esophageal varices, Esophageal cancer, Gastritis, Gastric cancer และ Duodenum ulcer
สาเหตุที่พบบอยู่ในทางเดินอาหารส่วนล่างได้แก่ Diverticulosis (กระพุงที่ผนังลำไส้, Colorectal cancer, Colon polyps, Ulcerative colitis, Hemorrhoid
การประเมินภาวะสุขภาพผู้ที่มีเลือดออกในทางเดินอาหาร
การรักษา
การให้สารน้ำและเกลือแร่ทดแทน
การให้เลือด เจาะเลือด เตรียมเลือด
การห้ามเลือด
ปัญหาทางการพยาบาล
ปริมาตรเลือดพร่อง/ เสี่ยงตอการมีเลือดออกซ้ำ
ปริมาตรเลือดออกจากหัวใจลดลงหรือการกำซาบเนื้อเยื่อลดลง
การหายใจไม่มีประสิทธิภาพ
เสี่ยงต่อการเกิดภาวะแทรกซ้อนจากการรักษา (balloon tamponade)
ไม่สุขสบายเนื่องจากปวด คลื่นไส้ อาเจียน ท้องเสีย
ภาวะโภชนาการเปลี่ยนแปลง
วิตกกังวลเกี่ยวกับการเจ็บป่วย
1.5 เนื้องอกหลอดอาหาร (Esophageal cancer)
พบมากชนิด squamous cell มักเริ่มเป็นที่บรเิวณส่วนกลางและส่วนปลายของหลอดอาหาร
การประเมินภาวะสุขภาพ
การซักประวัติเช่น มีน้ำลายมาก ขย้อน สำลักในตอนกลางคืน กลืนอาหารเหลวไม่ได้
การตรวจร่างกาย
การตรวจพิเศษ
การรักษาเนื้องอกหลอดอาหาร
เพื่อยับยั้งการขยายของก้อน
การพยาบาลผู้ป่วยที่ได้รับการผ่าตัดหลอดอาหาร (esophageal Surgery)
การผ่าตัดเนื้องอกหรือบาดเจ็บหลอดอาหารที่พบบ่อยได้แก่ Esophagoenterostomy เช่น
colonic interposition เป็นการตัดส่วนต้นของหลอดอาหารต่อด้วย jejunum
การประเมินภาวะสุขภาพ
ตำแหน่งและลักษณะของอาการปวด เสียงหายใจลดลงหรือปกติ
การพยาบาลผู้ป่วยก่อนผ้าตัดหลอดอาหาร
ข้อวินิจฉัยการพยาบาล
ได้รับสารอาหารไม่เพียงพอเนื่องจากกลืนลำบาก/ คลื่นไส้อาเจียน จากการรักษาด้วยเคมีบำบัด
ดูแลการได้รับสารนำ้และอาหารอ่อน อาหารกึ่งเหลวที่มีพลังงานสงโปรตีนสูง ทางปากหรือ ostomy ให้อาหารครั้งละน้อย บ่อยครั้ง เลี้ยงอาหารที่มีแก็สมาก เลี่ยงการดูดจากหลอดเพื่อลดอาการทจี่ ะเข้าสูหลอดอาหารหรือกระเพาะ จัดทำตัวตรง
การพยาบาลหลังผ่าตัดหลอดอาหาร
ข้อวินิจฉัยการพยาบาล
เสี่ยงต่อการสำลักหลังได้รับยาสลบ
ประเมินการกลืน ฟังเสียงหายใจทุก 2-4 ชั่วโมง
มีโอกาสเกิดภาวะแทรกซ้อนทางปอดหลังผ่าตัด: aspirate pneumonia, atelectasis
กระตุนพลิกตะแคงตัว ไอ/หายใจแบบมีประสิทธิภาพทุก 2-4 ชั่วโมง
1.6 มะเร็งกระเพาะอาหาร (Gastric cancer)
ปัจจัยเสี่ยง
จากเชื้อ Helicobactor pyroli, การเจ็บป่วยเช่น pernicious anemia, gastricpolyps, chronic atrophic gastritis
การประเมินภาวะสุขภาพ
การรักษา
การผ่าตัด เช่น gastrectomy ต้องระวัง dumping syndrome
ยาเคมีบำบัด :ซึ่งต้องระวังการกดไขกระดูก คลื่นไส้อาเจียน
การรักษาด้วยรังสี เพื่อบรรเทาอาการ
การพยาบาลผู้ป่วยที่ได้รับการผ่าตัดกระเพาะอาหาร (Gastric Surgery)
Vagotomy
Pyloroplasty
Antrectomy
Gastroenterostomy
Subtotal gastrectomy
5.1 Billorth I (Gastroduodenostomy)
5.2 Billorth II (Gastrojejunostomy)
Total gastrectomy
ภาวะแทรกซ้อนหลังผ่าตัดกระเพาะอาหาร
ได้แก่เลือดออก รอยรั่วบริเวณที่ผ่าตัด (Anastomosis leakage) การติดเชื้อ การอุดตัน การย้อน
ของน้ำดี (Bile reflux ) ปอดบวมและปอดแฟบ หลอดเลือดดำอักเสบ และ Dumping syndrome
การพยาบาลผู้ ป่วยผ่าตัดกระเพาะอาหาร
เสี่ยงต่อการเกิดภาวะแทรกซ้อนภายหลังการผ่าตัด: Dumping syndrome
ประเมินอาการและอาการแสดงของภาวะ Dumping syndrome
เช่น อาการอ่อนเพลีย เหงื่อออก ใจสั่น หัวใจเต้นเร็ว เวียนศีรษะ
2. กระบวนการพยาบาลผู้ป่วยที่มีความผิดปกติของระบบทางเดินอาหารส่วนล่าง
ความผิดปกติที่พบบ่อยมีดังนี้ Gastroenteritis, Appendicitis, Peritonitis, Diverticulitis,
2.1 ไส้ติ่งอักเสบ (Appendicitis)
สาเหตุ เช่น การที่มีเศษอุจจาระแข็ง (fecalith) ตกลงไป
อุดกั้นอยู่ภายในรูของไส้ติ่งแล้วมีการติดเชื้อแบคทีเรีย การบวมของผนังลำไส้
ภาวะแทรกซ้อน ไส้ติ่งแตก ก่อให้เกิดเยื่อบุช้องท้องอักเสบและเกิดในช่องท้องตามมาได้
การประเมินภาวะสุขภาพ
ข้อวินิจฉัยการพยาบาล
เสี่ยงต่อการติดเชื้อในช่องท้องเนื่องจากมีการแตกของไส้ติ่งและเยื่อบุช่องท้องอักเสบ
สังเกตอาการไส้ติ่งแตก และเยื่บุช่องท้องอักเสบ
ใช้กระเป๋านำ้แข็งวางท้องเพื่อบรรเทาอาการปวดได้
ให้การพยาบาลเหมือนผู้ป่วยผ่า ตัดช่องท้อง
2.2 เยื่อบุช่องท้องอักเสบ (Peritonitis)
เกิดจากกระเพาะอาหาร/ลําไส้ทะลุ การถูกแทงช่องท้อง การล้างไตทางหน้าท้องหรือการอักเสบจากแบคทีเรียที่เกิดเอง
การประเมินภาวะสุขภาพ
ข้อวินิจฉัยการพยาบาล
วัดและบันทึกสัญญาณชีพทุก 4 ชั่วโมง
ส่งตรวจและตดิตามผลการเพาะเชื้อต่างๆ ตามแผนการรักษา
2.3 กระเปาะลำไส้อกัเสบ หรือ การอักเสบของลำไส้บริเวณที่โป่งเป็นถุง (Diverticulitis)
การหย้อนตัวของผนังลําไส้ออกจากด้านที่เป็นlumen มีลักษณะเป็นกระเปาะ พบในลําไส้ใหญ่ด้านซ้าย > ด้านขวา
การประเมินภาวะสุขภาพ
การรักษา
1) การผ่าตัดลําไส้ที่มีพยาธิสภาพและต่อลําไส้ส่วนที่เหลือเขาด้วยกัน แต่ไม่ทําทวารเทียม
2) การผ่าตัดลําไส้ที่มีพยาธิสภาพทิ้งร่วมกับทําทวารเทียม
การพยาบาล
แนะนําให้รับประทานอาหารไฟเบอร์สูง อย่างน้อย 20-35 g/day
หลีกเลี่ยงการเพิ่มแรงดันในช่องท้อง เช่น การโคงลําตัว การเบ่งถ่าย การใส่เสื้อผ้ารัดรูป
2.4 โรคเยื่อบุลำไส้ใหญ่อกัเสบโดยไม่ทราบสาเหตุ(Ulcerative colitis)
การประเมินภาวะสุขภาพ
ความรุนแรงของโรคแบ่งเป็น 3 กลุ่มคือ
1) รุนแรงน้อย มีการถ่ายอุจจาระ< วันละ 4 คร้งั โดยอาจมีเลือดปน ESR ปกติ
2) ปานกลาง ถ่ายมากกว่าวันละ 4 ครั้ง มีอาการอื่นๆน้อยมาก
3) รุนแรงมาก ถ่ายบ่อยกว่าวันละ 6 ครั้ง มีเลือดออกทางอุจจาระ
การรักษา รักษาตามอาการ ลดการเคลื่อนไหวลำไส้ การอักเสบของลำไส้ ส่งเสริมการหายของแผล
ข้อวินิจฉัยการพยาบาล
ได้รับสารอาหารไม่เพียงพอจากท้องเสียและการดูดซมึบกพร่อง
ประเมินความรุนแรงของภาวะขาดอาหารจากซีด บวม อ่อนเพลีย
ท้องเดินจากการอักเสบเยื่อบุลำไส้
ประเมินความถี่ ปริมาณ ลักษณะของอุจจาระ
2.5 ลำไส้อุดตัน (Bowel obstruction)
สาเหตุเกิดจากลำไส้เป็นอัมพาต (Paralysis ileus) หรือลำไส้ตาย (Infarction) จากหลอดเลือดอุดตัน การเกิดพังผืด
อาการและอาการแสดง
1) การอุดตันของลำไส้เล็ก (Small bowel or intestinal obstruction)
2) การอุดตันของลำไส้ใหญ่ (Large bowel obstruction)
ภาวะแทรกซ้อน
มีการแตกของลำไส้ และเยื่อบุช่องท้องอักเสบ
มีความไม่สมดุลของน้ำและเกลือแร่ กลุ่มที่มีการอุดตันของลำไส้เล็กจะรุนแรงกว่า
ช็อกเนื่องจาก สูญเสียน้ำ
การบิดตัวของลำไสทำให้ลำไส้ขาดเลือดและเซลล์ตาย
การประเมินภาวะสุขภาพ
การรักษา
ให้นอนพัก จัดทำศีรษะสูง งดน้ำและอาหาร ใส่ NG tube เพื่อดูดลมและน้ำออกจะทำให้อืดนอยลงและหายใจสะดวกขึ้น
ข้อวินิจฉัยการพยาบาล
ปวดท้องจากมีการอุดตนั โป่งพองของอวัยวะในช่องท้อง
ดูแลให้ผู้ป่วยได้รับการพักผ่อน นอนในทำท่าที่สบาย
แบบแผนการหายใจไม่มีประสิทธิภาพ เนื่องจาก อืดแน่นท้อง
บันทึกและประเมินสมดุลสารน้ำเข้าออกในแต่ละวัน
จัดท่านอนศรีษะสูง 30- 60 องศา เพื่อให้ปอดขยายตัวได้ดี
2.6 ไส้เลื่อน (Hernia)
อาการและอาการแสดง
มีก้อนไส้เลื่อนตั้งแต่กำเนิด หรือเกิดภายหลังจากการไอ ยืนนาน ออกแรง ถ้าไม่สามารถดันก้อน
การวินิจฉัย
การตรวจ Barium swallow
การตรวจ Esophagoscopy
การตรวจ UGI or barium enema
การรักษา
การดันกลับเข้าที่ (Taxis) หากอาการเกิดขึ้นภายใน 6 ชั่วโมง
การผ่าตัด เป็นวิธีที่ดีที่สุด
ภาวะแทรกซ้อนหลังผ่าตัด
เกิดก้อนเลือด
การติดเชื้อ
ปัสสาวะคั่ง
ข้อวินิจฉัยการพยาบาล
ปวดท้อง เนื่องจากลำไส้ที่ผ่านออกมานอกช่องท้องถูกบีบรัด
แนะนำให้ใช้ truss หรือผ้าคาดบริเวณไส้เลื่อน ช่วยในการพยุงบริเวณท่มีกั มีไส้เลื่อน และให้ความรู้เกี่ยวกับการดูแลผิวหนังควรแห้ง สะอาด ทาแป้งเพื่อป้องกันการระคายเคือง
2.7 ติ่งเนื้อและมะเร็งลำไส้และทวารหนัก (Polyps, Colon and Rectum cancer)
ภาวะแทรกซ้อน:
การทะลุของลำไส้ การมีเลือดออก การอุดตันของลำไส้ การกดอวัยวะใกล้เคียง
อาการ
ถ่ายเป็นเลือดจากการแตกของก้อนมะเร็ง ถ่ายอุจจาระผิดปกติ แน่นท้อง ปวดท้อง ท้องอืด
การประเมินภาวะสุขภาพ
การรักษา
การผ่าตัด (resection) เอาก้อนมะเร็งออก ต่อมน้ำเหลืองบริเวณนั้นออกให้หมด
การรกัษาด้วยเคมีบำบัด
การพยาบาลผู้ที่ได้รับการผ่าตัดลำไส้ (Colectomy)
การผ่าตัดลำไส้ใหญ่ออกบางส่วนหรอืทั้งหมด ถ้าตัดส่วนต้นของลำไส้ใหญตั้งแต่ caecum ถึงtransverse (ตัดส่วนปลายของ ileum บางส่วน
การทำทวารเทียมหรือทวารใหม่ (ostomy)
การทำทวารเทียมที่เกี่ยวของกับลำไส้ อาจเป็นการเปิดทางเดินปัสสาวะ (Ileal conduit)
ข้อวินิจฉัยการพยาบาล
พร่องขาดความรู้เกี่ยวกับขั้นตอนการผ่าตัดและการเตรียมตัวก้อนการผ่าตัด
อธิบายขั้นตอน การเตรียมตัวก่อนผ่าตัด การเตรียมลำไส้ลักษณะหลังการผ่าตัด การเตรียมด้านจิตใจและเปิดโอกาสให้ซักถาม
2.8 ริดสีดวงทวาร (Hemorrhoid)
เกิดจากการโป่งพองผิดปกติของหลอดเลือดดำรอบๆ ทวารหนัก เกิดจากการมีแรงดันในหลอดเลือดดำเพิ่มขึ้น
การวินิจฉัย ทำ Proctoscopy
การรักษา
1) ให้เปลี่ยนพฤติกรรมการบริโภค
2) ใช้ยา
ปัญหาทางการพยาบาลผู้ป่วยที่มีริดสีดวงทวาร
ปวดเนื่องจากการบวมของริดสดีวง
ให้ยาบรรเทาปวดตามแผนการรักษาของแพทย์
ท้องผูกเนื่องจากการกลั้นอุจจาระ
หลีกเลี่ยงการอยูู่ในทำที่เพิ่มแรงดันบริเวณทวาร
2.9 Fistula in ano หรือ Anal fistula
เป็นการติดเชื้อที่ตําแหน่งระหว่างผิวของ epithelium กับ anal canal หรือ perianal skin
การรักษา
ยาปฏิชีวนะหรือยาต้านการอักเสบ
การผ่าตัด fistulectomy (การตัดเนื้อส่วน fistulous Tract ออก) แผลฉีกขาดที่ทวารหนัก
.
กระบวนการพยาบาลผู้ป่วยที่มีความผิดปกติของตับและทางเดินน้ำด
3.1 ตับอักเสบ (Hepatitis)
1) โรคตับอักเสบเฉียบพลัน ([acute hepatitis)
2) โรคตับอักเสบเรื้อรัง (chronic hepatitis)
โรคตับอักเสบ แบ่งเป็น 2 กลุ่ม ตามสาเหตุ
1) ตับอกัเสบจากติดเชื้อ (Infectious hepatitis)
ไวรัสตับอักเสบชนิด เอ (Hepatitis A Virus, HAV)
ไวรัสตับอักเสบชนิด บี (Hepatitis B Virus, HBV)
ไวรัสตับอักเสบชนิด ซี (Hepatitis C Virus, HCV)
ไวรัสตับอักเสบชนิด ดี (Hepatitis D Virus, HDV)
อาการของโรคไวรัสตับอักเสบ แบ่งได้เป็น 4 ระยะ คือ
ระยะฟักตัว (viral replication phase)
ระยะดีซ่าน (icteric phase)
ระยะพักฟื้น (convalescent phase)
2) ตับอักเสบที่ไม่ได้เกิดจากการติดเชื้อ
ตับอักเสบจากพษิ ของแอลกอฮอล์(Alcoholic Hepatitis)
ตับอักเสบจากการใช้ยาและสารพิษ (Hepatotoxicity หรือ Toxic hepatitis)
การประเมินภาวะสุขภาพผู้ป่วยตับอักเสบ
การรกัษาโรคตับอักเสบ
ชนิดเฉียบพลัน ไวรัสตับอกัเสบเอและบีรักษาตามอาการเพื่อลดการอักเสบของตับ
ชนิดเรื้อรัง
a. ไวรสัตับอักเสบบี ยาฉีดเป็น interferon ฉีดเข้าใต้ผิวหนัง 6-12 เดือน
ข้อวินิจฉัยการพยาบาล
ความทนในการทำกิจกรรมลดลงเนื่องจากอ่อนล้าหรืออ่อนแรง
ให้ผู้ป่วยได้พักผ่อนมากที่สุด โดยเฉพาะในระยะเฉียบพลนัจะช่วยการ
ซ่อมแซมเนื้อตับที่ถูกทำลาย ถ้าอ่อนเพลียมากควรพักบนเตียง ทำกิจกรรมต่างๆ เพิ่มขึ้น เมื่อหนาที่ของตับดีขึ้นและการติดเชื้อลดลง
-เสี่ยงแพร่กระจายเชื้อ เนื่องจากพร่องความรู้เกี่ยวกับการป้องกันการแพร่กระจายเชื้อ
แยกจากผู้ป่วยโรคติดเชื้ออื่น แยกของเครื่องใช้ เช่น ปรอท อุปกรณ์ครื่องใช้ส่วนตัว และทำลายเชื้อเมื่อใช้เสร็จแล้ว
3.2 โรคตับแข็ง (Cirrhosis
พยาธิสภาพของโรค
เมื่อเซลล์ตับถูกทำลายจะเกิดการแทนที่ของเนื้อเยื่อพังผืด (fibrous connective scar tissue)
ทำให้โครงสร้างของตับจะเสียไป ตับจะเล็กลงมีลักษณะแข็งเป็นปมและเกิดการอุดกั้นของหลอดเลือด
ภายในตับ ตับเสียหนาที่ในการย่อย การเผาผลาญ การแข็งตัวของเลือด ภาวะไม่สมดุลของสารน้ำ
เกลือแร่ มีการสะสมของยาและสารพิษต่างๆ น้ำดีไม่สามารถไหลลงไปที่ลำไส้เล็กทำให้ไขมันไม่ย่อย
ดูดซึมวิตามินที่ละลายในไขมัน ผิดปกติ เกิดภาวะ portal hypertension, esophageal varices,
ascites, hepatic encephalopathy ในระยะสุดท้าย
อาการและอาการแสดง
1.1 กลุ่มที่ชดเชยได้ (Compensated cirrhosis) ได้แก่ ไข้ต่ำๆ เป็นหายๆ
1.2 กลุ่มที่ชดเชยไม่ได้ (Decompensated cirrhosis) ได้แก่ jaundice, ไข้ต่ำๆ ตลอดเวลา
การรักษาภาวะตับแข็ง
การรกัษาโดยไม่ผ่าตัด
การรกัษาด้วยยาหากมีภาวะแทรกซ้อน portal hypertension
ภาวะแทรกซ้อนของภาวะตับแข็ง
ท้องมานนำ้ (Ascites)
การรักษา
แนะนำให้เลิกดื่มสุราโดยเด็ดขาด
ชั่งน้ำหนักและวัดรอบท้องผู้ป่วยทุกวัน
2) ความดันสูงในระบบหลอดเลือดดำของตับ (Portal hypertension)
อาการแสดงของ portal hypertension ได้แก่ คลำพบตับ อาจเล็กหรือใหญ่กว่าปกติ ม้ามโต ท้องม้าน การขยายของเส้นหลอดเลือดดำที่หน้าท้อง (abdominal vein dilation, caput medusae)
การรักษาภาวะ portal hypertension
การรักษาด้วยการผ่าตดั เช่น Transjugular intrahepatic portosystemic shunt,
3) หลอดเลือดดำโป่งขอด (Esophageal/gastric varices)
เกิดจากความดันในหลอดเลือดดำพอร์ทัลสูงอย่างต่อเนื่องเป็นเวลานาน หาก portal pressure มากกว่า
การรักษาภาวะ Variceal bleeding
1) การผูกหลอดเลือด (Endoscopic band ligation)
2) การจี้ด้วยสารห้ามเลือด (Endoscopic sclerosing therapy)
3) Combined method of band ligation และ sclerosing therapy
4) การทำทางเชื่อมใหม่ เช่น Portosystemic shunt
5) การกดูดวยบอลลูน (Balloon tamponade) คือ การห้ามเลือดชั่วคราวโดยใช้สาย
4) อาการทางสมองจากโรคตับ (Hepatic Encephalopathy)
ความผิดปกตขิองประสาทส่วนกลางจากภาวะตับล้มเหลวซึ่งอาจทำให้หมดสติและเสียชีวิตได
การรักษาภาวะ Hepatic Encephalopathy
ประเมินระดับการเปลี่ยนแปลงของสติผู้ป่วย
หากอาการแย่ลง ควบคุมโปรตีนโดยกำจัดเลือดในทางเดินอาหารและงดอาหารโปรตีน
ดูแลการได้รับยา
5) การอักเสบภายในช่องท้อง (Spontaneous bacterial peritonitis)
อาการที่สำคัญคือ มีไข้ ปวดท้องและกดเจ็บทั่วท้อง ตรวจร่างกาย อาจพบความดันต่ำ
ข้อวินิจฉัยการพยาบาล
เสี่ยงต่อการเกิดภาวะช็อก (Hypovolemic shock) เนื่องจากภาวะเลือดออก
ประเมินภาวะช็อก ได้แก่ เหงื่อออก ตัวเย็น ชีพจรเบาเร็ว หายใจเร็วขึ้น ความดันโลหิตสูงระยะแรกและต่ำลงในระยะหลัง pulse pressure แคบ ระดับความรู้สกึตัว กระสับกระส่าย
3.3 ฝีในตับ (Liver abscess)
สาเหตุ
เกิดจากตับติดเชื้อ โดย 80-85% ของฝที่ตับทั้งหมดเกิดจากเชื้อแบคทีเรยี (Pyogenic liver abscess)
ส่วนน้อยจะพบฝีที่ตับที่เกิดจาก Protozoa: Entamoeba histolytica
ปัจจัยเสี่ยงต่อการเกิดโรคฝีตับ
อาการ
ผู้ป่วยที่เป็น Pyogenic liver abscess
ผู้ป่วยที่เป็น Amoebic liver abscess
ภาวะแทรกซ้อน
โพรงฝีแตกทะลุเข้าไปปอด ช่องท้อง หัวใจ ทำให้เกิดปัญหาปอดอักเสบ
การประเมินภาวะสุขภาพ
การรักษา
การให้ยาปฏิชีวนะตามแต่ละชนิดของเชื้อโรค
การเจาะดูดหนอง (Percutaneous Needle Aspiration-PNA)
การรักษาประคับประคองตามอาการ เช่น ยาแก้ปวด
3.4 นิ่วในถุงน้ำดี (Cholelithiasis, Gall stone) และ ถุงน้ำดีอักเสบ (Cholecystitis)
สาเหตุส่วนใหญ่เกิดจากนิ่วในถุงนำ้ดี ถุงน้ำดี
อักเสบแบ่งออกเป็น 2 ชนิด คือ ชนิดเฉียบพลันและเรื้อรัง ซึ่งมีอาการเหมือนกันแต่ถุงน้ำดีอักเสบเร้ือรัง
มีอาการเป็นๆหายๆ ลักษณะถุงน้ำดีจะหนาและมีพังผืดดึงรั้ง
การประเมินภาวะสุขภาพผู้ป่วยโรคนิ่วในถุงน้ำดีและถุงน้ำดีอักเสบ
นิ่วในถุงน้ำดี
การตรวจเลือด ดูการทำงานของตับ (Liver Function tests): Alkaline phosphatase สูง
การตรวจปัสสาวะ: Urobilinogen สูง
การถ่ายภาพรังสี (Plain abdominal X-ray) อาจพบนิ่วที่มีแคลเซี่ยม
การตรวจอัลตราซาวด์ (Ultrasound) ซึ่งวินิจฉัยนิ่วได้แม่นยำ
ถุงน้ำดีอักเสบเฉียบพลัน
การตรวจเลือดจะพบ WBC สูงเล็กน้อย
การตรวจเพาะเชื้อในเลือด มักจะพบเชื้อโดยเฉพาะเชื้อที่มาจากลำไส้ เช่น E.Coli
การรักษาผู้ป่วยโรคนิ่วในถุงน้ำดีและถุงน้ำดีอักเสบ
การรักษาแบบประคับประคองในภาวะถุงน้ำดีอกัเสบ
การรักษาโดยการผ่าตัด
ข้อวินิจฉัยการพยาบาล
ปวดเนื่องจากมีการอักเสบของถุงน้ำดีมีนิ่วอุดตันในท่อทางเดินนำ้ดีได้รับการผ่า ตัดนิ่วในถุงนำ้ดี
ถ้าการปวดเป็นลักษณะเฉียบพลันร่วมกับความผิดปกติของทางเดินน้ำดีอาจให้ยาเมอร์เพอร์ริดีน (Merparidine หรือ Demerol) ในขนาดน้อย ห้ามใช้มอร์ฟีน เพราะเพิ่มการหดรัดตัวของหูรดูออดิ(sphincter of Oddi)
มีโอกาสเกิดภาวะแทรกซ้อนหลังผ่าตัด เช่น การตกเลือด ปอดแฟบปอดบวมเฉพาะที่ การรั่วซึมของน้ำดี
จัดท่า Fowler’s ทำให้กล้ามเนื้อหนาท้องหย้อนตัวช่วยบรรเทาอาการปวดได้และทำให้ปอดขยายตัวมากขึ้น ถ้าผู้ป่วยมีท่อระบาย จะทำระบายได้ดีและป้องกันการสะสมของเหลวใต้กระบังลม
3.5 ท่อน้ำดีอักเสบ (Cholangitis)
อาการและอาการแสดง
Charcot’s triad คือ มีไข้ปวดเมื่อยตามตัว (Fever with malaise) ดีซาน (Jaundice) และปวดชายโครงขวา (RUQ)
การรักษา
การรักษาตามอาการ
การให้ยาปฏิชีวนะ
การผ่าตัด
3.6 โรคตับอ่อนอกัเสบ (Pancreatitis)
สาเหตุเกิดจากตับอ่อนถูกทำลายหรือถูกย่อยจากน้ำย่อยที่สร้างจากตับอ่อนโดยเฉพาะ trypsin ทั้งนี้เกิดจาก การย่อนของน้ำดีและของเหลวจากดูโอดีนัมไปยังตับอ่อน ซึ่งกระตุ้นการทำงานของน้ำย่อย ของตับอ่อน การบวมบริเวณทางเปิดของ pancreatic duct ทำให้มีการหลั่ง bicarbonate ผิดปกติ และอุดกั้นการหลั่งของเอนไซม์ trypsin, amylase, lipase เมื่อเกิดการคั่งของเอนไซม์ จึงทำให้ตับอ่อนถูกทำลายและต่อมไร้ท่อเสียหน้าที่ โรคตับอ่อนอักเสบ แบ่งออกเป็นชนิดเฉียบพลันซึ่งเป็นภาวะวิกฤติและชนิดเรื้อรัง
ตับอ่อนอกัเสบเรื้อรัง (Chronic pancreatitis)
เกิดจากการดื่มเหล่าจัด ทำให้เกิดตับอ่อนอักเสบซ้ำๆ จนเนื้อตับอ่อนถูกทำลายมาก ทำให้เกิดเป็นการอักเสบเรื้อรังขึ้นโดยอาจไม่มีอาการของตับอ่อนอักเสบเฉียบพลันนำมาก่อน
อาการ
1) ปวดท้อง จุกแน่นบรเิวณใต้ลิ้นปี้ ทะลุไปหลังในระยะแรกอาจปวดหายๆ
2) ท้องเสียเรื้อรัง เนื่องจากตับอ่อนถูกทำลายอย่างมาก ทำให้ย่อยและดูดซึมไขมันไม่ได้
การประเมินภาวะสุขภาพ
การรักษา
งดน้ำและอาหาร ใส่สายสวนกระเพาะอาหารต่อ suction 1 สัปดาห์
ยาแก้ปวดกลุ่ม opioids, diuretic, H2 receptor antagonist
3.7 โรคมะเร็งตับและทางเดินน้ำดี (Liver cancer and cholangio cancer)
สาเหตุของโรคมะเร็ง
ปัจจัยเสี่ยงของมะเรง็ตับชนิด HCC
ปัจจัยเสี่ยงของมะเร็งตับชนิด CCA
อาการ
แน่นอึดอัดท้อง ปวดท้องด้านขวาตอนบน(ตำแหน่งของตับ) อาจได้ก่อนที่บรเิวณตับ เบื่ออาหาร กินไมได้
ระยะโรคมะเร็งตับ แบ่งออกเป็น 4 ระยะ
ระยะที่ 1 : ก้อนเนื้อมะเร็งมีขนาดเล็ก และมีเพียงก้อนเนื้อเดียว
ระยะที่ 2 : มีการลุกลามของก้อนเนื้อเข้าหลอดเลือดในตับ และ/หรือ มีก้อนเล็กๆหลายก่อน
ระยะที่ 3 : ก้อนเนื้อมะเร็งโตมาก และ/หรือ ลุกลามเข้าเนื้อเยื่อข้างเคียงตับ และ/หรือ เข้าหลอด
เลือดดำใหญ่ในท้อง และ/หรือ ลุกลามเข้าต่อมน้ำเหลืองที่อยู่ใกล้ตับ
ระยะที่ 4 : โรคมะเร็งแพร่กระจายตามกระแสเลือด มักเข้าสู่ตับกลีบอื่นๆ และปอด สมอง
กระดูก หรือ ต่อมน้ำเหลืองที่อยู่ไกลออกไปจากตับ เช่น ในช่องท้อง หรือบริเวณไหปลาร้า
ภาวะแทรกซ้อน
มะเร็งตับอาจแพร่กระจายไปทั่วท้อง และอวัยวะต่างๆ
ก้อนมะเร็งอาจมีการแตก ทำให้มีการตกเลือด
ภาวะน้ำตาลในเลือดต่ำ
เลือดออกง่าย ภูมิต้านทานต่ำ ทำให้ติดเชื้อง่าย อาจเกิดภาวะตับวาย
การประเมินภาวะสุขภาพ
การรักษา
การผ่าตัด หากมะเร็งอยู่เฉพาะที่ตับ ขนาดไม่ใหญ่มาก และไม่มีโรคอื่น เช่น ตับแข็ง
การฉีดสารอุดหลอดเลือดที่ไปเลี้ยงมะเร็งตับ (Embolization) ทำให้มะเร็งขาดเลือด
การให้เคมีบำบัด
การฉายรังสี
ข้อวินิจฉัยการพยาบาล
เสี่ยงต่อการช็อก Hypovolemic shock) เนื่องจากสูญเสยีเลือดจากการผ่าตัด/ มีเลือดออกมากจากแผลผ่าตัด
ประเมินและบันทึกสัญญาณชพี ทุก 15 – 30 นาทีจนกว่าผู้ป่วยมีสภาพคงที่ ประเมิน ภาวะช็อก ระดับความรสึกตัว
-มีโอกาสเกิดภาวะแทรกซ้อน หลังผ่าตัด
ควรกระตุ้นและแนะนำให้ผู้ป่วยปฏิบัติการไอและการหายใจที่ถูกวิธีและการออกกำลังกายบนเตียง เมื่อสภาพผู้ป่วยมีความพร้อมควรกระตุ้นให้ผู้ป่วยลุกนั่ง หรือลุกเดินโดยเร็วหลังผ่าตัด
3.8 โรคมะเร็งตับอ่อน (Pancreatic cancer)
อาการ
ตาเหลือง
ปัสสาวะสีเข้ม จากก้อนเนื้อมะเร็งกดเบียดทับช่องเปิดของท่อน้ำดีจากตับ เข้าสู่ลำไส้เล็ก
การประเมินภาวะสุขภาพ
การรักษา
การให้ยาเคมีบำบัด
การฉายรังสีรักษา
การรกัษาโดยใช้ targeted therapy
การรกัษาตามอาการ การให้ ยาแก่ ปวด การให้อาหารทางหลอดเลือดดำเมื่อรับประทานได้น้อย
การผ่าตัด
ข้อวินิจฉัยการพยาบาล
ปวดเนื่องจากการอักเสบของเนื้อเยื่อตับอ่อนและเนื้อเยื่อรอบๆ
งดน้ำและอาหาร และใส่สาย NG เพื่อระบายลม และน้ำย่อยออกทางเครื่องดูดสุญญากาศ เพื่อลดอาการท้องอืดแน่น และคลื่นไส้อาเจียนซึ่งจะทำให้ตับอ่อน ลดการสร้างน้ำย่อยที่ผลิตทที่ตับอ่อน
มีโอกาสเกิดภาวะแทรกซ้อนหลังผ่าตัด
กระตุ้นให้ผู้ป่วยออกกำลังบนเตียง ได้แก่ Deep breathing exercise, Effective cough, Leg exercise ในระยะ 24-48 ชั่วโมง แรกหลังผ่าตัด โดยให้ผู้ป่วยเริ่มทำทันทีที่รู้สึกตัว ทำทุก 1-2 ชั่วโมง เมื่อครบ 24 ชั่วโมงแล้ว ควรกระตุ้นให้ผู้ป่วยลุกจากเตียงถ้าไมมีข้อห้าม