click to edit title
Preterm
Structure immature lungs
ข้อมูล
น้ำหนักแรกคลอด 1525 gm. ปัจจุบัน1395gm.
เส้นรอบศีรษะ 28 cm ความยาว 43 cm
APGAR score 5,6,7
เด็กไม่ร้องไม่หายใจ
GA 28+5 wks.
Immature immune system
surfactant ทำงาน⬇
สร้างsurfactant ⬇
แรงตึงผิวalveoli ⬆ผิดปกติ
Alveoli spontaneous collapse (diffuse atelectasis)
inflammation and lung injury
Poorly ventilated lung area
⬇ number of WBC and complement protein
⬆Bacteria colonization of GI tract +penetration of intestine wall
Intestinal ischemia
Activation of inflammatory cascade releases cytokines
การรักษาแบบประคับประคอง (Supportive treatment)
ควบคุมอุณหภูมิของร่างกายให้อุ่นคงที่เสมอ โดยให้ทารกอยู่ในตู้อบ หรือเครื่องให้ความอบอุ่นโดยการแผ่รังสี เพื่อลดการสูญเสียความร้อนออกจากร่างกาย
ติดตามการเปลี่ยนแปลงของสัญญาณชีพ น้ำหนักของทารกและบันทึกปริมาณน้ำเข้าและออกจากร่างกาย รวมทั้งการสังเกตอาการหายใจ เพื่อประเมินสภาวะความรุนแรงของโรค
การรักษาระดับความเข้มข้นของเม็ดเลือดแดงและระดับฮีโมลโกลบินให้อยู่ในเกณฑ์ปกติ รวมถึงป้องกันและแก้ไขภาวะแทรกซ้อนที่อาจเกิดขึ้น เช่น PDA โดยระวังไม่ให้น้ำมากเกินไปใน 3 - 4 วันแรก ทารกบางรายอาจจะต้องพิจารณาปิด PDA เนื่องจากหากท่อ Ductus เปิดจะยิ่งทำให้การทำงานของปอดทารกแย่ลง โดยการให้ยา Indomethacin หรือ Ibuprofen แต่ควรระวังภาวะแทรกซ้อน ได้แก่ ไตทำงานผิดปกติลำไส้เน่าอักเสบ และเลือดออกในทางเดินอาหาร
การรักษาสมดุลของน้ำและอิเล็กโทรไลต์ รักษาดุลกรด - ด่างในเลือด ในทารกที่มีภาวะ RDS จะยอมรับค่าความดันก๊าซในเลือดแดง (Arterial blood gas) ที่ pH > 7.25, Pa02 50- 80 มม.ปรอท และ PaCO2 40 - 55 มม.ปรอท
ดูแลให้ได้รับสารน้ำและอาหารอย่างเหมาะสม เพียงพอกับความต้องการของร่างกาย ทารกควรได้รับสารอาหารทางหลอดเลือดดำ (Parenteral nutrition) ทันทีหลังเกิดและให้นมมารดา (Enteral nutrition) ทางสายให้อาหาร ในรายที่มีอาการ RDS ไม่รุนแรงควรส่งเสริมการดูดนมมารดาเมื่อทารกพร้อม มีการศึกษา พบว่านมแม่สามารถช่วยลดการติดเชื้อทางเดินหายใจ การติดเชื้อในกระแสเลือด และการเกิดภาวะลำไส้เน่าอักเสบได้
ควบคุมและป้องกันการติดเชื้ออาจพิจารณาให้ยาปฏิชีวนะตามอาการ หรือประวัติของทารกที่เสี่ยงต่อภาวะติดเชื้อ
Cytokines cause bowel necrosis (tissue death)
Necrotizing Enterocolitis (NEC)
ทารกมีท้องป่อง
ให้นมผง(Formula Feeds)เร็วเกินไป
⬆ infection
Right-left shunting
ตัวเล็ก ศีรษะเล็ก
Ventilationของalveoli ไม่มีประสิทธิภาพ(V) ➡ไม่มีเลือดที่มีO2ไปเลี้ยงที่ปอด(Q)
(V-Q mismatch)
Respiratory failure
Hypoxemia
Tachypnea
RDS
ABGs วันที่ 16/04/66 pH 7.412 normal PaCO2 41.3normal PaO2 53 moderate hypoxemia HCO3 25.8 normal Respiratory acidosis with complete compensation (metabolic alkalosis) mild hypoxemia
อาการสำคัญ : หายใจเหนื่อยหอบ อกบุ๋ม 13 นาทีก่อนมา
การรักษาที่ให้
การรักษาที่ให้
Late rescue therapy คือ การให้สารลดแรงตึงผิวภายใน 2 - 6 ชั่วโมงหลังทารกเกิดเรียกว่า IN-SURE (INtubate, SURfactant, Extubate)การให้สารลดแรงตึงผิวในปัจจุบันมีวิธีที่ หรือ LISA/MIST (Less/Minimally Invasive Surfactant Administration) คือ การใส่ท่อช่วยหายใจ ใส่สารลดแรงตึงผิว นำท่อช่วยหายใจออกและช่วยหายใจต่อด้วยการใช้ CPAP
ข้อวินิจฉัยทางการพยาบาล
ข้อที่ 1 ทารกมีภาวะออกซิเจนในเลือดต่ำเนื่องจากหายใจลำบาก
on CPAP ประมาณ 10 นาทีมี grunting จึง on ETT No. 3.5 mark 8 PAC mode PIP 16 PEEP 6 FiO2 0.6 Ti 0.3 sec RR 40 bpm
ข้อที่ 2 ทารกเสี่ยงต่อการเกิดภาวะติดเชื้อระบบทางเดินหายใจเนื่องจากใส่เครื่องช่วยหายใจ
ข้อที่ 3 ทารกเสี่ยงต่อการเกิดภาวะ necrotizing enterocolitis เนื่องจากมีออกซิเจนในเลือดต่ำ
- aminophylline 3 mg IV q 8 hr (02, 10, 18)
- Heparin 25 U + NSS/2 up to 25 ml rate 0.5 cc/hr
- LASIX 1.4 mg IV x 1dose
ได้รับสารsurfactant 100mg/4ml/vial
การดูแลทารกที่ได้รับสาร Surfactant
ดูแลให้ทารกได้รับสารลดแรงตึงผิวอย่างมีประสิทธิภาพโดยดูดเสมหะก่อนให้สารลดแรงตึงผิว 15 นาที เพื่อให้สารลดแรงตึงผิวกระจายทั่วปอด และงดดูดเสมหะในท่อหลอดลมคอหลังจากให้สารลดแรงตึงผิว 6 ชั่วโมงประเมินภาวะอุดกั้นของทางเดินหายใจหลังให้สารลดแรงตึงผิว
Early rescue therapy คือ การให้สารลดแรงตึงผิวภายใน 2 ชั่วโมงหลังทารกเกิด
การรักษาด้วยสารลดแรงตึงผิว (Surfactant replacement therapy)
1 การให้เพื่อป้องกัน (Prophylaxis therapy) คือ การให้ทันทีหลังทารกเกิดในทารกที่มีความเสี่ยงสูง เช่น GA น้อยกว่า 30 สัปดาห์
2 การให้ภายหลังจากการเกิดโรค (Rescue treatment) คือ การให้เมื่อทารกได้รับการวินิจฉัยว่าเป็น RDS แบ่งออกเป็น
การรักษาที่ให้
- On OG tube for feed
- Amikacin 18mg IV q 12 hr (10,22)
- Claforan 80mg IV q 12hr (10,22)
การรักษาด้วยออกซิเจน (Oxygen therapy)
On ETT No. 3.5 mark 7 With PAC mode PIP 16 PEEP 6 FiO2 0.21 MR 67 bpm Ti 0.4 sec
การช่วยหายใจ (Assisted ventilation)
แรกเกิดทารกมีRR=67bpm
ตรวจร่างกายพบ : หายใจปีกจมูกบาน,grunting (partially closed glottis),subcostal retraction