Please enable JavaScript.

Coggle requires JavaScript to display documents.

ข้อมูลทั่วไป - Coggle Diagram

- - - - O: ลักษณะเตียงนอนไม่มีราวกั้นเตียง
      - O: Motor power แขนข้างขวา grade 4 ขาข้างขวา grade 2 แขนและขาข้างซ้าย grade 0 มีข้อยึดติดที่ขาและแขนข้างซ้าย
      - S: เมื่อผูู้ดูแลจะพลิกตะแคงตัวผู้ป่วย ผู้ป่วยดิ้น สะบัดมือออก
    - - ผู้สูงอายุไม่เกิดการพลัดตกหกล้ม
    - - ผู้สูงอายุและผู้ช่วยเหลือให้ความสนใจ ให้ความร่วมมือในการปฏิบัติตาม และไม่เกิดการพลัดตกหกล้ม
    - - 1.อธิบายให้ผู้สูงอายุและผู้ดูแลถึงการเฝ้าระวัง ป้องกันการตกเตียง เพื่อให้ระมัดระวังผลกระทบถึงผู้สูงอายุหากตกเตียง
      - 2.จัดให้ผู้สูงอายุอยู่ในบริเวณที่สามารถดูแลอย่างใกล้ชิด เพื่อป้องกันพลัดตกหกล้ม
      - 3.ให้ความช่วยเหลืออย่างเหมาะสมและเพียงพอต่อความต้องการของผู้ป่วย
    - - ผู็ป่วยไม่เกิดการพลัดตกหกล้ม จากเตียง
  - - - O: ผู้ป่วยไม่สามารถขยับแขนและขาข้างซ้ายได้ ไม่สามารถกำ-แบ ได้ เหยียดไม่ได้ ถ้าจับบริเวณข้อมือและนิ้วมือ ผู้ป่วยจะรู้สึกเจ็บ
      - O: Motor power แขนข้างขวา grade 4 ขาข้างขวา grade 2 แขนและขาข้างซ้าย grade 0 มีข้อยึดติดที่ขาและแขนข้างซ้าย
      - O: ผู้ป่วยติดเตียงมา 15 ปี
      - O: เป็นโรคความดันโลหิตสูงและเส้นเลือดในสมองแตก 15 ปี ไม่ได้รับยากิน
      - S: ญาติ หลังผ่าตัดพ่อก็เป็นแบบนี้ ขยับซีกซ้ายไม่ค่อยได้ ขยับได้นิดหน่อย
    - - ผู้สูงอายุไม่เกิดกล้ามเนื้อแขนขาลีบ ไม่มีข้อยึดติดเพิ่ม
    - - ไม่เกิดกล้ามเนื้อแขนขาลีบ และไม่มีข้อยึดติดเพิ่ม
    - - 1.ประเมินสภาพผู้สูงอายุ โดยประเมิน Motor power แขนและทั้ง 2 ข้าง เพื่อดูการเคลื่อนไหวของกล้ามเนื้อ
      - 2.แนะนำท่าบริหารกล้ามเนื้อในผู็ป่วยติดเตียง โดยป้องกันข้อยึดติก
        
        1.ให้ผู้ป่วยนอนหงายแขนแนบลำตัว จากนั้นยกแขนผู้ป่วยขึ้นเหนือศีรษะ โดยมีมืออีกข้างที่ไม่ได้ใช้ยก จับประคองบริเวณข้อศอกของผู้ป่วยไว้ แล้วค่อย ๆ วางแขนลงที่เดิม
        
        2.กางแขนผู้ป่วยออกทางด้านข้าง โดยมีมืออีกข้างที่ไม่ได้ใช้ยก จับประคองบริเวณข้อศอกของผู้ป่วยไว้ แล้วค่อย ๆ ยกแขนขึ้นไปจนแนบกับใบหู จากนั้นหุบแขนลงแนบข้างลำตัว
        
        3.ท่านี้ให้ผู้ดูแลใช้มือข้างหนึ่งตั้งแขนผู้ป่วยขึ้นและงอศอก จากนั้นให้ใช้มืออีกข้างหมุนแขนผู้ป่วยขึ้น – ลง
        
        4.ให้ผู้ป่วยนอนหงายแขนแนบกับลำตัว ค่อย ๆ งอศอกผู้ป่วยให้ถึงไหล่ แล้วค่อย ๆ เหยียดออกจนสุด
        
        5.ผู้ดูแลใช้มือข้างข้างหนึ่ง ตั้งศอกผู้ป่วยขึ้น จากนั้นใช้มืออีกข้างบิดหมุนข้อมือผู้ป่วย ให้คว่ำและหงาย
        
        6.ตั้งศอกผู้ป่วยขึ้น จากนั้นกระดกข้อมือผู้ป่วยพร้อมกับแบมือ และกระดกข้อมือลงพร้อมกับกำมือ
        
        7.เริ่มมาบริหารบริเวณขา โดยให้ผู้ดูแลจับบริเวณหัวเข่าและข้อเท้าของผู้ป่วย แล้วค่อย ๆ งอเข่าขึ้นจนสุด แล้วเอาลงมาท่าเดิม
        
        8.ผู้ดูแลจับบริเวณหัวเข่าและข้อเท้าของผู้ป่วย แล้วค่อย ๆ กางขาผู้ป่วยออกทางด้านข้าง แล้วกลับมาชิดใหม่ เหมือนท่าเริ่มต้น
        
        9.ให้ผู้ดูแลจับบริเวณหัวเข่าและข้อเท้าของผู้ป่วยเหมือนเดิม จากนั้นงอเข่าขึ้นประมาณ 90 องศา ออกแรงหมุนขาเข้าออก
        
        10.ท่าสุดท้าย ให้ผู้ดูแลจับบริเวณหน้าแข้งและข้อเท้าของผู้ป่วยไว้ แล้วออกแรงดันข้อเท้าขึ้นลง (เหมือนกระดกเท้า)
    - - ผู้ป่วยไม่มีกล้ามเนื้อแขนขาลีบ ไม่มีข้อยึดติดเพิ่ม
  - - - O: ผู้สูงอายุติดเตียง 88 ปี
      - O: ADL 4 คะแนน แปลผล ภาวะพึ่งพาสมบูรณ์
      - O: ไม่สามารถลุกไปเข้าห้องน้ำได้เอง
      - O: ไม่สามารถลุกไปเข้าห้องน้ำได้เอง
    - - ผู้สูงอายุสามารถปฏิบัติกิจวัตรประจำวันได้มากขึ้น
    - - 1.ร่างกายสะอาด
      - 2.ผู้สูงอายุได้รับการดูแลในการทำกิจวัตรประจำวันได้อย่างเหมาะสม
    - - 1.แนะนำผู้ดูแลในด้านการเคลื่นไหวของผู้ป่วย เช่น การเคลื่อนไหว การลุกนั่ง และการสร้างทักษะและการกระตุ้นให้ผู้ป่วยมีส่วนร่วมในการปฏิบัติกิจกรรมต่างๆ
      - 2.ดูแลแบบแผนการพักผ่อนนอนหลับอย่างเพียงพอ จัดสถานที่ให้ผู้ป่วยในที่โล่ง อากาศถ่ายเท
      - 3.ดูแลความสะอาดของร่างกาย โดยอาบน้ำ เช็ดตัว แปรงฟัน ดูแลทำความสะอาดหลังการขับถ่ายเพื่อให้ร่างกายสะอาดและลดการติดเชื้อ
      - 4.ดูแลใหได้รับความสุขสบายด้านร่างกาย ได้แก่ พลิกตะแคงทุก2ทุกชั่วโมง จัดให้มีหมอนหรือผ้ารองซับรองบริเวณที่ถูกกดทับ
      - 5.ดูแลไม่เกิดอุบัติเหตุ เช่น ตกเตียง
    - - ผู้ป่วยมีร่างกายที่สะอาด ได้รับการดูแลในการทำกิจวัตรประจำวันได้อย่างเหมาะสม
  - - - S: ผู้ป่วยไม่สามารถพลิกตะแคงตัวเองได้
      - O: ประเมิน ADL ได้ 4 คะแนน แปลผล ภาวะพึ่งพาโดยสมบูรณ์
      - O: ไม่สามารถทำกิจวัตรประจำวันเองได้
      - O: ญาติพลิกตะแคงตัวให้ผู้ป่วย เวลา เช้า เที่ยง เย็น
      - O: เปลี่ยนเสื้อผ้า วันละ 2 ครั้ง เช้า-เย็น
    - - ไม่เกิดแผลกดทับ
    - - 1.ผิวหนังไม่มีรอยแดง ไม่เกิดการฉีกขาดของผิวหนังหรือแผลถลอก
      - 2.ผิวหนังชุ่มชื่นและมีความยือดหยุดดี
    - - 1.แนะนำให้ญาติพลิกตะแคงตัวผู้ป่วยทุก 2 ชั่วโมง และแนะนำให้ผู้ป่วยพลิกตะแคงด้วยแขนขาที่มีแรง
      - 2.แนะนำผู้ดูแลเปลี่ยนท่านอนผู้ัป่วย ควรใช้ผ้าขวางเตียงช่วยยกผู้ป่วยขึ้น เพื่อไม่ให้ผิวหนังเกิดการเสียดสี
      - 3.แนะนำเปลี่ยนผ้าปูที่นอน ดึงผ้าให้ตึงเรียบ และสะอาด เพื่อป้องกันการระคายเคืองของผิวหนัง
      - 4.แนะนำผู้ดูแลหลังผู้สูงอายุขับถ่าย ทำความสะอาดและเช็ดบริเวรผิวให้แห้ง เพื่อลดแบคทีเรียที่บริเวณผิวหนัง
      - 5.แนะนำให้ผู้ดูแลดูที่นอนลมยาง ให้มีลมตลอดเวลส
    - - ผู้ป่วยไม่มีรอยแดง ไม่เกิดการฉีกขาดของผิวหนังหรือแผลถลอก
  - - - S: “ไม่ค่อยกินข้าวเลย แกไม่มีฟันแล้ว”
      - S: “กินกาแฟ โอวันติน ขนมปัง กล้วย เป็นส่วนใหญ่
      - O: ไม่มีฟัน ไม่ได้ฟันปลอม
      - O: แบบประเมินทุพโภชนาการได้ 8 คะแนน แปลผล เสี่ยงต่อการเกิดภาวะขาดสารอาหาร
    - - ผู้สูงอายุไม่เกิดภาวะทุพโภชนาการ
    - - 1.มีน้ำหนักเพิ่มขึ้น 3 กิโลกรัม/เดือน
      - BMI อยู่ในเกณฑ์ปกติ อยู่ระหว่าง18.5-22.90 kg/m2
    - - 1.แนะนำให้รับประทานให้ครบ 5 หมู่ โดยจัดอาหาร พวกแป้ง,ข้าว,ขนมปัง 7-8 ทัพพี ผัก,ผลไม้ 5 ทัพพี เนื้อสัตว์ เช่น เนื้อปลา ไก่ 6 ช้อนกินข้าว ถั่ว,ธัญพืช 1 ช้อนกินข้าว เพื่อเสริมสร้างความแข็งแรง
      - 2.แนะนำผู้ดูแลจัดอาหารที่มีความหลากหลาย ไม่ทานอาหารเดิมๆ เป็นเวลานาน เพื่อเพิ่มความอยากอาหาร
      - 3.แนะนำทานอาหารทีละน้อยๆแต่บ่อยครั้ง
      - 4.แนะนำให้ดื่มน้ำวันละ6-8แก้ว/วัน เพื่อช่วยเพิ่มการทำงานระบบย่อยอาหาร
    - - ผู้ป่วยมีน้ำหนักเท่าเดิม 45 กิโลกรัม ฺBMI อยู่ระหว่าง18.5-22.90 kg/m2
  - - - S: “ลูกเคยพานั่งรถเข็นไปข้างนอก บอกว่าอายคน ให้เข้าบ้าน”
      - S: “พ่อบอกว่าให้อยู่แบบนี้ ตามชะตากรรม”
      - S: “เวลาไปจับจะสะบัดมือออก”
      - O: ผู้สูงอายุสัมพันธภาพกับผู้ดูแลไม่ค่อยดี
    - - ให้ผู้สูงอายุรู้สึกว่าตนเองมีคุณค่าและเป็นที่รักของบุคคลในครอบครัว
    - - 1.พูดคุยกับญาติมากขึ้น
      - 2.สีหน้าสดใส
      - 3.ให้ความร่วมมือในการทำกิจกรรม
      - 4.ผู้สูงอายุเห็นคุณค่าในตนเองมากขึ้น
    - - 1.สร้างสัมพันธภาพที่ดีกับผู้สูงอายุและญาติ โดยการกล่าวการทักทาย
      - 2.บอกผู้สูงอายุทุกครั้งเมื่อจะทำไรกับผู้สูงอายุ
      - 3.ให้กำลังใจผู้สูงอายุพูดให้ผู้ป่วยเห็นความสารถของตนเอง
      - 4.ไม่ตำหนิผู้สูงอายุเมื่อทำอะไรผิด
      - 5.ส่งเสริมสัมพันธภาพที่ดีในครอบครัว ให้ญาติมีความเข้าใจผู้สูงอายุและมีส่วนร่วมในการส่งเสริมความรู้สึกภูมิใจในตนเองของผู้สูงอายุให้มีมากขึ้น
    - - ผู้สูงอายุมีการพูดคุยกับคนใกล้ชิดมากขึ้น สีหน้าสดชื่น ยิ้ม ให้ความร่วมมือในการทำกิจกรรมต่างๆ
  - - - S: ญาติ “ไม่มีคนยกไปเข้าห้องน้ำตลอด”
      - S: ญาติ “ยายยกไม่ไหวหลอก”
      - S: ญาติ “ตอนเช้า บ่าย เย็น จะเอากระบอกปัสสาวะมาเท”
      - O: ผู้สูงอายุติดเตียง 88ปี
      - O: ผู้สูงอายุไม่สามรถกลั้นปัสสาวะได้
      - O: ผู้สูงอายุมีกระบอกปัสสาวะติดที่อวัยวะเพศตลอดวัน
      - O: ADL 4 คะแนน
    - - ป้องกันการติดเชื้อทางเดินปัสสาวะ
    - - 1.ไม่มีอาการและอาการแสดงของภาวะติดเชื้อในระบบทางเดินปัสสาวะ ได้แก่ ไข้ หนาวสั่น ปัสสาวะสีขุ่น แสบขัด
    - - 1.ดูแลทำความสะอาดอวัยวะเพศให้สะอาด ดังนี้
        
        -ควรทำความสะอาดอวัยวะเพศทุกวัน เช้า เย็น ด้วยน้ำ สบู่ ซับให้แห้งด้วยผ้าหรือกระดาษอ่อนเพียงเบาๆ
        
        -หลังการขับปัสสาวะและอุจจาระควรทำความสะอาดชำระเช็ดจากข้างหน้าไปข้างหลังและล้างด้วยน้ำ
      - 2.แนะนำผู้สูงอายุเกี่ยวกับการบริหารกล้ามเนื้ออุ้งเชิงกราน โดยการขมิบกล้ามเนื้อหูรูด เพื่อเพิ่มการกลั้นปัสสาวะ
      - 3.แนะนำผู้สูงอายุเกี่ยวกับการจัดการกับการดื่มน้ำ(Fluid intake management) ควรดื่ม1500-2000ml เพื่อช่วยการทำงานของไต และทำให้ภาวะกลั้นปัสสาวะดีขึ้น
      - 4.แนะนำญาติหมั่นทำความสะอาดกระบอกปัสสาวะ วันละ3ครั้ง
    - - ผู้ป่วยไม่มีอาการไข้ หนาวสั่น ปัสสาวะสีขาวขุ่น แสบขัด
- - - - ทฤษฎีความเสื่อมโทรม (Wear and Tear theory)
        เมื่อสูงอายุเนื้อเยื่อในชั้นผิวหนัง ชั้นใต้ผิวหนัง มีต่อมไขมันฝ่อลง ต่อมเหงื่อน้อยลง ส่งผลทำให้ผิวแห้งหยาบ ผิวหนังเหี่ยวย่น รวมถึง Elastic และ Collagen ลดลง ผิวหนังจะหยาบและความยืดหยุ่นลดลง ทำให้ความชุ่มชื้นของผิวและสุขภาพลดลง
  - - - ทฤษฎีความเสื่อมโทรม (wear and tear theory ) สารเคลือบฟันมีส่วนประกอบของcalcium phosphate และ calcium carbonate ลดลงจึงถูกกัดกร่อนเข้ามาถึงเนื้อฟันประกอบกับเซลล์ที่สร้างเนื้อฟันมีจำนวนลดลงทั้งปริมาณและคุณภาพทำให้ฟันถูกทำลายและผุกร่อนและการยึดเกาะของรากฟันลดลง
  - - - ทฤษฎีความเสื่อมโทรม(wear and Tear Theory)
        เซลล์สมองอายุเพิ่มขึ้น พบว่ามีการสะสมของโปรตีนก่อให้เซลล์สมองมีการฝ่อ ตีบลง ส่งผลให้การส่งสารสื่อประสาท มีประสิทธิภาพลดลง ซึ่งพบว่า การฝ่อลีบของเซลล์ สมองใน ผู้สูงอายุ สัมพันธ์กับอายุที่เพิ่มมากขึ้
  - - - ทฤษฎีความเสื่อมโทรม(wear and Tear Theory) เซลล์สมองอายุเพิ่มขึ้น พบว่ามีการสะสมของโปรตีนก่อให้เซลล์สมองมีการฝ่อ ตีบลง ส่งผลให้การส่งสารสื่อประสาท มีประสิทธิภาพลดลง ซึ่งพบว่า การฝ่อลีบของ
  - - - ทฤษฎีความเสื่อมโทรม (Wear and tear theory)
        อายุที่เพิ่มมากขึ้น ความผิดปกติของโปรตีนคอลลาเจนอีลาสตินหนาตัว แข็ง แตก ความยืดหยุ่นลดลง ทำให้อุ้งเชิงกรานหย่อนตัวลง หูรูดและกระเพาะปัสสาวะขยายทำงานได้ไม่เต็มที่ ปิดไม่สนิท ทำให้ปัสสาวะเล็ดเมื่อมีแรงดันภายในช่องท้อง
- - - - ความดัน โลหิตสูงไม่ทราบสาเหตุ(primary hypertension)ไม่ทราบสาเหตุแน่ชัด มีความเชื่อว่ามีความเกี่ยวกับการปฏิบัติตัวเช่น การรับประทานอาหาร การออกกำลังกาย กรรมพันธุ์ เป็นต้น
      - ความดัน โลหิตสูงที่มีสาเหตุ(Secondary hypertension) เช่นโรคเกี่ยวกับไต และต่อมหมวกไต
        เป็นต้น
    - - ปวดศรีษะปวดบริเวณท้ายทอย เหนื่อยง่ายหายใจหอบ มึนงง ตามัว ปวดตา มือเท้าช้า คลื่นไส้อาเจียน ใจสั่น เลือดกำเดาไหล
    - - การซักประวัติอาการ ประวัติการเจ็บป่วยทั้งในอดีตและปัจจุบัน
      - ประวัติการใช้ยา
      - การตรวจวัดความดันโลหิต
      - การตรวจร่างกาย
      - การตรวจทางห้องปฏิบัติการต่าง ๆ เช่น การตรวจคลื่นไฟฟ้าหัวใจ (เพื่อดูการทางานของหัวใจ)
    - - การรักษา แบ่งได้ 2 แบบ
        
        การควบคุมความดันโลหิตโดยไม่ใช้ยา
        
        1.1 ควบคุมน้ำหนัก
        
        1.2 การจำกัดเกลือ ในอาหาร
        
        1.3 การจำกัดแอลกอฮอล์ กาแฟ
        
        1.4 การออกกำลังกาย
        
        1.5 การพักผ่อนและลดความเครียด
      - การรักษาด้วยยา
        
        -ยาขับปัสสาวะ เพื่อลดปริมาณเลือดในร่างกาย
        
        -ยาขยายหลอดเลือด เพื่อลดความต้านทานในหลอดเลือด
        
        -ยากลุ่ม beta blockers ทำให้หัวใจทำงานลดลงหลั่ง angiotensin
        
        -ยากลุ่ม angiotensin converting enzymc
    - - หัวใจ อาจเกิดภาวะหัวใจล้มเหลว มีอาการหัวใจเต้นไม่สม่ำเสมอ มีอาการขาบวม
      - ไต อาจเป็นโรคไตเรื้อรัง มีอาการขาบวม ซีด ผิวแห้ง
      - สมอง อาจเป็นโรคหลอดเลือดสมอง อาการที่แสดงออก คือ มีอาการปากเบี้ยวอ่อนแรงครึ่งซีก ชาครึ่งซีก หรืออาจมีภาวะสมองเสื่อม
      - ตา อาจเกิดความผิดปกติที่จอประสาทตา
  - - - โรคความดันโลหิตสูง โรคเบาหวาน โรคไขมันในเลือดสูง การสูบบุหรี่ ภาวะหลอดเลือดสมองแตก (Hemorrhagic stroke) พบได้ประมาณ 15% ของโรคหลอดเลือดสมอง ปัจจัยดังต่อไปนี้อาจเพิ่มความเสี่ยงในเกิดภาวะหลอดเลือดสมองแตก ภาวะความดันโลหิตสูงที่ไม่สามารถควบคุมได้
    - - รู้สึกชาตามตัว หรืออวัยวะ แขนขาอ่อนแรง ขยับตัวไม่ได้ หรือเป็นอัมพาตครึ่งซีก
      - ใบหน้าบิดเบี้ยว มุมปากตก น้ำลายไหล กลืนลำบาก พูดลำบาก พูดติดขัด สื่อสารไม่ได้ สับสนมึนงง และไม่เข้าใจในสิ่งที่ผู้อื่นพูด
      - เสียสมดุลการทรงตัวและการเคลื่อนไหวร่างกาย เช่น เดินลำบาก เดินเซ ขยับแขนขาลำบาก
    - - ซักประวัติและอาการของผู้ป่วย
      - ตรวจร่างกายของผู้ป่วย
      - การตรวจทางห้องปฏิบัติการ
    - - การรักษาด้วยยาละลายลิ่มเลือด (rtPA) จะใช้ในกรณีผู้ป่วยมาพบแพทย์ภายในระยะเวลาไม่เกิน 4.5 ชั่วโมงนับจากมีอาการ และพิจารณาความเหมาะสมของร่างกายผู้ป่วยแล้ว โดยแพทย์จะทำการฉีดยาละลายลิ่มเลือดทางหลอดเลือดดำ เพื่อละลายลิ่มเลือดที่ปิดกั้นหลอดเลือดอยู่ออกเพื่อช่วยให้เลือดกลับไปเลี้ยงสมองอีกครั้ง
    - - คือผู้ป่วยจะมีปัญหาในการพูด การกลืน หรือการรับประทานอาหาร นอกจากนี้ผู้ป่วยจะพบปัญหาด้านภาษาอย่างเช่นการพูดคุย การพยายามทำความเข้าใจคำพูดของคนอื่น การอ่านและการเขียนหนังสือ