Please enable JavaScript.

Coggle requires JavaScript to display documents.

ข้อมูลทั่วไป - Coggle Diagram

- - - - S: ผู้สูงอายุให้ข้อมูลว่า “มีอาการปวดข้อเข่าขณะเคลื่อนไหวร่างกาย”
      - S: ผู้สูงอายุให้ข้อมูลว่า “มีเสียงกรอบแกรบขณะลุกยืน”
      - O: มีอาการบวมบริเวณรอบๆข้อเข่า
      - O: ขาทั้งสองข้างกดบุ๋ม1+
      - O: pain score 6คะแนน
    - - เพื่อให้ผู้สูงอายุมีอาการปวดข้อเข่าลดน้อยลงและชะลอความเสื่อมของข้อเข่า
    - - 1.ผู้สูงอายุมีอาการปวดเข่าลดน้อยลง pain score <6คะแนน
      - 2.ผู้สูงอายุสามารถปฏิบัติตนเพื่อชะลอข้อเข่าเสื่อมและเสริมสร้างความแข็งแรงของข้อเข่าได้อย่างถูกต้อง4ใน5ข้อ
    - - 1.ประเมินอาการปวดข้อเข่า เช่น มีเสียงดังในข้อ ข้อฝืด ปวดบวมแดงบริเวณข้อเข่า ปวดเข้าเมื่อเปลี่ยนอิริยาบถเพื่อประเมินความรุนแรงของอาการปวดเข่า
      - 2.ให้คำแนะนำเกี่ยวกับปัจจัยเสี่ยงของการเกิดข้อเข่าเสื่อม การชะลอความเสื่อมและความรุนแรงของข้อเข่าเพื่อเสริมสร้างแรงจูงใจให้ผู้สูงอายุสามารถปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการดูแลตนเองที่ช่วยทำให้อาการปวดเข่าและความรุนแรงของโรคข้อเข่าเสื่อมลดลง
      - 3.ให้คำแนะนำผู้สูงอายุในการลดน้ำหนักหรือการปฏิบัติกิจวัตรประจำวันที่สามรถควบคุมน้ำหนักได้ ได้แก่ การเลือกการรับประทานอาหารโดยลดปริมาณแป้ง ข้าว น้ำตาล ไขมัน ลดลง แนะนำการประกอบอาหารโดยการนึ่ง ต้ม อบ แทนการทอด
      - 4.ให้คำแนะนำผู้สูงอายุแก้ไขปัจจัย หรือสาเหตุของโรคข้อเข่าเสื่อมได้แก่
        
        4.1. ปรับเปลี่ยนท่าทาง หรือ อิริยาบถในชีวิตประจำวัน ได้แก่ การนั่งบนเก้าอี้แทนการนั่งขัดสมาธิ เพื่อลดการทับกันของขาและข้อเข่า
        
        4.2. แนะนำให้ผู้สูงอายุออกกำลังกายและออกกำลังกายกล้ามเนื้อรอบๆข้อเข่า เพื่อเพิ่มความแข็งแรงของกล้ามเนื้อ รอบๆข้อเข่าโดยใช้ท่าออกกำลังกายบริหารข้อเข่า
        
        ท่าที่ 1 นั่งบนเก้าอี้ค่อยๆยกต้นขาขึ้น 1 ข้าง แล้วผายขาออกไปแตะพื้นด้านข้าง ทำสลับกัน 20 ครั้ง
        
        ท่าที่ 2 เหยียดขาตรงมาด้านหน้าทั้ง 2 ข้าง เตะขาสลับข้างเท้าลอยพื้น เกร็งขา
        
        ท่าที่ 3 นั่งเก้าอี้ในท่าปกติ ยกต้นขาขึ้นตั้งฉาก 1 ข้าง และเกร็งกล้ามเนื้อช่วงต้นขาหน้า ค่อยๆยืดหน้าแข้งให้ขนานพื้น ค้างไว้ 1 วินาทีและชักหน้าแข้งกลับที่เดิม
        
        ท่าที่ 4 ยืดขาให้สุด วางฝ่าเท้าให้เต็มพื้น จิกฝ่าเท้าติดพื้น และค่อยๆลากเข้าหาลำตัวช้าๆ
        
        ท่าที่ 5 นั่งเหยียดขาไปด้านหน้า 1 ข้าง กดเข่าให้ตึง วางฝ่าเท้าไว้กับพื้นและกระดกปลายเท้า แล้วค่อยๆไล่มือลงไป ตั้งแต่ต้นขา หัวเข่า หน้าแข้ง และปลายเท้า
        
        ท่าที่ 6 ยืนจับเก้าอี้ ยกปลายเท้า 1 ข้าง มาด้านหลังและจับปลายเท้าไว้ให้เข่ายืดตรง ไม่เอียงไปด้านข้าง
      - การประเมินผล
        
        1.มีอาการปวดลดลง pain score 3คะแนน
        
        2.ผู้สูงอายุสามารถสาธิตเกี่ยวกับการออกกำลังกายบริหารข้อเข่าได้5ใน6ข้อ
  - - - S: ผู้สูงอายุให้ข้อมูลว่า “เมื่อปวดปัสสาวะ จะต้องรีบไปเข้าห้องน้ำ เนื่องจากไม่สามารถกลั้นปัสสาวะได้นาน”
    - - ผู้สูงอายุสามารถกลั้นปัสสาวะได้
    - - 1.ผู้สูงอายุสามารถกลั้นปัสสาวะได้ อย่างน้อย 15 นาที หลังจากมีอาการปวดปัสสาวะ
      - 2.ผู้สูงอายุสามารถตอบคำถามเกี่ยวกับการกลั้นปัสสาวะได้ 3 ใน 5 ข้อ
    - - 1.ดื่มน้ำในแต่ละวันให้เหมาะสม 1,500-2,000 มิลลิลตร/วัน ถ้าดื่มน้ำน้อยเกิน ปัสสาวะจะเข้มข้น จะทำให้เกิดการระคายเคืองในกระเพาะปัสสาวะได้
      - 2.แนะนำให้ผู้สูงอายุงดดื่มเครื่องดื่มที่ผสมคาเฟอีน เช่น ชา กาแฟ เป็นต้น
      - 3.ฝึกบริหารกล้ามเนื้ออุ้งเชิงกรานเพื่อช่วยให้กล้ามเนื้อที่ควบคุมการขับถ่ายปัสสาวะให้แข็งแรงโดยการขมิบก้นบ่อยๆ โดยอาจจะเริ่มจากรอบละ 10-20 ครั้ง แล้วเพิ่มนำนวนขึ้นมาเรื่อยๆ
      - แนะนำให้ผู้สูงอายุทำ Double voiding Techique โดยเมื่อหลังการถ่ายปัสสาวะครั้งแรกเสร็จแล้ว ให้ผู้สูงอายุยืนขึ้น หรือเปลี่ยนท่า และปัสสาวะอีกครั้ง
      - 5.แนะนำผู้สูงอายุบริหารกล้ามเนื้ออุ้งเชิงกราน เพื่อฝึกให้กระเพาะปัสสาวะสามารถกักเก็บน้ำปัสสาวะในระยะเวลาที่ยาวนานขึ้นและ ฝึกเข้าห้องน้ำให้ตรงเวลา
    - - สามารถกลั้นปัสสาวะได้ 20 นาทีหลังมีอาการปวดปัสสาวะ ผู้สูงอายุสามารถตอบคำถามเกี่ยวกับการกลั้นปัสสาวะได้3ข้อ
  - - - S: ผู้สูงอายุบอกว่ามีฟันผุในปาก
      - O: ตรวจพบฟันผุในปาก 6ซี่ ฟันล่าง4ซี่ ฟันกรามน้อย2ซี่
      - O: มีฟันแท้ในปาก 26 ซี่
    - - ผู้สูงอายุไม่เกิดฟันผุเพิ่มมากขึ้น
    - - 1.ผู้สูงอายุสามารถตอบคำถามเกี่ยวกับการดูแลช่องปากได้ถูกต้องและเหมาะสม
    - - 1.แนะนำการทำความสะอาดช่องปากให้ผู้สูงอายุ ได้แก่
        
        -การเลือกใช้แปรงสีฟัน ควรเลือกใช้แปรงที่มีด้ามจับได้ถนัดมือ ยาวพอเหมาะ ตัวแปรงไม่เล็กหรือใหญ่เกินไปเมื่อเทียบกับขนาดช่องปาก มีขนแปรงนิ่ม ปลายมน และควรเปลี่ยนแปรงสีฟันเมื่อขนแปรงบานหรือมีอายุการใช้งาน2-3เดือน
        
        -แนะนำวิธีแปรงฟัน ควรแปรงอย่างน้อยวันละ2ครั้ง เช้าและก่อนนอน โดยแปรงให้ทั่วไปจนถึงซอกฟันอย่างน้อย2นาที
      - 2.แนะนำเรื่องการบริโภคอาหารโดยหลีกเลี่ยงอาหารหวานจัด เค็มจัด คุณค่าของอาหารให้ครบถ้วน พอเพียงกับความต้องการของร่างกายแต่ละวันแล้ว ยังต้องคำนึงถึงลนิด ลักษณะ ความแข็ง นิ่ม ควรรับประทานอาหารให้เป็นมื้อ ไม่ควรกินจุบจิบโดยเฉพาะช่วงก่อนนอน เพื่อลดการตกค้างของเศษอาหาร
      - 3.แนะนำการเสริมสร้างความแข็งแรงของตัวฟัน ควรใล้ยาสีฟัน ที่ผสมฟลูออไรด์ น้ำยา บ้วนปากผสมฟลูออไรด์
      - 4.แนะนำผู้สูงอายุไปตรวจสุขภาพช่องปากทุก 6 เดือน
    - - ผู้สูงอายุสามารถบอกวิธีการดูแลช่องปากได้อย่างถูกต้อง3ข้อ
  - - - O: ไม่สามารถเดินทรงตัวได้
      - O: มีอาการเดินตัวโยก
    - - เพื่อป้องกันการเกิดอุบัติเหตุพลัดตกหกล้มในผู้สูงอายุ
    - - 1.ผู้สูงอายุไม่เกิดการบาดเจ็บและอุบัติเหตุจากการพลัดตกหกล้ม
      - 2.ผู้สูงอายุสามารถสาธิตย้อนกลับท่าออกกำลังได้อย่างถูกต้อง
    - - 2.แนะนำให้ผู้สูงอายุออกกำลังกายโดยเน้นที่การเพิ่มความมั่นคงในการยื่น/เดินของผู้สูงอายุ เพิ่มความสามารถในการเคลื่อนที่และการเดิน ใช้กานฝึกการทรงตัว ฝึกกล้ามเนื้อให้เเข็งเเรง เพิ่มกำลังกล้ามเนื้อ ยกตัวอย่างเช่น การออกกำลังกาย เช่น
        
        2.2 การฝึกความเเข็งเเรงของกล้ามเนื้อมือ เเขน และข้อเท้า เช่น การบริหารข้อเท้า ท่ายืนด้วยปลายเท้า ท่างอเข่า เเบบไม่ใช้ราวจับ
        
        2.3 ฝึกการเดินและการทรงตัว เช่น เดินแบบใช้ราวจับ การยืนขาเดียว และในขณะออกกำลังกายผู้สู้งอายุควรประเมินความสามารถหรือการสังเกตการเคลื่อนไหว และทรงตัวว่าทำได้ดีหรือไม่ มีอาการเจ็บหรือติดขัดหรือไม่ โดยไม่ควรฝืนทำต่อไปหากมีความผิดปกติดังนี้ หรือ มีอาการเจ็บ ชา เเขนขา อ่อนเเรง หน้ามืด จะต้องหยุดทันที่
        
        2.1 การรำมวยจีน : ช่วยเพิ่มความยืดหยุนกล้ามเนื้อ ความยืดหยุ่รนตามข้อต่างๆ
      - 3.แนะนำการรับประทานอาหารโดยรับประทานอาหารให้ครบ 5 หมู่ และเหมาะสมกับผู้สูงอายุเน้นอาหารประเภทโปรตีนที่ย่อยง่าย เช่น เนื้อปลา,โปรตีนสะอาด เช่น ไข่ขาว และรับประทานอาหารที่มีเเคลเซียม เช่น ปลาเล็กปลาน้อย และวิตามิน เเร่ธาตุ จากผักเเละผลไม้เพื่อซ่อมเเซมและเสริมสร้างเนื้อเยื่อ กล้ามเนื้อและกระดูกให้เเข็งเเรง
      - 1.อธิบายให้คำเเนะนำผู้สูงอายุเกี่ยกับการป้องกันการพลัดตกหกล้ม เพื่อไม่ให้ผู้สูงอายุพลัดตกหกล้มดังนี้
        
        1.1. แนะนำเมื่อทำกิจกรรมให้ลุกนั่งช้าๆเพื่อป้องกันการเกิดอาการหน้ามืด วิงเวียนศีรษะ
        
        1.2. แนะนำการใช้รองเท้า ไม่ใส่รองเท้าที่มีพื้นลื่นควรใช้รองเท้าที่มีขนาด และรูปร่างเหมาะสมกับเท้าไม่หลวมไม่เเน่นจนเกินไปเพื่อป้องกันการหกล้ม
        
        1.3. แนะนำการจัดสิ่งเเวดล้อม โดยจัดวางของใช้บ่อยไว้ใกล้มือ จัดสิ่งของให้เป็นระเบียบเพื่อป้องกันการพลัดตกหกล้ม
    - - ผู้สูงอายุสามารถสาธิตย้อนกลับท่าออกกำลังได้
  - - - S: ผู้สูงอายุให้ข้อมูลว่า “น้ำหนัก 60 กิโลกรัม”
      - S: ผู้สูงอายุให้ข้อมูลว่า “มีโรคประจำตัวเป็นโรคความดันโลหิตสูง”
      - S: ผู้สูงอายุให้ข้อมูลว่า “ไม่ชอบออกกำลังกาย”
      - O: BMI 26.67 kg/m2
      - O: สังเกตขณะอยู่บ้าน ผู้สูงอายุ จะนั่งเล่น พูดคุย ไม่มีการเคลื่อนไหวร่างกาย
    - - เพื่อให้ผู้สูงอายุเกิดพฤติกรรมการออกกำลังกายอย่างถูกต้องและเหมาะสมกับโรคที่เป็นอยู่
    - - 1.กรณีศึกษาตะหนักถึงความรุนแรงและผลกระทบของการไม่ออกกำลังกาย
      - 2.ผู้สูงอายุสามารถสาธิตย้อนกลับท่ามนการออกกำลังกายได้อย่างถูกต้อง
    - - ให้ความรู้และอธิบายถึงโรคความดันโลหิตสูง
      - อธิบายถึงภาวะแทรกซ้อนและความรุนแรงของโรคความดันโลหิตสูงในผู้ที่ไม่ออกกำลังกาย อาจพบภาวะแทรกซ้อนที่ตา ไต สมอง หัวใจและหลอดเลือดในร่างกายเป็นต้น
      - แนะนำให้เหมาะสมกับโรคความดันโลหิตสูง ด้วยหลักบริหาร 3 นาที 4 ท่า
        
        3.1 Swing arm : ยกแขนขึ้นหายใจเข้า ยกแขนลง หายใจออก ทำ 10 ครั้ง ช้าๆ
        
        3.2 Open arm : กางแขนออกหายใจเข้ายกแขนลงหายใจออก ทำ 10 ครั้ง ช้าๆ
        
        3.3 Reach side to side : เหยียดแขนหายใจเข้า เหยียดแขนลงหายใจออก ทำทั้ง 2 ข้าง ข้างละ 10 ครั้ง สลับกัน
        
        3.4 Eight : วาดแขนเป็นเลข 8 ขาไปหายใจเข้า ขากลับหายใจออก ทำ2ข้าง ข้างละ 10 ครั้ง สลับกัน
    - - ผู้สูงอายุเกิดความสนใจในการออกกำลังกาย และสามารถบอกได้ถึงผลกระทบของการไม่ออกกำลังกาย
      - 2.ผู้สูงอายุสามารถสาธิตย้อนกลับท่าออกกำลังกายได้อย่างถูกต้อง
- - - - ทฤษฎีความเสื่อมโทรม (Wear and Tear theory) เมื่อสูงอายุเนื้อเยื่อในชั้นผิวหนัง ชั้นใต้ผิวหนัง มีต่อมไขมันฝ่อลง ต่อมเหงื่อน้อยลง ส่งผลทำให้ผิวแห้งหยาบ ผิวหนังเหี่ยวย่น รวมถึง Elastic และ Collagen ลดลง ผิวหนังจะหยาบและความยืดหยุ่นลดลง ทำให้ความชุ่มชื้นของผิวและสุขภาพลดลง
  - - - ทฤษฎีความเสื่อมโทรม (Wear and Tear Theory ) การดูดซึมแคลเซียมได้ไม่ดี ความหนาแน่นของกระดูกลดลง กระดูกจะโปร่ง กระดูกอ่อนจะเสียแคลเซียมออกไป โดยเฉพาะที่กระดูก ทำให้กระดูกเปราะ และหักง่าย
        -หมอนรองกระดูกบางลง กระดูกบริเวณข้อต่อต่างๆบางลง ความสามารถในการรับแรงกระแทกลดลงเนื่องจากปริมาณน้ำไขข้อ กระดูกลดลง เป็นสาเหตุให้ข้อเสื่อม
      - ทฤษฎีการเชื่อมตามขวาง (Crosslinking Theory) มีการเชื่อมตามขวางของเนื้อเยื่อเกี่ยวพัน (collagen cross linking) ทำให้ข้อต่อกระดูกมีความยืดหยุ่นลดลงทำให้การเคลื่อนไหว ช้าลง ต้องใช้ความพยายามมากขึ้นในการควบคุมทรงตัวไม่ค่อยดี การเครื่อนไหวข้อต่างๆ ลดลง
  - - - ทฤษฎีความเสื่อมโทรม (wear and tear theory ) สารเคลือบฟันมีส่วนประกอบของcalcium phosphate และ calcium carbonate ลดลงจึงถูกกัดกร่อนเข้ามาถึงเนื้อฟันประกอบกับเซลล์ที่สร้างเนื้อฟันมีจำนวนลดลงทั้งปริมาณและคุณภาพทำให้ฟันถูกทำลายและผุกร่อนและการยึดเกาะของรากฟันลดลง
  - - - ทฤษฎีความเสื่อมโทรม (Wear and tear theory)
        อายุที่เพิ่มมากขึ้น ความผิดปกติของโปรตีนคอลลาเจนอีลาสตินหนาตัว แข็ง แตก ความยืดหยุ่นลดลง ทำให้อุ้งเชิงกรานหย่อนตัวลง หูรูดและกระเพาะปัสสาวะขยายทำงานได้ไม่เต็มที่ ปิดไม่สนิท ทำให้ปัสสาวะเล็ดเมื่อมีแรงดันภายในช่องท้อง
- - - - ความดัน โลหิตสูงไม่ทราบสาเหตุ(primary hypertension)ไม่ทราบสาเหตุแน่ชัด มีความเชื่อว่ามีความเกี่ยวกับการปฏิบัติตัวเช่น การรับประทานอาหาร การออกกำลังกาย กรรมพันธุ์
      - ความดัน โลหิตสูงที่มีสาเหตุ(Secondary hypertension) เช่นโรคเกี่ยวกับไต และต่อมหมวกไต
    - - ปวดศรีษะปวดบริเวณท้ายทอย เหนื่อยง่ายหายใจหอบ มึนงง ตามัว ปวดตา มือเท้าช้า คลื่นไส้อาเจียน ใจสั่น เลือดกำเดาไหล
    - - การซักประวัติอาการ ประวัติการเจ็บป่วยทั้งในอดีตและปัจจุบัน ประวัติการใช้ยา การตรวจวัดความดันโลหิต การตรวจร่างกาย และการตรวจทางห้องปฏิบัติการต่าง ๆ เช่น การตรวจคลื่นไฟฟ้าหัวใจ (เพื่อดูการทางานของหัวใจ)
    - - การรักษา แบ่งได้ 2 แบบ
        
        การควบคุมความดันโลหิตโดยไม่ใช้ยา
        
        1.1 ควบคุมน้ำหนัก
        
        1.2 การจำกัดเกลือ ในอาหาร
        
        1.3 การจำกัดแอลกอฮอล์ กาแฟ
        
        1.4 การออกกำลังกาย
        
        1.5 การพักผ่อนและลดความเครียด
        
        การรักษาด้วยยา
        
        การควบคุมความดัน โลหิตสูงด้วยยาที่นิยมกันมากคือ
        
        -ยาขับปัสสาวะ เพื่อลดปริมาณเลือดในร่างกาย
        
        -ยาขยายหลอดเลือด เพื่อลดความต้านทานในหลอดเลือด
        
        -ยากลุ่ม beta blockers ทำให้หัวใจทำงานลดลงหลั่ง angiotensin
        
        -ยากลุ่ม angiotensin converting enzymc เพื่อลดการ
    - - หัวใจ อาจเกิดภาวะหัวใจล้มเหลว มีอาการหัวใจเต้นไม่สม่ำเสมอ มีอาการขาบวม
        
        ไต อาจเป็นโรคไตเรื้อรัง มีอาการขาบวม ซีด ผิวแห้ง
        
        สมอง อาจเป็นโรคหลอดเลือดสมอง อาการที่แสดงออก คือ มีอาการปากเบี้ยว อ่อนแรงครึ่งซีก ชาครึ่งซีก หรืออาจมีภาวะสมองเสื่อม
        
        ตา อาจเกิดความผิดปกติที่จอประสาทตา
  - - - การวินิจฉัยว่าไขมันในเลือดสูงโดยทั่วไปใช้เกณฑ์ แอลดีแอล (LDL) เป็นหลัก เนื่องจากโคเลสเตอรอลประกอบด้วยไขมันที่ดี ( เอชดีแอล) และไขมันที่ไม่ดี (ไตรกลีเซอร์ไรด์และแอลดีแอล) ดังนั้นถ้าดูระดับ โคเลสเตอรอลเพียงอย่างเดียวอาจผิดพลาดได้
    - - ไม่ใช้ยา
        
        1.ออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ เช่น การเต้นแอโรบิค
        
        2.รับประทานอาหารที่มีโอเมก้า 3
        
        3.ลดอาหารประเภทแป้งขัดสี เช่น ขนมปังชนิดต่างๆ รวมถึงปาท่องโก๋ โดนัท เส้นก๋วยเตี๋ยว เส้นสปาเกตตี มักกะโรนี บะหมี่กึ่งสำเร็จรูป ลดอาหารมีคอเลสเทอรอลสูงเช่น ไข่แดง เครื่องในสัตว์ต่างๆ เนื้อสัตว์ติด
        มัน กุ้ง หอย ปลาหมึก ไข่ปลา
        
        4.ลดอาหารประเภทไขมัน อาหารผัด ทอด ที่ใช้น้ำมันหมู น้ำมันปาล์ม เนย
        หรืออาหารที่ใช้กะทิ
        
        5.การลดน้ำหนัก ใน bmi อยุ่ในเกณฑ์ปกติ รอบเอวไม่เกิน 90 เซนติเมตร
      - การใช้ยา
        
        1.ยากลุ่ม HMG -CoA reductase inhibitor ทำให้ลดระดับคอเลสเตอรอลไตรกลีเซอไรด์และกลุ่มไขมัน LDL ลง คือ Simvastatin
        
        2.ยาที่เป็นวิตามินบีรวม ชื่อ Niacin ซึ่งจะช่วยลดระดับไขมันไตรกลีเซอไรด์ไขมัน LDL และช่วยเพิ่มระดับไขมัน HDL
        
        3.ยากลุ่ม Fibrates เป็นยากลุ่มที่ประสิทธิภาพสูง ในการลดระดับไขมันไตรกลีเซอไรด์ มีผลข้างเคียงได้แก่ Rhabdmyolysis ภาวะกล้ามเนื้อลายสลาย
    - - ผนังหลอดเลือดแข็ง หัวใจต้องทำงานหนักมากขึ้นเพื่อสูบฉีดเลือดใหเลี้ยงทั่วรางกายเพียงพอ เมื่อเป็นระยะเวลานาน จะทำให้เกิดความดัน โลหิตสูงหัวใจขาดเลือดหรือเป็นอัมพาตได้ มีสีปนเหลืองที่ผิวหนัง เช่น หนังตา ขอศอก หัวเข่าและฝ่ามือ
      - เอ็นร้อยหวายหนาตัวกว่าปกติ
      - มีเส้นวงสีขาวเกิดขึ้นระหวางขอบตาดำกับตาขาว
    - - ไตวาย
      - ตามัว หรือตาบอด
      - อัมพฤกษ์ อัมพาต
      - ตับอ่อนอักเสบ ตับ ม้ามโต
      - โรคหัวใจขาดเลือด
    - - กรรมพันธุ์ เกิดเป็นผลจากโรคอื่นซึ่งเป็นสาเหตุทำให้การ เผาผลาญสารไขมันผิดปกติ เช่น โรคเบาหวาน โรคต่อมไทรอยด์ไม่ทำงาน โรคตับ โรคไตโรคพิษสุรา เรื้อรัง หรือเป็นจากการใช้ยาบางอย่าง เช่น ยาขับปัสสาวะ ยาลดความดัน โลหิต ยาคุมกำเนิดยากลุ่มสเตอรอยด์