Please enable JavaScript.
Coggle requires JavaScript to display documents.
Cerebral and Musculoskeletal Dysfunction - Coggle Diagram
Cerebral and Musculoskeletal Dysfunction
การประเมินทางระบบประสาทในเด็ก
ระดับการรู้สึกตัว สามารถประเมินได้จากการบอกชื่อของตนเอง บอกวัน เวลา และสถานที่
Coma Assessment เป็นการประเมินระดับความรู้สึกตัวโดยใช้เครื่องมือที่เป็นที่นิยมมากที่สุด เรียก Glasgow Coma Scale ประเมินเป็นระดับค่าคะแนนที่เรียกวiา Glasgow Coma Score (GCS) การประเมิน ประกอบด้วย 3 ส่วน ได้แก่ การลืมตา (eye opening) การสื่อภาษาหรือการพูด (verbal response) และ การเคลื่อนไหว (motor response) ในแต่ละส่วนจะมีคะแนนเต็ม 4, 5 และ 6 ตามลําดับ รวม 15 คะแนน
การแสดงท่าทางที่ผิดปกติ
1 Decorticate / Flexion posturing เกิดขึ้นเมื่อมีความผิดปกติที่รุนแรงของสมอง ส่วน cerebral cortex
2 Decerebrate / Extension posturing เกิดขึ้นเมื่อมีรอยโรคที่บริเวณก้านสมอง ลักษณะอาการจะพบว่าแขนเหยียดออกและควํ่าแขนลง โดยบิดข้อมือออกด้านข้าง ขาเหยียดออกและ แยกจากกัน
อาการระคายเคืองต่อเยื่อหุ้มสมอง (Meningeal Irritation)
ผู้ป่วยเด็กที่มีการระคายเคืองที่เยื่อหุ้มสมอง เช่น โรคเยื่อหุ้มสมองอักเสบ
1 Brudzinski’s sign จะใช้ทดสอบในเด็กเล็กที่อายุน้อยกว่า1 ปี โดยจัดให้เด็กนอน หงาย ผู้ตรวจช้อนศีรษะแล้วยกขึ้นอย่างรวดเร็ว ถ้าเด็กงอสะโพกและเข่าขึ้น ผลตรวจจะเป็นบวก
2 Stiff neck จะใช้ทดสอบในเด็กโต โดยจัดให้เด็กนอนหงาย ผู้ตรวจช้อนศีรษะแล้ว ยกขึ้นเพื่องอศีรษะ หากเด็กมีอาการปวดและกล้ามเนื้อบริเวณคอเกร็งต้านต่อการงอศีรษะ ผลตรวจจะเป็นบวก
3 Kernig’s sign จะใช้ทดสอบในเด็กโต โดยจัดให้เด็กนอนหงาย งอข้อสะโพกและ
ข้อเข่าในมุม 90 องศา หลังจากนั้นผู้ตรวจค่อย ๆ เหยียดข้อเข่าออก ๆหากเด็กรู้สึกปวดและเกร็ง ทําให้ไม่ สามารถเหยียดข้อเข่าได้ ผลตรวจจะเป็นบวก
5 Special Diagnostic Procedure: Lumbar Puncture
การตรวจพิเศษทางระบบประสาทในเด็กที่พบโดยทั่วไป ได้แก่การเจาะตรวจน้ําไขสันหลัง (Lumbar Puncture: LP) การตรวจด้วยคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า(Magnetic resonance Imaging: MRI) การตรวจด้วยเครื่องเอกซเรย์คอมพิวเตอร((Computed tomography: CT) การตรวจคลื่นไฟฟ้าสมอง (Electroencephalography: EEG)
การพยาบาลผู้ป่วยเด็กหลังได้รับการเจาะน้ําไขสันหลัง
พยาบาลมีบทบาทในการจัดกิจกรรมการพยาบาลเพื่อบรรเทาความปวด และป้องกันการรั่วซึมของ น้ําไขสันหลัง คือ จัดให้เด็กนอนราบหลังเจาะหลังอย่างน้อย 6 ชั่วโมง พร้อมทั้งติดตามการรั่วซึมบริเวณ แผล
ข้อวินิจฉัยการพยาบาล (Nursing Diagnosis)
Acute pain r/t possible loss of cerebrospinal fluid
Risk for infection: Risk factor: invasive procedure
Risk for ineffective cerebral tissue perfusion: Risk factor: treatment-related side effects
การพยาบาลเด็กที่มีอาการชัก
ภาวะชักจากไข้สูง หมายถึง อาการชักท่ีเกิดร่วมกับการมีไข้โดยไม่ได้เกิดจากการติดเชื้อในระบบ ประสาทส่วนกลาง (CNS infection) หรือความไม่สมดุลของเกลือแร่ในร่างกายอย่างเฉียบพลัน (Acute electrolyte imbalance) และไม่มีประวัติชักโดยที่ไม่มีไข้มาก่อน
พบได้ในเด็กอายุ 1 เดือน – 5 ปี โดยคิดเป็นร้อยละ 2 – 5 ของเด็กช่วงอายุ
สาเหตุการเกิดยังไม่ทราบแน่ชัด แต่พบว่ามีปัจจัยหลายประการที่เกี่ยวข้องกับการชักจากไข้สูง ดังนี้
พันธุกรรม เด็กที่ครอบครัวมีประวัติชักจากไข้สูง จะเพิ่มความเสี่ยงให้ต่อการชักจากไข้สูงมากถึง ร้อยละ 10 – 46
การติดเชื้อ มักเกิดจากการติดเชื้อในระบบหายใจ หูชั้นกลางอักเสบ ต่อมทอนซิลอักเสบ การ ติดเชื้อในระบบทางเดินอาหาร การติดเชื้อในระบบทางเดินปัสสาวะ
วัคซีน จากการศึกษาที่ผ่านมาพบว่า วัคซีนคอตีบ – บาดทะยัก – ไอกรน (DTP) วัคซีนหัด – คาง ทูม – หัดเยอรมัน (MMR) และวัคซีนไข้หวัดใหญ่ สามารถเพิ่มความเสี่ยงต่อการเกิดภาวะชักจากไข้สูงภายใน วันแรก และ 8 – 14 วันหลังฉีดวัคซีน ตามลําดับ
ลักษณะทางคลินิก
อาการนําก่อนชักจากไข้สูง เช่น อุณหภูมิกายสูงกว่า 39 องศาเซลเซียส (102 องศาฟาเรนไฮต) ตัวร้อนหน้าแดง มึนงง สับสน กระสับกระส่าย ร้องกวน
อาการชัก เมื่ออุณหภูมิกายสูงกว่า 39 องศาเซลเซียส และเกิดขึ้นภายใน 24 ชั่วโมงแรกที่ เร่ิมมีอาการไข้
อุณหภูมิร่างกายที่สูงขึ้น อันเนื่องมาจากการติดเชื้อหรือสาเหตุใด ๆ ก็ตาม จะทําให้เมตาบอลิซึมของ เซลล์(ประสาทสมองเกิดการเปลี่ยนแปลง ทําให้เซลล์(ประสาทไวต่อการชักมากขึ้น โดยขึ้นอยู่กับอายุและการ เจริญของสมองด้วย
การพยาบาลเด็กที่มีภาวะชักจากไข้สูง
Risk for injury: Risk factors: uncontrolled movements during seizure, falls, drowsiness caused by anticonvulsants
ไม่ผูกยึดเด็กขณะชัก
ยกไม้กั้นเตียงข้ึนท้ัง 2 ข้าง
2.ระวังแขนขากระแทกกับของแข็งของมีคมและไม่ควร เคลื่อนย้ายเด็กขณะชัก
ดูแลส่ิงแวดล้อมรอบเตียงให้ปลอดภัย
1.จับเด็กให้นอนราบใช้ผ้านุ่มๆเช่นผ้าห่มหรือ
ผ้าเช็ดตัวหนุนบริเวณใต้ศีรษะ
โรคลมชัก (Epilepsy)
โรคลมชัก หมายถึง การเกิดอาการชักโดยไม่มีปัจจัยกระตุ้น (unprovoked seizure) มากกว่าหรือ เท่ากับ 2 ครั้ง ใน 24 ชั่วโมง
สาเหตุ ผู้ เป่วยเด็กโรคลมชักส่วนมากไม่ทราบสาเหตุของการเกิดโรค ส่วนรายที่ทราบสาเหตุอาจเกิดจากเด็กมี ความผิดปกติของสมองโดยตรง โดยสามารถจําแนกได้ตามกลุ่มโรคที่เป็นสาเหตุของลมชัก
พยาธิสภาพ อาการชักที่เกิดขึ้น เป็นผลจากความผิดปกติของการส่งกระแสประสาทในสมอง (abnormal discharge) โดยมีการปล่อยกระแสไฟฟ้าที่ผิดปกติจํานวนมากจากเซลล์(สมอง )
Generalized Seizure (การชักทั้งตัว) เป็นอาการชักที่เกิดจากความผิดปกติของคลื่นไฟฟ้า สมอง อาจเกิดขึ้นจากจุดใดจุดหนึ่งในสมอง และแพร่กระจายอยiางรวดเร็วไปยังสมองทั้ง 2 ด้าน จําแนก ลักษณะการชักได้ดังนี้
2 Myoclonic Seizure (ชักสะดุ้ง) เปÖนการชักที่มีกล้ามเนื้อกระตุกคล้ายการสะดุ้ง มักกระตุกที่แขนสองข้าง
3 Absence Seizure (ชักเหม่อ) การชักเป็นลักษณะเหม่อไม่รู้ตัวเป็นประมาณ 4 – 20 วินาที ถ้าชักนานกว่า 10 วินาที อาจมี automatism เช่น ตากระพริบ
1 Tonic Clonic Seizure (ชักเกร็งกระตุกทั้งตัว) ผู้ป่วยจะหมดสติ
5 Tonic Seizure (ชักเกร็ง) ผู้ป่วยหมดสติร่วมกับมีการชักที่มีกล้ามเนื้อเกร็งทั้งตัวโดย ไม่มีการกระตุก
6 Atonic (astatic) Seizure (ชักตัวอ่อน) เป็นการชักที่มีกล้ามเนื้ออ่อนเปลี้ยทั้งตัวทันที ทําให้ผู้ป่วยล้มลงแล้วสามารถลุกขึ้นได้ทันที อาการชักที่มีระยะสั้นมาก ส่วนใหญ่มักจะพบในผู้ป่วยที่มี พัฒนาการช้า
4 Clonic Seizure (ชักกระตุก) ผู้ป่วยหมดสติร่วมกับมีการชักที่มีกล้ามเนื้อทั้งตัวกระตุก เป็นจังหวะโดยไม่มีเกร็ง
Focal Seizure (การชักเฉพาะท่ี) เป็นอาการชักที่มีความผิดปกติของคลื่นไฟฟ้าสมอง โดยจะเริ่ม จากจุดใดจุดหนึ่งของสมองด้านใดด้านหนึ่งเท่านั้น ลักษณะอาการชักจะขึ้นอยูiกับบริเวณของสมองที่มี การเปลี่ยนแปลงของคลื่นไฟฟ้าสมอง จําแนกลักษณะการชักได้ดังน้ี
1 Simple Partial Seizure (การชักเฉพาะที่แบบมีสติ) เป็นอาการชักที่สามารถ สังเกตเห็น หรือตรวจวัดได้ขณะชัก และผู้ป่วยยังรู้สติอยู่
2 Complex Partial Seizure (การชักเฉพาะที่แบบขาดสติ) ผู้ป่วยอาจมีอาการเหม่อลอย บางครั้งอาจดูเหมือนรู้ตัวแต่ไม่สามารถตอบสนองต่อคําถามได้เป็นปกติ
Unclassified Epileptic Seizure เป็นการชักที่ไมiสามารถจําแนกประเภทได้
ระยะอาการของโรคลมชัก
อาการก่อนชัก (preictal symptoms) ประกอบด้วยอาการนํา และอาการเตือน
อาการชัก (seizure symptom) โดยท่ัวไป อาการชักท่ีเกิดข้ึนจะมีลักษณะดังนี้
เกิดขึ้นเป็นระยะเวลาสั้นๆ ไม่เกิน 5 นาทีและหยุดเอง มีเพียงส่วนน้อยที่อาการชักจะ
ดําเนินไปเป็นภาวะชักต่อเนื่อง (status epilepticus)
อาการหลังชัก (postictal symptoms) หลังชักผู้ป่วยมักจะมีอาการหลังชักดังต่อไปนี้ ได้แก่ ปวดศีรษะ ซึม หลับ สับสน หรือมี อาการทางจิต เช่น หูแว่วเห็นภาพหลอน ผู้ป่วยบางรายไม่สามารถสื่อสารได้อย่างปกติ
ข้อวินิจฉัยการพยาบาล (Nursing Diagnosis)
Risk factors: uncontrolled movements during seizure, falls, drowsiness
caused by anticonvulsants
ไมiผูกยึดเด็กขณะชัก
ยกไม้ก้ันเตียงข้ึนทั้ง 2 ข้าง
3.ระวังแขนขากระแทกกับของแข็งของมีคมและไม่ควร เคลื่อนย้ายเด็กขณะชัก
ดูแลส่ิงแวดล้อมรอบเตียงให้ปลอดภัย
2.หากเด็กมีอาการชักขณะยืนหรือนั่งรีบจัดให้นอน ตะแคงบนพื้นราบ
สังเกตอาการนํา และอาการเตือนก่อนการชัก
1.จับเด็กให้นอนราบใช้ผ้านุ่มๆเช่นผ้าห่มหรือ
ผ้าเช็ดตัว หนุนบริเวณใต้ศีรษะ
การพยาบาลเด็กที่มภาวะความดันในช่องกะโหลกศีรษะสูง
ภาวะน้ําคั่งในกะโหลกศีรษะ หรือภาวะโพรงสมองคั่งน้ํา เกิดจากความไม่สมดุลระหว่างการสร้างและ ดูดซึมน้ําไขสันหลัง
สาเหตุ ภาวะน้ําคั่งในกะโหลกศีรษะ เป็นความผิดปกติที่เกิดจากหลายสาเหตุ โดยมีสาเหตุหลัก 2 ประการ ได้แก่ มีการอุดกั้นของทางผ่านของน้ําไขสันหลัง (Non - communicating hydrocephalus) และมี ความผิดปกติในการดูดซึมน้ําไขสันหลังเข้าสู่ระบบเลือด
เด็กเล็ก มักจะมาพบแพทย(ด้วยเรื่องศีรษะโต หากไม่รุนแรงมาก ศีรษะจะโตเพียงเล็กน้อย หาก เป็นชัดเจนและรุนแรง จะมีศีรษะโตมากเมื่อเทียบกับลําตัว
เด็กโต มี อาการปวดศีรษะ ซึมลง ชัก เห็นภาพซ้อน หรือตามัว
ภาวะแทรกซ้อนที่มักพบภายหลังผ่าตัดใส่สายระบายน้ําในโพรงสมอง (shunt) คือ การทํางานของ สายระบายที่ผิดปกติ และการติดเชื้อของสายระบาย
ข้อวินิจฉัยการพยาบาล (Nursing Diagnosis)
Risk for infection: Risk factor sequelae of invasive procedure (shunt placement)
แนะนําเด็กไม่ให้สัมผัสหรือเกาแผล
ประเมินกระบวนการอักเสบของเนื้อเยื่อบริเวณแผล ประเมินสัญญาณชีพ ภาวะไข้เฝ้าสังเกตอาการอาเจียน เบื่ออาหาร สารคัดหลั่งที่ออกจากแผล ระดับความ รู้สึกตัว และอาการทางระบบประสาท
3.ดูแลการได้รับน้ําและอาหารตลอดจนความสะอาด ท่ัวไปของร่างกาย
6.แนะนําผู้ดูแลในการสังเกตอาการแสดงของการติดเชื้อ
และการดูแลเพื่อป้องกันการติดเชื้อ
ดูแลให้ผู้ป่วยได้รับยาปฏิชีวนะ ตามแผนการรักษา
1.ทําความสะอาดแผลผ่าตัดแบบdrydressingที่ศีรษะ
หน้าอก หรือหน้าท้องด้วย sterile technique
การพยาบาลเด็กที่มีปัญหาการติดเชื้อในระบบประสาท
เยื่อหุ้มสมองอักเสบ (Meningitis)
ทารกแรกเกิดและเด็กเล็ก มักจะมีไข้ ซึม กระสับกระส่าย ร้องกวน ไม่ดูดนมหรือดูด นมได้น้อยลง กระหม่อมโป่งตึง อาเจียน ถ่ายเหลว กล้ามเน้ือ อ่อนแรง หยุดหายใจ อาจมีอาการชัก
เด็กโต มักจะมีไข้ ปวดศีรษะรุนแรง และหากเคลื่อนไหวจะปวดศีรษะรุนแรงมากขึ้น รับประทานอาหารได้น้อย คลื่นไส้ อาเจียน ถ่ายเหลว ปวดกล้ามเนื้อหรือข้อ สับสน กระสับกระส่าย ซึม มี ความไวต่อการกระตุน มีการเปลี่ยนแปลงของระดับความรู้สึกตัว และเกิดอาการชัก
สมองอักเสบ (Encephalitis)
ส่วนใหญ่เกิดจากการติดเชื้อไวรัส เช่น Japnaese B encephalitis (JE) virus หรืออาจเป็นโรค แทรกซ้อนที่เกิดจากโรคหัด คางทูม สุกใส เริม หรือเอชไอวี
ไข้สูง ปวดศีรษะ ปวดบริเวณต้นคอมาก คอแข็ง อาเจียน หายใจไม่สทำเสมอ ซึมลง มีการ เคลื่อนไหวผิดปกติ
วินิจฉัยการพยาบาล (Nursing Diagnosis)
หลีกเลี่ยงการรบกวนเด็กโดยไม่จําเป็น จัดสิ่งแวดล้อม ให้เงียบสงบ และให้การพยาบาลด้วยความนุ่มนวล
ดูแลให้ได้รับยาปฏิชีวนะ ยาต้านไวรัส และยาลดสมอง บวมหรือลดความดันในกะโหลกศีรษะ ตามแผนการ รักษา
ดูแลให้เด็กได้รับออกซิเจนอย่างเพียงพอ หลีกเลี่ยง กิจกรรมที่จะส่งผลให้เด็กขาดออกซิเจน เช่น ต้องให้ ออกซิเจน 100% ก่อนและหลังการดูดเสมหะทุกครั้ง
5.ลดและป้องกันปัจจัยกระตุ้นให้เกิดอาการชักเช่นแสง เสียง และภาวะไข้เป็นต้น
จัดให้เด็กนอนศีรษะสูง 30 องศา
7.วัดและบันทึกเส้นรอบวงศีรษะอย่างน้อยวันละ1คร้ัง (โดยเฉพาะในเด็กเล็ก)
บรรเทาอาการปวดศีรษะโดยการประคบด้วยความ เย็นบริเวณหน้าผาก หรือเบี่ยงเบนความสนใจโดยการจัด กิจกรรมที่เหมาะสม
ช่วยแพทย์(ในการเจาะน้ําไขสันหลัง และดูแลเด็กหลัง ได้รับการเจาะน้ําไขสันหลัง
9.ประเมินอาการแสดงและอาการของการระคายเคือง
เยื่อหุ้มสมอง และภาวะความดันในกะโหลกศีรษะสูง
การพยาบาลเด็กที่มีปัญหาเก่ียวกับการเคลื่อนไหว
เกิดจากหลายปัจจัยร่วมกันที่ส่งผลต่อสมองที่กําลังพัฒนา โดยอาจเกิดได้ก่อนคลอด ระหว่างคลอด และหลังคลอด
สมองพิการแบ่งออกเป็นหลายชนิดตามลักษณะความผิดปกติของการเคลื่อนไหว ซึ่งมีอาการแสดง และอาการที่เดiนชัดของแตiละชนิด
เด็กสมองพิการร้อยละ 80 มักมีความผิดปกติร่วมอย่างน้อย 1 อย่าง ในขณะที่ร้อยละ 40 มักมีความ ผิดปกติร่วม 3 อย่างหรือมากกวiา ความผิดปกติท่ีพบร่วม มีดังนี้
ภาวะบกพร่องทางสติปัญญา (intellectual impairment) พบร่วมกับสมองพิการมากท่ีสุด
การทํางานผิดปกติของระบบทางเดินอาหาร (GI dysfunction) เช่น ปpญหาการกลืน และภาวะ
กรดไหลย้อน (GERD)
ปัญหาการเจริญเติบโตและภาวะโภชนาการ (growth and nutritional status problems) จากปัญหาการกิน และไม่สามารถร้องขอกินอาหารได้
สมองพิการเป็นโรคที่รักษาไม่หายขาด แต่สามารถรักษาฟื้นฟูจนทําให้ความผิดปกติลดลงได้ จน ทําหน้าที่ได้อย่างมีประสิทธิภาพ เป้าหมายในการรักษาของแพทย(ที่สําคัญคือ ให้เด็กสามารถเติบโตอยู่ใน ครอบครัวและชุมชน ป้องกันความพิการซำ้ซ้อน และให้เด็กใช้ศักยภาพของตนเองอย่างเต็มที่เพื่อการ ดําเนินชีวิตในวัยผู้ใหญ่ได้โดยไม่ต้องพึ่งพาผู้อื่นหรือพึ่งพาผู้อื่นน้อยที่สุด
ข้อวินิจฉัยการพยาบาล (Nursing Diagnosis)
Imbalanced nutrition: less than body requirements r/t spasticity, feeding or swallowing difficulties
2.ชั่งน้ําหนักวันละ1ครั้งในเด็กเล็กหรือสัปดาห(ละ1 – 2 ครั้ง ในเด็กโต
ระมัดระวังการสําลักขณะให้อาหารแก่เด็ก
1.ดูแลให้เด็กได้รับอาหารที่ให้พลังงานสูงและเพียงพอ
ต่อความต้องการของร่างกาย
แนะนําผู้ดูแลเกี่ยวกับวิธีการให้อาหารแก่เด็กอย่าง เหมาะสม
การพยาบาลเด็กที่มีปัญหาความบกพร่องของกระดูกสันหลังและสมอง
กระดูกสันหลังโหว่หมายถึง โรคที่เป็นความผิดปกติของท่อประสาท (neural tube defects) ที่ ไม่สามารถปิดได้ตั้งแต่แรกเกิด ซึ่งเป็นผลจากการพัฒนาท่ีผิดปกติของระบบประสาทส่วนกลาง (CNS) จึงมัก พบความผิดปกติได้ตลอดตามความยาวของไขสันหลังตั้งแต่บริเวณศีรษะถึงกระดูกก้นกบ
ข้อวินิจฉัยการพยาบาล (Nursing Diagnosis)
Risk for trauma: Risk factor: alteration in skin integrity
อุ้มทารกด้วยความระมัดระวัง และอ่อนโยน
3.ใช้อุปกรณ(สําหรับพยุงก้อนหรือถุงไว้เช่นใช้ผ้าม้วน รองใติก้อนหรือถุง
จัดท่าให้ทารกนอนควํ่าหรือนอนตะแคง
4.ให้การพยาบาลต่างๆในเวลาเดียวกันและไม่รบกวน ทารกมากเกินไป