Please enable JavaScript.
Coggle requires JavaScript to display documents.
โรคตับแข็ง (Liver Cirrhosis) - Coggle Diagram
โรคตับแข็ง
(Liver Cirrhosis)
ข้อมูลผู้ป่วย
ข้อมูลทั่วไป
ผู้ป่วย อายุ 45 ปี มาด้วยมีอาเจียนเป็นเลือด 2 ครั้ง และมีถ่ายดำ 1 ก่อนโรงพยาบาล
ประวัติการเจ็บป่วยในปัจจุบัน
6 เดือนก่อนเริ่มมีอาการเบื่ออาหาร รับประทานอาหารได้น้องลง มีตาและตัวเหลือง ท้องโตแน่นท้องเป็นพักๆ
1 วันก่อนมาโรงพยาบาลมีอาเจียนเป็นเลือด 2 ครั้ง และมีถ่ายดำ ญาติจึงนำส่งโรงพยาบาล
ประวัติการเจ็บป่วยในอดีต
เคยเป็นโรคไวรัสตับอักเสบซี ได้รับการรักษาอย่างต่อเนื่อง
ดื่มสุราวันละ 1/2 – 1 ขวดมาประมาณ 15 ปี ตรวจพบไวรัสตับอักเสบบี
พยาธิสภาพ
ภาวะที่ตับมีการก่อตัวของเนื้อเยื่อพังผืดส่วนเกิน อันเป็นผลจากภาวะตับอักเสบเรื้องรังจากสาเหตุต่าง ๆ เช่น โรคพิษสุราเรื้อรัง ไวรัสตับอักเสบเรื้อรัง หรือไขมันคั่งในตับ เป็นต้น เมื่อเกิดการอักเสบเรื้อรังเป็นระยะเวลานาน ตับจะทำการซ่อมแซมตัวเอง กระบวนการซ่อมแซมจะสร้างเนื้อเยื่อพังผืดสะสมจนเกิดเป็นโรคตับแข็ง ทำให้ตับไม่สามารถทำงานได้ปกติ โรคตับแข็งระยะท้ายๆเป็นภาวะที่เป็นอันตรายถึงชีวิต ทั้งยังเพิ่มความเสี่ยงของการเกิดมะเร็งตับอีกด้วย
โรคตับแข็งในระยะท้ายส่งผลให้เกิดความเสียหายของตับอย่างถาวร แต่หากได้รับการวินิจฉัยตั้งแต่เนิ่น ๆ และรักษาอย่างเหมาะสม ก็สามารถป้องกันไม่ให้เกิดความบาดเจ็บเสียหายที่จะเพิ่มตามมาได้
ข้อมูลเพิ่มเติม
ภาวะแทรกซ้อน
บวมน้ำและท้องมาน
การรักษา
เจาะท้อง (Abdominal tapping) ได้น้ำสีเหลืองใส 1,000 cc
เลือดออกในทางเดินอาหาร
การรักษา
Retained NG tube และ lavage 2,000 cc จนใส
อาการและอาการแสดง
ตาและตัวเหลือง
ท้องโตแน่นท้อง
อาเจียนเป็นเลือด 2 ครั้ง
ปัจจัยเสี่ยง
เคยเป็นโรคไวรัสตับอักเสบซี
ตรวจพบไวรัสตับอักเสบบี
ดื่มสุรามา 15 ปี
ผลการตรวจร่างกาย
ผู้ป่วยซึมมาก ปลุกตื่นช้า วัด V/S : Pulse 98 ครั้ง/นาที RR 16 BP 110/60 mmHg เจาะDTX = 50 mg%
ตรวจร่างกายพบตัวตาเหลือ พบ Spider nevi , Gynaecomastia ท้องโตตึง คลำพบตับโต 2 FB , Fluid thrill , shifting dullness + ve
ผล Lab Liver function test (LFT)
AST (SGPT) 550 U/L (ค่าปกติ 10 - 40 U/L)
AST (SGOT) 230 U/L (ค่าปกติ 10 - 40 U/L)
Total bilirubin 2.5 mg/dL (ค่าปกติ 0.3 – 5.0 mg/dL)
Albumin 2.2 mg/dlL (ค่าปกติ 3.5 – 5.0 mg/dL )
Hct = 28% (ค่าปกติ 42 – 52% )
Coagulation : PT 20 sec. (ค่าปกติ PTT 40 sec.)
การรักษาที่ได้รับ
Retained NG tube และ lavage 2,000 cc จนใส
เจาะท้อง (Abdominal tapping) ได้น้ำสีเหลืองใส 1,000 cc
สวนถ่ายอุจจาระ มีถ่าย melena ประมาณ 500 cc
50% Glucose 50 cc iv. Stat
DTX ทุก 6 ชม.
Somatostatin IV bolus 250 mcg then IV infusion 250 mcg/hr
Losec 40 mg iv. q 12 hr.
ข้อวินิจฉัยทางการพยาบาล
การหายใจไม่มีประสิทธิภาพเนื่องจากมีภาวะท้องมานต้นกระบังลม
ข้อมูลสนับสนุน
OD : ท้องโตตึงคลำพบตับโต
SD : ผู้ป่วยบอกท้องแน่นเป็น พักๆ
วัตถุประสงค์
การหายใจมีประสิทธิภาพดียิ่งขึ้น
เกณฑ์การประเมินผล
ผู้ป่วยไม่มีอาการเหนื่อยหอบ แน่นท้อง
สีหน้าท่าทาง สดชื่นขึ้น
ผู้ป่วยมีอัตราการหายใจอยู่ในเกณฑ์ปกติ คือ 16-20 ครั้ง ต่อนาที
การพยาบาล
บันทึกการเปลี่ยนแปลงของสัญญาณชีพ ทุก 2-4 ชั่วโมง
3.ความอิ่มตัวของออกซิเจน วัดที่ปลายนิ้ว เพื่อประเมินสภาพผู้ป่วย และวางแผนให้การพยาบาลได้อย่างรวดเร็วและเหมาะสม
เฝ้าระวังสังเกตอาการแสดงของภาวะพร่อง ออกซิเจน เช่น กระสับกระส่าย สับสน การเปลี่ยนแปลงของสีผิว ความเย็นขึ้น
4 ตูแลให้ได้รับออกซิเจนอย่างเพียงพอกับความต้องการของร่างกาย สังเกตอัตราความลึก ลักษณะการหายใจ ฟังเสียง ปอดเพื่อประเมิน เสียงหายใจ เพื่อเป็นการประเมินภาวการณ์หายใจล้มเหลว จัดให้ ผู้ป่วยอยู่ในท่าศีรษะสูง เพื่อให้ปอดขยายตัวดีขึ้นการระบายอากาศ และการแลกเปลี่ยนก๊าซเป็นไปได้ดี
ผู้ป่วยเสี่ยงต่อภาวะเลือดออกง่ายหยุดยาก เนื่องจากปัจจัยในการแข็งตัวของเลือดลดลง
ข้อมูลสนับสนุน
OD : มีภาวะตัวตาเหลือง Total bilirubin 2.5 mg/dl Hct 28%
เกณฑ์การประเมินผล
Total bilirubin 0.3-5.0mg/dl
Hct อยู่ระหว่าง 42-52%
วัตถุประสงค์การพยาบาล
ไม่เกิดอันตรายจากภาวะเลือดออกง่าย
กิจกรรมการพยาบาล
3.จัดสิ่งแวดล้อมให้ปลอดภัย ดูแลเรื่องกิจวัตรประจำวัน เช่น อาบน้ำ ต้องระมัดระวังการลื่นล้ม
4.การแปรงฟันควรเลือกใช้แปรงสีฟันที่ขนอ่อนนุ่ม เพื่อลดการระคายเคืองในช่องปากและฟัน
1.สังเกตอาการและอาการแสดงของภาวะช็อก ถ้าพบชีพจรเต้นเบาเร็ว หายใจเร็วตื้น อุณหภูมิเริ่มต่ำ ความดันโลหิตเพิ่มขึ้น และลดลงในระยะหลัง pulse pressure แคบ ซีด อ่อนเพลีย กระสับกระส่าย ให้รีบรายงานแพทย์ทันทีเพื่อจะได้วางแผนการรักษาพยาบาล
5.ติดตามผลการตรวจทางห้องปฏิบัติการ
2.ให้การพยาบาลด้วยความนุ่มนวล ระมัดระวังเกี่ยวกับการทำให้เกิดแผลที่ทำให้เกิดการเสียเลือด
มีภาวะท้องมานเนื่องจากมีน้ำสะสมในช่องท้อง ทำให้ท้องโตขึ้น
ข้อมูลสนับสนุน
SD: ผู้ป่วยบอกท้องแน่นเป็นพักๆ
OD: ตรวจร่างกายพบตาตัวเหลือง
:ท้องโตตึง คลำพบตับโต
:ได้มีการทำ Abdominal tapping ที่หน้าท้อง
: AST (SGOT) 550U/L
วัตถุประสงค์
ผู้ป่วยไม่เกิดภาวะ hepatic encephalopathy
ภาวะท้องมานลดลง
เกณฑ์การประเมินผล
AST (SGOT) ลดลงอยู่ในเกณฑ์ 5-34 U/L (ค่าปกติ)
ตัวตาเหลืองลดลง
ผู้ป่วยมีอาการอ่อนเพลียลดลง
กิจกรรมการพยาบาล
3.จํากัดน้ำในแต่ละวันตามแนวทางการรักษาเพื่อป้องกันภาวะน้ำ
4.บันทึกสารนํ้าเข้าออก ทุก 8 ชั่วโมง เพื่อประเมินความสมดุลของน้ำในร่างกาย
2.สังเกตอาการหายใจลําบากมากขึ้น หายใจเร็ว นอนราบไม่ได้ ประเมินเสียงหัวใจที่ผิดปกติ เช่น เสียงฟู่ที่มากขึ้น หรือเกิดใหม่
1.ประเมินอาการบวมบริเวณแขน ขา ก้นกบ รอบกระบอกตา อย่างน้อยทุกเวรเพื่อเฝ้าระวังภาวะน้ำเกินในร่างกาย
เสี่ยงต่อการเกิดภาวะ Hapatic encephalopathy เนื่องจากประสิทธิภาพการทำงานของตับในการขจัดของเสียลดลง
เกณฑ์การประเมิน
4.ค่า AST (SGOT) ลดลงอยู่ในเกณฑ์ปกติคือ 5-34 U/L
2.ผู้ป่วยมีขนาดรอบท้องลดลง
3.ค่า Total Bilirubin ลดลงอยู่ในเกณฑ์ปกติคือ 0.2-1.2mg/dL
1.ผู้ป่วยมีอาการอ่อนเพลีย ตาเหลือง ตัวเหลืองลดลง
วัตถุประสงค์
ผู้ป่วยไม่เกิดภาวะ hepatic encephalopathy
กิจกรรมการพยาบาล
2.สังเกตุอาการตาและตัวเหลือง ปัสสาวะสีเหลืองเข้ม การถ่ายปัสสาวะลำบาก อุจจาระสีซีด เพื่อประเมินอันตรายที่เกิดจากการมี bilirubinสูง แล้วเกิดการอุดตันในระบบขับถ่ายปัสสาวะ หรือระบบทางเดินน้ำดี
3.ติดตามผล Lab : bilirubin เพื่อประเมินการทำงานของตับและการเกิดภาวะ Hapatic encephalopathy
1.ประเมินและสังเกตุอาการของ Hepatic encephalopathy คือ ซึม ไม่พูด ระดับความรู้สึกตัวลดลง
ข้อมูลสนับสนุน
SD:ผู้ป่วยซึมมาก ปลุกตื่นช้า
OD : ผล Lab Liver function test (LFT) AST (SGPT) = 550 U/L ( ค่าปกติ LFT 3.5-5.0 g/dl.) (ค่าปกติ SGPT 30 U/L)
: ผล Lab AST (SGOT) = 230 U/L (ค่าปกติ 8-46 U/L)
: ผล Lab Total Bilirubin ได้ 2.5 mg/dl ( ค่าปกติ 0.2-1.2 mg/dl) ผู้ป่วยตัวตาเหลือง
เสี่ยงต่อภาวะ Hypovolemic shock เนื่องจากมีการสูญเสียเลือด
ข้อมูลสนับสนุน
SD:ผู้ป่วยบอกว่าอาเจียนเป็นเลือด
OD:PT 20sec :PTT 40sec :Hct 28%
วัตถุประสงค์
เพื่อไม่ให้ผู้ป่วยเกิดภาวะ hypovolemic shock
เกณฑ์การประเมิน
PTอยู่ในเกณฑ์ปกติ 10-14sec
PTTอยู่ในเกณฑ์ปกติ 60-70sec
Hctอยู่ในเกณฑ์ปกติ 40-50%
ผู้ป่วยไม่มีเลือดออกง่าย
กิจกรรมการพยาบาล
2.เจาะเลือดดูความเข้มข้นของเลือด Hct ตามแผนการรักษาเพื่อประเมินค่าปริมาณเม็ดเลือดอัดแน่น ถ้า<25% รายงานแพทย์เพื่อพิจารณาแผนการรักษาที่เหมาะสม
1.ประเมินสัญญาณชีพทุก 15 นาที รวมทั้งประเมินอาการและอาการแสดงของภาวะ hypovolemic shock ได้แก่ ระดับความรู้สึกตัว ที่เปลี่ยนแปลง อาการกระสับกระส่าย เหงื่อออก ตัวเย็น ถ้าชีพจรมากกว่า 120 ครั้ง/นาที หายใจมากกว่า 30 ครั้งต่อนาที ความดันโลหิต <90/60 มิลลิเมตรปรอท รายงานแพทย์ทราบ เพื่อให้การรักษาทันที
3.รายงานแพทย์เมื่อพบการเสียเลือดและน้ำ หรือภาวะเสียเลือดไม่ดีขึ้น
4.ร่วมมือในการรักษาของแพทย์ได้แก่การให้ยาตามแผนการรักษา
5.ประเมินอาการและอาการแสดงเป็นระยะเพื่อดูการเปลี่ยนแปลง