Please enable JavaScript.
Coggle requires JavaScript to display documents.
E-book เปิดประตูสู่โลกปฐมวัย 202.2 - Coggle Diagram
E-book เปิดประตูสู่โลกปฐมวัย 202.2
โลกใบที่ 3
เป็นธรรมชาติของเด็กที่อยากรู้อยากเห็นเพราะในวัยของเด็กที่เกิดมาได้แค่ 6 ปี ทำให้ทุกสิ่งบนโลกล้วนเป็นสิ่งแปลกใหม่สำหรับเด็ก แต่บางครั้งเด็กรู้คำตอบอยู่แล้วแค่ถามลองเชิงให้ผู้ใหญ่ตอบ
เป็นความจริงที่ผู้ใหญ่ต้องเจออยู่แล้ว ดังนั้นวิธีการรับมือที่ผู้เขียนได้เขียนมานั้นมีประโยชน์และใช้ได้จริงมากๆ ประสบการณ์ส่วนตัวของผู้เขียนก็น่ารักดี ทำให้เราได้เห็นมุมมองอีกมุมที่เด็กมองเรา
สามารถเข้าใจธรรมชาติของเด็กได้ เด็กเรียนรู้ภาษาจากการส่งผ่านของผู้ใหญ่ เมื่อเด็กโตขึ้น ก็จะสามารถเข้าใจภาษาที่ซับซ้อนมากขึ้น บอกเล่าเรื่องราวต่างๆ ได้ เด็กก็จะเป็นผู้ตอบคำถามได้เอง
โลกใบที่ 5
ครูปฐมวัยก็เปรียบเสมือนแม่คนนึงที่ต้องดูแลลูกๆและทำให้รู้ว่าเราก็มีความสามารถมากไม่ต่างจากครูในสายวิชาอื่นและอาชีพอื่นๆเลย เพราะต้องเป็นเหมือนหลายอาชีพในคนๆเดียว
การเป็นครูปฐมวัยเราได้ทำอะไรหลายๆอย่างให้กับเด็กซึ่งมันเหนื่อยมากๆ พอได้อ่านมันก็จะมีบางประโยคที่เราอ่านแล้วย้อนกลับไปมองตอนเราสอนและเห็นรอยยิ้มเด็กๆก็พบว่ามันมีคุณค่ากับใจเรามาก
พออ่านจบมันทำให้คนที่คิดจะถอดใจก็กลับมามีแรงสู้ต่อ เพราะเหมือนค้นพบว่าที่ตัวเองมาเรียนหรือที่ทำอยู่นั้นทำไปเพราะอะไร
โลกใบที่ 4
สิ่งที่ได้ 1.ประโยคที่ว่า "เด็กทุกวันนี้เกิดมากับมือถือและแท็บเล็ต" รู้สึกว่ามันเป็นสิ่งที่จริงมากๆ เช่นตอนปิดเทอมไม่ว่าจะมองไปทางไหนก็จะเห็นเด็กๆมีโทรศัพท์มีแท็บเล็ตกันคนละเครื่อง ถึงแม้ว่าจะนั่งอยู่ด้วยกันก็แทบจะไม่คุยกันเพราะเอาแต่สนใจกับสิ่งที่อยู่ในจอ 2.สิ่งที่เห็นได้ชัดจากการอยู่กับจอมากเกินไปทำให้เด็กๆ Gen Alpha มีความอดทนน้อย เพราะเติบโตมากับเทคโนโลยี หากได้รับการดูแลที่ใกล้ชิดและการจัดสรรเวลาที่ดีเด็กจะรู้แนวทางการปฏิบัติที่ดีก็จะเกิดประโยชน์ที่ดี3.ทุกๆเจนสามารถใช้เทคโนโลยีเป็นตัวกลางเชื่อมสัมพันธ์กันและกันแบบไร้พรมแดนซึ่งเป็นสิ่งที่ช่วยสร้างความสุขให้กับชีวิตและจะได้ใช้เวลาแห่งเทคโนโลยีในการดำเนินชีวิตประจำวันให้พอดี คุ้มค่า ปลอดภัยและมีความสุขไปกับทุกๆเจน
ต่อยอด - 1.สามารถนำมาปรับใช้ด้วยการเพิ่มกิจกรรมที่จะทำให้เด็กห่างจากหน้าจอมาอยู่กับโลกความเป็นจริงให้มากขึ้นเพื่อลดโรคต่าง ๆ ที่อาจเกิดจากการติดหน้าจอและสร้างปฏิสัมพันธ์ระหว่างเจน 2.สามารถนำมาปรับใช้ด้วยการเพิ่มกิจกรรมที่ทำให้เด็กรู้จักรอคอย ด้วยความที่เด็กเจนอัลฟ่าเติมโตมากับการใช้เทคโนโลยีดังนั้นสิ่งที่เขาพบเห็นมาทั้งชีวิตคือความรวดเร็ว แทบไม่ต้องรอ ฉะนั้นมีกิจกรรมที่มีกฎมีข้อบังคับว่าต้องรอก็จะเป็นการพัฒนาความสามารถเรื่องการรอคอยได้ รวมทั้งคนเจนอื่นที่อาจจะต้องฝึกเรื่องการใช้เทคโนโลยีให้เท่าทันเด็กเจนอัลฟ่าจะได้เป็นการมาเจอกันตรงกลาง ไม่ต้องให้ฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งพยายามอยู่แค่คนเดียว
ข้อคิด - เด็กเรียนรู้ด้วยการเลียนแบบ ถึงแม้ว่าเจนอัลฟ่าจะเป็นเจนที่เติบโตมาด้วยการใช้เทคโนโลยีเลี้ยง ผู้ใหญ่ที่ดูแลอยู่ก็สามารถใช้ชีวิตแบบที่ไม่ติดเทคโนโลยีให้เป็นแบบอย่างที่ดีกับตัวเด็กได้ ต้องทำให้เห็นแล้วเด็กก็จะค่อย ๆ ทำตามไป อีกทั้งถ้าเราใช้เทคโนโลยีแล้วอยากเป็นตัวอย่างที่ดีก็ใช้ในส่วนที่มีประโยชน์ให้เด็กเห็น จะได้เกิดความบาลานซ์ในการใช้ชีวิตตามยุคสมัย
โลกใบที่ 1
สิ่งที่ได้-คุณสมบัติพื้นฐานที่สำคัญสำหรับการเป็นครูปฐมวัย และการปรับตัวให้ได้ในสถานการณ์วุ่นวายต่างๆที่จะเกิดขึ้นเมื่ออยู่กับเด็ก
ต่อยอด-การนำไปใช้ในการเป็นครูปฐมวัยในอนาคต เราต้องเข้าใจถึงธรรมชาติของเด็กในช่วงวัยนั้น เพราะเด็กแต่ละคนถูกอบรมเลี้ยงดูมาแตกต่างกัน
บุคลลิกแต่พัฒนาการของเด็กแตกต่างกัน เพราะการที่เราจะต้องไปสอนเด็กปฐมวัยเป็น เราควรที่จะศึกษาหรือเรียนรู้เรื่องของเด็ก พัฒนาการของเด็กและปรับตัวและปรับการเรียนการสอนให้เหมาะสมกับวัยของเด็ก
ข้อคิด-การทำความเข้าใจธรรมชาติของเด็ก เพื่อที่ตัวเราเองจะสามารถปรับตัวอยู่กับเด็กให้ได้ดีมากขึ้น
โลกใบที่ 2
ได้เข้าใจธรรมชาติของเด็ก เพราะการเล่นสำหรับเด็กจะพัฒนาการคิด แก้ปัญหา รอคอย และแบ่งปัน ซึ่งการเล่นของเด็กก็เปรียบเสมือนกันการทำงานของผู้ใหญ่ ถ้าผู้ใหญ่สามารถทำงานได้อย่างสนุก และมีความสุขเด็กก็สามารถทำได้เช่นกัน
ของเล่นสำหรับเด็กไม่จำเป็นจะต้องเป็นของเล่นที่มีราคาแพง อาจจะเป็นของเล่นที่หาได้จากธรรมชาติ หรืออาจจะเป็นสิ่งที่ดิษฐ์ขึ้นมาเพราะเด็กได้มีส่วนร่วมในการลงมือทำและได้สร้างของเล่นขึ้นมาด้วยตัวเอง
ครูให้โอกาสเด็กได้เรียนรู้จากการ
ปฏิบัติจริง ได้จัดกระทำกับวัสดุอุปกรณ์ และศึกษาด้วยตนเอง
2.การจัดการเรียนการสอนภายในห้องเรียนการให้ความสำคัญกับการเล่ยของเด็ก เพราะเด็กเรียนรู้สิ่งต่างๆผ่านการเล่นและการลงมือปฏิบัติ
โลกใบที่ 8
ข้อคิด การเป็นครูปฐมวัย การมองโลกในแง่ดีเป็นสิ่งสำคัญ มองถึงผลลัพธ์ที่เราจะได้หลังจากการสอนเด็ก เราสอนเด็กเรื่องอะไรแล้วเขาได้เรียนรู้ได้ลงมือทำจนสามารถทำได้ด้วยตนเอง นั่นเหมือนงานของเราสำเร็จไปทีละขั้นแล้ว และ การเลือกสังคมการทำงาน เจอเพื่อนร่วมงานที่มีแต่พลังบวกรอบตัว ทำให้เรารู้สึกมีพลังบวกไปด้วยและอยากที่จะแบ้งปันพลังบวกให้กับคนอื่น ๆ อีกต่อไป
การนำไปใช้ โดยฝึกความอดทนในการสอนเด็ก เพียรพยายามหาสื่อสิ่งต่างๆที่จะมาสอนให้เด็กได้เรียนรู้สิ่งใหม่ๆรอบตัวเพิ่มมากขึ้น เรียนรู้สิ่งใหม่เพื่อพัฒนาตัวเองอยู่เสมอ เป็นแบบอย่างที่ดี ให้ความรักความเมตตา เอื้อเฟื้อต่อเด็กๆทุกคนอย่างเท่าเทียมกัน สอนให้เด็กช่วยเหลือตัวเองได้
ประเด็นสำคัญ คือ การเป็นครูปฐมวัย ซึ่งครูโอดโอยได้เห็นถึงมีความพร้อม รักการสอนและการมีใจที่สอนเด็กปฐมวัย เจอเด็กๆที่น่ารักก็ทำใครครูสดใสมีความสุข ครูสดใสคอยเฝ้าดูเด็กๆคอยดูแลเอาใจใส่อย่างใกล้ชิด และเด็กๆยังทำให้ครูสดใสได้พัฒนาความอดทน เพียรพยายาม เรียนรู้การให้ความรัก ความเมตาต่อเด็กๆที่น่ารัก
โลกใบที่ 6
ผู้ใหญ่ทุกคนล้วนแต่เคยเป็นเด็กมาก่อน ตอนที่เป็นเด็กนั้นเราเคยอยากได้อะไรจากผู้ใหญ่ และสิ่งนั้นทำให้เรามีความสุข เด็กก็จะรู้สึกแบบเดียวกัน ถ้าเราเข้าใจเด็กแล้ว เราจะต้องปฏิบัติสิ่งที่ดีที่เหมาะสมกับเด็ก ถ้ายังไม่เข้าใจให้มานึกทบทวน แล้วก็ใช้เวลาในการเลือกหาสิ่งที่ดีที่และหมาะสมให้กับเด็กและเรา
เด็กจะเลียนแบบจากสิ่งต่างๆรอบตัวของเขา เด็กมักจะจดจำเรียนรู้จากสิ่งที่เขาได้ยิน ได้เห็น ได้ชิม ได้สัมผัส เพราะแบบนี้ผู้ใหญ่จะต้องเป็นแบบอย่างที่ดีให้เด็กได้เห็น เพราะเด็กก็จะสังเกตและรู้ตามแบบในสิ่งที่ผู้ใหญ่มักจะทำ
ความรู้สึกต่อเด็ก ถ้าหากผู้ใหญ่โมโหและรำคาญจากสิ่งที่เด็กทำเราก็ควรจะต้องปรับอารมณ์ของตัวเอง เพื่อไม่ให้ไปกระทบต่อเด็ก เราควรที่จะพูดดีๆกับเด็กและเข้าใจความรู้สึกของเด็กให้มาก
โลกใบที่ 7
การนำไปใช้ คือ ให้ครูปฐมวัยเปิดใจต่อเด็กนักเรียนทุกคน ไม่ตัดสินเด็กแค่จากภาพที่เห็น ให้ลองเข้าไปทำความรู้จัก ทำความเข้าใจกับเด็กอย่างลึกซึ้งว่าเด็กเป็นอย่างไร
ข้อคิด คือ เราไม่ควรวิตกกังวลหรือกลัวอะไรไปก่อน ถ้ายังไม่ได้ลองลงมือทำหรือปฏิบัติ เพราะว่าสิ่งที่เรากลัวจะเป็นกำแพงมาขวางกั้นทำให้เราไม่สามารถทำอะไรสำเร็จ
ประเด็นสำคัญ คือ ครูโอดโอยไม่กล้าเข้าใกล้เด็กเพราะเข้าใกล้ทีไรก็มีเรื่องเจ็บตัวตลอด แต่พอครูได้ลองมองเด็กอีกมุมนึงก็ทำให้รู้ว่า เป็นที่ตัวของครูเองที่มีกำแพงกั้นไม่ให้เข้าถึงเด็กคนนั้น และทำให้ไม่เข้าใจว่าสิ่งที่เด็กต้องการคืออะไร เป็นแบบนี้เพราะอะไร
โลกใบที่ 10
อนาคตหนูก็คงจะหนีไม่พ้นงานวิจัย แต่หนูคิดว่า
หนูควรที่จะเปลี่ยนความคิดใหม่เกี่ยวกับงานวิจัย
ว่ามันคงเป็นสิ่งที่สำคัญที่เราต้องทำ และเป็นสิ่งที่
จะทำให้เรามีความรู้เพิ่มมากขึ้น และมีความคิดที่เป็นผู้ใหญ่มากขึ้น
การนำไปใช้ คือ หนูคิดว่า งานวิจัยสามารถนำไปใช้ได้หลายด้าน เช่น เราสามารถนำมาบูรณาการเรียนการสอนให้กับเด็กได้ ว่าควรสอนเด็กอย่างไรที่จะทำให้เด็กได้รับความรู้มากที่สุด
หรืออาจจะต่อยอด โดยที่เรานำเอาเนื้อหามาสอดแทรกในการสอนได้
งานวิจัย เหมือนเป็นงานที่เราต้องค้นคว้าหาความจริงหรือสิ่งที่เราอยากรู้ หนูคิดว่าถ้าเราจะทำวิจัย
สักเรื่องก็ควรเป็นเรื่องที่มีประโยชน์และสามารถใช้แก้ปัญหาบางอย่างได้
โลกใบที่ 9
ข้อคิด ช่วงที่จะต้องไปฝึกสอน ควรเก็บเกี่ยวประสบการณ์ทุกอย่าง เพราะเป็นช่วงที่เราจะได้ทดลองเรียนรู้วิธีการสอนเด็ก การอยู่กับเด็ก จดจำวิธีดูแลจัดการเด็ก เด็กแต่ละคนนั้นมีนิสัยบุคลิกที่ต่างกัน และในฐานะที่เป็นครูจะต้องรู้วิธีจัดการกับอารมณ์ของตนเอง ดังนั้นแล้วทุกอย่างคือประสบการณ์สำคัญก่อนที่จะได้ไปลงสนามจริง
การนำไปใช้ ในวันใดวันหนึ่งที่เราได้ไปเป็นครูแล้ว เราก็จะได้ย้อนนึกมาว่าก่อนหน้านี้เราทำอะไรไปบ้างสิ่งนั้นดีหรือไม่ดี ก็จะได้นำมาปรับปรุงแก้ไข้ แต่หากว่าสิ่งไหนที่เราทำไปแล้วดีทำแล้วเกิดประโยชน์ก็ควรทำต่อไปและพัฒนาตนเองอยู่เสมอ รู้เท่าทันว่าโลก มีอะไรเกิดขึ้น เด็กแต่ละยุคเป็นอย่างไร เพื่อที่จะสอนเด็กๆได้อย่างมีความสุข
ประเด็นสำคัญ ไม่ว่าเราจะเจอเรื่องอะไรมาบ้างในเเต่ละวัน ทุกครั้งเมื่อเราก้าวเข้าสู่โรงเรียน เราต้องปล่อยว่างทุกอย่างพร้อมที่จะเก็บเกี่ยวประสบการณ์ให้ได้มากที่สุด กลับมาสดใส เบิกบาน สร้างรอยยิ้มสร้างเสียงหัวเราะให้กับเด็กๆ
โลกใบที่ 11
4- ครูปฐมวัยไม่ได้ต้องเก่งแค่บางอย่าง แต่ต้องเก่งทุกอย่างเพราะเราต้องสอนเด็กที่เปรียบเสมือนผ้าขาว ดังนั้นการที่ครูปฐมวัยต้องรู้เท่าทัน รู้รอบ รู้ลึก รู้แจ้งจะเป็นการพัฒนาตัวเราเองและยังสามารถนำไปพัฒนาเด็กต่อไปได้อีกด้วย
2-ครูปฐมวัยจะต้องที่มีความเข้าใจในธรรมชาติการเรียนรู้ของเด็ก ต้องมีทักษะสังเกตว่าเด็กมีความสนใจแบบไหน แล้วออกแบบกระบวนการเรียนรู้และกิจกรรม เพื่อให้เด็กๆได้ลงมือทำด้วยตนเอง
4 การจะเป็นครูปฐมวัยต้องเป็นคนที่ต้องพัฒนาตนเองในทุกๆด้าน ต้องมีความเพียรพยายามรู้เท่าทันโลก ติดตามสิ่งใหม่อยู่เสมอ เพื่อความเตรียมความพร้อมที่จะเป็นครูที่ดีเพื่อนำไปสอนเด็กๆ
ในอนาคตได้
คิดว่าครูปฐมวัยจะมีความแตกต่างกับครูระดับอื่นๆเช่นประถม มัธยม คือเราจะคอยดึงความสนใจเด็กๆ และต้องคอยดูแลไม่สามารถปล่อยออกนอกสายตาได้เลย ดังนั้นสิ่งที่เราต้องพัฒนาเลยคือความคล่องแคล่วว่องไว การทำให้ตัวเองไม่น่าเบื่อ มีสื่อต่างๆมาดึงความสนใจให้เด็กสามารถเรียนรู้ได้มากที่สุด
กลุ่มที่ 3 การเป็นครูปฐมวัยมีหน้าที่อันยิ่งใหญ่ที่ต้องทำ คือการปลูกฝังให้เหล่าต้นกล้าน้อยๆได้เติบโตไปเป็นต้นไม้ที่แข็งแรงสวยงาม และครูปฐมวัยยังเปรียบเสมือนต้นอ้อที่ลู่ไปตามลมปรับเปลี่ยนไปตามสถานการณ์ ทำหน้าที่ได้หลายบทบาท
5-อ่านแล้วทำให้คิดได้ว่าการเป็นครูปฐมวัยต้องพัฒนาตนเองอยู่เสมอค่อยๆพัฒนาไปเรื่อยๆ ในหลายๆด้านเพราะต้องเชื่อมโยงกับคนหลายคนและเพื่อให้เป็นครูที่ดีและสอนเด็กได้มีคุณภาพ
กลุ่ม 3 เราต้องเข้าใจธรรมชาติของเด็กและเรียนรู้สิ่งใหม่ๆรอบด้านอยู่เสมอ และต้องนำความรู้มาพัฒนาตัวเองและเด็กเพื่อเป็นครูที่ดี
กลุ่ม1-การที่จะไปเป็นครูปฐมวัยนั้น เราควรต้องพัฒนาและฝึกฝนตนเองอยู่เสมอ และหมั่นศึกษาหาความรู้เพื่อที่จะพัฒนาตนเอง และเตรียมความพร้อมที่จะไปเป็นครูให้ได้เป็นครูที่ดีและมีประสิทธิภาพ
กลุ่มที่1-การเป็นครูปฐมวัยเราต้องรู้ให้มากรู้ให้จริง หรือที่เรียกว่ารู้รอบด้าน รู้การเคลื่อนไหวของสังคม รู้เกี่ยวกับสิ่งที่จะสอนเพื่อมาพัฒนาเด็ก เเละสิ่งที่รู้ต้องรู้ละเอียดด้วย
2-หลังจากที่ได้อ่านแล้วทำให้รู้สึกว่า การเป็นครูปฐมวัยต้องมีการพัฒนาตนเองให้รู้เท่าทันการเปลี่ยนแปลงของโลก เพื่อที่จะได้นำความรู้ที่มีมาสอนเด็กเกี่ยวกับสิ่งต่างๆรอบตัว
โลกใบที่ 12
กลุ่มที่7 ครูปฐมวัยต้องปรับการสอนให้เหมาะสมกับระดับการเรียนรู้และพัฒนาการของเด็ก
กลุ่ม 6 -ในการเป็นครูปฐมวัยนั้นเราต้อง มีความรู้สึกที่ดีและเมตตาต่อเด็กไม่ใช้อารมณ์หรือไปหงุดหงิดต่อเด็ก ครูควรที่จะใช้คำพูดที่ดี เพราะเด็กก็จะเลียนแบบตามการกระทำแล้วก็คำพูดของครู ครูจึงควรใช้ความเข้าใจ และในเมื่อเราเคยเป็นเด็กมาก่อนก็ควรจะต้องรู้ว่าเด็กต้องการแบบไหนมากกว่า และเราต้องสามารถที่จะเลือกสิ่งดีๆให้กับเด็กได้
กลุ่มที่ 7
การเรียนรู้ของเด็กก็เปลี่ยนไปตามสถานการณ์ เป็นเรียนรู้ในแบบออนไลน์ซึ่งเป็นการเรียนที่ไม่เหมาะกับเด็กเป็นอย่างมาก เพราะทำให้เสียสายตาและเด็กยังไม่มีความสามารถมากพอในการจดจ่อที่จะเรียนหน้าคอมพิวเตอร์ได้
การที่เราเป็นครูปฐมวัยนั้น เราต้องมีความเข้าใจในธรรมชาติของเด็กว่าเด็กชอบอะไรและมีความต้องการสิ่งใด และครูจะต้องเลือกสิ่งที่ดีที่เหมาะสมที่สุดมอบให้กับเด็กปฐมวัย
กลุ่มที่8 การพัฒนาการเรียนรู้ในระหว่างการระบาดของโรคโควิด-19 การวางแผนการรับมือและการปรับวิธีการใช้ชีวิต การทำกิจวัตรประจำวันต่างๆและการจัดการเรียนรู้ของเด็กปฐมวัยที่เหมาะสม
กลุ่มที่9 เราต้องพร้อมรับมือกับทุกสถานการณ์ที่เกิดขึ้นมีการคิด วางเเผน เเก้ปัญหาปรับเปลี่ยนวิธีการจัดการเรียนการสอนอย่างเหมาะสม
กลุ่มที่8 โควิด-19 ทำให้เราต้องปรับเปลี่ยนการใสอนในช่วงโควิด-19 ต้องเตรียมความพร้อมในการสอน ซึ่งเปลี่ยนไปในรูปแบบออนไลน์ เราต้องคิดสื่อการสอน ทำสื่ออย่างไรให้เหมาะกับเด็ก จะสอนเรื่องอะไรดีให้เหมาะกับสถานการณ์ช่วงนี้
กลุ่มที่ 9 เด็กปฐมวัย เป็นวัยที่จะต้องได้รับการดูแลเอาใจใส่เป็นอย่างยิ่งเนื่องจากเด็กนั้นยังไม่รู้ วิธีการดูแลตนเองและยังไม่รู้วิธีการรับมือกับสถานการณ์ต่างๆ ดังนั้นครูและผู้ปกครองต้องติดตามสถานณ์ต่างๆ จะได้รู้วิธีการรับมือที่ถูกต้อง
กลุ่มที่ 10
ผลกระทบของโควิด-19 ที่ผ่านมา ส่งผลกระทบหลายเรื่องมากๆ ยิ่งเรื่องของเด็กปฐมวัยที่ต้องได้รับการพัฒนา แต่ไม่ได้ไปโรงเรียนเพราะโควิด
ทำให้เด็กมีพัฒนาการที่ช้าลง และได้รับไม่เต็มที่
ถึงจะเรียนในรูปแบบออนไลน์
กลุ่มที่ 10
โควิด-19 ระบาดที่ผ่านมาทำให้เราต้องปรับเปลี่ยนพฤติกรรมหลายอย่าง จากสิ่งที่ไม่เคยทำมาก่อน กลับต้องมาทำจนถึงปัจจุบันนี้