Please enable JavaScript.

Coggle requires JavaScript to display documents.

Regulation of metabolism - Coggle Diagram

- - - - Protein ที่ทำหน้าที่จับกับตำแหน่งโอเปอร์เตอร์(O) -ถ้าสามารถจับกับ O จะขวางไม่ให้ RNA polymerase เข้าไปสู่ S = O ปิด ไม่มีการสร้าง mRNA (transciption) -ถ้าไม่สามารถจับกับ O จะขวางไม่ให้ RNA polymerase เข้าไปสู่ S = O เปิด เกิดการสร้าง mRNA (transciption)
    - - Inducible operons ต้องมี substrate เฉพาะของ enz. ซึ่งจะไปเหนี่ยวนำให้เกิดการผลิตเอนไซม์เฉพาะเพิ่มขึ้น สารที่มีหน้าที่ในการเหนี่ยวนำ คือ สารเหนี่ยวนำ (inducer)
        
        Lac operon มี 1.Lactose absent ไม่มีสารเหนี่ยวนำ lactose เกิด repressor active ทำงานได้ Operon off 2.Lactose present มีสารเหนี่ยวนำ lactose เกิด repressoe inactive ไม่สามารถทำงานได้ Operon on เนื่องจาก RNA polymerase เข้ามาจับกับ P เกิดโครงสร้าง protein 3 ตัว คือ lacA(Transacetylase),lacY(Permease),lacZ(B-Galactosidase)
        
        สารเหนี่ยวนำ (inducer) มี 2 แบบ 1.Analogues คือ สารที่มีโครงสร้างคล้ายคลึงกับ Substates 2.Intermediates คือ สารตัวกลางให้เกิดการสังเคราะห์โปรตีน
      - Repressible operons Substrate จะไม่เหนี่ยวนำให้มีการสังเคราะห์ enz. เนื่องจาก ยีนส่งเสริม (P) สามารถทำหน้าที่ได้โดยไม่ต้องอาศัยตัวเร่ง
        
        Tryp operon มี 1.Tryptophan absent ไม่มีสารเหนี่ยวนำ tryptophan เกิด repressor inactive ไม่สามารถทำงานได้ Operon on 2.Tryptophan present มีสารเหนี่ยวนำ tryptophan เกิด repressor active ทำงานได้ Operon off
  - - - รูปแบบการเจริญเติบโตของแบคทีเรียจะมีรูปแบบหนึ่งที่เรียกว่า Diauxic growth คือ การเจริญเติบโตแบบขั้นบันได แกนy=ปริมาณความหนาแน่นของเซลล์,แกนx=ระยะเวลาที่แบคทีเรียเจริญเติบโต โดยแบคทีเรียจะเลือกใช้น้ำตาลกลูโคสก่อนและเมื่อเกิดเหตุการณ์ Glucose exhausted คือ กลูโคสถูกใช้หมด แบคทีเรียจะหาแหล่ง Carbon source อื่นจึงเลือกใช้ แลคโตสในการเจริญเติบโตและให้ผลิตเอนไซม์ที่ทำให้เซลล์นำไปใช้งานได้
- - - - 3.Post-translational control คือ เกิดได้น้อยมาก หลังกระบวนการ Translation
- - - - Activator site คือ ผลกระทบแง่ดี ให้เอนไซม์ทำงานได้ Inhibitor site คือ ผลกระทบแย่
    - - คือ กระบวนการที่โปรตีนหรือเอนไซม์ถูกควบคุมการทำงานโดยการจับกับโมเลกุลที่ไม่ใช่ซับสเตรตที่ตำแหน่งพิเศษบนโมเลกุลของโปรตีนที่เรียกว่า "อัลโลสเตริกไซต์" (allosteric site) ซึ่งมักจะอยู่ห่างจากตำแหน่งที่ซับสเตรตจับ (active site) เมื่อโมเลกุลที่จับที่อัลโลสเตริกไซต์ทำให้โครงสร้างของโปรตีนเปลี่ยนแปลงไป ส่งผลให้กิจกรรมของเอนไซม์เพิ่มขึ้นหรือลดลงได้ ขึ้นอยู่กับประเภทของการควบคุม (เป็นการกระตุ้นหรือยับยั้ง)
    - - จลนศาสตร์ของเอนไซม์ที่ถูกควบคุมแบบอัลโลสเตอริก จะไม่เป็นไปตามสมการไมเคลิส-เมนเทน V+[S] = sigmoid curve แกนy คือ ความเร็วของปฏิกิริยา แกนx คือ ความเข้มข้นของสารตั้งต้น กราฟไมเคลิส-เมนเทนเป็นแบบ hyperbolic curve และกราฟ Allosteric เป็นแบบ sigmoid curve
      - การยับยั้งแบบย้อนกลับ (feedback inhibition) คือ การควบคุมการทำงานของเอนไซม์อัลโลสเตอริก มักจะเป็นไปในรูปแบบที่เอนไซม์ที่เร่งปฏิกิริยาต้นๆ ของวิถี (pathway) จะถูกยับยั้งด้วยผลิตภัณฑ์ตัวท้ายๆ มี 5 แบบ
        
        1.Basic feedback inhibition เป็นการสังเคราะห์ผลิตภัณฑ์ เกิดจากวิถีทางเดียวและมี P สุดท้ายเกิดขึ้น และ ไปยับยั้งการทำงานของเอนไซม์ตัวเเรก 2. Sequential feedback inhibition การสังเคราะห์จะมีผลิตภัณฑ์สุดท้ายเกิดขึ้น 2 ชนิด คือ P1 และ P2 ซึ่งต่าง ก็ไปยับยั้งการทำงานของเอนไซม์ตัวแรกใน branch pathway ซึ่งทำให้ สาร C ถูกสะสมในปริมาณมากและไปยับยั้ง Enz. ตัวแรก ของ pathway 3.Enzyme multiplicity การสังเคราะห์แบบนี้จะมี Enz. 2 แบบ (isoenzymes) ที่สามารถเปลี่ยนสาร A ไปเป็นสาร B เหมือนกัน แต่ถูกยับยั้งต่างกันที่เฉพาะเจาะจงโดย P1 และ P2 ตามลำดับ 4.Concerted feedback inhibition การสังเคราะห์แบบนี้จะเกิด P 2 ชนิด คือ P1 และ P2 และจะต้อง
        ร่วมกันไปยับยั้ง Enz. ตัวแรกใน pathway - P1 จะไปยับยั้ง Enz. ที่จะเปลี่ยนสาร C ไปเป็นสาร D -P2 จะไปยับยั้ง Enz. ที่จะเปลี่ยนสาร C ไปเป็นสาร F 5.Cumulative feedback inhibition การสังเคราะห์แบบนี้ P จะคล้ายกับ Concerted FI แต่ P1 และ P2 จะมีความสามารถในการยับยั้งสารตั้งต้นอย่างอิสระ