Please enable JavaScript.

Coggle requires JavaScript to display documents.

ผู้ป่วยเตียง 3 น้องตะวัน เพศ ชาย อายุ 2 ปี 9 เดือน Dx. Subdural hematoma,…

- - - - V/S ความดัน systolic ต้องไม่สูง ต้องไม่มีความดันชีพจรกว้างขึ้น อัตราการเต้นของหัวใจต้องไม่ช้าลง หายใจต้องปกติ อุณหภูมิต้องปกติ
      - Glasgow Coma Scale E4V5M6
      - รูม่านตาเท่ากัน ขนาดปกติ และตอบสนองต่อแสง (Pupils Equal, Round, Reactive to Light )
      - ไม่มีอาการแสดงของภาวะความดันในกะโหลกศีรษะสูง เช่น อาเจียนพุ่ง, ปวดศีรษะ , กระสับกระส่าย/หงุดหงิดผิดปกติ, ซึมลง, ชัก, การหายใจผิดปกติ
    - - ประเมินสัญญาณชีพทุก 4 ชั่วโมง โดยสังเกตความดันโลหิตที่สูงขึ้น ร่วมกับชีพจรที่ช้าลง และการหายใจที่ผิดปกติ (Cushing's triad)
      - ประเมินระดับความรู้สึกตัว รูม่านตา และการตอบสนองทางระบบประสาทอื่นๆ ทุก 4 ชั่วโมง
      - ดูแลให้ศีรษะและลำคออยู่ในแนวตรง ไม่บิดงอ เพื่อให้การไหลเวียนของเลือดดำออกจากศีรษะดีขึ้น
      - หลีกเลี่ยงกิจกรรมที่อาจเพิ่มความดันในกะโหลกศีรษะ เช่น การไอแรงๆ การเบ่ง การเคลื่อนไหวที่เร็วและรุนแรง
      - ดูแลให้สิ่งแวดล้อมเงียบสงบ ลดสิ่งกระตุ้นภายนอก
      - ให้การพยาบาลแบบประคับประคอง ลดความเจ็บปวดและความไม่สุขสบายของผู้ป่วย
      - ติดตามและบันทึกปริมาณสารน้ำที่ได้รับและขับออกอย่างใกล้ชิด
      - สังเกตอาการชักและให้การดูแลเมื่อเกิดอาการชักตามแนวทางปฏิบัติ
      - ให้ความรู้แก่ผู้ปกครองเกี่ยวกับอาการและอาการแสดงของภาวะความดันในกะโหลกศีรษะสูง และวิธีการสังเกตอาการเปลี่ยนแปลงของผู้ป่วย
  - - - เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดภาวะชัก
    - - ผู้ป่วยไม่มีอาการชักเกิดขึ้น
      - หากมีอาการชัก ความถี่ ระยะเวลา และความรุนแรงลดลงจากเดิม
      - 3.สญญาณชพอยในเกณฑปกต T 37-37.6 C R 20 bpm. P 100 bpm.
        BP ไมเกน 105/65 mmHg. O2sat >=95%
    - - ประเมินประวัติการชัก ความถี่ ระยะเวลา และลักษณะของการชัก
      - สังเกตและบันทึกอาการนำ อาการขณะชัก และอาการหลังชักอย่างละเอียด (ชนิดของการเคลื่อนไหว, ระยะเวลา, การเปลี่ยนแปลงของสีผิว, การกลั้นปัสสาวะอุจจาระไม่ได้)
      - ดูแลให้ผู้ป่วยได้รับยาป้องกันชักเป็นlevetiracetam 100mg/ml กินครั้งละ 1.5 cc วันละ 2 ครั้ง หลังอาหารเช้า เย็น
      - จัดเตรียมอุปกรณ์ป้องกันการบาดเจ็บจากการชักไว้ให้พร้อม เช่น ราวกั้น, หมอนข้าง, เครื่องดูดเสมหะ
      - ดูแลความปลอดภัยขณะเกิดอาการชัก โดย จับผู้ป่วยนอนตะแคงหน้า ป้องกันการกัดลิ้น โดยใช้ผ้าสะอาดหรืออุปกรณ์รองกัดฟัน (ถ้ามี) สอดระหว่างฟันกราม (ห้ามสอดนิ้วเข้าไปในปากผู้ป่วย) คลายเสื้อผ้าที่รัดแน่น เฝ้าระวังและป้องกันการพลัดตกเตียงหรือได้รับบาดเจ็บจากสิ่งแวดล้อม
      - ประเมินสัญญาณชีพและระดับความรู้สึกตัวหลังการชักอย่างใกล้ชิด
      - ให้ความรู้แก่ผู้ปกครองเกี่ยวกับอาการชัก วิธีการดูแลเมื่อเกิดอาการชัก และความสำคัญของการรับประทานยาป้องกันชักอย่างต่อเนื่อง
      - แจ้งแพทย์ทันทีเมื่อผู้ป่วยมีอาการชักที่รุนแรงขึ้น หรือมีอาการชักซ้ำหลายครั้ง
  - - - แผลผ่าตัดสะอาด แห้ง ไม่มีรอยแดง บวม ร้อน หรือมีสารคัดหลั่งผิดปกติ
      - อุณหภูมิร่างกายอยู่ในเกณฑ์ปกติ (36.5-37.5 องศาเซลเซียส)
      - ชีพจรอยู่ในเกณฑ์ปกติสำหรับวัย
      - ผู้ป่วยไม่มีอาการและอาการแสดงของการติดเชื้อทั่วร่างกาย เช่น หนาวสั่น อ่อนเพลีย
      - ไม่มีอาการแสดงของการระคายเคืองเยื่อหุ้มสมอง (meningeal irritation) เช่น คอแข็ง ปวดศีรษะมาก กลัวแสง
    - - ประเมินและบันทึกลักษณะของแผลผ่าตัดทุกวัน สังเกตอาการบวม แดง ร้อน หรือมีสารคัดหลั่งผิดปกติ
      - ทำความสะอาดแผลผ่าตัดตามแผนการรักษาด้วยเทคนิคปราศจากเชื้อ (sterile technique)
      - เปลี่ยนผ้าปิดแผลตามแผนการรักษา หรือเมื่อผ้าปิดแผลเปียกชื้น
      - สังเกตและบันทึกสัญญาณชีพ โดยเฉพาะอุณหภูมิร่างกาย ทุก 4 ชั่วโมง หากมีไข้สูงให้เช็ดตัวลดไข้และรายงานแพทย์
      - ดูแลให้ผู้ป่วยได้รับยาปฏิชีวนะ เป็น Augmentin 1.2 g IV drip 300 mg ทุก 12 ชั่วโมง
      - ดูแลให้ผู้ป่วยได้รับการพักผ่อนที่เพียงพอและรับประทานอาหารที่มีประโยชน์เพื่อเสริมสร้างภูมิคุ้มกัน
      - ดูแลความสะอาดร่างกายของผู้ป่วย และสิ่งแวดล้อมรอบเตียง
      - ล้างมือก่อนและหลังให้การพยาบาลทุกครั้ง
      - จำกัดการเข้าเยี่ยมของผู้ที่ไม่จำเป็น และแนะนำให้ผู้เข้าเยี่ยมล้างมือก่อนสัมผัสผู้ป่วย
      - สังเกตอาการและอาการแสดงของการติดเชื้ออื่นๆ เช่น การเปลี่ยนแปลงของระดับความรู้สึกตัว ปวดศีรษะ คอแข็ง และรายงานแพทย์เมื่อพบความผิดปกติ
      - ให้ความรู้แก่ผู้ปกครองเกี่ยวกับอาการและอาการแสดงของการติดเชื้อที่ต้องสังเกต และวิธีการดูแลความสะอาดเพื่อป้องกันการติดเชื้อ