นางกมลทิพย์ อายุ 23 ปี
G1P0 with GA39+1 by U/S ANC โรงพยาบาลท่าโรงช้าง ผลเลือดปกติ ฝากครรภ์ไม่ครบตามเกณฑ์ เจ็บครรภ์ก่อนมาโรงพยาบาล 1.30 น. ไม่มีมูกเลือด ไม่มีน้ำเดิน เจ็บครรภ์มากขึ้นจึงมาโรงพยาบาล
ANC 8 ครั้ง ฝากครรภ์ครั้งแรก 18+1 week
(ไม่ครบตามเกณฑ์)
ประจำเดือนครั้งสุดท้าย (LMP) 1 พฤศจิกายน 64 x 7วัน ปัจจุบันตั้งครรภ์ (GA) 39+1 สัปดาห์ กำหนดคลอด (EDC) 27 กันยายน 2565 by U/S
ผลตรวจทางห้องปฏิบัติการ ครั้งที่ 1
Blood group B Rh +Ve
CBC Hct = 38.9 Hb = 12.8 MCV = 82.1 Plt 257,000
VDRL Non-reactive HBsAg Negative Anti-HIV Non-reactive
OF – DCIP Negative Quadruple test เสี่ยงต่ำ
ครั้งที่ 2
Hct 31.7 Hb 10.6 VDRL Non-reactive Anti-HIV Non-reactive
ผลตรวจอื่นๆ
UA Negative วันที่ 2 กุมภาพันธ์ 2565
50 g. GCT 118 mg/dl GA 13+2 week.วันที่ 2 กุมภาพันธ์ 2565
75 or 100g. OGTT 86 mg/dl GA 25+3 week.วันที่ 17 มิถุนายน 2565
อาการแรกรับรู้สึกตัวดี มาด้วยเปลนั่ง Height of fundus 3/4> O ,(36 cms) ทารกอยู่ในท่า LOA อัตราการเต้นของหัวใจทารก 150/min , PV Cervix Dilatation 2 cm. Effecment 50% , Membrane Intact , station -2, Uterine contraction Interval = 2’50” Duration = 50”
เริ่มเจ็บครรภ์วันที่ 21/09/65 เวลา 08.10 น. (ระยะที่ 1)
เวลา 09.45 น. PV Cervix Dilatation 2 cm. Effecment 50% , Membrane Intact , station -2, Uterine contraction Interval = 2’50” Duration = 50” (ระยะที่ 1)
เวลา 13.00 น. PV Cervix Dilatation 7 cm. Effecment 80% , Membrane Intact , station -1, Uterine contraction Interval = 2’15” Duration = 40” (ระยะที่ 1) ใช้เวลาทั้งหมด 4 ชั่วโมง 45 นาที
เวลา 13.20 น. ปากมดลูกเปิดหมด (ระยะที่ 2)
ทารกคลอดเวลา 13.30 น.
รกคลอดเวลา 13.38 น.
ใช้เวลาทั้งหมด 5 ชั่วโมง 8 นาที
ถุงน้ำคร่ำแตกเวลา 13.20 น. 21/09/65 โดย Spontaneous ลักษณะน้ำค่ำ Clear แผล Perineum Rt. mediolateral Episiotomy การเย็บ Continuous Lock
รกคลอดโดยวิธี Modified crede น้ำหนักรก 600 gm. ชิดริม 5 cm. ห่างริม 15 cm. สายสะดือยาว 60 cm. ลักษณะรก Normal , Blood loss 200 ml.
ทารกคลอดเพศชาย น้ำหนัก 2,650 gm. เวลา 13.30 น. 21/09/65 วิธีคลอด N/L ความยาว 50 cm. รอบหัว 33 cm. V/S BT=36.8 RR=50 HR=144 O2 sat 96% Apgar Score 9,10,10 ได้รับ Vit k ขาขวา Hep.B ขาซ้าย
ข้อวินิจฉัย
ปัญหาที่ 1 ส่งเสริมความก้าวหน้าในการคลอดในระยะที่ 1 ของการคลอด
O : อยู่ในระยะ Latent phase
case G1P0-0-0-0 with GA 39+1 week
- PV Cervix Dilatation 2 cm. Effecment 50% , Membrane Intact , station -2, Uterine contraction
Interval = 2’50” Duration = 50”
กิจกรรมการพยาบาล
- ให้ผู้คลอดจัดท่าเพื่อส่งเสริมการเคลื่อนต่ำของส่วนนำและการขยายของช่องเชิงกราน
1) ท่าศีรษะสูง (semi setting position)
2) ท่าคุกเข่าโน้มตัวไปข้างหน้าโดยมีที่รองรับ (leaning forward with support position)
3) ท่านั่งยอง (squating position) - ดูแลให้ผู้คลอดขับถ่ายปัสสาวะ ทุก 2-3 ชั่วโมงเพื่อไม่ให้กระเพาะปัสสาวะเต็มเนื่องจากเมื่อส่วนนำทารกเข้าสู่อุ้งเชิงกรานาจะไปเบียด กระเพาะปัสสาวะทำให้ส่วนนำทารก เคลื่อนต่ำได้ช้าและอาจทำให้การ คลอดติดขัดได้
- ประเมินการหดรัดตัวของมดลูกทุก และ FHS ทุก 1 ชั่วโมง
- ประเมินความก้าวหน้าของการคลอดทุก 4 ชั่วโมงในระยะ Latent phase และทุก 2 ชั่วโมงในระยะ Active phase
- ควรหลีกเลี่ยงท่านอนหงายเพราะจะทำให้การไหลเวียนกลับของเลือดไม่ดี
- บันทึกความเปลี่ยนแปลงโดยใช้ Partograph หากตกเส้น alert line ให้รีบรายงานแพทย์
ปัญหาที่ 2 เจ็บครรภ์คลอดในระยะ Active phase
S : ผู้คลอดบอกว่า “ปวดท้อง ปวดหลังร้าวไปที่หน้าขา”
O : Pain score 7 คะแนน
อยู่ในระยะ Active phase
Cervix Dilatation 7 cm. Effecment 80% , Membrane Intact , station -1 Uterine contraction
Interval = 2’15” Duration = 40”
กิจกรรมการพยาบาล
- ประเมินความปวดก่อนและหลังให้การพยาบาลโดยใช้ Facial scale เป็น การประเมินโดยใช้รูปภาพแสดงสีหน้า บอกความรู้สึกปวดและ numerical rating scales เป็นการประเมินโดย การบอกความรู้สึกเป็นตัวเลข
- ดูแลให้ผู้คลอดอยู่ในท่านอนคะแคงซ้ายศรีษะสูงเพื่อป้องกันการกดทับของเส้นเลือด inferior vena cava ทำให้เลือดไหลเวียนได้ดี
- กระตุ้นให้ผู้คลอดเปลี่ยนท่านอนทุก 15 – 30 นาทีเพื่อป้องกันการกดทับ
- ประเมินความก้าวหน้าของการคลอดโดยการฟัง
1) FHS ทุก 30นาที – 1 ค่าปกติ 110- 160 ครั้ง/นาทีชั่วโมง
2) ประเมินการเปิดขยายของปากมด ลูก PV ทุก2 ชั่วโมง ค่าปกติในระยะ - Active phase 4-7 cms - Uterine Contraction I=2’-3’ D=45”- 60”(ห้ามเกิน 60”) - ส่งเสริมให้ผู้คลอดใช้เทคนิคบรรเทา อาการปวดโดยไม่ใช่ยา แนะนำเทคนิคการหายใจ
การนวดบรรเทาปวด
1) การกดนวดลึกๆ เป็นวงกลม บริเวณ กระดูกก้นขณะที่มดลูกหดรัดตัว ใช้มือ กดให้แรงพอสมควร ความเร็วสม่ำเสมอน้ำหนักมือคงที่
2) การนวดเป็นรูปเลข8 ผู้นวดกำนิ้วมือ ทั้งสี่นิ้วแล้วนิ้วหัวแม่มือออก หลังจาก นั้นวางด้านฝ่ามือลงบริเวณหลังส่วนล่าง กดน้ำหนักมือค่อนข้างแรงวน มือเป็นรูปเลข 8 วงเล็กแล้วค่อยๆเบา แรงกด เมื่อวนเป็นเลข 8 ที่ใหญ่ขึ้น
3) การนวดตนเองโดยผู้คลอดหงายมือ ข้างหนึ่งกำนิ้วทั้งสี่แล้วกดหลังมือลงที่ บริเวณหลังส่วนล่าง ถูไปตามขวาง
การเพ่งจุดสนใจ
1) เมื่อปากมดลูกเปิด 4-8 เซนติเมตร แนะนำให้ผู้คลอดตั้งใจจดจ่ออยู่กับสิ่ง ใดสิ่งหนึ่ง นับลมหายใจเข้าออกขณะ มดลูกหดรัดตัว
2) เมื่อปากมดลูกเปิด 8-10 เซนติเมตร แนะนำให้ผู้คลอดหายใจเข้าลึกๆ เพ่ง ตามองที่จุดหนึ่งจุดใดอย่างแน่วแน่ ขณะมดลูกหดรัดตัว
- ประเมินการแตกของถุงน้ำคร่ำ ตรวจเพื่อดูว่าถุงน้ำแตกหรือยัง ถ้าแตก แล้วมีขี้เทา ปนหรือไม่ มีกลิ่นจากการ ติดเชื้อหรือไม่
1) MI (membrane intact) หมายถึง ถุงนํ้าครํ่ายังไม่แตก
2) ML (membrane leak) หมายถึง ถุงนํ้าครํ่ารั่ว มีนํ้าครํ่าซึมออกมาทีละน้อย
3) MR (membrane rupture) หมายถึงถุงนํ้าครํ่าแตก แบ่งได้เป็น
- SRM (spontaneous rupture of membrane) หมายถึง ถุงน้ำคร่ำแตกเอง
- ARM (artificial rupture of membrane) หมายถึง เจาะถุงน้ำคร่ำ
ลักษณะนํ้าครํ่า - Clear หมายถึง ลักษณะนํ้าครํ่าไม่มีสิ่งอื่นปน
- Mild meconium stained หมายถึง ลักษณะนํ้าครํ่ามีขี้เทาปนเล็กน้อย
- Moderate meconium stained หมายถึง ลักษณะนํ้าครํ่ามีขี้เทาปนปานกลาง
- Thick meconium stained หมายถึง ลักษณะนํ้าคร่ำมีขี้เทาปนมาก
ปัญหาที่ 3 ส่งเสริมความก้าวหน้า ของการคลอดในระยะ Transitional phase
O : อยู่ในระยะ Transitional phase Cervix Dilatation 7 cm. Effecment 80% , Membrane Intact , station -1 Uterine contraction
Interval = 2’15” Duration = 40”
ระยะเปลี่ยนผ่าน (transition phase) เป็นระยะที่ปากมดลูกเปิด 7-10 ซม.เป็นระยะสุดท้ายของระยะที่ 1 ของการคลอด การหดรัดตัวของมดลูกเพิ่มมากขึ้น และ นานขึ้นเป็น 60-90 วินาที มารดามักจะมีความวิตกกังวลกลัวกระสับกระส่าย
กิจกรรมการพยาบาล
- ประเมินความก้าวหน้าของการ คลอด โดยการฟัง
1) FHS ทุก 15 – 30 นาทีค่าปกติ 110-160 ครั้ง/นาทีชั่วโมง
2) ประเมินการเปิดขยายของปากมดลูก PV ทุก 2 ชั่วโมง ค่าปกติในระยะ - Transitional phase 7-10 cms - Uterine Contraction I=2’-3’ D=40”- 60”(ห้ามเกิน 60”) - ดูแลให้ได้รับ 5% DNSS 1000 cc IV rate 100 ml/hr.
- สังเกตอาการนำเข้าสู่ระยะคลอด เช่น มีมูกเลือด น้ำคร่ำแตก การเปิดขยายของปากมดลูก fully
- ดูแลให้ผู้คลอดขับถ่ายปัสสาวะ ทุก 2-3 ชั่วโมงเพื่อไม่ให้กระเพาะปัสสาวะ เต็มเนื่องจากเมื่อส่วนนำทารกเข้าสู่อุ้ง เชิงกรานาจะไปเบียดกระเพาะปัสสาวะทำให้ส่วนนำทารกเคลื่อนต่ำ ได้ช้าและอาจทำให้การคลอดติดขัดได้
- ดูแลจัดท่านอนในท่าที่สุขสบายและเหมาะสม
- ประเมิน Probable sign
- อยากเบ่งขณะ UC
- มี bloody show
- ถุงน้ำคร่ำแตก
- ทวารหนักตุง+ขยายตอนเบ่ง
- ฝีเย็บตึง มัน ใส
- ประเมิน Positive sign
- PV ปากมดลูกเปิด 10 cm
- คลำไม่พบปากมดลูก
- มี Head seen เห็นไรผมทารก หัว ผลุบๆโผล่ๆ ต้องเชียร์เบ่งผู้คลอดและ ตัดฝีเย็บ
- เตรียมผู้คลอดย้ายเข้าห้องคลอด
ปัญหาที่ 5 ส่งเสริมการคลอดปกติ ในระยะคลอด
O : Cervix Dilatation = Fully
Effacement = 100% ผู้คลอดเจ็บครรภ์คลอด อยากเบ่ง ร้องเสียงดัง
กิจกรรมการพยาบาล
1.ประเมินความเจ็บปวดจากการหดรัด ตัวของมดลูกทุก30 – 1 ชั่วโมง และ ความสามารถในการควบคุมความ เจ็บปวดของผู้คลอด
2.ประเมิน U/C และ PV ซ้ำ ระหว่าง รอคลอด ทุก 15 นาที
3.ประเมิน FHS ทุก15 นาที
4.จัดท่าผู้คลอดให้อยู่ในท่า dorsal recumbent position นอนหงายชัน เข่าส้นเท้าชิดเเก้มก้น
5.แนะนําผู้คลอดเมื่อมดลูกเริ่มหดรัด ตัว ให้ผู้คลอดหายใจเข้าออก ลึกๆ ก้ม หน้าคางชิดอกและเบ่งคลอดยาวๆ เบ่งลงก้นไม่ออกเสียงนาน 6 –8 วินาที หลังจากนั้นผ่อนลมหายใจออกทาง ปากช้าๆ เมื่อมดลูกคลายตัว
6.เตรียมอุปกรณ์ทำคลอด
-Artery clamp 2 อัน พร้อมยางรัด cord หรือ บางรพ.อาจจะใช ้cord clamp
-กรรไกรตัด cord
-กรรไกรตัด ฝีเย็บ
-Tooth forceps และ non tooth forceps
-Top gauze สำหรับ safe perineum
- ลูกสูบยางแดง สำหรับดูด มูกจากจมูก และลำคอทารก
- สำลี เพื่อเช็ดสายสะดือ
- ผ้าปูรองก้น ผ้าคลุมหน้าท้อง ผ้าเช็ด ตัวเด็ก ผ้าสี่เหลี่ยมเจาะกลาง ถุงเท้า 2 ข้าง
- เตรียมชุดทําคลอด
- ผ้ารองคลอด 2 ผืน
- ผ้าคลุมหน้าท้อง 1ผืน , ปลอกขา 1 คู่ , ผ้ารับเด็ก 1 ผืน
- ผ้าสี่เหลี่ยมเจาะกลางสําหรับเย็บแผล 1 ผืน
6.เตรียม Set scrub (ฟอกทําความสะอาด) - ถ้วยใบใหญ่สำหรับใส่ 0.9 % NSS
- ถ้วยใบเล็กใส่น้ำยาฆ่าเชื้อ
- น้ำยาฆ่าเชื้อ จะใช้เป็น Savlon 1:100 หรือ Hibitain solution 0.5% เพื่อใช้สำหรับฟอกทําความสะอาด
- ให้สำลีแห้งก้อนใหญ่ 5-6 ก้อนโดยเอา สำลีออกมา 3 ก้อน ก้อนที่1 ใช้ สำหรับเช็ดสายสะดือ ด้วย alcohol 1 ก้อน ใช้เช็ดตา 2 ก้อน
- Tooth forceps จํานวน 1 อัน -ถุงมือ 1 คู่
- Sterile water
- ล้างมือตามหลัก Surgical hand washing
- ทําความสะอาดอวัยวะสืบพันธุ์ ภายนอกโดยการ scrub
- จัดท่าผู้คลอดเป็นท่า dorsal recumbent position ท่านอนหงาย ชันเข่า
- สอด Bed pan ไว้ใต้ ก้นผู้คลอดแล้วฟอกทำควาสะอาด โดย
- สำลีก้อนที่ 1 เช็ดบริเวณ mons pubis หัวหน่าวขึ้นนไปจนถึงประมาณ หน้าท้องช่วงล่าง
- ก้อนที่2 จะเช็ดบริเวณ labia migera ด้านไกลตัวัแล้วเช็ดบริเวณขาหนีบ และไปยังบริเวณโคนขาประมา 2 ส่วน 3 ของขา
- ก้อนที่3 จะเช็ดบริเวณ labia migera ด้านใกล้ตัว
- ก้อนที่4 จะเช็ดบริเวณ labia minora ด้านไกลตัว เช็ดจากบริเวณ ด้านในลงมาจนถึง clitolis
- ก้อนที่5 จะเช็ดบริเวณ labia minora ด้านใกล้ตัว
- ก้อนที่6 จะเช็ดบริเวณ clitolis จนถึง anus
จากนั้นใช้ Sterile water ราดทํา ความสะอาด
- ทําความสะอาดอีกครั้ง และ pent เบตาดีน โดย
- สําลีก้อนที่ 1 เช็ดบริเวณ Mons pubis เริ่มจากหัวเหน่าขึ้นไปทางหน้าท้อง
- ก้อนที่ 2 เช็ด labia majora ด้านใกล้ ตัวก่อนจนถึงขาหนีบ แล้วพลิกสําลีทํา ความสะอาดต้นขาตั้งแต่โคนขาไป ถึง 2/3 ของขาท่อนบน
- ก้อนที่ 3 เช็ด labia majora และต้น ขาด้านไกลตัว ทําเช่นเดียวกับก้อนที่ 2
- ก้อนที่ 4 เช็ด labia minora ด้านใกล้ ตัวถึง anus
- ก้อนที่ 5 เช็ด labia minora ด้านไกล ตัวทําเช่นเดียวกับ
- ก้อนที่ 6 เช็ด clitoris จากข้างบนลง มาถึง anus
- ปูผ้าสี่เหลี่ยมรองก้น ปูผ้าต่อเตียง สวมปลอกขาด้านใกล้ตัว สวมปลอกขา ด้านไกลตัว ปูผ้าสี่เหลี่ยมคลุมท้อง
- ดูแลความสุขสบายของผู้คลอด ถ้า ผู้คลอดมีเหงื่อออกมาให้ใช้ผ้าชุบน้ำ เย็นเช็ดตามใบหน้า ลําคอและแขน ขาเพื่อให้ผู้คลอดสุขสบายขึ้น
- เชียร์เบ่งผู้คลอด
- พิจารณาตัดฝีเย็บ การตัดฝีเย็บควร ตัดในเวลาที่มดลูกหดรัดตัว เห็น head claw มองเห็นศีรษะทารเส้นผ่าน ศูนย์กลาง 4-5 ซม บอกแม่ให้หยุดเบ่ง เนื่องตากฝีเย็บอาจฉีกขาดได้
- การตัดฝีเย็บขณะมดลูกคลายตัวให้ สอดนิ้วชี้และนิ้วกลางข้างซ้ายเข้า ไปในช่องคลอดแยกนิ้วมือออกเล็กน้อย และกดออกมาทางด้านนอกบริเวณ perineal body มือขวาสอดกรรไกร ให้อยู่ระหว่างนิ้วมือซ้ายและฝีเย็บให้ ทํามุม 45 องศากับ fourchette
- ตัดขณะมดลูกหดรัดตัวและผู้คลอด เบ่ง ตัดยาวประมาณ 3-4 ซม. โดยตัด ครั้งเดียวให้ยาวพอ
-ตัดเสร็จนิ้วยังอยู่ตําแหน่งเดิมเพื่อกด ศีรษะทารกไว้ก่อนที่จะได้ save perineum
Mediolateral Episiotomy การ ตัดแผลเริ่มจากกึ่งกลางล่างสุดของช่อง คลอดลงไปบริเวณฝีเย็บข้างใดข้าง หนึ่งเป็นแนวเฉียงประมาณ 45 องศา และห่างจากรูทวารหนัก ประมาณ 2-5 cm. วิธีนี้ซ่อมแซมค่อนข้างยากการหายของแผลไม่ค่อยดี อาจเสีย เลือดมากและปวดมากกว่า
- เมื่อเด็กคลอดทั้งตัว - ให้ปิดเครื่องปรับอากาศแล้วเช็ดตัว ป้องกันการสูญเสียความร้อนเเบบ Evaporation
- clear airway โดยใช้ลูกสูบยางแดง ดูดออกให้หมด ถ้าเด็กไม่ร้องกระตุ้นให้ ร้อง โดยการลูบบริเวณหลังและฝ่าเท้า เบาๆ - เตรียมคลิปให้พร้อม เปิด radiant warmer
- ประเมิน APGAR score ใน 1 นาที เเรกและ 5นาทีหลังคลอด
- ตัดสายสะดือโดยใช้ clamps ที่มี ยางรัด cord สวมอยู่หนีบสายสะดือให้ ห่างจากโคนสะดือลูก1-2 cm แล้วรูด เลือดในสายสะดือจาก clamps ตัว แรกคืนไปทางด้านแม่ประมาณ 1 ฝ่า มือ แล้วจึงหนีบสายสะดือด้วย clams ตัวที่ 2 หนีบตัวที่ 2 ให้ห่างจากตัวที่1 ประมาณ 3-4 cm จากนั้นรอ 1-2 นาที ใช้สําลีชุบ providine paint
- เช็ดสะดือ ให้ตัดสายสะดือโดยตัดจาก clamps ตัวที่1 ประมาณ 1-2cm ตัด สายสะดือด้วยมือขวาให้ปลาย กรรไกรอยู่ในอุ้งมือซ้าย
- นําทารกไปให้แม่ดูหน้า ดูเพศลูก
- การทําคลอดรก
- ประเมินกระเพาะปัสสาวะ คลํา บริเวณหน้าท้องว่ามีอาการโป่งตึง หรือไม่ ถ้าหากมีให้ทําการสวนปัสสาวะ ทิ้งทันที
- ตรวจสอบ sign ของรกลอกตัว
1) Uterine sign มดลูกจะหดรัดตัว แข็งเปลี่ยนรูปร่างจากยาวรี (Discoid) มาเป็น กลม (Globular) และลอยตัว ขึ้นถึงระดับสะดือ
2) Cord sign จะมีการเคลื่อนที่ตํ่า ของสายสะดือประมาณ 8-10 CM.จะ สังเกตได้จาก ด้ายยางที่ผูกไว้หรือ จาก Arterial clamp ที่ใช้หนีบสาย สะดือไว้ภายหลังรกคลอดจะเลื่อนตํ่า ลงมา สายสะดือจะเหี่ยวคลายเกลียว และคลําชีพจรไม่ได้
3) Vulvar sign มีเลือดไหลออกมาให้ เห็นทางช่องคลอด จะพบได้ในรายที่รก ลอกตัวแบบ Duncan mechanism ในรายที่รกลอกตัวแบบ Schultz mechanism อาจพบว่ามีเลือดออกได้
4) ทดสอบ (Cord test) โดยใช้มือกด บริเวณเหนือกระดูกหัวเหน่าและโกย มดลูกขึ้นไปข้างบนสายสะดือไม่เคลื่อน ตาม แสดงว่ารกลอกตัวและลงมาอยู่ ส่วนล่างของมดลูกแล้ว
ระยะที่ 4 ของการคลอด
ปัญหาที่ 7 มารดาปวดแผลฝีเย็บและปวดมดลูก
S : มารดาบอกว่า “ปวดแผลฝีเย็บ และมดลูก”
O : - หน้านิ่วคิ้วขมวด - pain score 6 คะแนน
กิจกรรมการพยาบาล
- ประเมินอาการและอาการแสดงโดยการสังเกต
ลักษณะสีหน้า ท่าทางของผู้คลอดและใช้เครื่องมือการประเมิน Pain score เพื่อประเมินระดับความรุนแรงของ ความปวด และสามารถให้การ พยาบาลได้ถูกต้องและเหมาะสม - ประเมิน Urine contraction เพื่อประเมินการหดรัดตัวของมดลูก
- อธิบายให้มารดาเข้าใจถึงกลไกของการเจ็บปวดภายหลังคลอด และบริเวณฝีเย็บ เพื่อให้มารดาเกิดความรู้และความ เข้าใจ
- อธิบายให้มารดาทราบว่าจะมีอาการปวดมากขึ้น เนื่องจากเมื่อบุตรดูดนมจะท้าให้มดลูกมีการหดรัดตัวมากขึ้น เพื่อให้มารดาเกิด ความรู้และความเข้าใจ
- ดูแลให้ได้รับยา Paracetamol(500) 1 tab O p.c. prn q 4-6 hr ตามแผนการรักษาของแพทย์เพื่อบรรเทาอาการปวด
- แนะน้าญาติดูแล ช่วยเหลือกิจกรรมบางอย่างที่ มารดาหลังคลอดยังไม่สามารถท้าได้อย่างใกล้ชิด เพื่อผ่อนคลาย ความเจ็บปวด
- แนะน้ามารดาให้รักษาความ สะอาดบริเวณอวัยวะสืบพันธุ์ และแผลฝีเย็บ เปลี่ยนผ้าอนามัยที่ชุ่ม สังเกตความผิดปกติของแผลฝีเย็บ เพื่อป้องกันการติดเชื้อ และการปวดมากขึ้น
- แนะน้าให้มารดาขมิบก้นและฝีเย็บวันละ 3-4ครั้ง โดยแต่ละครั้ง จะต้องขมิบ 5 รอบ เพื่อให้การไหลเวียนดี อาการปวดฝีเย็บจะลดลง
ปัญหาที่ 9 ทารกเสี่ยงเกิดภาวะอณุหภูมิร่างกายต่ำกว่าปกติเนื่องจากการสูญเสียความร้อนของร่างกายและการปรับตัวยังไม่ดี
S : -
O : - ทารกคลอดเวลา 13.30 น
- BT 36.8 องศาเซลเซียส
- ให้ความอบอุ่นและปรับอุณหภูมิห้องให้อยู่ในระดับ 32-34 องศาเซลเซียส ตั้งแต่ก่อนคลอดทารก เพื่อป้องกันการสูญเสียความร้อนจากร่างกายทารก
- ประเมินอาการและอาการอุณหภูมิร่างกายต่้าได้แก่ ผิวเย็น สีผิวมีลักษณะเป็นจ้้า แดง ลายทั่วตัว นิ้วมือนิ้วเท้าซีด เขียว เพื่อให้การพยาบาลได้ทันเวลา
- เช็ดศีรษะและล้าตัวด้วยผ้านุ่มและอุ่นทันทีที่ทารกคลอดออกมาทั้งตัว เพื่อลดการสูญเสียความร้อนจากการระเหย (evaporation)
- ให้ทารกนอนภายใต้เครื่องแผ่รังสีความร้อน(radiant warmer) บนผ้านุ่มและอุ่นขณะที่สังเกตการหายใจ และสีผิวทารก และระวังไม่ให้ทารกสัมผัสกับลมเย็น จากเครื่องปรับอากาศโดยตรงหรืออยู่ใิกล้ผนังที่มีความเย็น
- น้าผ้าที่เปียกออกจากตัวทารกโดยเร็วเพื่อลดการสญูเสียความร้อน
- ให้ทารกนอนบนอกมารดาโดยเร็วและปิดตัวทารกไว้ด้วยผ้าอุ่นขณะท้า bonding
- ประเมินสัญญาณชีพของทารกหาก ต่้ากว่า36.5 องศาเซเซียส ให้รีบความอบอุ่นให้ทารกทันที
- หากต้องการสัมผัสทารกต้องท้าให้มือและเครื่องมือต่างๆ ให้อุ่นก่อนเสมอหลังคลอด
- ประเมินอุณหภูมิกายของทารกเมื่อครบ 2ชั่วโมงหลังคลอด ก่อนย้ายทารกต้องมีอุณหภูมิกายมากกว่าหรือเท่ากับ36.8 องศาเซลเซียส จึงจะย้ายไปพร้อมกับมารดาที่ตึกหลังคลอดได้ เพื่อประเมินอุณหภูมิร่างกายทารก
ปัญหาที่ 8 อ่อนเพลียจากการเสียเลือดและพลังงานในการคลอด
S : มารดาบอกว่า “รู้สึกอ่อนเพลีย ไม่มีแรง”
O : - มีสีหน้า อ่อนเพลีย ไม่สดชื่น BP 102/89 mmHg PR 70 /min RR 20 /min
กิจกรรมการพยาบาล
- วัดส้ญญาณชีพทุก 15 นาที ×4 ครั้ง ทุก 30นาที × 2 ครั้ง เพื่อประเมินและติดตามการเปลี่ยนแปลงของร่างกาย
- ประเมินอาการและอาการแสดงของภาวะอ่อนเพลีย ได้แก่ เวียนศีรษะ ไม่มีแรง ปากซีดหน้าซีด ไม่ สดชื่น กระหายน้้า เพื่อประเมินความรุนแรงและให้การพยาบาลที่ เหมาะสมได้ทันที
- ดูแลให้ได้รับสารน้้า 5%D/N/2 1000 ml IV 100 ml/hr ตาม แผนการรักษาเพื่อให้ร่างกายได้รับสารน้้าเพียงพอ และทดแทนสารน้้าที่เสียไป
- จัดสิ่งแวดล้อมให้เหมาะสม ปิด ม่าน ลดแสงและเสียงรบกวน เพื่อให้ผู้ป่วยพักผ่อน ฟื้นฟูร่างกาย
- จัดวางสิ่งของให้เป็นระเบียบ เรียบร้อย หยิบจับได้สะดวก เพื่อ ป้องกันการเกิดอุบัติเหต
- ดูแลให้พักผ่อนให้เพียงพอ อย่าง น้อยวันะ 6-8ชั่วโมง เพื่อฟื้นฟูสภาพร่างกาย และท้ากิจกรรมต่างๆบนเตียง เพื่อลดความเสี่ยงในการเกิดอุบัติเหตุ
- แนะน้าให้ดื่มน้้าหวาน และรับประทานอาหารได้ หากไม่มี ภาวะแทรกซ้อน เพื่อให้ร่างกายได้รับสารอาหารเพียงพอต่อความ ต้องการของร่างกาย
P : Passenger สิ่งที่คลอดออกมา ประกอบด้วย ทารก รก เยื้อหุ้มทารก น้ําคร่ํา โดยหากทารกมีขนาด รูปร่าง ลักษณะที่ไม่เหมาะสม จะทําให้คลอดยากได้
P : Position ท่าของผู้คลอด โดยจะมี ท่านั่ง ท่านอน ท่ายืน ท่าเดิน เพื่อส่งเสริมการเคลื่อนต่ำของส่วนนำทารก
6P
P : Psychological condition สภาพจิตใจผู้คลอด จากกรณีศึกษาผู้คลอดบอกว่าอยากให้ลูกออกมาไวๆแล้ว จะได้หายปวดและได้เห็นหน้าลูก ไม่มีความเครียด ส่งผลให้มดลูกหดรัดตัวดี
P : Power 1.1.แรงจากการหดรัดตัวของมดลูก มดลูกหดรัดตัวดี
P : Passge ช่องทางคลอด ฝีเย็บมีการฉีกขาดแบบ Right Mediolateral Episiotomy ช่องทางคลอดอ่อน Soft passage เป็นช่องทางคลอดที่ยืดขยายได้ ประกอบด้วย กล้ามเนื้ออุ้งเชิงกรานและฝีเย็บ ปากมดลูก มดลูกส่วนล่าง ช่องคลอด
P : Psychological condition จากกรณีศึกษาผู้คลอด
น้ำหนัก 66.2 kg. ส่วนสูง 160 cm. มีความเสี่ยงต่อการคลอดยาก
มีสายสะดือพันคอ 2 รอบ
ปัญหาที่ 4 เตรียมความพร้อมก่อนคลอดในระยะที่ 2
ปัญหาที่ 6 ทารกมีโอกาสเกิดภาวะพร่องออกซิเจนเนื่องจากทางเดินหายใจไม่สะดวก
S : -
O : ทารกมี Cord พันคอ 2 รอบ
- O2 sat แรกคลอด 96%
ปัญหาที่ 10 ทารกดูดนมได้ไม่มีประสิทธิภาพ เนื่องจากมารดาหัวนมแบน
S : มารดาบอกว่าตนเองหัวนมแบน ใช้ Syring ดูดเป็นประจำแล้วก็ไม่ขึ้น
O : - ทารกดูดนมมารดาได้น้อย ส่งผลให้ทารกร้องหิวนมบ่อย
- ประเมิน latch score = 5 คะแนน
กิจกรรมการพยาบาล
O : Cervix Dilatation 10 cm. Effecment 100% , Membrane Intact , station 0 Uterine contraction Interval = 2’15” Duration = 40” ผู้คลอดรู้สึกอยากเบ่งอุจจาระ ทวารหนัก ตุง+ขยายตอนเบ่ง ฝีเย็บตึง มัน ใส
PV ปากมดลูกเปิด 10 cm คลำไม่พบปากมดลูก
มี Head seen เห็นไรผม ทารก หัวผลุบๆโผล่ๆ
กิจกรรมการพยาบาล
- จัดเตรียมสถานที่และอุปกรณ์ที่ใช้ใน การทำคลอด 1) เตรียมห้องคลอดให้สะอาด 2) เตรียมหม้อนอน 3) เตรียมรถสำหรับรับทารกและ เครื่องมือต่างๆ เช่น - radiant warmer - เครื่องดูดเสมหะ - เครื่องช่วยฟื้นคืนชีพ
- ลูกสูบยางแดง
- จัดเตรียมเครื่องมือเครื่องใช้ในการ ทำคลอด
1) Set scrub มีถ้วยเล็ก 1 ใบ , สําลี ก้อนใหญ่5ก้อน
2) Set flush
3) Set คลอด
- ชุดผ้ารองคลอด/ผ้ารับเด็ก/ผ้ารอง เย็บแผล ประกอบด้วย ผ้ารองคลอด2 ผืน , ผ้าคลุมหน้าท้อง 1 ผืน ,ปลอกขา 1 คู่ , ผ้ารับเด็ก 1 ผืน, ผ้าสี่เหลี่ยม เจาะกลางสําหรับเย็บแผล 1ผืน
- ชุดเครื่องมือทําคลอด *Artery clamp 2 ตัว
*Sponge Forceps 1 ตัว
กรรไกรตัด Perineum 1 ตัว , กรรไกรตัด Cord 1 ตัว
*Tooth Forceps 1ตัว
*ชามสแตนเลสใหญ่+Tob Gauze 1 ใบ+6 ชิ้น
*ชามสแตนเลสขนาดกลาง+สําลีก้อน ใหญ่ 1ใบ+20ก้อน
ถ้วยเล็ก+สําลี 2ใบ+6ก้อน cord ring 1 อัน
*comply Test 1 แผ่น
4) Set suture perineum - ชุดเครื่องมือเย็บแผล Perineum 1 ชุด Needle Holder 1 ตัว ,กรรไกร ตัดไหม 1 ตัว , Non-toothForceps 1 ตัว , เข็มเย็บชนิด Cutting, Round อย่างละ 1 ตัว ผ้าผืนยาวรองก้น1ผืน ผ้าสี่เหลี่ยมเจาะ กลาง4x4 1ผืน ชามรูปไต+สําลีใหญ่ 1 อัน+10ก้อน Tampon 1อัน Top Gauze 3ชิ้น Gauze4x4 10ชิ้น ถ้วยส แตนเลสเล็ก+สําลี 1อัน+6ก้อน ,sponge Forceps 1ตัว complyTest 1 แผ่น ผ้า Save perineum 1 ชิ้น
5) ภาชนะสําหรับใส่รก และถ้วยเล็ก สําหรับใส่น้ำยาและสารน้ำ ได้แก่ 0.9% NSS , สารละลาย Providine paint
6) ยางรัดสายสะดือ 1-2 ชิ้น เสื้อคลุม Sterile 1 ตัว ถุงมือ Sterile 2 คู่ 3.ผู้ทำคลอด ใส่ผ้าปิดปากและจมูก หน้ากาก ใส่เอี๊ยมพลาสติก รองเท้าบู๊ท ล้างมือ 7 ขั้นตอน และสวมเสื้อกาวน์ และถุงมือ 2 คู่ด้วย sterile tecgnique
- เตรียมผู้คลอด 1) จัดท่าผู้คลอด นอนหงายศีรษะสูง (Upright Dosal recument Position) และชันเข่าขึ้กางออก พอประมาณ มือทั้ง 2 ข้างจับข้อเท้า 2) ทำความสะอาดบริเวณอวัยวะเพศผู้ คลอด 3) ทำความสะอาดฝีเย็บเพื่อลดการติด เชื้อขณะคลอด
4) คลุมผ้า sterile ผ้ารองก้น ปลอกขา ด้านใกล้ตัว ปลอกขาด้านไกลตัว ผ้า คลุมหน้าท้อง
5) คลุมผ้า sterile 2 ผืน ที่รถรับเด็ก หรือ radiant warmer
- เตรียมยา oxytocin 10 Unit
- สังเกตและบันทึกอาการหายใจลําบาก ได้แก่ หายใจเร็ว (> 60 ครั้ง/นาที) ปีกจมูกบาน (nasal
flaring) - หน้าอกบุ๋ม, หายใจดึงรั้ง (Retraction of Substernal และ Inter Costal) มีเสียงคราง
(Expiratory grunt) เขียวคล้ำ - กําหนดเวลาให้กิจกรรมควบคุมอุณหภูมิตู้ 32-34 องศาเซลเซียส เพื่อรักษาอุณหภูมิร่างกายทารกให้อยู่ในระดับปกติ 36.5-37.5 องศาเซลเซียส
- จัดท่านอนทารก เพื่อให้ช่องทางเดินหายใจโล่ง ดูแลทารกให้ได้รับการเจาะหาแก๊สในเลือดและติดตามผลเพื่อประเมินอาการขาดออกซิเจนของทารก
- ติดตามค่า Oxygen saturation (SaO2
) อย่างใกล้ชิด เพื่อประเมินภาวะพร่องออกซิเจนของร่างกาย
กิจกรรมการพยาบาล
- แนะนำให้มารดาใช้ Syring ดูดบริเวณหัวนมก่อนให้ลูกดูดนม และกระตุ้นให้ลูกดูดนมบ่อยๆ และแนะนำการทำ Hoffman’s Maneuver โดยใช้นิ้วหัวแม่มือของมือทั้งสองแตะที่รอยต่อระหว่างหัวนมกับลานหัวนมในด้านตรงข้ามกันของหัวนมข้างนั้น กดนิ้วทั้งสองและรูดแยกห่างกันไปทางข้างๆและตรงๆ ควรทำซ้ำกันเช่นนี้ในทิศทางต่างกันโดยรอบสัก 2-3 ครั้งหัวนมจะตั้งขึ้นมาได้ ใช้นิ้วมือจับที่ขั้วหัวนมที่ยื่นออกมานั้นดึงออกตรงๆเบาๆสัก 2-3 ครั้ง การทำHoffman’s Maneuver นี้ต้องใช้ระยะเวลานานมากกว่าหัวนมจะยืดยาวออกมาจนพอเพียงที่เด็กจะดูดนมได้
- แนะนำให้มารดาใช้เทคนิค ดูดเร็ว ดูดบ่อย ดูดนาน ดูดเกลี้ยงเต้า - ดูดเร็ว คือเมื่อลูกคลอดออกมาภายใน 15-30 นาที ควรให้ลูกดูดนมเลย เพื่อกระตุ้นน้ำนมครั้งแรก - ดูดบ่อย คือให้ลูกดูดนมบ่อยๆ วันละ 8-12 ครั้ง หรือตามที่ลูกต้องการ ถ้าลูกร้องงอแง หรือหิวก็ให้ดูดทันที - ดูดนาน คือในแต่ละครั้งที่ลูกดูดนมให้ดูดนานๆ ประมาณข้างละ 15 นาที หรือดูดจนกว่าลูกจะเลิกดูดไปเอง - ดูดเกลี้ยงเต้า บีบหรือปั๊มนมออกอีกหลังจากลูกดูดเสร็จแล้วแต่รู้สึกว่าลูกยังดูดไม่หมด ถ้าลูกดูดได้เกลี้ยงเต้าดีแล้ว การบีบหรือปั๊มเพิ่มระหว่างมื้อที่ลูกดูด ก็จะยิ่งทำให้มีน้ำนมเพิ่มขึ้น เพราะเป็นการทำให้เต้าว่างมากที่สุดเท่าที่จะทำได้
- ใช้ผ้าชุบน้ำอุ่นประคบทิ้งไว้ 3-5 นาที
ใช้นิ้วมือ 3 นิ้ว ค่อยๆ คลึงเบาๆ ที่เต้านม โดยคลึงเป็นวงกลมจากบริเวณฐานเต้านมไปถึงตรงปลายใกล้หัวนม นวดคลึงเบาๆ จะช่วยให้น้ำนมไหลออกมาได้ง่ายขึ้น
- แนะนำให้มารดาดึงหัวนม ในการดึงหัวนมนั้นใช้กระบอกดึงหัวนม (nipple puller) โดยบีบก้นของลูกยางประมาณครึ่งหนึ่งเพื่อให้เกิดแรงดันที่พอประมาณ แล้ววางปากกระบอกดึงหัวนมครอบหัวนม แรงดันจะช่วยดึงหัวนมให้ขึ้นมาจนหัวนมยืดยาวออก และดึงค้างไว้ 1 - 2 นาที (จตุพร เพิ่มพรสกุลและคณะ,2564)
- แนะนำการให้นมทารก โดยหลัก 4 key sign คือ ลูกอ้าปากกว้าง ปากล่างบาน เห็นลานนมบนมากกว่า คางชิดเต้า และ 4 key points for position คือ หันเข้าหาเต้า ศีรษะ ลำตัวอยู่ในแนวเส้นตรงเดียวกัน หน้าท้องลูกชิดหน้าท้องแม่ประคองอย่างมั่นคง เพื่อให้มารดาสามารถให้นมบุตรได้ถูกต้องเหมาะสม
- แนะนำการดูแลความสะอาดของหัวนม เต้านมโดยใช้น้ำสะอาดต้มสุกที่เย็นแล้วเช็ดทำความสะอาดหัวนมทุกครั้งหลังอาบน้ำอย่างน้อยวันละ 1-2 ครั้ง เพื่อป้องกันการสะสมของเชื้อโรค
- แนะนำวิธีการบีบน้ำนมด้วยมือให้แก่มารดา โดย ใช้นิ้วโป้งกับนิ้วชี้กดลงไปบริเวณลานหัวนม ให้ห่างจากหัวนมประมาณ 3 เซนติเมตร ให้นิ้วโป้งกับนิ้วชี้อยู่ตรงกันข้ามกัน แล้วกดเข้าหาตัวเบาๆ กดแล้วบีบให้เป็นจังหวะ เหมือนเป็นการรีดน้ำนมจากบริเวณท่อน้ำนมให้ไหลออกมาตรงปลายสุด อีกมือหนึ่งใช้ประคองเต้าไว้ด้านล่าง เพราะเต้านมมีขนาดขยายใหญ่ มีน้ำหนัก ต้องช่วยประคองไว้ เมื่อบีบจนรู้สึกว่ามุมนี้ไม่มีน้ำนมออกแล้ว ให้ขยับเปลี่ยนมุม โดยหมุนนิ้วชี้และนิ้วโป้งไปยังมุมอื่นๆ ตามขอบลานหัวนม จนไม่มีน้ำนมออกมาแล้วก็ให้พอ ควรใช้เวลาบีบน้ำนมไม่เกิน 30 นาที เพื่อลดอาการเมื่อยล้า และไม่ควรบีบแรงจนเกินไป หรือบางคนใจร้อนเห็นว่าน้ำนมยังไม่ออกก็ขย้ำเต้านม ซึ่งการทำแบบนี้อาจทำให้เต้านมเกิดการช้ำได้
- ประเมิน latch score ซ้ำอีกครั้ง
1.2 แรงเบ่ง (Bearing down eflort or sccondary power)
ผู้คลอดเบ่งคลอดได้ถูกต้อง คือ เมื่อมดลูกทดรัดตัว ผู้คลอดสูดหายใจเข้าเต็มปอด จากนั้นกลั้นหายใจ ก้มคางชิดอก แล้วหายใจออกช้า ๆ พร้อมกับเบ่งยาวๆให้แรงมา
ที่กัน คล้ายการเบ่งอุจจาระ ขณะเบ่งไม่ออกเสียง ไม่มีท้องโต ไม่มีหน้าแดง ไม่ช้าปาก ทำช้ำ 3 ครั้ง นาน 6-8 วินาที ไม่เกิน 10 วินาทีทุกรอบของการหดรัดตัวของมดถูก