Please enable JavaScript.

Coggle requires JavaScript to display documents.

ELECTROLYTES - Coggle Diagram

- - - - สูตรของ Harris Benedict
        
        BMR (ช)👨🏻‍🦱 = 66.5+13.75W+5.0H-6.78A
        
        BMR (ญ) 👩🏻‍🦰= 65.5+9.56W+1.85H-4.68A
        
        ปัจจัยที่มีผล : เพศ,อายุ,น้ำหนักตัว,การออกกำลังกาย, ปริมาณไขมันสะสม
  - - - สมดุลพลังงานลบ (Negative Energy Balance)
        ภาวะที่ร่างกายได้รับอาหารโปรตีน/พลังงานไม่เพียงพอกับความต้องการของร่างกาย
        
        Marasmus ขาดพลังงาน+โปรตีนเป็นเวลานาน
        การเจริญเติบโตหยุดชะงัก, ไม่มีไขมันใต้ผิวหนัง, ผอมมากจนหนังหุ้มกระดูก, ผิวหนังแห้งและเหี่ยว
        
        Kawashiorkor ขาดสารอาหารโปรตีนเรื้อรัง
        เจริญเติบโตช้า, สีผมจาง, ผิวหนังเป็นผื่นอักเสบ/สีดำคล้ำ, albumin ต่ำ, บวม, การสร้างโปรตีนบกพร่องทำให้เกิดการคั่งของไขมันในตับ, ภูมิต้านทานต่ำ, ลำไส้อักเสบเรื้อรัง
      - สมดุลพลังงานบวก
        (Positive energy balance)
        ปริมาณพลังงานที่ได้รับจากอาหารมากกว่าพลังงานที่ต้องการ
        
        สาเหตุโรคอ้วน : พันธุกรรม, พฤติกรรม, ลักษณะกิจกรรม, อัตราการเผาผลาญ
        
        การวินิจฉัย
        
        1.การประเมินสัดส่วนของร่างกาย : Body weight, BMI, ความหนาของไขมันใต้ผิวหนัง, เส้นรอบเอว/สะโพก และสัดส่วนของเส้นรอบเอวต่อสะโพก
        
        2.การประเมินทางชีวเคมี : น้ำตาล, อัลบูมิน, คอเลสเตอรอล
        
        3.การประเมินทางคลินิก : ตรวจตา ตรวจเล็บ
        
        4.การประเมินจากอาหารที่รับประทาน
- - - - ไบคาร์บอเนตและ pH ในเลือดต่ำลง
      - การรักษา
        เพิ่มไบคาร์บอเนตในเลือดด้วยการให้ NaHCO3
      - อาการและอาการแสดง
        ขึ้นอยู่กับระดับความรุนแรงของภาวะ acidosis และอัตราการเปลี่ยนแปลงของภาวะกรดนั้น
      - กลไกการปรับตัว
        หายใจลึกและเร็ว
      - กรดเกิน
        -Incomplete oxidation of fatty acids ในผู้ป่วยเบาหวาน
        -Incomplete oxidation ของคาร์โบไฮเดรตจากการออกกำลังกายมากเกินไป
        -ผู้ป่วยโรคไตบางชนิดทำให้ขับกรดไม่ได้ เช่นไตวาย
        
        เสียไบคาร์บอเนตจากร่างกาย
        -ภาวะท้องเสีย อาเจียน
    - - ไบคาร์บอเนตและ pH ในเลือดเพิ่มขึ้น
      - เกิดจาก
        เสียกรดเกลือ ( HCl )ไปทางการอาเจียน
        เสีย KCl จากอาเจียน ท้องเสีย ไตขับโพแทสเซียมออก
      - กลไกการปรับตัว
        หายใจช้าเพื่อเก็บคาร์บอนไดออกไซด์ไว้
      - การรักษา
        การรักษาโดยให้สารน้ำที่มี NaCl / KCl
        เติม 10% แคลเซียมกลูโคเนตลงไปในสารน้ำที่ให้ทางหลอดเลือดดำ
      - อาการและอาการแสดง
        กระสับกระส่าย หายใจช้าและตื้น หยุดหายใจ
        เวียนศีรษะ ชร บางรายอาจเกร็ง มือจีบ
    - - เป็นภาวะที่มี pH ในเลือด < 7.35 และมีระดับของแรงดันของคาร์บอนไดออกไซด์ในหลอดเลือดแดง > 42 มม.ปรอท
      - เกิดจากศูนย์การหายใจในสมองถูกกด การอุดตันของทางเดินหายใจทำให้คาร์บอนไดออกไซด์คั่ง
      - กลไกการปรับตัว
        จะทำการเก็บไบคาร์บอเนตไว้ทำให้ไบคาร์บอเนตและ pH สูงขึ้น
      - อาการและอาการแสดง
        หายใจลำบาก เบาตื้น ปวดศีรษะ อ่อนเพลีย
        หัวใจเต้นผิดปกติ
      - การรักษา
        หายใจขับ CO2 ออก
        ให้ NaHCO3 ทางหลอดเลือดดำ
    - - เกิดจากการหายใจเร็วลึก ทำให้คาร์บอนไดออกไซด์ถูกขับออกเร็วกว่าปกติ มีกรดเพิ่มขึ้นทำให้เกิดปัญหา
      - pH ในเลือด > 7.45
        ระดับแรงดัน CO2
        ในหลอดเลือดแดง < 38 mmHg
      - กลไกการปรับตัว
        ไตจะดูดกลับ ไบคาร์บอเนตเข้าสู่ร่างกายลดลง ทำให้ไบคาร์บอเนตในร่างกายลดลงและ pH ลดลง
      - อาการและอาการแสดง
        หายใจลึกเเละเร็ว มึนศีรษะ ชา เกร็ง มือจีบ
      - การรักษา
        ให้หายใจในถุงกระดาษ เพิ่ม CO2
        ให้แคลเซียมกลูโคเนต 10% ฉีดเข้าหลอดเลือด
  - - - สิ่งที่วัด
        PH| 7.35-7.45|ความเป็นกรดด่าง
        Pa Co2|35-45|คาร์บอนไดออกไซด์ในเลือด
        HCO3-|22-26 |HCO3-ในร่างกาย
- - - - เป็นศูนย์ควบคุมการกระหายน้ำ
    - - หน้าที่ปรับสมดุลของน้ำและแร่ธาตุโดยไตจะกรองของเสียออกจากเลือดขับออกในรูปของน้ำปัสสาวะ
  - - - น้ำในเลือดต่ำ (เลือดเข้มข้น, แรงดันออสโมซิสในเลือดสูง) ไฮโพทาลามัสจะสั่งการให้มีการหลั่งฮอร์โมน ADH กระตุ้นให้ท่อหน่วยไตมีการดูดน้ำกลับเข้าสู่หลอดเลือดมาก เพื่อให้น้ำในหลอดเลือดสูงขึ้น ปัสสาวะน้อยลง และกระตุ้นให้เกิดการกระหายน้ำ
    - - น้ำในเลือดมาก (เลือดเจือจาง, แรงดันออสโมซิสในเลือดต่ำ)ภาวะนี้ไฮโพทาลามัสจะยับยั้งการหลั่งฮอร์โมน ADH ทำให้ท่อหน่วยไตมีการดูดน้ำกลับเข้าสู่หลอดเลือดน้อยลง เพื่อให้น้ำในหลอดเลือดลดลง ปัสสาวะมากขึ้น
  - - - อาการและอาการสำคัญ
        อาการเริ่มต้น กระหายน้ำ ผิวแห้ง ปวดศีรษะ เหนื่อยล้า อ่อนแรง หน้ามืด หมดสติ น้ำหนักตัวลดลง
      - ร่างกายมีน้ำและโซเดียมลดลง
    - - คือภาวะที่ร่างกายมีน้ำและโซเดียมเกิน
      - อาการและอาการสำคัญ
        ปวดศีรษะ ท้องอืด น้ำหนักตัวเพิ่ม บวม
        หายใจเหนื่อยหอบ
    - - อาการและอาการสำคัญ
        ปวดหัว คลื่นไส้ อาเจียน อ่อนล้า หมดแรง อาการซึม สับสน มึนงง กล้ามเนื้ออ่อนแรง เกร็ง หรือกระตุกกระสับกระส่าย หงุดหงิดง่าย shock
      - ความเข้มข้นโซเดียมในเลือดต่ำกว่า 135 mEq/L. ทำให้ osmolality ในเลือดต่ำลง น้ำเคลื่อนที่จากนอกเซลล์เข้าในเซลล์มากขึ้น ทำให้เซลล์บวมขึ้น
    - - อาการและอาการสำคัญ
        ปวดหัว คลื่นไส้ อาเจียน อ่อนล้า หมดแรง อาการซึม สับสน มึนงง กล้ามเนื้ออ่อนแรง เกร็ง กระตุกกระสับกระส่าย หงุดหงิดง่าย shock อาการชัก
      - ความเข้มข้นโซเดียมในเลือดต่ำกว่า 135 mEq/L. ทำให้ osmolality ในเลือดต่ำลง น้ำเคลื่อนที่จากนอกเซลล์เข้าในเซลล์มากขึ้น ทำให้เซลล์บวมขึ้น
    - - อาการและอาการสำคัญ
        
        ปัสสาวะเพิ่มมากขึ้น ปัสสาวะตอนกลางคืน ท้องผูก ท้องอืด ภาวะลำไส้อืด เบื่ออาหาร คลื่นไส้ อาเจียน อ่อนล้ากล้ามเนื้ออ่อนแรง หรือปวดเกร็ง เหน็บชา
      - คือภาวะ K+ ในเลือดต่ำกว่า 3.5 mEq/L. อาจเกิดจากเสีย K+ หรือ K+ เคลื่อนที่เข้าไปในเซลล์
    - - อาการและอาการสำคัญ
        อ่อนเพลีย คลื่นไส้ กล้ามเนื้ออ่อนแรง เหน็บชา อัมพาต ความดันโลหิตต่ำ หัวใจเต้นช้า หัวใจเต้นผิดจังหวะ
      - ภาวะ K+ ในเลือดสูงกว่า 5.5 mEq/L.
    - - อาการและอาการสำคัญ
        ตะคริวที่ข้อมือ ข้อเท้า มือจีบ มีการหดเกร็งของกล่องเสียง กล้ามเนื้อเกร็ง/อ่อนแรง/กระตุก
      - แคลเซียมในเลือดต่ำกว่า 4-5 mEq/L. ทำให้เส้นประสาทและกล้ามเนื้อถูกกระตุ้น
    - - คือภาวะที่มีแคลเซียมในเลือดสูงกว่า 4-5 mEq/L. ทำให้เส้นประสาทและกล้ามเนื้อถูกกระตุ้นได้ยากขึ้น กล้ามเนื้ออ่อนแรง
      - อาการและอาการสำคัญ
        มีอาการซึม มีไข้ อาการในระบบทางเดินอาหาร เช่น คลื่นไส้ อาเจียน เบื่ออาหาร หรือท้องผูก ไตผิดปกติ
  - - - การตรวจเลือด
      - การตรวจคลื่นหัวใจไฟฟ้า หรือ ECG