Please enable JavaScript.
Coggle requires JavaScript to display documents.
โภชนาการในภาวะบุคคลปกติ, A6480098 นางสาวสุชาญา ผ่องสำโรง - Coggle Diagram
โภชนาการในภาวะบุคคลปกติ
1.โภชนาการสำหรับหญิงตั้งครรภ์
แนวทางการบริโภคอาหารของหญิงตั้งครรภ์
1.เนื้อสัตว์
ควรได้รับเนื้อต่างๆ เช่น เนื้อสัตว์ เนื้อหมู เนื้อปลา กุ้ง และหอย
2.นม
ควรดื่มนมไขมันต่ำวันละ 1-2 แก้ว
3.ไข่
ควรกินไข่วันละ 1 ฟอง เป็นประจำ
4.ผลไม้
ควรกินผลไม้ทุกวัน วันละ 2-4 ครั้ง
5.ผัก
ควรกินผักใบเขียวทุกวัน เช่น ผักบุ้ง ผักตำลึง ผักคะน้า
6.ถั่วเมล็ดต่างๆ
ควรกินถั่วที่สุก เช่น ถั่วเหลือง ถั่วเขียว ถั่วแดง
7.ไขมันหรือน้ำมัน
ควรบริโภคในระดับปานกลาง
8.น้ำ
ควรดื่ม 1500-2000 มล. หรือ 6-8 แก้ว
ความต้องการสารอาหารขณะตั้งครรภ์
1.สารอาหารที่ให้พลังงาน
2.โปรตีน
3.แคลเซียม
4.ธาตุเหล็ก
5.ไอโอดีน
6.โฟเลต
7.วิตามีน B6
8.วิตามีน C
9.วิตามีน A
10.วิตามีน D
การเปลี่ยนแปลงด้านสรีระของหญิงตั้งครรภ์
1.มดลูกเพิ่มความจุ
2.การเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมน
3.การเปลี่ยนแปลงการไหลเวียนของเลือด
4.การเปลี่ยนแปลงทางเดินระบบอาหาร
อาการคลื่นไส้อาเจียน
น้ำหนักตัวเพิ่มขึ้น
2.โภชนาการสำหรับหญิงหลังคอลดและให้นมบุตร
ความต้องการสารอาหารในระยะให้นมบุตร
1.พลังงาน
ต้องใช้พลังงาน 85 แคลอรี่ ต่อน้ำนม 100 มล.
3.แคลเซียม
แม่จะต้องการแคลเซียมมากเพื่อใช้ในการสร้างน้ำนมสำหรับทารก
4.ธาตุเหล็ก
ระยะให้นมบุตรต้องการธาตุเหล็กจากอาหารวันละ 15 gm
7.โฟเลค
ช่วยสังเคราะห์โปรตีนและสร้างพันธุกรรม
5.ไอโอดีน
แม่ควรได้รับไอโอดีนให้เพียงพอป้องกันการขาดและให้ทารกรับไอโอดีนให้เพียงพอ
2.โปรตีน
ใช้รับนมแล้วซ่อมแซมเซลล์ต่างๆของแม่ที่ของแม่ที่สูญเสียไประหว่างคลอด
6.วิตามีน
วิตามีนA B1 B2 C
8.น้ำ
แม่ควรดื่มน้ำเพิ่มมากขึ้นวันละ 8-10 แก้ว
แนวทางการบริโภคอาหารของหญิงให้นมบุตร
1.ประเภทของอาหาร
1.เนื้อสัตว์
2.ดื่มนมสด
3.รับประทานผัก
4.ผลไม้
5.ไขมันหรือน้ำมัน
6.ข้าวและแป้งชนิดต่างๆ
2.ข้อแนะนำเกียวกับอาหารของหญิงให้นมบุตร
กินอาหารครบ 5 หมู่
หลีกเลี่ยงเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์รวมถึงเหล้ายาดอง ชา กาแฟ
ดื่มน้ำให้เพียงพอ
ความต้องการวิตามีนและแร่ธาตุชนิดบางชนิดเพิ่มขึ้น เช่น วอตามัน A C B6
อาหารของแม่ให้นมบุตรคล้ายกับระยะตั้งครรภ์
3.โภชนาการสำหรับวัยทารก
ความต้องการสารอาหารในทารก
แรกเกิด-6 เดือน ทารกได้รับพลังงานและสารอาหารจากแม่อย่างเดียว
หลังจาก 6 เดือน ทารกจะได้รับพลังงานและสารอาหารจากอาหารอื่นร่วมกับแม่
การเลี้ยงลูกด้วยนมแม่
มีคุณค่าทางโภชนาการและมีสารอาหารที่ครบถ้วน
สร้างเสริมภูมิคุ้มกันโรค
ทำให้ทารกเจริญเติบโตอย่างเต็มที่
มีผลดีต่อจิตใจแม่และลูก
ความพร้อมในการให้อาหารสำหรับทารก
1.ความพร้อมของระบบทางเดินอาหาร
2.ความพร้อมของไต
3.ความพร้อมของระบบประสาทและกล้ามเนื้อ
ข้อแนะนำสำหรับการให้อาหารของทารก
เนื้อสัมผัสของอาหารควรจักให้เหมาะสมกับพัฒนาการของเด็ก
ให้ดื่มน้ำสะอาดงดน้ำหวานและน้ำอัดลม
การแพ้อาหารในเด็กทารก
การแพ้โปรตีนส่วนใหญ่มีทั้งในรูปแบบของนมวันแบะอาหารเสริม
แพ้นมผสมถั่วลิสง ช็อกโกแลตหรือ อาหารทะเล
การเลือกอาหารสำหรับทารก
อาหารที่มีคุณค่าทางโภชนาการและหลากหลาย
กินไขมันให้เพียงพอ
กินเนื้อสัตว์ทุกวัน
ให้นมแม่ต่อเนื่องจนถึง 2 ปี
เลือกอาหารว่างที่มีคุณภาพ ประกอบด้วยอาหารหลายหมู่
4.โภชนาการสำหรับวัยเด็กก่อนเรียน
การสร้างนิสัยการรับประทานอาหารที่ดีแก่เด็กวัยก่อนเรียน
ต้องจัดอาหารให้เพียงพอ
ไม่ควรบังคับหรือฝืนใจ
ควรฝึกให้รับประทานอาหารหลักให้ครบวันละ 3 มื้อ
ดื่มนมสดหรือนมถั่วเหลืองวันละ 2-3 แก้ว
ให้เด็กได้ลองรับประทานอาหารใหม่ๆ
เปิดโอกาศให้เด็กมีส่วนร่วมในการเตรียมโต๊ะอาหาร
ฝึกมารในการรับประทานอาหาร
เด็กมีการเจริญเติบโตของร่างกายและมีการเล่นออกกำลังกายทำให้สูญเสียพลัง
5.โภชนาการสำหรับเด็กวัยเรียน
ข้อควรปฎิบัติในการจัดอาหารเด็กในวัยเรียน
ฝึกให้เด็กรู้จักความพอดีในการรับประทานอาหารในแต่ละประเภท
ความมีอาหารสำรองไว้เป็นอาหารที่เตรียมได้ง่ายๆ
ฝึกวินัยในการรับประทานอาหาร
จัดอาหารให้ครบ 5 หมู่ ในแต่ละวัน
ควรให้เด็กเป็นผู้เสนอรายการอาหาร
อัตราการเจริญเติบโตในช่วงวัยเรียนตอนต้นจะเป็นไปอย่างช้าๆ
เป็นวันที่มีการเจริญเติบโตอย่างต่อเนื่องจากเด็กก่อนวัยเรียน
6.โภชนาการสำหรับวัยรุ่น
ความสำคัญของอาหารในเด็กวัยรุ่น
กินอาหารให้ครบ 3 มื้อ
กินอาหารให้ครบ 5 หมู่
เด็กวัยรุ่นที่ต้องการควบคุมน้ำหนัก
ความจำกัดอาหารที่มีพลังงานมากและให้ประโยชน์น้อย
ควรกินอาหารทุกมื้อและถูกต้องตามฟลักโภชนาการ
ความต้องการของสารอาหารของเด็กวัยรุ่น
1.พลังงาน
วัยรุ่นชายควรได้รับพลังงาน 2300-2400 แคลอรี่/วัน
วัยรุ่นหญิงควรได้รับพลังงาน 1850-2000 แคลอรี่/วัน
2.โปรตีน
ควรได้รับโปรตีนอย่างน้อยวันละ 1-2 กรัม ต่อน้ำหนัก 1 กิโลกรัม
3.น้ำ
ควรดื่มน้ำวันละ 6-8 แก้ว
4.วิตามีน
วิตามีน A B2 C
5.เกลือแร่
แคลเซียมและฟอสฟอรัส
ธาตุเหล็ก
ร่างกายต้องการเหล็ก
ไอโอดีน
ต่มไทรอยด์มีการผลิตฮอร์โมนมากขึ้น
ร่างกายจะมีการเปลี่ยนแปลงทางสรีระวิทยาหลายอย่าง
ต่อมไรท่อต่างๆทำงานมากขึ้น
มีการสร้างเซลล์และเนื้อเยื่อต่างๆ
กระดูกขนาดใหญ่ขึ้นทำให้ร่างกายสูงขึ้น
7.โภชนาการสำหรับวัยผู้ใหญ่
ความต้องการสารอาหารในวัยผู้ใหญ่
ผู้ชายต้องการพลังงานมากกว่าผู้หญิงเพราะผู้หญิงมีน้ำหนักตัวน้อยกว่าผู้ชายและทำกิจกรรมน้อยกว่าผู้ชาย
วัยนี้ต้องกาาโปรตีนเพื่อเสริมสร้างเซลล์ต่างๆให้ทำงานปกติ
วิตามีนและเกลือแร่วัยนี้มีความต้องการพอๆกับวัยรุ่น
น้ำต้องการ 1500-2000 มล./วัน
วัยทอง
วัยทองหมายถึง วัยหมดประจำเดือนในผู้ใหญ่ประมาณ 50 ปี
มีอาการร้อนวูบวาบ
อาจมีอาการกระดูกพรุน กระดูกเปาะ หักง่าย
มีอาการของระบบหัวใจและหลอดเลือด
อาหารของสตรีวัยทอง
ควรรับประทานอาหารประเภทต่างๆ เมล็ดธัญพืช ข้าวช้อมมือ
อาหารประเภทถั่วเหลืองมี Phytoestestrogen บรรเทาช่องท้องแห้ง
ควรหลีกเลี่ยง
คาเฟอิน เช่น ชา กาแฟ น้ำอัดลม และช็อกโกแลต
แอลกอฮอล์จะไปกดประสาทส่วนกลาง >> เหนื่อยล้า ซึมเศร้า
8.โภชนาการสำหรับวัยผู้สูงอายุ
การเปลี่ยนแปลงของผู้สูงอายุที่มีผลต่อต่อโภชนาการ
1.การทำงานของประสาทสัมผัสทั้ง 5 ลดลง
การมองเห็น
การรับรส
การดมกลิ่น
การได้ยิน
การสัมผัส
2ภาวะสุขภาพปากและฟัน
ฟันผุหรือไม่มีฟัน
ต่อมน้ำลายทำงงานลดลง
การบดเคี้ยว
3.การเคลื่อนไหวของกระเพาะและลำไส้ลดลง
4.ประสิทธิภาพการเผาผลาญกลูโคสลดลง
5.ประสิทธิภาพของระบบไหลเวียนและไตลดลง
6.กล้ามเนื้อ อวัยวะต่างๆและเนื้อเยื่อกระดูกลดลง
ความต้องการสารอาหารในผู้สูงอายุ
1.พลังงาน
ผู้สูงอายุต้องการพลังงานน้อยกว่าวัยหนุ่มสาว
กำหนดให้ผู้สูงอายุชาย/หญิงได้รับพลังงานจากอาหารไม่เกินวันละ2,250และ1850แคลอรี่
2.โปรตีน
มีความสำคัญในการสร้างและคงสภาพของเนื้อเยื่อในร่างกาย
ผู้สูงอายุควรได้รับโปรตีน 1 กรัมต่อน้ำหนักตัว 1 กิโลกรัม/วัน
ควรดื่มน้ำวันละ 8 แก้ว
รับประทานไข่วันละ 3 ฟอง
3.ไขมัน
ควรลดปริมาณไขมันที่บริโภคโดยเฉพาะกดไขมันอิ่มตัวแล้วคลอเรสเตอรอล
4.คาร์โบไฮเดรต
ผู้สูงอายุมีโอกาศเกิดภาวะน้ำตาลในเลือดสูงและโรคเบาหวาน
5.วิตามีน A
ผู้สู้งอายุชายต้องการ 700 และหญิงต้องการ 600
6.วิตามีน D
มีความสำคัญในการสร้ากระดูก
7.วิตามีน E
ชะลอกระบวนการแก่และป้องกันการเกิดมะเล็ง
8.วิตามีน K
พบในผักใบเขียว ผลไม้ ธัญพืช เนื้อ นม และสังเคราะห์จากแบคทีเรียไม่ได้
9.วิตามีน C
จำเป็นต่อการสร้องกระดู เลือด และคอลลาเจน
10.วิตามีน B6
เป็นโคเอนไซม์ของกรดอะมิโนถ้าขาดจะทำให้เกิดอาการชา และซีด
11.วิตามีน B12
มีความสำคัญในการคงสภาพของ myelin ของเนื้อเยื่อประสาทผู้สูงอายุ
12.โฟเลต
จำเป็นในการสังเคราะห์ DNA ถ้าขาดจะทำให้เกิดภาวะซีด
13.แคลเซียม
ผู้สูงอายุจะเสียเนื้อกระดูก
14.เหล็ก
การขากธาตุเหล็กในผู้สูงอายุมีสาเหตุมาจากการได้รับเหล็กไม่เพียงพอ
15.สังกะสี
ช่วยส่งเสริมการได้รับกลิ่น การรับรสความอยากอาหารดีขึ้น
7.เนื้อกระดูกลดลงเมื่ออายุ 40 ปี ขึ้นไป
8.ปัจจัยด้านเศรษฐกิจและสังคม
A6480098 นางสาวสุชาญา ผ่องสำโรง