Please enable JavaScript.
Coggle requires JavaScript to display documents.
บทที่ 6 โภชนาการของบุคคลในภาวะปกติ - Coggle Diagram
บทที่ 6 โภชนาการของบุคคลในภาวะปกติ
โภชนาการสาหรับหญิงตั้งครรภ์
การตั้งครรภ์เป็การเปลี่ยนแปลงของร่างกายในภาวะปกติตามธรรมชาติ ไม่ใช่การเจ็บป่วย
ร่างกายต้องการสารอาหารมากขึ้น
หากไดรับอาหารไม่เพยีงพอ จะมีผลเสียต่ิมารดาและทารกในครรภ์
มีภาวะแทรกซอ้นระหว่างตั้งครรภ์
น้าหนักแรกคลอดของทารกต่ำ (น้อยกว่า 2,500 กรัม)
การเปลี่ยนแปลงด้านสรีระวิทยาของหญิงตั้งครรภ์
มดลูกเพิ่มความจุ
การเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมน
การเปลี่ยนแปลงของการไหลเวียนของเลือด
การเปลี่ยนแปลงของระบบทางเดินอาการ
การคลื่นไส้อาเจียน
น้ำหนักตัวเพิ่มขึ้น
เกณฑ์การเพิ่มขึ้นของน้ำหนักตัวที่เหมาะสมในหญิงตั้งครรภ์
หญิงตั้งครรภ์ที่เป็นโรคอ้วน ควรมีน้ำหนักตัวเพิ่มขึ้นตลอดการตั้งครรภ์ 7-8 kg
หญิงตั้งครรภ์ที่มีน้ำหนักเกิน ควรมีน้ำหนักตัวเพิ่มขึ้นตลอดการตั้งครรภ์ 10 kg
หญิงตั้งครรภ์ที่มีน้ำหนักตัวปกติและวางแผนที่จะให้นมบุตรหลังคลอด
ควรมีน้ำหนัดตัวเพิ่มขึ้นตลอดการตั้งครรภ์ 12 kg
หญิงตั้งครรภ์ที่เป็นวัยรุ่น (อายุ<18ปี) หรือหญิงตั้ ตั้งครรภ์ที่มีน้ำหนักน้อยกว่าร้อยละ 90 ของน้ำหนักมาตรฐาน ควรมีควรมีน้ำหนักเพิ่มตลอดการตั้งครรภ์ 14-15 kg
หญิหญิงตั้งครรภ์ที่มีลูกแฝด ควรมีน้ำหนักตัวเพิ่มตลอดการตั้งครรภ์ 18 kg
ความต้องการสารความต้องการสารอาหารขณะตั้งครรภ์
สารอาหารที่ให้พลังงาน
ตลอดการตั้งครรภ์ ผู้หญิงต้องการพลังงานเพิ่ม 80,000 kcal หรือประมาณ 300 กิโลแคลอรี่ต่อวัน
เพื่เพื่อใช้ในการเสริมสร้างอวัยวะต่างๆของทารก/เนื้อเยื่อต่างๆของแม่
ได้ได้แก่ คาร์โบไฮเดรต ไขมัน โปรตีน (จากเนื้อสัตว์ นม ไข่ ข้าว)
โปรตีน
การได้รับการได้รับโปรตีนเพียงพอมีผลต่อการเจริญเติบโตของสมองทารก
แนะนำให้กินแนะนำให้กินอาหารโปรตีนเพิ่มขึ้นจากภาวะปกติ 10-14 กรัมต่อวัน ได้จาก เนื้อ นม ไข่ และปลา
แคลเซียม
ต้องการแคลเซี่ยมเพิ่มขึ้น เพื่อใช้ในการสร้างกระดูกและฟันของทารกและสะสมไว้ใช้ในระยะให้นมบุตร
หญิงตั้งครรภ์ควรได้รับแคลเซียม วันละ 1200 mg เพิ่มจากปกติ 800mg/day
ถ้าถ้าหญิงตั้งครรภ์ได้รับแคลเซี่ยมไม่เพียงพอจะมีการดึงแคลเซี่ยมจากกระดูกแม่เพื่อนำไปใช้สร้างกระดูกและฟันของทารก
อาหารที่ให้แคลเซียมสูง ได้แก่ นม กุ้งแห้ง นมถั่วเหลือง เต้าหู้ เป็นต้น
4.ธาตุเหล็ก
ต้องการธาตเหล็กเพิ่มมากขึ้น เพื่อใช้ในการสร้างเม็ดเลือดเเดงและสะสมไว้ใช้สำหรับแม่ในระยะคลอด ถ้าแม่ได้รับอาหารที่มีธาตุเหล็กไม่เพียงพอ ทำให้โลหิตจาง/โรคแทรกซ้อนระหว่างตั้งครรภ์และคลอด
อาหารที่มีธาตุเหล็ก ได้แก่ ตับ ม้าม ไต เลือด ไข่แดง เนื้อแดง ผักใบเขียว >>ส่วนใหญ่แพทย์จะให้กินยาเสริมธาตุเหล็กร่วมด้วย
5 . ไอโอดีน
ระหว่างตั้งครรภ์ต่อมไทรอยด์จะทำงานเพิ่มขึ้น ความต้องการไอโอดีนเพิ่มขึ้น
ถ้าได้รับไม่เพียงพอ แม่เป็นโรคคอพอก ทารกขาดไอโอดีน มีผลต่อการเจริญเติบโตจองร่างกาย ควรได้รับไอโอดีนวันละ 175 ไมโครกรัม ได้จากอาหารทะเลต่างๆ
โฟเลท
การขาดโฟเลท>>การเจริญเติบโตของเซลล์และการแบ่งเซลล์บกพร่อง
วิตามนิ B6
ควรได้รับวิตามิน B6 เพิ่มจากเดิมลันละ 0.6 mg เป็นวันละ 2.6 mg
วิตามิน C
ควรได้รับวิตามิน C เพิ่มเป็นวันละละ 80 mg
วิตามนิ A
ควรไดรับวิตามินเอวันละ 80 ไมโครกรัม
วิตามิน D
ในระยะตั้งครรภ์ร่างกายตองการวิตามิน D วันละ 10 mg
โภชนาการสาหรับหญิงหลังคลอดและให้นมบุตร
(Nutrition for lactating women)
อาหารของแม่ในระยะให้นมบตุร คล้ายกับระยะตั้งครรภ์ **แต่เพิ่มปริมาณขึ้นเพราะทารกต้องการสารอาหารมากกว่าตอนอยู่ในท้อง
ความตองการวิตามินและแรธาตุ บางชนิดเพิ่มขึ้น เช่น วิตามิน A,C, B6, folate เป็นต้น
อาจพบแร่ธาตุในมวลกระดูกลดลง เช่น Ca, P
ความต้องการของสารอาหารในระยะให้นมบุตร
พลังงาน
ร่างกายต้องการพละงงานเพิ่มขึ้นเพื่ออใช้ในการผลิตน้ำนมสาหรับทารก>> ต้องใช้พลังงานงานประมาณ 85 kcal ต่อน้ำนม 100 มล.
โปรตนี (Protein)
ควรไดรับโปรตีนเพิ่มขึ้น25 g/day>>ใช้ผลิตน้ำนมและซ่อมแซมเซลล์ต่างๆของแม่ที่สูญเสียไประหวางคลอด
แคลเซียม(Ca)
แม่จะต้องการแคลเซียมมากเพื่ออใช้ในการสร้างน้ำนมสาหรับทารก
ธาตุเหล็ก (Iron)
ระยะให้นมบุตรแม่จะต้องการธาตเหล็กจากอาหารวันละ 15 mg
ไอโอดนี (Iodine)
แม่ควรได้รับไอโอดีนให้เพียงพอ>>ป้องกันการขาดและให้ทารกได้รับไอโอดีนที่เพียงพอ
วิตามิน (Vitamins)
วิตามิน A เป็นส่วนประกอบที่สำคัญของน้ำนมแม่ควรได้รับเพิ่มขึ้นอีกวันละ 375.2 ไมโครกรัม(ไข่แดงตับสัตว์ผักใบเขียวผักสีเหลือง)
วิตามิน B1 ควรไดรับเพิ่มอีก 0.3mg(เนื้อหมูถั่วเมล็ดแห้ง)
วิตามิน D ควรได้รับในปริมาณปกติเท่ากับก่อนตั้งครรภ์คือ 5 ไมโครกรม (ไข่แดงตับปลา)
วิตามิน B2 ควรได้รับเพิ่มอีก 0.5 mg (เนื้อสัตว์ ตับ ไข่ ถั่ว ผักใบเขียว)
วิตามิน B2 ควรได้รับเพิ่มอีก 0.5 mg (เนื้อสัตว์ ตับ ไข่ ถั่ว ผักใบเขียว)
น้ำ (water)
แม่ควรดื่มน้ำให้มากขึ้น วันละ 8-10 แก้ว
โถชนาการสำหรับวัยทารก
อาหารที่เหมาะอาหารที่เหมาะสมสำหรับทารกทั้งชนิดและปริมาณเป็นปัจจัยสำคัญต่อการพัฒนาในการเจริญเติบโตของร่างกายและสมองเพราะทารกเป็นระยะที่ร่างกายเติบโตอย่างรวดเร็วน้ำหนักตัวเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว
เมื่เมื่ออายุ 4-5 เดือนควรมีน้ำหนักตัวเพิ่มขึ้นเป็นสองเท่าของน้ำหนักแรกเกิด
เมื่ออายุ 1 ปี น้น้ำหนักควรเพิ่มเป็น 3 เท่าของน้ำหนักแรกเกิด
ร้อยละ 80 ของจำนวนเซลล์สมองของคนเราจะถูกสร้างขึ้นในช่วงสามเดือนสุดท้ายของการตั้งครรภ์จนถึงอายุสองปี
การได้รับการได้รับอาหารที่เหมาะสมจึงมีความสำคัญต่อพัฒนาการในการเจริญเติบโตของทารก
หลังจาก 6 เดือนถึงขวบปีแรกทารกจะได้รับพลังงานและสารอาหารจากอาหารอื่นร่วมกับนมแม่
การเลืการเลือกอาหารสำหรับทารก
ให้ให้ทารกได้อาหารที่มีคุณค่าทางโภชนาการและหลากหลายเพื่อให้พลังงานสารอาหารครบถ้วนและเพียงพอกับความต้องการของทารก ได้แก่ ข้าว เนื้อสัตว์ ปลา ตับ ไข่
ผัก และผลไม้เป็นประจำ
กินไขมันให้เพียงพอ
กินผักผลไม้ทุกวันและกินให้หลากหลายชนิดโดยเฉพาะผักใบเขียวและผักสีส้ม เช่น ตำลึง ผักบุ้ง ผักกาดขาว ฟักทองแครอท เป็นต้น ผลไม้ที่ไม่หวานจัด เช่น กล้วยน้ำว้า มะละกอสุก ส้ม เป็นต้น
กินเนื้อสัตว์ทุกวันเนื้อสัตว์ต่างๆ เช่นหมู ไก่ ปลาและตับ จะมีโปรตีนและธาตุเหล็กสูง
ให้ให้นมแม่ต่อเนื่องถึงอายุ 2 ปี
เด็เด็กอายุ 1-2 ปีควรเสริมด้วยนมดัดแปลงสูตรต่อเนื่องหรือนมวัวรสจืดวันละสองแก้ว
ใช้น้ำมันพืชในการประกอบอาหารดพื่อเป็นแหล่งพลังงานและกรดไขมันเท่าที่จำเป็น ควรเลือกใช้น้ำมันรำข้าวหรือน้ำมันถั่วเหลือง
กิกินอาหารรสชาติไม่ปรุงแต่ง ไม่ให้อาหารหวานจัดหรือเค็มจัด
โถชนาการสำหรับเด็กวัยก่อนเรียน
(Nutrition in pre-school chilgren)
เป็นวัยที่มีการเจริญเติบโตของร่างกายและสมองช้ากว่าในวัยทารก
ในระยะแรกๆของวัยนี้การจะเริ่มเติบโตค่อนข้างเร็วและจะช้าลงเมื่ออายุมากขึ้น
เด็กวัยนี้เสี่ยงต่อภาวะขาดสารอาหารเนื่องจากเด็กยังไม่โตพอที่จะเข้าโรงเรียนและพ่อแม่ต้องไปทำงานจึงต้องเตรียมอาหารที่เหมาะสมและเพียงพอกับความต้องการของเด็ก
หากขาดสารอาหารจะทำให้ความเจริญเติบโตหยุดชะงักร่างกายอ่อนแอขาดภูมิต้านทานโรคป่วยบ่อย
การสร้างนิสัการสร้างนิสัยการรับประทานอาหารที่ดีแก่เด็กก่อน
เด็กมีการเจริญเติบโตของร่างกายและมีการเล่นออกกำลังกายทำให้สูญเสียพลัง
ต้องจัดอาหารให้เพียงพอและให้เพิ่มเมื่อเด็กต้องการ
ไม่ควรบังคับหรือฝืนใจเด็กควรหาวิธีปรุงอาหารที่เด็กชอบ
ควรฝึกให้รับประทานอาหารหลักวันละ 3 มื้อให้มีอาหารว่างระหว่างมื้อเช้าและบ่าย
ดื่มดื่มนมสดหรือนมถั่วเหลืองวันละ 2-3 แก้ว
ควรให้เด็กรับประทานอาหารทุกชนิดผักและผลไม้สดทุกวัน
ควรให้ควรให้ครั้งละน้อยๆปูลวดลายสีสันให้น่ากิน
โภชนาการสำหรับเด็กวัยเรียน
(Nutrition in school-age children)
เป็เป็นวัยที่มีการเจริญเติบโตอย่างต่อเนื่องเด็กวัยก่อนเรียน
อัตราการเจริญเติบโตในช่วงวัยเรียนตอนต้นจะเป็นไปอย่างช้าๆในช่วงวัยเรียนตอนปลายอัตราการเจริญเติบโตของร่างกายจะสูงมากอีกครั้ง
ในเพศหญิงเริ่มเข้าสู่วัยรุ่นแรกรุ่นเมื่ออายุ 10 ปีเร็วกว่าเพศชายประมาณ 2 ปี
การเจริญเติบโตของเนื้อเยื่อสมองและระบบประสาทจะไม่มีการเจริญเติบโตเพิ่มขนาด
พฤติกรรมการกินที่เป็นปัญหาของเด็กวัยนี้คือจะไม่ลองกินอาหารที่ไม่เคยกิน กินอาหารไม่เป็นเวลาหัวแต่เล่นจนลืมกิน เล่นมากจนเพียไม่อยากกินอาหาร อยากกินอาหารที่ไม่มีคุณค่าทางโภชนาการ
โภชนาการสำหรับวัยรุ่น
(Nuteition in a doiescents)
ร่างกายจะมีการเปลี่ยนแปลงทางสรีรวิทยาหลายอย่าง
ต่อมไร้ท่อต่างๆทำงานมากขึ้น
มีการสร้างเซลล์และเนื้อเยื่อต่างๆมากขึ้น
กระดูกขนาดใหญ่ขึ้นทำให้ร่างกายสูงขึ้น น้ำหนักเพิ่มขึ้น
*วัยรุ่นจะรู้สึกหิวและรับประทานอาหารมากขึ้น
*วัยรุ่นชายจะรับประทานอาหารมากกว่าวัยรุ่นหญิง
ความต้องการสำหรับวัยรุ่น
พลังงาน
วัยรุ่นชายควรได้รับพลังงาน 2,300-2,400kcal/วัน
วัยรุ่นหญิงควรได้รับพลังงาน 1,850-2,000,kcal/วัน
โปรตีน
ควรได้รับโปรตีนอย่างน้อยวันละ1-2กรัมต่อน้ำหนักตัว1kg
ปัจจุบันมีการกำหนดความต้องการโปรตีนตามความสูงของวัยรุ่น
น้ำ
ควรดื่มน้ำวันละ6-8แก้ว
วิตามิน
วิตามินA ใช้ในการเจริญเติบโตและคงสภาพเยื่อบุต่างๆ
วิตามินB2 เป็นเอนไซม์ในการเผาผลาญสารอาหารในร่างกาย
วิตามินC เป็นส่วนประกอบของเซลล์ในการสร้างคอลลาเจน
เกลือแร่
แคลเซียมและฟอสฟอรัส
ธาตุเหล็ก ร่างกายต้องการเหล็กมากขึ้นโดยเฉพาะวัยรุ่น- หญิงในระยะมีประจำเดือน
ไอโอดีน ต่อยไธรอยด์มีการผลิตฮอร์โมนมากขึ้น ต้องการไอโอดีนมากขึ้น
วัยทอง golden period
-วัยทองหมายถังวัยหมดประจำเดือน menopausalperiod ในผู้หญิงอายุ 50ปี
-มีอาการร้อนวูบวาบ
-มีการเปลี่ยนแปลงของระบบอวัยวะและระบบสืบพันธุ์
-อาจมีอาการกระดูกพรุนหรือกระดูกเปราะหักง่าย
-มีอาการของระบบหัวใจและหลอดเลือด
*เป็นผลมาจากการขาดฮอร์โมน estrogen ในร่างกาย
อาหารของสตรีวัยทอง
-ควรรับประทานอาหารประภาทถั่วต่างๆเมล็ดธัญพืชข้าวซ้อมมือและผักผลไม้สด
-อาหารประเภทถั่วเหลือมีphytoestrogenช่วยบรรเทาอาการช่องคลอดแห้งและโรคกระดูกพรุนได้
-ถั่วเหลือง เป็นแหล่งโปรตีน แคลเซียม แมกนีเซียม วิตามินBcomplex สังกะสี และเหล็ก บรรเทาอาการประจำเดือนมาผิดปกติได้
-เมล็ดธัญพืชทั้งเปลืกมีphytoestrogenและเส้นใยสูง ช่วยควบคุมระดับ cholesterol และ estrogen ช่วยเพิ่มความชุ่นชื้นให้ผิวหนังช่องคลอดเยื่อบุช่องคลอด พบในเมล็ด ฟักทอง เมล็ดงา เมล็ดทานตะวัน น้ำมันอิฟนิ่งพริมโรส และกรดไลโนเลอิก
โภชนาการของวัยสูงอายุ Nutrition in the elderly
1.การทำงานของประสาทสัมผัสทั้ง 5 ลดลงได้แก่การมองเห็น การรับรส การดมกลิ่น การได้ยิน และการสัมผัส *ลดลงเมื่อมีอายุ 60 ปีและรุนแรงเมื่อมีอายุ 70ปี โดยเฉพาะการรับรสหวานและเค็มจะมีผลก่อนดังนั้นผู้สูงอายุจะมีความไวต่อการรับรสขมและเปรี้ยวเพิ่มขึ้นและการรับรสหวานและเค็มลดลงผู้สูงอายุจึงชอบกินอาหารรสหวานและเค็ม
2.ภาวะสุขภาพปากและฟันฟันผุหรือไม่มีฟัน/ต่อมน้ำลายทำงานลดลง >การบดเคี้ยว
3.การเคลื่อนไหวของกระเพาะอาหารและลำไส้ลดลง>ท้องผูกย่อยโปรตีนได้น้อยลง *การดูดซึมเหล็กแคลเซียมและวิตามินB12 น้อยลง
4.ประสิทธิภาพการเผาผลาญกลูโคสลดลงเนื่องจากตับอ่อนหลั่งสารอินซูลินได้น้อยลงและเนื้อเยื่อต่อต้านการทำงานของอินซูลิน>ระดับน้ำตาลในเลือดสูงขึ้น
5.การทำงานของระบบไหลเวียนและไตลดลง>ความสามารถในการขับของเสียลดลง
6.กล้ามเนื้ออวัยวะต่างๆและเนื้อเยื่อกระดูกลดลง>โปรตีนในร่างกายลดลง
7.เนื้อกระดูกลดลงเมื่ออายุ 40 ปีขึ้นไปเนื่องจากได้รับแคลเซียมไม่เพียงพอการเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมน ที่มีผลต่อการทำงานของแคลเซียมและวิตามินD>กระดูกหักง่าย
8.ปัจจัยด้านเศรษฐกิจ และจิตสังคม(ผู้สูงอายุที่อยู่คนเดียว จะรับประทานอาหารได้น้อยลง)
ความต้ความต้องการสารอาหารในผู้สูงอายุ
พลังงาน
โปรตีน
ไขมัน
คาร์โบไฮเดรต
วิตามินEantioxidation
วิตามิน K
วิตามิน D
วิตามิน A
วตามิน C
วิตามิน B6,12
โภชนาการสำหรับวัยรุ่น
Nutrition in adolescents
ร่างกายมีการเปลี่ยนแปลงทางด้านสรีระวิทยาหลายอย่าง
ต่อมไร้ท่อทำงานมากขึ้น
มีการสร้างเซลล์และเนื้อเยื่อต่างๆมากขึ้น
ความต้ความต้องการสารอาหารของวัยรุ่น
พลังงาน
วัยรุ่นชายควรได้รับพลังงาน 2,300-2,400 kcal/day
วัยรุ่นหญิงควรได้รับพลังงาน 1,850-2000 kcal/day
โปรตีน
น้ำ
วิตามิน A B2 C
เกลือแร่