Please enable JavaScript.
Coggle requires JavaScript to display documents.
การติดเชื้อที่มาจากโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ การตกขาวผิดปกติ (Abnormal…
การติดเชื้อที่มาจากโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์
การตกขาวผิดปกติ (Abnormal leukorrhea)
การตกขาวจากการติดเชื้อรา
(Vulvovaginal candidiasis)
สาเหตุ
รับประทานยาปฏิชีวนะเพื่อการรักษาบางชนิดอย่างต่อเนื่อง
ได้รับฮอร์โมนสเตียรอยด์ และได้รับยากดภูมิต้านทาน
รับประทานยาคุมกําเนิดชนิดที่มีปริมาณฮอร์โมนมาก
ภูมิต้านทานของร่างกายถูกกดจากการเป็นโรคเอดส์
การควบคุมภาวะเบาหวานไม่ดี มีระดับน้ําตาลในเลือดสูง
การรับประทานอาหารที่มีแป้งและน้ําตาลมาก
สวมใส่ชุดชั้นในที่แน่นเกินไป
การใช้น้ํายาล้างทําความสะอาดช่องคลอด
ใส่แผ่นอนามัยโดยไม่เปลี่ยนระหว่างวัน หรือไม่สะอาด
ความเครียด การพักผ่อนที่ไม่เพียงพอ
ภาวะความเป็นกรด-ด่าง ในช่องคลอดเปลี่ยนไป
พยาธิสภาพ
ฮอร์โมนที่เปลี่ยนแปลงขณะตั้งครรภ์ ทําให้เนื้อเยื่อและผิวหนังอ่อนนุ่มลง บอบบางมากขึ้น จึงมีโอกาสติดเชื้อราได้มากกว่าสตรีที่ไม่ได้ตั้งครรภ์และเชื้อราที่ทําให้เกิดการตกขาวผิดปกติได้ ถึงร้อยละ 80-90 เกิดจากเชื้อรา
กลุ่ม Candida albicans ซึ่งมีระยะฟักตัว 1-4 วัน
อาการและอาการแสดง
คันและระคายเคืองมากใน ช่องคลอดและปากช่องคลอด
ปากช่องคลอดเป็นผื่นแดง
ช่องคลอดอักเสบ และบวมแดงแต่ปากมดลูกปกติ
ตกขาวมีลักษณะสีขาวขุ่น อยู่รวมกันเป็นกลุ่มเหมือนนมตกตะกอน
อาจมีอาการเจ็บขณะร่วมเพศ
ปัสสาวะลําบาก และแสบขัดตอนสุด
ผลกระทบต่อสตรีตั้งครรภ์และทารก
สตรีตั้งครรภ์
อาการของการติดเชื้อราในช่องคลอดเป็นมากขึ้นเป็น 2 เท่า ระคายเคือง คันช่องคลอดมากขึ้น การติดเชื้อราในช่องคลอดทั้งแบบไม่มีอาการและ
มีอาการ ไม่มีผลเสียต่อการตั้งครรภ์
ทารกในครรภ์
ทารกที่คลอดทางช่องคลอดจากมารดาที่มีการติดเชื้อราในช่องคลอด
จะเป็นเชื้อราในช่องปาก (Oral thrush) ได้มากกว่าปกติ 2-35 เท่า
การประเมิน
ซักประวัติอาการและอาการแสดง ระยะเวลาที่แสดงอาการ
ประวัติอาการตกขาวผิดปกติและการรักษา
ตรวจภายในพบช่องคลอดบวมแดง และตกขาวมีลักษณะขุ่น
รวมตัวกันเป็นก้อนเหมือนนมตกตะกอน
การตรวจทางห้องปฏิบัติการ
ตรวจด้วยวิธี wet mount smear จะพบเซลล์ของยีสต์ (Yeast cell)
และเส้นใยของเซลล์เชื้อรา (Mycelium) pH น้อยกว่า 4.5
การตรวจด้วยวิธีแกรมสเตน (Gram stain) จะพบลักษณะเป็นเหมือนเส้นด้าย (Gram positive pseudomycelial threads) และมีรูปร่างเหมือนยีสต์ (Yeast-like form)
การพยาบาล
ระยะตั้งครรภ์
อธิบายให้สตรีตั้งครรภ์ เข้าใจสาเหตุของการติดเชื้อ และการดูแล
ตนเองให้มีอาการสุขสบายขึ้นจากอาการคันในช่องคลอด
และปากช่องคลอด
แนะนําการใช้ยาทา และยาเหน็บช่องคลอดตามแพทย์สั่ง
การทําความสะอาดบริเวณอวัยวะสืบพันธุ์ภายนอก และการทําความ สะอาดชุดชั้นในต้องซักให้สะอาดและตากแดดให้แห้งเสมอ
ระยะหลังคลอด
เน้นการดูแลความสะอาดของอวัยวะสืบพันธุ์ภายนอก
ให้สะอาดและแห้งเสมอ
เลี้ยงดูบุตรด้วยนมมารดาได้ โดยต้องล้างมือทุกครั้งก่อนสัมผัสบุตร
ทารกแรกเกิดหากมีการติดเชื้อในช่องปาก
พบมีฝ้าขาวในช่องปาก ให้ปรึกษากุมารแพทย
การตกขาวจากการติดเชื้อพยาธิ
(Vaginal trichomoniasis)
สาเหตุ
เชื้อโปรโตซัว Trichomonas vaginalis (T. vaginalis)
พยาธิสภาพ
เมื่อมีการติดเชื้อ T. vaginalis และเข้าสู่ช่องคลอด ทําให้เกิดการอักเสบ
เยื่อบุช่องคลอดชนิด squamous มีระยะฟักตัว 5-28 วัน
จะทําให้เกิดแผล และอาการคันในช่องคลอด
อาการและอาการแสดง
มีจุดเลือดออกเป็นหย่อม ๆ (Strawberry spot หรือ Flea bitten cervix)
ตกขาวมีสีขาวปนเทา หรือสีเหลืองเขียว
ตกขาวเป็นฟอง (Foamy discharge) มีกลิ่นเหม็น
ผลกระทบต่อสตรีตั้งครรภ์และทารก
สตรีตั้งครรภ์
มีภาวะถุงน้ําครํ่าแตกก่อนกําหนด, เจ็บครรภ์คลอดก่อนกําหนด
ทารกในครรภ์
ทารกคลอดก่อนกําหนด และทารกแรกเกิดมีน้ําหนักตัวน้อย
การประเมินและวินิจฉัย
ซักประวัติการมีตกขาวจํานวนมาก เป็นฟอง มีกลิ่นเหม็น ร่วมกับ
อาการคัน ประวัติการตกขาวจากการติดเชื้อพยาธิและการรักษา
ตรวจภายในช่องคลอด พบตกขาวเป็นฟองสีเหลือเขียว
อาจพบจุดเลือดออกเป็นหย่อมๆ ที่ผิวปากมดลูก
ตรวจทางห้องปฏิบัติการ ด้วย Wet mount smear
พบเม็ดเลือดขาวจํานวนมาก อาจพบตัวเชื้อพยาธิเคลื่อนไหวไปมา
การรักษา
ไตรมาสแรก ใช้ยา Clotrimazole (100 mg)
หลังไตรมาสแรก ใช้ยา Metronidazole (2 g)
การพยาบาล
ระยะตั้งครรภ์
แนะนําการเหน็บ หรือการรับประทานยา
ตามแผนการรักษาอย่างถูกต้อง
แนะนําให้สามีมารับการรักษาพร้อมกัน
แนะนําการมีเพศสัมพันธ์อย่างปลอดภัยโดยการสวมถุงยางอนามัย
แนะนําการรักษาความสะอาดอวัยวะสืบพันธุ์ภายนอกให้แห้งสะอาด
ระยะคลอด ให้การพยาบาลให้สามารถคลอดทางช่อคลอดได้ตามปกติ
ระยะหลังคลอด
เลี้ยงบุตรด้วยนมมารดาได้ โดยล้างมือทุกครั้งก่อนสัมผัสบุตร
หากอาการยังไม่ดีขึ้น ให้พบแพทย์
การตกขาวจากการติดเชื้อแบคทีเรีย
(Bacterial vaginosis)
สาเหตุ และพยาธิสภาพ
แบคทีเรียที่ทําให้ช่องคลอดอักเสบมากที่สุด คือ Gardnerella vaginalis ซึ่งทําลายเชื้อโรคประจําถิ่น Lactobacillus ซึ่งทําให้เกิดการติดเชื้อแบคทีเรียได้ง่ายขึ้น
อาการและอาการแสดง
อาการคัน
ปวดแสบปวดร้อนปากช่องคลอด ในช่องคลอด
ตกขาวสีขาว สีเทา หรือสีเหลืองข้นเหนียว
กลิ่นเหม็นเน่าเหมือนคาวปลา (Fishy smell)
ผลกระทบต่อสตรีตั้งครรภ์และทารกในครรภ์
สตรีตั้งครรภ์
หากไม่ได้รักษา อาจทําให้มีการติดเชื้อราได้ง่ายขึ้น
อาจทําให้เกิดการแท้งติดเชื้อ ถุงน้ําครํ่าแตกก่อนกําหนด
และเจ็บครรภ์คลอดก่อนกําหนด
ทารกในครรภ์
ทารกแรกเกิดน้ําหนักตัวน้อย และทารกคลอดก่อนกําหนด
ซึ่งอาจตรวจพบว่ามีเชื้อ แบคทีเรียในหลอดลม ในเลือด
ต้องรีบรักษาด้วยยาปฏิชีวนะเป็นเวลา 72 ชั่วโมง
การประเมิน
ซักประวัติการมีตกขาวจํานวนมาก ปวดแสบปวดร้อนบริเวณปากช่องคลอดและ
ในช่องคลอด ถ่ายปัสสาวะลําบาก เจ็บขณะมีเพศสัมพันธ์ ประวัติการตกขาว
จากการติดเชื้อแบคทีเรียและการรักษา
ตรวจทางช่องคลอดและการทํา Pap smear จะพบเชื้อแบคทีเรีย
ตรวจทางห้องปฏิบัติการ
ตรวจ Wet smear ได้กลิ่นเหม็นเน่าเหมือนคาวปลา ส่องกล้องจุลทรรศน์
พบเชื้อ Lactobacilli ลดลง เม็ดเลือดขาวมากว่า 5 cells/OF และพบ
Epithelial cell ที่มีแบคทีเรีย Gram-negative Coccobacilli เกาะอยู่รอบๆ
มากกว่าร้อยละ 20 แสดงว่าได้ผลบวก
เพาะเชื้อตกขาวใน Columbia agar ที่มีเลือดเป็นส่วนผสม
หรือมี 5%CO2 ใช้เวลา 3 วัน เชื้อแบคทีเรียจะโตขึ้นเป็นกลุ่มเล็ก
การรักษา
ให้ยา Metronidazole (250 mg) วันละ 3 ครั้ง หรือ
ให้ Metronidazole (500 mg) วันละ 2 ครั้ง เป็นเวลา 7-10 วัน
ให้ Ampicillin (500 mg) วันละ 4 ครั้ง เป็นเวลา 7 วัน
การพยาบาล
ระยะตั้งครรภ์
รับประทานยาตามแพทย์สั่งให้ครบ
และให้เห็นความสําคัญของการมาตรวจตามนัด
รักษาความสะอาดของอวัยวะสืบพันธุ์ภายนอกไม่ให้อับชื้น
แนะนําการใช้ถุงยางอนามัยทุกครั้งที่มีเพศสัมพันธ์
แนะนําให้พาสามีไปตรวจและรักษาโรคพร้อมกัน
หากมีอาการผิดปกติ เช่น ปวดท้อง ท้องแข็งบ่อย
มีเลือดออกทางช่องคลอด ให้รีบไปพบแพทย์ทันที
ระยะคลอด ผู้คลอดสามารถคลอดทางช่อง
คลอดได้ตามปกติ
ระยะหลังคลอด
สามารถเลี้ยงบุตรด้วยนมมารดาได้ โดยเน้นเรื่องการล้างมือทุกครั้ง
เน้นการทําความสะอาดของอวัยวะสืบพันธุ์ให้สะอาดและแห้ง
หากมีอาการผิดปกติให้รีบมาพบแพทย์ทันที