Please enable JavaScript.

Coggle requires JavaScript to display documents.

หน้าที่และมารยาทชาวพุทธ - Coggle Diagram

- - - - ขั้นตอนการกราบพระรัตนตรัย มีดังนี้
        
        ท่าเตรียม
        -ผู้ชาย นั่งท่าเทพบุตร เข่ายันพื้นห่างกันพอสมควร ปลายเท้าตั้งชิดกัน นั่งทับส้มเท้า
        -ผู้หญิง นั่งท่าเทพธิดา เข่ายันพื้นในลักษณะชิดกัน ปลายเท้าราบไปกับพื้น หงายฝ่าเท้านั่งทับส้นเท้า
        
        จังหวะที่1 ประนมมือระหว่างอก
        
        จังหวะที่2 ยกมือที่ประนมขึ้นพร้อมกเมศีรษะเล็กน้อย นิ้วหัวแม่มือ จดกลางหน้าผาก{ปลายนิ้วชี้สูงกว่าศีรษะ}
        
        จังหวะที่3 การกราบ
        -ก้มลงกราบโดยทอดศอกให้แขนทั้ง2ข้างลงพร้อมกัน
        -คว่ำมือทั้งสองแบนราบกับพื้นให้นิ้วทั้ง5ชิดกัน มือทั้ง2วางห่างกันเล็กน้อย พอให้หน้าผากจดพื้นระหว่างมือ2ข้าง
        -ผู้ชายให้ศอกต่อเข่า ผู้หญิงให้ศอกแนบเข่าทั้ง2
        -ลุกนั่งในท่าคุกเข่า ทำตามจังหวะทั้ง3จนครบ3ครั้งแล้วทรงตัวขึ้น ยกมือประนมหน้าผาก เรียกว่าจบแล้วลงนั่งในท่าปกติ
  - - - 1.ถ้าเป็นสถานที่ที่ประดิษฐ์ฐานพระพุทธรูปมีพื้นที่เหมาะสมที่จะแสดงความเคารพได้อย่างสะดวก เช่น ในโบสถ์ วิหาร ให้ใช้วิธีการกราบแบบเบญจางคประดิษฐ์
      - 2.ถ้าเป็นสถานที่ที่ไม่เหมาะสมแก่การกราบเบญจางคประดิษฐ์ให้ใช้วิธีประนมมือไหว้
  - - - การกราบพระ
        
        ไม่ว่าจะเป็นพระพุทธรูป หรือพระภิกษุ ใช้วิธีเคารพเหมือนกัน คือ การกราบเบญจางคประดิษฐ์
        
        การกราบบิดา มารดา ครู อาจารย์
        1.นั่งพับเพียบ
        2.เบี่ยงตัวหมอบลงให้เข่าข้างนึงอยู่ระหว่างแขนทั้ง2ข้าง
        3.วางแขนทั้ง2ราบลงกับพื้นตลอดครึ่งแขนคือการศอกถึงมือ
        4.ประนมมือวาวตั้งลงกับพื้นและตั้งศรีษะลงในหน้าผากแตะส้นมือ
        5.ทำครั้งเดียวไม่แบมือแล้วทรงตัวขึ้นนั่ง
  - - - 1.ยกมือประนมขึ้นจดหน้าผาก
      - 2.ให้ปลายหัวแม่มือจรดระหว่างคิ้ว ค่อมศีรษะลงให้ปลายนิวจดตีนผมแนบมือให้ชิดหน้าผากค่อมตัวให้มาก
      - 3.ผู้ชายให้ยืนส้นเท้าชิด ปลายเท้าแยกเล็กน้อย ผู้หญิงก้าวเท้าขวาไปข้างหน้าเพื่อยันพื้นกันล้มย่อตัวค่อมศรรษะลงไหว้ ไหว้ตรงๆไม่เอนซ้ายและขวา
    - - 1.ยกมือทั้ง2ประนมมือที่หน้าอก และค่อมศีรษะให้ผู้ไหว้เล็กน้อย
    - - ยกมือประนมจรดส่วนล่างของหน้าผากให้หัวแม่มือจรดปลายคางนิ้วขี้จรดจมูก ก้มศรีษะรับปลายมือให้พองาม
    - - 1.ยกมือประนมขึ้นส่วนกลางของหน้า
      - 2.ให้ปลายนิ้วหัวแม่มือจรดปลายจมูกค่อมศีรษะให้ผลายนิ้วชี้จรดระหว่างคิ้ว
      - 3.ผู้ชายให้ยืนส้นเท้าชิดปลายเท้าแยกเล็กน้อยค่อมแต่ส่วนๆหล่และศีรษะ ผู้หญิงก้าวเท้าไปข้างหน้าย่อตัวลงไหว้ ค่อมศีรษะต่ำรับปลายนิ้ว
  - - - -อามิสประติสันฐานคือการต้อนรับด้วยสิ่งของ
        
        -ทำประติสันฐานคือการต้อนรับด้วยธรรม
- - - - 1.ผู้ขอบวชต้องแต่งกายชุดขาว พร้อมสไบขาว
        
        ตัวแทนผู้ขอบวชถวายธูปเทียนแพแด่พระสงฆ์จำนวน 1 รูป หรือ 4 รูปขึ้นไป
        
        กราบ 3 ครั้ง
        
        กล่าวคำบูชาพระรัตนตรัย
        
        กล่าวคำอาราธนาศีล 5
        
        รับไตรสรณคมน์
        7.สมาทานศีล 8
        8.นำเครื่องสักการะไปถวายพระอาจารย์ รับฟังโอวาท เป็นอันเสร็จพิธี
    - - 1.เพื่อฝึกฝนอบรมตนเอง
        2.เพื่อเพิ่มพูนบุญกุศลให้ยิ่งๆขึ้นไป
        3.เพื่อให้จิตสงบ ปราศจากความฟุ้งซ่าน
        4.เพื่อปลดเปลื้องตนเองให้พ้นจากความทุกข์
  - - - อุปสมบท แปลว่า การเข้าถึงสภาวะอันสูง หมายถึง การบวชเป็นภิกษุ
  - - - เริ่มมาจากแนวคิดของพระพิมลธรรม(อาจ อาสภมหาเถร) องค์สภานายกมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย ได้พบเห็นการสอนพระพุทธศาสนาในวันอาทิตย์ในประเทศนั้นๆ เห็นว่ามีผลดี จึงได้นำแนวคิดดังกล่าว มาเปิดสินเป็นครั้งแรก
  - - - 2.ศึกษาคำสอนและปฏิบัติตามคำสอน สังคมพุทธเน้นการศึกษาและปฏิบัติตามคำสอนของพระพุทธเจ้า เมื่อเรียนรู้และเข้าใจธรรมะ จึงต้องปฏิบัติอย่างถูกต้อง
        
        3.เผยแผ่คำสอน ทั้งพระและฆราวาส ควรเข้าใจและนำหลักคำสอนในพระพุทธศาสนาไปใช้อย่างถูกต้อง
        
        4.ปกป้อง และรักษาพระพุทธศาสนา สังคมพุทธไม่ว่าจะเป็นพระหรือฆราวาสต่างก็มีหน้าที่สอดส่องดูแล ถ้าพบว่าผู้ใดทำผิด ลบหลู่พระพุทธศาสนาก็จะต้องหาทางช่วยปกป้องและรักษาพระพุทธศาสนาให้คงอยู่ต่อไป
  - - - วัตถุประสงค์ของการจัดธรรมศึกษา
        
        1.เพื่อเปิดโอกาสให้พุทธศาสนิกชนมีโอกาสศึกษา พุทธประวัติ พุทธสาวก
        2.เพื่อให้คฤหัสถ์สามารถนำหลักธรรมมาประยุกต์ใช้ในชีวิตประจำวันได้
        3.เพื่อความั่นคงและแพร่หลายยิ่งๆขึ้นไป
        4.เพื่อนสร้างสังคมคุณภาพ
  - - - ความสำคัญของการประกอบพิธีกรรมทางพระพุทธศาสนา
        
        1.เป็นเครื่องยึดเหนี่ยวจิตใจของคนในสังคม
        2.เป็นจุดนัดหมายให้ตั้งใจเริ่มต้นเตรียมตัวให้พร้อม
        3.เป็นเครื่องควบคุมกาย วาจา และใจให้เป็นระเบียบเรียบร้อย
        4.เป็นอุบายที่ทำให้คนหมู่มากอยู่ร่วมกันได้อย่างสงบสุข
  - - - ขั้นตอนที่ 3 ฟังโอวาทจากประธานสงฆ์ในพิธี
        
        ขั้นตอนที่ 4 ขอเผดียงสงฆ์
  - - - ประโยชน์ของการเข้าค่ายคุณธรรม-ปลุปฝังนิสัยที่ดีงามตามหลัก
        พระพุทธพุทธศาสนา
        -รู้จักอยุ่รวมกันในสังคม
        -เรียนรู้หลักธรรและปฎิบัติตามหลักธรรมคำสอน
        -ได้ฝึกอบรมจิต ฝึกใช้ชีวิตครองตนถือเพศพรหมจรรย์