Please enable JavaScript.

Coggle requires JavaScript to display documents.

บทที่ 3 เอมไซม์และฮอร์โมนกับกระบวนการเมเทบอลิซึม, ฮอร์โมนที่ควบคุมและเกี่ย…

- - - - กระบวนการย่อยสลายกลูโคสที่เกิดขึ้นในเซลล์ให้เป็นพลังงาน เป็นกระบวนการ Anaerobic เกิดขึ้นใน Cytoplasm
      - Aerobic • Pyruvate to acetyl CoA
- - - - Oxidation deamination
        
        ปฏิกิริยาที่มีเอนไซม์ dehydrogenase, deaminase,
        hydrogenase และ desulfhydrase ปฏิกิริยาที่มีเอนไซม์ dehydrogenase, deaminase,hydrogenase และ desulfhydrase
        
        Urea Excretion
        
        กระบวนการกำจัดแอมโมเนียด้วยการสังเคราะห์เป็นยูเรียและขับออกนอกร่างกาย โดย NH3 จะถูกส่งผ่านหลอดเลือดไปยังตับ ในตับ NH3 จะถูกเปลี่ยนเป็น ยูเรีย จากนั้นตับจะส่งผ่านหลอดเลือดไปยังไตเพื่่อขับยูเรียออกจากร่างกาย
      - Transmiantion
        
        ปฏิกิริยาที่มีเอนไซม์ transferase หรือ transaminase
        เป็นตัวเร่งให้เกิดการขนส่งหมู่อะมิโนจากกรดอะมิโนไปยัง keto acid แล้วทําให้ได้ keto acid กับกรดอะมิโนชนิดใหม่
    - - แอมโมเนียที่มากเกินความต้องการจะถูกเปลี่ยน amide nitrogen ของ glutamine ซึ่งถูกส่งไปยังตับ และไมโทรคอนเดรียของตับ
      - หมู่อะมิโนจากกรดอะมิโนจะถูกส่งไปยัง Alpha=ketoglutarate เพื่อเกิดเป็น Glutamate
      - สายโซ่คาร์บอนของกรดอะมิโนจะถูกเปลี่ยนเป็น pyruvate,acetyl-CoA
    - - Citric acid cycle
        
        วัฏจักรกลางในการผลิต ATP รวมทั้ง NADH + H+ และ FADH2 ที่จะเข้าสู่ปฏิกิริยาฟอสโฟรีเลชั่นเพื่อสร้าง ATP ต่อไป เกิดขึ้นบริเวณเมทริกซ์ซึ่งเป็นของเหลวในไมโทคอนเดรีย โดยมีการสลายAcetyl-CoA ซึ่งจะเกิดแก๊สคาร์บอนไดออกไซด์ และเก็บพลังงานจากปฏิกิริยาดังกล่าวไว้ในรูปของ NADH FADH2 และ ATP
        การย่อยสลายสารอาหารใดๆให้สมบูรณ์เป็นคาร์บอนไดออกไซด์และน้ำต้องเข้าวัฏจักรนี้เสมอ
        
        ATP
        
        CO2
        
        NADH,FADH2
        
        Electric transport chain
        
        ATP
        
        O2
        
        H20
    - - โรคหัวใจ
        
        การบริโภคโปรตีนจากสัตว์
        
        ระดับโฮโมซิสเทอีน
        
        ระดับอาร์จินีน
      - การขาดโปรตีน
        
        ผลที่ตามมา
        
        ภาวะที่ร่างกายขาดสารอาหารที่จำเป็นอย่างรุนแรงและภาวะทุพโภชนาการจากการขาดโปรตีนอย่างรุนแรง
        
        ภาวะขาดสารอาหารจากโปรตีน
      - Kwashiorkor
      - Marasmus
      - sickle-cell anaemia
        
        โรคที่เกิดจากการเปลี่ยนแปลงของเบสบนสายนิวคลีโอไทด์เพียงหนึ่งตัวในดีเอ็นเอทำให้ได้รูปร่างของเซลล์เม็ดเลือดแดงที่ผิดปกติ เป็นรูปพระจันทร์เสี้ยวหรือรูปเคียว
- - - - กรณีที่ร่างกายได้รับกลูโคสน้อย เช่น ผู้ป่วยเบาหวาน ขาดอินซูลินที่ลําเลียงกลูโคสเข้าสู่เซลล์ เซลล์ต้องสลายกรดไขมันเพื่อใช้สร้างพลังงานปริมาณ acety| CoA จะสูงขึ้น
      - มีฤทธิ์เป็นกรดประกอบด้วยแอชีโตน กรดแอชีโตแอซีติกและกรดบีตาไฮดรอกซีบิวทิริก
      - การสังเคราะห์คีโตนเรียก ketogenesis
      - สารคีโทนบอดีส์เป็นสารประกอบที่สังเคราะห์ได้ในร่างกาย
        เมื่อมีเมแทบอลิซึมของไขมันเพิ่มขึ้นมากจะมีสารคีโทนบอดีส์สังเคราะห์จาก acetyl Co Aมากขึ้นกว่าปกติเรียกว่าภาวะคิโตชีส (ketosis)
      - กรณีที่ร่างกายได้รับกลูโคสน้อย เช่น ผู้ป่วยเบาหวาน ขาดอินซูลินที่ลําเลียงกลูโคสเข้าสู่เซลล์เซลล์ต้องสลายกรดไขมันเพื่อใช้สร้างพลังงานปริมาณ acety| CoA จะสูงขึ้นการสังเคราะห์คีโตนเรียกketogenesis
      - โรคเบาหวานอย่างรุนแรงจะมีสารคีโทนบอดี้ในเลือดสูงกว่าปกติอาจทําให้เกิดภาวะเลือดเป็นกรด(acidosis)และพบสารคิโทนบอดี้ในปัสสาวะอาจเรียกภาวะผิดปกตินี้ ว่าKetoacidosis
    - - การพากรดไขมันเข้าสู่ไมโทคอนเดรีย
        (Acyl carnitine shuttle)
        
        เริ่มจาก fatty acy Co A จะต้องเข้าสู่ matrix เพื่อทําปฏิกิริยา
        
        Co A จะต้องเปลียนเป็น Carnitine ก่อน ถึงจะเข้าไปใน Maxtrix ได้
        
        เมื่อเข้าใน Maxtrix แล้ว Carnitine จะหลุดออกแล้วเปลี่ยนเป็น Co A เหมือนเดิม
        
        Carnitine กลับไปทําหน้าที่เหมือนเดิม
      - 1.การกระตุ้นกรดไขมัน
        (Fatty acid activation steps)
        
        เปลี่ยนจาก fatty acid เป็น fatty acyl Co A
        
        ก่อนที่กรดไขมันจะถูกย่อยด้วยปฏิกิริยาออกซิเดชันจะต้องถูกกระตุ้นให้ active จึงจะเกิดปฏิกิริยาได้
        
        ใช้ไป 2 ATP ในการเปลี่ยน ATP เป็น AMP
      - 3.ปฏิกิริยาเบต้าออกชิเดชัน(B-oxidation)
        
        กรดไขมันไม่อิ่มตัว (มีพันธะคู่ )
        
        การออกชิไดซ์ ที่ตําแหน่งพันธะคู่ ไม่มีFADH2เกิดขึ้น ATPลดลง 1.5 ATP
        
        กรดไขมันที่มีจํา C เป็นเลขคี่
        
        เหมือนกับการออกชิไดซ์กรดไขมันที่มีจํานวน C เป็นเลขคู่ คือเริ่มจากปลายด้านที่มีหมู่คาร์บอกชิล
        
        การออกซิไดซ์ครั้งสุดท้ายจะเหลือ fattyacy-CoA ที่มีจํานวน C 3 อะตอมคือpropionyl-CoA
        
        succinyl-CoA เข้าสู่วัฎจักรกรดชิตริกต่อไป
        
        propionyl-CoA จะถูกเปลี่ยนเป็น succinyl-CoA (-1ATP)
        
        กรดไขมันที่มี C เป็นเลขคู่พันธะเดี่ยว
        
        2.Hydration
        
        4.Acylation ตัดพันธะที่ตําแหน่งเบต้า (สั้นลง 2 C)
        
        1.Dehydrogenation ได้ 1FADH2= 1.5ATP
        
        3.Dehydrogenationได้ 1 NADH2+= 2.5ATP
  - - - กลีเซอรอลสามารถแปลงได้กลูโคสและไพรูเวท
    - - การออกซิเดชันของกรดไขมัน ครั้งละ 2 คาร์บอน ต่อด้วย COA ไฮโดรเจน และอิเล็กตรอนถูกส่งไปยังห่วงโซ การขนส่งอิเล็กตรอน