Please enable JavaScript.

Coggle requires JavaScript to display documents.

Peritonitis - Coggle Diagram

- - - - พยาธิสภาพ
        
        เมื่อเยื่อบุช่องท้องอักเสบ จะทำให้หลอดเลือดของเยื่อบุช่องท้องขยายตัวผนังหลอดเลือดจะยอมให้ของเหลวซึมผ่านเพิ่มขึ้น ทำให้สารน้ำเข้าสู่เนื้อเยื่อระหว่างเซลล์ไปยังช่องท้องและลำไส้ ผนังลำไส้ หากเยื่อบุช่องท้องอักเสบอย่างรุนแรง ร่างกายจะสูญเสียน้ำจำนวนมากเกิดภาวะปริมาตรน้ำจากระบบไหลเวียนเลือดลดลง ไตขาดเลือดไปเลี้ยง เกิดภาวะช็อกจากการเสียเลือด จนทำให้มีระบบไหลเวียนเลือดล้มเหลว บริเวณเยื่อบุช่องท้องจะอักเสบ เป็นสีแดง บวม ในระยะแรกน้ำที่ออกมานอกหลอดเลือดมีลักษณะใส ต่อมาจะมีลักษณะขุ่น เป็นหนอง บริเวณเยื่อบุช่องท้องที่มีการอักเสบจะมีพังผืดหรือฝี การอักเสบอาจอยู่เฉพาะที่ หรือกระจายทั่วช่องท้องสารพิษจากเชื้อโรคอาจเข้าไปในกระแสเลือดได้ เกิดภาวะโลหิตเป็นพิษทำให้ผู้ป่วยเสียชีวิตได้
  - - - พยาธิสภาพ
        
        ปัจจัยที่เกิดจากพันธุกรรม จากการสัมผัสสิ่งเหล่านี้ ได้แก่ แอลกอฮอล์ กาแฟ บุหรี่ เป็นต้น ซึ่งอาจทำให้เกิดแผลในเวลาที่กระเพาะอาหารว่าง และอาจทำให้เยื่อเมือกถูกทำลายความเ ครียดทางอารมณ์จะกระตุ้นให้หลั่งกรดและหลั่งสารเปปชิน ทำให้เกิดแผลขณะที่ในกระเพาะอาหารมีกรดมากแต่ไม่มีอาหาร กรดที่ขับหลั่งออกมามากเกินจะย่อยและทำลายผนังกระเพาะอาหารจนเกิดการอักเสบจะมีลักษณะบวม แดง เป็นแผลเปื่อย หากสัมผัสซ้ำๆ จะทำให้กลายเป็นแผลลึกและอาจทะลุ ทำให้น้ำย่อยและกรดจากกระเพาะอาหารรั่วซึมเข้าไปในช่องท้องซึ่งเป็นสาเหตุให้เยื่อบุช่องท้องอักเสบ หากมีการติดเชื้อแทรกซ้อน ผู้ป่วยอาจเสียชีวิต หากไม่ได้รับการช่วยเหลืออย่างทันท่วงที
  - - - พยาธิสภาพ
        
        เมื่อในกระเพาะอาหารมีสภาพความเป็นกรดสูงจากกรดเกลือและเปปซิน และเยื่อบุในกระเพาะอาหารถูกทำลาย รวมทั้งมีการหลังกรดในกระ- เพาะอาหารเพิ่มขึ้นหรือมีการกระตุ้นประสาทเวกัส ทำให้ขณะที่อาหารผ่านจากกระเพาะอาหารไปแล้วแต่ในกระ- เพาะอาหารยังมีกรดอยู่ในปริมาณมากจึงย่อยทำลายผนังกระเพาะอาหารจนเกิดการอักเสบ บริเวณที่สัมผัสกับกรดมากจะบวม แดง เกิดแผลเปื่อย หากสัมผัสบ่อยครั้งการอักเสบจะยิ่งขยายบริเวณกว้างขึ้นและลึกขึ้น จนในที่สุดผนังกระเพาะอาหารจะทะลุ เกิดเป็นแผลเปปติกเมื่อแผลเปปติกทะลุน้ำย่อยและกรดจากกระเพาะอาหารจะรั่ว ซึมข้าไปในช่องท้อง เป็นสาเหตุให้เกิดเยื่อบุช่องท้องอักเสบซึ่งเป็นภาวะแทรกช้อนตามมาที่รุนแรงและเกิดอันตรายถึงชีวิตได้หากไม่ได้รับการช่วยเหลือที่ถูกต้อ
- - - - อุณหภูมิ (BT) 39.5 องศาเซลเซียส การหายใจ (RR ) 20 ครั้ง/นาที
      - ชีพจร (PR) 88 ครั้ง/นาที ความดันโลหิต ( BP) 133/80 มิลลิเมตรปรอท
      - น้ำหนัก 50 กิโลกรัม ส่วนสูง 172 เซนติเมตร BMI: 16.9
      - Pain score 5 คะแนน
- - - - ความหมาย
        
        เยื่อบุช่องท้อง (peritoneum) เป็นเยื่อ 2 ชั้นที่คลุมอยู่โดยรอบช่องท้อง ซึ่งปกคลุกระเพาะอาหารลำไส้ และอวัยวะต่างๆ ภายในช่องท้องการอักเสบของเยื่อบุช่องท้องเป็นภาวร้ายแรงหากไม่ได้รับการรักษาอย่างทันท่วงที อาจเป็นอันตรายถึงตายได้ มักเป็นผลแทรกซ้อนจากโรคต่างๆ ภายในช่องท้อง
      - Peritonitis
      - สาเหตุ
        
        สาเหตุที่พบได้บ่อย ก็คือ การแตกทะลุของกระเพาะลำไส้ เช่น กระเพาะอาหารทะลุ, ไส้ดิ่งแตก ,ลำไส้ทะลุจากไข้ไทฟอยด์, ลำไส้ทะลุ เนื่องจากถูกยิงถูกแทง เป็นตัน นอกจากนี้ยังมีสาเหตุมาจากถุงน้ำดีอักเสบ, ท่อน้ำดีอักเสบ,ฝีตับ, ตับอ่อนอักเสบ เป็นตัน เป็นเหตุให้มีเชื้อแบคทีเรียหรือสิ่งระคายเคืองไปทำให้เยื่อบุช่องท้องเกิดการอักเสบ
      - อาการ
        
        มีอาการปวดท้องรุนแรง (อาจปวดเฉพาะที่หรือปวดทั่วท้อง แล้วแต่สาเหตุ) ขยับเขยื้อนหรือกระเทือนถูกจะรู้สึกเจ็บ ผู้ป่วยมักจะต้องนอนนิ่งๆ อาการปวดท้องมักจะเป็นติดต่อกันหลายชั่วโมงจนกระทั่งหลายวันนอกจากนี้ยังมีอาการท้องอืด คลื่นไส้อาเจียน มีไขั ครั่นเนื้อครั่นตัว เบื่ออาหาร และอาจมีอาการท้องเดินถ้าเป็นรุนแรง อาจมีภาวะช็อก ผู้ป่วยมีอาการกระสับกระส่าย เหงื่อออก ตัวเย็น ใจสั่น เป็นลม
      - พยาธิสภาพ
        
        เมื่อเยื่อบุช่องท้องอักเสบ จะทำให้หลอดเลือดของเยื่อบุช่องท้องขยายตัวผนังหลอดเลือดจะยอมให้ของเหลวซึมผ่านเพิ่มขึ้น ทำให้สารน้ำเข้าสู่เนื้อเยื่อระหว่างเซลล์ไปยังช่องท้องและลำไส้ ผนังลำไส้ หากเยื่อบุช่องท้องอักเสบอย่างรุนแรง ร่างกายจะสูญเสียน้ำจำนวนมากเกิดภาวะปริมาตรน้ำจากระบบไหลเวียนเลือดลดลง ไตขาดเลือดไปเลี้ยง เกิดภาวะช็อกจากการเสียเลือด จนทำให้มีระบบไหลเวียนเลือดล้มเหลว บริเวณเยื่อบุช่องท้องจะอักเสบ เป็นสีแดง บวม ในระยะแรกน้ำที่ออกมานอกหลอดเลือดมีลักษณะใส ต่อมาจะมีลักษณะขุ่น เป็นหนอง บริเวณเยื่อบุช่องท้องที่มีการอักเสบจะมีพังผืดหรือฝี การอักเสบอาจอยู่เฉพาะที่ หรือกระจายทั่วช่องท้องสารพิษจากเชื้อโรคอาจเข้าไปในกระแสเลือดได้ เกิดภาวะโลหิตเป็นพิษทำให้ผู้ป่วยเสียชีวิตได้
    - - -มักมีไข้สูง บางครั้งอาจมีภาวะขาดน้ำ (ปากแห้ง ลิ้นเป็นฝ้า ตาโบ)
        -กล้ามเนื้อหน้าท้องมักจะมีอาการเกร็งแข็ง เรียกว่า ท้องแข็ง (rigidity หรือ guarding)
        -หน้าท้องมีอาการกดเจ็บ (tenderness) แม้เพียงแต่ใช้มือเคาะถูกเบาๆ ก็รู้สึกเจ็บ ถ้าใช้มือค่อยๆ
        กดหน้าท้องลึกๆ แล้วปล่อยมือให้ผนังหน้าท้องกระเด้งกลับทันที ผู้ป่วยจะรู้สึกเจ็บมากเรียกว่า อาการกดปล่อยแล้วเจ็บ (rebound tenderness) ซึ่งเป็นลักษณะเฉพาะของโรคนี้
        -ถ้าใช้เครื่องฟังตรวจที่ท้อง จะไม่ได้ยินเสียงโครกครากของลำไส้ถ้าเป็นรุนแรง อาจพบชีพจรเบาเร็ว ความดันตก ซึ่งแสดงว่ามีภาวะช็อกเกิดขึ้นแล้ว
        -การตรวจเลือดพบเม็ดเลือดขาว (White blood cell; WBC) และจำนวนนิวโทรฟิล (Neutrophil count) สูง ความถ่วงจำเพาะของปัสสาวะสูง ผลอิเล็กโทรไลต์ผิดปกติ
    - - ข้อมูลสนับสนุน
        
        -ผู้ป่วยบอกว่ามีอาการปวดเกร็งท้องข้างซ้าย ปวดบีบๆ
        แล้วคลายเป็นพักๆ เวลานอนนิ่งๆจะไม่มีอาการ มีท้องอืด มีคลื่นไส้ แต่ไม่อาเจียน มีไข้