Please enable JavaScript.
Coggle requires JavaScript to display documents.
การพยาบาลมารดาระยะหลังคลอดโดยเน้นครอบครัวเป็นศูนย์กลาง (นางสาวนิภาธร…
การพยาบาลมารดาระยะหลังคลอดโดยเน้นครอบครัวเป็นศูนย์กลาง
(นางสาวนิภาธร คำวัง 63010136 กลุ่ม 03)
การเปลี่ยนแปลงด้านร่างกายของมารดาหลังคลอด
การเปลี่ยนแปลงของระบบอวัยวะสืบพันธุ์
มดลูก
มดลูกขาดเลือดไปเลี้ยง
การย่อยตัวเอง
น้ำคาวปลา
ชั้นที่อยู่ติดกับกล้ามเนื้อมดลูก (Decidua basalis)
ชั้นที่อยู่ติดกับโปรงมดลูก (Decidua spongiosa)
3 วันแรกหลังคลอด น้ำคาวปลามีลักษณะสีแดงเข้ม (Lochia rubra) ประกอบด้วยเลือด
4-9 วันหลังคลอด น้ำคาวปลาเป็นสีชมพู จางเป็นสีน้ำตาล (Lochia serosa)
10-14 วันหลังคลอด สีน้ำตาวปลาเป็นสีขาว (Lochia alba)
ปากมดลูก
หลังคลอดทันทีปากมดลูกนุ่มและไม่เป็นรูปร่าง
6 สัปดาห์หลังคลอด ปากมดลูกด้านในไม่หลมเหมือนระยะก่อนคลอด มีเหมือนรอยตะเข็บหรือรอยแตก
ช่องคลอด
ระยะหลังคลอดเยื่อพรหมจารี (Hymen) ฉีกขาดถาวร กระชับช่องคลอดโดยวิธีฝึกขมิบข่องคลอด
ฝีเย็บ
มารดาหลังคลอดที่มีการยืดขยายของกล้ามเนื้อฝีเย็บ
แต่ช่องคลอดแคบเกินไป อาจทำให้เกิดการหย่อนสมรรถภาพกล้ามเนื้อบริเวณนี้ได้
เกิดภาวะ Rectocele หรือ Cystocele
การเปลี่ยนแปลงของระบบต่างๆของร่างกาย
ระบบฮอร์โมน
ฮอร์โมนจากรก
หลังคลอดระดับฮอร์โมนจากรกในพลาสมาจะลดลงอย่างรวดเร็ว ภายใน 24 ชั่วโมงหลังคลอด จะตรวจไม่พบฮอร์โมน HPL HCS HVG จนกระทั่งมีการตกไข่
ภายใน 3 ชั่วโมงหลังคลอด Estrogenลดลงต่ำสุงวันที่ 7 หลังคลอด
วันที่ 3 หลังคลอด Progesterone จะลดต่ำกว่า Luteal phase
1 สัปดาห์หลังคลอดจะตรวจไม่พบในซีรัม ผลิดใหม่เมื่อมีการตกไข่ครั้งแรกหลังคลอด
ฮอร์โมนจากต่อมใต้สมอง
Prolactin สูงขณะตั้งครรภ์
ในมารดาที่ไม่ได้เลี้ยงบุตรด้วยน้ำนมจะค่อยๆลดลง
ในมารดาที่เลี้ยงบุตรด้วยน้ำนมจะมีระดับสูง ขึ้นอยู่กับจำนวนครั้งที่บุตรดูดนมมารดาในแต่ละวัน
FSH และ LH มีค่าต่ำลงในวันที่ 10-12 หลังคลอด
ระบบทางเดินปัสสาวะ
หากมารดาได้รับยาระงับความรู้สึกในระยะคลอด จะยิ่งมีอาการปัสสาวะลำบากเพิ่มมากขึ้น โดยปกติมารดาหลัง
คลอดจะต้องปัสสาวะเองภายใน 6-8 ชั่วโมงหลังคลอด
ระบบการไหลเวียนโลหิต
ปริมาณเลือดในร่างกายลดลง เลือดสูญเสียไป 250ml จะทำให้ Hct ลดลง 4% ควรให้ธาตุเหล็กเพิ่ม
ในมารดาที่มีภาวะขาดน้ำ อาจะทำให้ Hct สูงได้
ระบบทางเดินอาหาร
กระตุ้นให้ดื่มน้ำมากกว่า 2500ml ต่อวัน รับประทานอาหารที่มีกากใย
ระบบผิวหนัง
ลานหัวนม ต้นขาด้านใน เส้นกลางท้อง ฝ้าที่หน้า จางลงใน 6 สัปดาห์ และมักผมร่วงเป็นหย่อมๆ ชั่วคราว 4-20 สัปดาห์หลังคลอด
ผลของการเปลี่ยนแปลงในทางลดลง
ความอ่อนเพลีย : สูญเสียพลังงานในระยะคลอด
น้ำหนักลด : 6 สัปดาห์หลังคลอดจะมีน้ำหนักตัวคงที่เหมือนก่อนระยะตั้งครรภ์
สัญญาณชีพ
อุณหภูมิ : ดื่มน้ำให้เพียงพอ ทำให้ไข้ลดได้
ชีพจร : ลดลงกว่าเดิมเล็กน้อย 60-70 bpm
ความดันโลหิต : Systolic > 30 mmHg Diastolic > 15 mmHg และมีอาการปวดหัว ตาพร่ามัว อาจะเกิดจากความดันโลหิตสูงที่เกิดจากการตั้งครรภ์
การเปลี่ยนแปลงในทางก้าวหน้า
การหลั่งน้ำนม
เต้านม
ถูกกระตุ้นด้วย Progesterone ,Estrogen ,Insulin ,Cortisol ,Thyroid Hormone
การดูดนม (Suckling) ทำให้ Prolactin เพิ่ม เพื่อสร้างน้ำนม และกระตุ้น Oxytocin เพื่อหลั่งน้ำนม
การตกไข่และการมีประจำเดือน
การปรับตัวด้านจิตสังคมและบทบาทเป็นมารดาหลังคลอด
ระยะที่มีพฤติกรรมการพึ่งพา
(Taking-in phase)
ใช้เวลา 1-2 วัน มารดาหลังคลอดจะสนใจแต่ความต้องการ ความสุขสบายของตนเอง มากกว่านึกถึงบุตร อาจเฉื่อยชาไม่ค่อยเคลื่อนไหว พึ่งพาผู้อื่น
มารดาตรวจพักผ่อนเต็มที่ ควรมีอาหารว่างให้ถ้าเป็นไปได้
ระยะพฤติกรรมระหว่างพึ่งพาและไม่พึ่งพา
(Taking-hold phase)
ใช้เวลา 10 วัน มารดามีประสบการณ์มากชึ้น ปรับตัวกับชีวิตใหม่ พักผ่อนเพียงพอ สนใจตนเองน้อยลง สนใจบุตรมากขึ้น ให้กำลังใจ สนับสนุในมารดาเกิดความมั่นใจว่าทำได้ถูกต้อง สามารถเป็นมารดาที่ดีได้
พยาบาลไม่ควรนำตนเองเข้าไปแทรกระหว่างมารดา-บุตร
ระยะพฤติกรรมพึ่งพาตนเอง
(Letting-go-phase)
เมื่อมารดาสามารถทำหน้าที่พันธกิจของมารดาได้แล้ว จะเข้าสู่ระยะพึ่งพาตนเอง ตระหนักและยอมรับความจริงได้ว่าแยกจากบุตรทางด้านร่างกายแล้ว บุตรไม่ได้เป็นส่วนหนึ่งของร่างกายตนเอง ต้องทิ้งบทบาทเดิมที่เป็นอิสระ
ระยะนี้มารดาอาจรู้สึกเสียใจหรือเครียดเล็กน้อย
ภาวะอารมณ์เศร้า
ต้องแยกจากครอบครัว
อยู่ในสิ่งแวดล้อมที่ไม่คุ้นเคย ทั้งบุคคล สถานที่
และโรงพยาบาล
มีการเปลี่ยนแปลงฮอร์โมนต่ำลงใน 3-5 วันแรก
หลังคลอด
มีความไม่สุขสบายและรำคาญจากการเปลี่ยนแปลง
ทางด้านร่างกาย
ความเหน็ดเหนื่อย
ความรู้สึกสูญเสียด้านร่างกายในระยะหลังคลอด
ความรู้สึกว่าตนเองสูญเสียความสำคัญ
ความรู้สึกไม่มั่นใจต่อการปรับตัว
ความรู้สึกสูญเสียความงาม
การปรับตัวต่อบทบาทการเป็นมารดา
สัมพันธภาพระหว่างสามี
การรับรู้ถึงการมีส่วนร่วมในการดูแลบุตรของสามี
ความพึงพอใจของมารดาที่มีต่อประสบการณ์ในระยะเจ็บครรภ์และขณะคลอด
ความพึงพอใจของมารดาค่อสภาพชีวิต และฐานะทางครอบครัว
ความมั่นใจของมารดาในการปฏิบัติพัฒนกิจตามบทบาทการเป็นมารดา
ความพึงพอใจในการเลี้ยงดูบุตร
บทบาทการเป็นมารดา
การประบตัวเข้าสู่บทบาทใหม่
การสร้างสัมพันธภาพที่ดีระหว่างมารดา-บิดาและบุตร
การจัดแบ่งหน้าที่รับผิดชอบของสมาชิกในครอบครัวให้เหมาะสม
การวางแผนครอบครัว
ปัจจัยที่มีอิทธิพลต่อการปรับตัวสู่บทบาทการเป็นมารดา
บุคลิกภาพและการเลี้ยงดูทีได้รับในวัยเด็ก
อายุ
ประสบการณ์เลี้ยงดู
การศึกษา
รายได้
สัมพันธภาพในชีวิตสมรส
แนวทางการพยาบาลเพื่อส่งเสริมบทบาทการเป็นมารดา
ในระยะก่อนแต่งงาน พยาบาลควรให้ความรู้เกี่ยวกับการเลี้ยงดูเด็ก
ในระยะตั้งครรภ์ ควรได้รับความรู้เรื่องการปฏิบัติตัวขณะตั้งครรภ์
ในระยะหลังคลอด ให้คำแนะนำเกี่ยวกับการปฏิบัติตัวหลังคลอด เปิดโอกาสให้มารดาใกล้ชิดบุตร ให้กำลังใจ เปิดโอกาสมห้มารดาได้พูดคุยและปรึกษา จัดเวลาและสถานที่ให้เหมาะสม
พฤติกรรมของผู้เป็นบิดา
มักมีความตื่นเต้น กังวลเกี่ยวกับเศรษฐกิจ รู้สึกไม่มั่นคง
บทบาทการเป็นบิดา
ทำความเข้าใจเกี่ยวกับบบทบาทของบิดา
หาแนวทางหรือวิธีแก้ไขความกดดันในขณะเริ่มเป็นบิดา
การเรียนรู้เกี่ยวกับสิ่งจำเป็นในการดูแลบุตร
กำหนดหลักการเพื่อที่จะทำให้สมาชิดในครอบครัวมีสุขภาพที่ดี
ส่งสเสริมให้บุตรมีพัฒนาการด้านต่างๆอย่างเต็มความสามารถ
ดำรงไว้ซึ่งความพึงพอในใจสัมพันธภาพระหว่างสามีและภรรยา
มีความรับผิดชอบเกี่ยวกับการหารายได้เลี้ยงครอบครัว
ดำรงไว้ซึ่งความรู้สึกภาคภูมิใจ
เสริมสร้างและดำรงไว้ซึ่งระบบสื่อสารที่มีประสิทธิภาพระหว่างสมาชิกในครอบครัว
เป็นตัวแทนของครอบครัวในการเข้าไปมีส่วนร่วมกับชุมชน
ปัจจัยที่มีอิทธิพลต่อการปรับตัวสู่บทบาทการเป็นบิดา
วุฒิภาวะ
รายได้
ประสบการณ์เดิมที่ได้รับในวัยเด็ก
ลักษณะของสังคมและวัฒนธรรม
สัมพันธภาพของสามี
แนวทางการพยาบาลเพื่อส่งเสริมบทบาทการเป็นบิดา
ให้ความรู้เกี่ยวกับพัฒนกิจและบทบาทการเป็นบิดา
ให้บิดาได้มีส่วนร่วมในการฟังการให้คำแนะนำ
เปิดโอกาสให้บิดา มารดา และบุตรได้อยู่ร่วมกัน
เสริมสร้างกำลังใจให้แก่บิดา
พยาบาลในชุมชน หรือในสถานบริการพยาบาลต่างๆควรจัดนิทรรศการให้ความรู้เกี่ยวกับบทบาทของบิดาในโอกาสที่เหมาะสม
การดูแลและส่งเสริมสุขภาพมารดาหลังคลอด
Postpartum Assessments : BUBBLE HE
Uterus
ประเมินการหดรัดตัว ตำแหน่ง ระดับของยอดมดลูก
Bowel elimination
ปกติระยะแรกหลังคลอด การเคลื่อนไหวลำไส้ลดลง การขับถ่ายอุจจาระจะปกติใน 2-3 วัน อาจท้องผูกเนื่องจากขาดน้ำ กลัวเจ็บแผลฝีเย็บ หรือการอักเสบของแผลฝีเย็บ
Bladder
กระเพาะปัสสาวะเต็ม สังเกตได้จากผนังหน้าท้องส่วนล่างเหมือนหัวหน่าวโป่ง และยอดมดลูกลอยสูงขึ้น เป็นสาเหตุของการตกเลือดหลังคลอด
Lochia
น้ำคาวปลา เป็นสิ่งที่ขับออกมาจากแผลภายในโพรงมดลูกตรงตำแหน่งที่รกเคยเกาะอยู่ จำนวนจะแตกต่างกันในแต่ละวัน ถ้าขุ่มผ้าอนามัย 1 ผืน ประมาณ 50 มล.
Episiotomy
แผลฝีเย็บ ตรวจลักษณะของการติดเชื้อ การมีก้อนเลือดคั่ง การติดและการหายของแผล การเย็บซ่อมแซมฝีเย็บ ประเมินด้วยวิธี REEDA : แดง (Redness) บวม (Edema) ช้ำ (Ecchymosis) หนอง (Discharge)
ขอบแผล (Approximation)
Homan's sign
ประเมินว่ามีหลอดเลือดดำอักเสบและอุดตันจากการที่ขารู้สึกเจ็บละหนัก ให้มารดาเหยียดขา ดันปลายเท้าเข้าหาลำตัว น่องตึง ถ้าปวดมาก เรียกว่า Human's sign positive
Emotional status
การประเมินด้านจิตใจ การปรับตัวของมารดาหลังคลอดปกติ 1-2 วันแรก จะมีพฤติกรรมพึ่งพาผู้อื่น หลังจากนั้น 10 วันจะเริ่มพึ่งพาตนเองและสนใจทารกมากขึ้น ถ้าปรับตัวไม่ได้จะเกิดอาการ Postpartum blues ร้องไห้ หงุดหงิด นอนไม่หลับ รับประทานอาหารไม่ได้
Breast
เต้านม ควรประเมินลักษณะ ขนาดของเต้านม และยกทรงที่สวม มักจะมีอาการคัดตึง คลำไม่พบก้อน คัดตึง 2-3 วันหลังคลอด มักเกิดจากการคั่งของเลือดและน้ำเหลือง เต้านมจะแข็ง กดเจ็บ หลัง3-4วันไปแล้วจะเกิดการคั่งของน้ำนม หัวนมอาจะแตกแยกเป็นแผล หัวนมสั้น หัวนมบอดหรือบุ๋ม
ความหมายของระยะหลังคลอด
ระยะเวลาตั้งแต่หลังคลอดรกจนถึง 6 สัปดาห์หลังคลอด
ระยะแรก : หลังคลอด 24 ชั่วโมงแรก
ระยะหลัง : จากระยะแรกจนถึง 6 สัปดาห์