การตรวจสอบคุณภาพเครื่องมือที่ใช้ในการวิจัย

คุณภาพที่สำคัญของแบบทดสอบที่จะต้องทำการตรวจสอบ ได้แก่ ความยาก อำนาจจำแนก ความเที่ยง และความเชื่อมั่น ข้นอยู่กับแนวคิดประเภทแบบทดสอบ แบ่งออกเป็น 2 แนวคิด

แบบทดสอบอิงกลุ่ม

แบบทดสอบอิงเกณฑ์

  1. การตรวจสอบคุณภาพแบบทดสอบอิงกลุ่ม

ความยากของข้อสอบอิงกลุ่ม (difficulty : p)

คุณสมบัติของความยาก (p) มีดังนี้

สัดส่วนของจำนวนผู้ทำข้อสอบข้อนั้นถูกกับจำนวนคนเข้าสอบทั้งหมด

  1. ถ้าค่าความยากของตัวถูกมีค่าสูง แสดงว่าข้อสอบง่าย หรือมีคนถูกทำมาก
  1. ค่าความยากมีค่าตั้งแต่ 0.00 ถึง 1.00
  1. ค่าวามยากที่ดีสำหรับตัวถูกมีค่าอยู่ระหว่าง 0.20 ถึง 0.80 ส่วนตัวลวงมีค่าอยู่ระหว่าง 0.05 ถึง 0.50
  1. ถ้าค่าความยากของตัวถูกมีค่าต่ำ แสดงว่าข้อสอบยาก หรือมีคนทำถูกน้อย
  1. อำนาจจำแนกของข้อสอบอิงกลุ่ม (discrimination : r)

ประสิทธิภาพของข้อสอบในการจำแนกผู้เข้าสอบออกเป็นกลุ่มเก่งและกลุ่มอ่อน หรือกลุ่มสูงและกลุ่มต่ำ

คุณสมบัติของค่าอำนาจจำแนก (r) มีดังนี้

  1. ถ้าค่าอำนาจจำแนกสูง แสดงว่าข้อสอบมีอำนาจจำแนกสูง
  1. ถ้าค่าอำนาจจำแนกต่ำหรือเป็นศูนย์ แสดงว่าข้อสอบมีอำนาจจำแนกต่ำ หรือไม่มีอำนาจจำแนก
  1. ค่าอำนาจจำแนกมีค่าตั้งแต่ -1.00 ถึง 1.00
  1. ค่าอำนาจจำแนกที่ดีของตัวถูกมีค่าอยู่ระหว่าง 0.20 ถึง 1.00 ส่วนตัวลวงมีค่าอยู่ระหว่าง 0.05 ถึง 0.50

วิธีวิเคราะห์ข้อสอบรายข้อ

ใช้เทคนิค 27%

นับจำนวนกระดาษเรียงคะแนนสูงสุดลงมา 27%

เรียงกระดาษคำตอบจากคะแนนสูงไปหาคะแนนต่ำ

นำกระดาษในกลุ่มสูง ไปลงรอยขีด (tally) ในแบบฟอร์ม

นำข้อสอบที่สร้างขึ้นตามตารางวิเคราะห์หลักสูตรไปสอบกับนักเรียน

ความเที่ยงตรงของแบบทดสอบอิงกลุ่ม

ความเที่ยงตรง (validity)

ประสิทธิภาพของแบบทดสอบที่สามารถวัดลักษณะ (trait) ที่ต้องการจะวัดได้ แบ่งได้เป็น 4 ชนิด

ความเที่ยงตรงตามโครงสร้าง (constuct validity)

ความเที่ยงตรงเชิงพยากรณ์ (predictive validity)

ความเที่ยงตรงเชิงเนื้อหา (content validity)

ความเที่ยงตรงตามสภาพ (concurrent validity)

ความเชื่อมั่นของแบบทดสอบอิงกลุ่ม

ความเชื่อมั่น (reliabitity)

ความคงที่แน่นอนของคะแนนที่ข้อสอบวัดออกมาได้ตามความมุ่งหมาย การหาค่าความเชื่อมั่น นิยมใช้ 2 วิธี

  1. แบบทดสอบนั้นจะต้องวัดคุณลักษณะ (traits) ร่วมกัน หรือวัดองค์ประกอบเดียวกัน
  1. ผู้ทำถูกให้ 1 คะแนน ผู้ทำผิดให้ 0 คะแนน ในรายรายข้อหนึ่ง ๆ

สูตรในการหาค่าความเชื่อมั่นของแบบทดสอบที่คูเลอร์ - ริชาร์ดสัน (Kuder-Richardson) คิดขึ้น มี 2 สูตร

1.KR 20

  1. KR 21

การตรวจสอบคุณภาพแบบทดสอบอิงเกณฑ์

ความยากของข้อสอบอิงเกณฑ์

เป็นการทดสอบเพื่อเปรียบเทียบความสามารถของผู้เรียนกับเกณฑ์ที่เป็นมาตรฐานว่าอยู่ในระดับถึงมาตรฐานที่ยอมรับหรือไม่

อำนาจจำแนกของข้อสอบอิงเกณฑ์

ประสิทธิภาพในการจำแนกระดับความสามารถของผู้เรียนรู้แล้ว (กลุ่มรอบรู้) กับผู้ที่ยังไม่เรียน (กลุ่มไม่รอบรู้)

อำนาจจำแนกตามวิธีของคริสปีน และเฟลด์ลูเซน

ความเที่ยงตรงของแบบทดสอบอิงเกณฑ์

ความเที่ยงตรงเชิงเนื้อหา

พิจารณาความสอดคล้องระหว่างข้อสอบแต่ละข้อกับจุดประสงค์ที่กำหนด (item objective congruence : IOC)

ความเที่ยงตรงเชิงโครงสร้าง

จะทราบความเที่ยงตรงเชิงโครงสร้างก็ต่อเมื่อนำข้อสอบกับกลุ่มตัวอย่าง

ความเชื่อมั่นของแบบทดสอบอิงเกณฑ์

การตรวจสอบคุณภาพมาตราส่วนประมาณค่า

  1. ความเที่ยงตรงของมาตราส่วนประมาณค่า
  1. อำนาจจำแนกของแบบมาตราส่วนประมาณค่า

ประสิทธิภาพของข้อ (item) ในการจำแนกผู้ตอบออกมาเป็นผู้ที่มีคุณลักษณะตามที่เครื่องมือนั้นวัดได้สูงกับผู้ที่มีคุณลักษณะตามที่เครื่องมือนั้นวัดได้

การหาค่าอำนวจจำแนก โดยวิธีการทดสอบค่าที (t-test)

  1. แบ่งกลุ่มผู้ตอบออกเป็น 3 กลุ่ม
  1. นำคะแนนแต่ละข้อมาหาค่าเฉลี่ย และส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐานของกลุ่มสูง และกลุ่มต่ำ
  1. เรียงลำดับคะแนนจากผู้ที่ได้คะแนนรวมสูงสุดลงมาถึงคะแนนรวมต่ำสุด

นำแต่ละข้อมาหาค่าที โดยคำนวณจากสูตร

  1. ตรวจให้คะแนนแต่ละข้อ ผู้ที่ได้คะแนนรวมสูงแสดงถึงการมีคุณลักษณะในด้านเครื่องมือนั้นวัดสูง ส่วนผู้ที่ได้คะแนนรวมต่ำแสดงถึงการมีคุณลักษณะในด้านที่เครื่องมือนั้นวัดต่ำ

กลุ่มสูง

กลุ่มกลาง

และกลุ่มต่ำ

การหาค่าอำนาจจำแนก โดยวิธีการหาค่าสหสัมพันธ์ระหว่างคะแนนรายข้อกับคะแนนรวม (item total correlation)

เป็นการตรวจสอบความสอดคล้องของคะแนนรายข้อกับคะแนนรวมทั้งฉบับ โดยการหาค่าสัมประสิทธิ์สหสัมพันธ์แบบเพียร์สัน

ความเที่ยงตรงของเครื่องมือเก็บรวบรวมข้อมูลแบบมาตราส่วนประมาณค่านี้พิจารณาความเที่ยงตรงเชิงเนื้อหา

  1. ความเชื่อมั่นของมาตราส่วนประมาณค่า

ครอนบาค (Cronbach) ได้ดัดแปลงวสูตร KR-20 แล้วเสนอสูตรสัมประสิทธิ์แอลฟา (coefficient alpha)

การตรวจสอบคุณภาพการสังเกต

  1. ความเที่ยงตรงเชิงเนื้อหา

การเก็บรวบรวมข้อมูลโดยการสังเกต
จะต้องมีความเที่ยงตรงเชิงเนื้อหา
พิจารณา 3 ประการ

  1. วิธีที่ใช้สังเกต จะต้องพิจารณาว่าข้อมูลที่ไปสังเกตนั้นควรใช้วิธีการสังเกตอย่างใดจึงจะได้ข้อมูลตรงกับความเป็นจริง
  1. ผู้สังเกต จะต้องพิจารณาว่าผู้สังเกตมีความรู้ความสามารถและความเที่ยงตรงหรือไม่
  1. ความสอดคล้อง ชัดเจน และครบถ้วน
  1. ความเชื่อมั่น

ความเชื่อมั่นของการสังเกตเป็นความสอดคล้องของการสังเกต ซึ่งอาจจะสังเกตคนเดียวในเวลาที่ต่างกัน หรือสังเกตพร้อม ๆ กับคนในเวลาเดียวกันก็ได้

  1. วิธีให้ผู้สังเกตคนเดียวสังเกตในเวลาที่ต่างกัน
  1. ใช้ผู้สังเกตหลายคนสังเกตพฤติกรรมเดียวกันในกลุ่มเดียวกัน

การตรวจสอบคุณภาพการสัมภาษณ์

  1. ความเที่ยงตรงเชิงเนื้อหา

เครื่องมือวัดได้ตรงตามเนื้อหาและครอบคลุมครบถ้วนตามเนื้อหาที่ต้องการวัด

  1. ความเชื่อมั่น

ความสามารถของเครื่องมือ ที่จะแสดงใช้วัดซ้ำ ๆ หลาย ๆ ครั้งแล้ว จะยังให้ผลเหมือนเดิม วิธีการตรวจสอบความเชื่อมั่นมีหลายวิธี ดังนี้

คนสัมภาษณ์หลายคนสัมภาษณ์ข้อมูลเดียวกัน

การสัมภาษณ์ซ้ำ

จะใช้ผู้สัมภาษณ์คนเดียวไปสัมภาษณ์กลุ่มตัวอย่าง 2 ครั้ง

ใช้คนสัมภาษณ์หลาย ๆ คน สามารถคำนวณได้ 2 วิธี

การหาสัมประสิทธิ์ความสอดคล้องโดยใช้สูตร kendell

วิธีวิเคราะห์ความแปรปรวนตามวิธีของฮอยท์

ความเที่ยงตรงของมาตราส่วนประมาณค่า