Please enable JavaScript.
Coggle requires JavaScript to display documents.
การพยาบาลหญิงตั้งครรภ์ที่มีภาวะแทรกซ้อนในขณะตั้งครรภ์ กรณี 5 - Coggle…
การพยาบาลหญิงตั้งครรภ์ที่มีภาวะแทรกซ้อนในขณะตั้งครรภ์
กรณี 5
รกเกาะต่ำ (placenta previa)
ความหมาย
ภาวะที่รกหรือส่วนของรกมีการฝังตัวลงมาถึงบริเวณส่วนล่างของผนังมดลูก (lower uterine segment) ซึ่งรกอาจจะฝังตัวใกล้หรือปกคลุมบริเวณปากมดลูกด้านใน internal os จัดเป็นกลุ่มรกเกาะต่ำระดับน้อย (minor previa) กรณีรกฝังตัวคลุมปากมดลูกบางส่วนหรือทั้งหมด จัดเป็นกลุ่มรกเกาะต่ำระดับมาก (major previa สาเหตุสำคัญของภาวะรกเกาะต่ำที่ทำให้หญิงตั้งครรภ์ และทารกเจ็บป่วยหรือเสียชีวิต คือ การตกเลือดและการคลอดก่อนกำหนด ความรุนแรงขึ้นอยู่กับความมากน้อยของการปกคลุมของรกบนปากมดลูกด้านใน
การพยาบาล
หญิงตั้งครรภ์เสี่ยงต่อการเกิดภาวะช็อค เนื่องจากมีรกเกาะต่ำและมีเลือดออกทางช่องคลอด
แนะนำให้ทราบและเข้าใจภาวะผิดปกติที่เกิดขึ้น แนวทางการรักษาพยาบาลที่จะได้รับ และแจ้งว่าจะต้องนอนพักจนกว่าเลือดจะหยุด
ให้งดน้ำและอาหารทางปากและให้ได้สารน้ำและอาหารทางหลอดเลือดดำตามแผนการรักษา คือ 5% D in N/2 1000 ml. IV drip 120 ml./hr.
ใส่ผ้าอนามัย เพื่อประเมินเลือดที่ออกทางช่องคลอด โดยคาดคะเนจากเลือดที่ชุ่มผ้าอนามัยหรือการชั่งน้ำหนัก 1 gm. เท่ากับปริมาณเลือด 1 ml. ทำความสะอาดอวัยวะสืบพันธุ์ภายนอกและเปลี่ยนผ้าอนามัยอย่างน้อยทุก 8 ชั่วโมงหรือเมื่อสกปรก ถ้าพบเลือดออกมากผิดปกติรายงานแพทย์
ประเมินชีพจรหายใจความดันโลหิตทุก 15 นาที อุณหภูมิทุก 4 ชั่วโมงจนกว่าสัญญาณชีพจะปกติและไม่มีอาการแสดงของภาวะช็อค
การตั้งครรภ์ในสตรีสูงวัย (Elderly gravida or advanced age pregnant women)
ความหมาย
การตั้งครรภ์ในสตรีที่มีอายุมากกว่า 35 ปีขึ้นไป นับจากวันเกิดของสตรีจนถึงวันกำหนดคลอด ถ้าเป็นการตั้งครรภ์ครั้งแรกเรียกว่า elderly primigravida
การพยาบาล
หญิงตั้งครรภ์เสี่ยงต่อภาวะแทรกซ้อนจากการตั้งครรภ์เนื่องจากหญิงตั้งครรภ์ มีอายุมาก
อธิบายให้หญิงตั้งครรภ์ ที่มีอายุ
มากรับทราบและเข้าใจถึงความเสี่ยงและภาวะแทรกซ้อน ของการตั้งครรภ์
อธิบายความจำเป็นในการตรวจคัดกรอง และการวินิจฉัยความผิดปกติของโครโมโซมทารกในครรภ์ เช่น การตรวจอัลตราซาวด์(ultrasonography) การเจาะน้ำคร่ำ (amniocentesis) และการเจาะเลือดจากสายสะดือของทารก (chorionic villus sampling: CVS) เป็นต้น
. แนะนำการปฏิบัติตนขณะตั้งครรภ์ทั้งด้านโภชนาการ การปฏิบัติตนกับการเปลี่ยนแปลง ที่เกิดขึ้นกับร่างกายขณะตั้งครรภ์ และการสังเกต อาการผิดปกติที่ควรรีบมาโรงพยาบาลขณะตั้งครรภ์
สอนและเน้นให้เห็นถึง
ความสำคัญของ การสังเกตการดิ้นของทารกในครรภ์ ซึ่งเป็นสิ่งสำคัญในการประเมินสุขภาพของทารกในครรภ์ โดยเฉพาะในหญิงตั้งครรภ์ ที่มีอายุมากและมีโรค ประจำตัวหรือภาวะแทรกซ้อนขณะตั้งครรภ์
Preterm Labor (ภาวะเจ็บครรภ์คลอดก่อนกำหนด)
ความหมาย
การเจ็บครรภ์คลอดที่เกิดขึ้นในช่วงอายุครรภ์ก่อน 37 สัปดาห์ หรือ 259 วัน นับจากวันแรกของประจำเดือนครั้งสุดท้าย โดยมีการหดรัดตัวของมดลูกอย่างสม่ำเสมออย่างน้อย 4 ครั้งใน 20 นาที หรือ 8 ครั้งใน 60 นาที ร่วมกับปากมดลูกมีการเปลี่ยนแปลงชัดเจน โดยปากมดลูกเปิดอย่างน้อย 2 เซนติเมตร หรือปากมดลูกบางตัวตั้งแต่ร้อยละ 80 ขึ้นไป
ลักษณะของการเจ็บครรภ์คลอดก่อนกำหนด จะเหมือนกับการเจ็บครรภ์จริงคือ มีการหดรัดตัวของมดลูกสม่ำเสมอ ร่วมกับมีการเปลี่ยนแปลงของปากมดลูก อาจมีอาการปวดหรือไม่มีอาการปวดร่วมด้วย ได้แก่ ปวดถ่วงท้องน้อยในอุ้งเชิงกราน ปวดท้องน้อยคล้ายปวดประจำเดือน ปวดหลังส่วนล่าง ปวดบั้นเอว ปวดถ่วงในช่องคลอดฝีเย็บ และทวารหนัก ปวดเกร็งจากการบีบตัวของลำไส้ ท้องเสีย
ถ่ายปัสสาวะบ่อย มีมูกปนเลือดหรือมีน้ำคร่ำออกทางช่องคลอด
การพยาบาล
ทารกมีโอกาสเกิดภาวะแทรกซ้อน เช่น การหายใจถูกกด อุณหภูมิร่างกายต่ำ เนื่องจากการคลอดก่อนกำหนด
ให้ได้รับยากระตุ้นการสร้างสารเคลือบถุงลมตามแผนการรักษา Dexamethasone 6 mg q 12 hrs. 2 day
วางแผนการช่วยเหลือการคลอดและการช่วยเหลือทารกแรกเกิด เมื่อไม่สามารถหยุดยั้งการคลอดได้ และเข้าสู่ระยะที่ 2 ของการคลอด
ภาวะโลหิตจางในหญิงตั้งครรภ์ (Anemia)
ความหมาย
ภาวะที่ค่าฮีโมโกลบิน (Hemoglobin: Hb) น้อยกว่าปกติทำให้ความสามารถในการนำออกซิเจนไปยังส่วนต่างๆของร่างกายลดลง โดยใช้เกณฑ์น้อยกว่า 10.5 หรือ 11 กรัม / เดซิลิตรส่วนเกณฑ์ที่ Center of Disease Control (CDC) แนะนำให้ใช้คือถ้าตั้งครรภ์ในครั้งแรกใช้เกณฑ์ฮีมาโตครีต (Hematocrit: Hct) น้อยกว่าร้อยละ 33 หรือฮีโมโกลบินน้อยกว่า 11 กรัม / เดซิลิตรในไตรมาสที่สองใช้เกณฑ์ Hematocrit น้อยกว่าร้อยละ 32 หรือฮีโมโกลบินน้อยกว่า 10.5 กรัม / เดซิลิตรและไตรมาสที่สามใช้เกณฑ์ Hematocrit น้อยกว่าร้อยละ 33 หรือฮีโมโกลบินน้อยกว่า 11 กรัม / เดซิลิตร 4
เนื่องจากหญิงตั้งครรภ์ปกติ มีการเพิ่มปริมาณของพลาสมามากกว่าปริมาณของเม็ดเลือดแดง ทำให้ฮีโมโกลบินต่ำลงจากการเจือจางของโลหิต (Hemodilution) หรือเรียกว่า ภาวะโลหิตจางจากการเปลี่ยนแปลงทางสรีรวิทยา (Physiological anemia) โดยมีฮีโมโกลบินต่ำกว่า 12 กรัมเปอร์เซ็นต์ แต่ไม่ต่ำกว่า 10 กรัมเปอร์เซ็นต์ และไม่ถือว่าเป็นภาวะโลหิตจางที่แท้จริง จะถือว่าหญิงตั้งครรภ์มีภาวะโลหิตจางโดยเกณฑ์ คือ ฮีมาโตคริตต่ำกว่า 30 เปอร์เซ็นต์ / ฮีโมโกลบินต่ำกว่า 10 กรัมเปอร์เซ็นต์
การพยาบาล
หญิงตั้งครรภ์มีภาวะซีด เนื่องจากมีเลือดออกทางช่องคลอดขณะตั้งครรภ์จากภาวะรกเกาะต่ำ
อธิบายให้หญิงตั้งครรภ์ และครอบครัวทราบและเข้าใจถึงภาวะผิดปกติที่เกิดขึ้น แนวทางการรักษาพยาบาลที่จะได้รับ และความจำเป็นจะต้องนอนพักรักษาตัวในโรงพยาบาลจนกว่าเลือดจะหยุด หรือจนกว่าอายุครรภ์ครบกำหนดคลอด ซึ่งอาจใช้ระยะเวลานานเป็นสัปดาห์ หรือเป็นเดือน ภาวะแทรกซ้อนที่อาจจะเกิดขึ้นเช่น โอกาสคลอดก่อนกำหนดโอกาสตกเลือดโอกาสได้รับเลือด และหรือโอกาสที่จะต้องตัดมดลูกกรณีตกเลือด
รุนแรง ตลอดจนการปฏิบัติตัวที่เหมาะสม
ประเมินอาการผิดปกติอย่างใกล้ชิดเช่น อาการและอาการแสดงของภาวะช็อค การประเมินสัญญาณชีพเป็นระยะการบันทึกปริมาณสารน้ำ และการหดรัดตัวของมดลูก
ใส่ผ้าอนามัย โดยคาดคะเนจากเลือดที่ชุ่มผ้าอนามัย หรือการชั่งนำ้หนัก1กรัม เท่ากับปริมาณเลือด1ซีซี. ทำความสะอาดอวัยวะสืบพันธุ์ภายนอกและเปลี่ยนผ้าอนามัยอย่างน้อยทุก 8 ชั่วโมง หรือเมื่อสกปรก
การตั้งครรภ์แฝด (twin pregnancy, multifetal pregnancy, หรือ multiple gestation)
ความหมาย
การตั้งครรภ์ที่มีทารกในครรภ์มากกว่าหนึ่งขึ้นไป การเรียกชื่อจึงแตกต่างกันออกไปแล้วแต่จำนวนทารก ได้แก่ แฝดคู่ (Twins) แฝดสาม (Triplets) แฝดสี่ Quadruplets) แฝดห้า (Quintuplets) แฝดหก (Sextuplets) เป็นต้น พบว่าการตั้งครรภ์แฝดมีผลทำให้เพิ่มภาวะแทรกซ้อนจากการตั้งครรภ์ทั้งต่อมารตาและทารก โดยพบว่ายิ่งจำนวนทารกมากขึ้น โอกาสเกิดภาวะแทรกซ้อนก็ยิ่งสูงขึ้น ดังนั้นหากสามารถวินิจฉัยก่อนคลอดและให้การดูแลรักษาความผิดปกติของทารกได้รวดเร็วขึ้นจะส่งผลให้อัตราตายและทุพพลภาพปริกำเนิดลดลง แต่อย่างไรก็ตามยังพบว่าอัตราตายและทุพพลภาพปริกำเนิดยังคงสูง สาเหตุอาจเนื่องมาจากภาวะแทรกซ้อนจากการตั้งครรภ์แฝดรุนแรงมากกว่าการตั้งครรภ์เดี่ยว
การพยาบาล
หญิงตั้งครรภ์มีโอกาสเกิดภาวะแทรกซ้อนในระยะคลอด เนื่องจากตั้งครรภ์แฝด
อธิบายให้หญิงตั้งครรภ์ ทราบและเข้าใจเกี่ยวกับวิธีการช่วยคลอด การปฏิบัติตัวขณะคลอด และแนวทางการรักษาพยาบาลที่จะได้รับ
ให้งดน้ำและอาหารทางปากดูแลให้ได้รับสารน้ำทางหลอดเลือดดำ 5% D/NSS 1000 ml V, drip 120 ml /hr.
ฟังเสียงการเต้นหัวใจทารกทุก 15-30 นาที
ช่วยบรรเทาความเจ็บปวดโดยวิธีการผ่อนคลายกล้ามเนื้อ ควบคุมการหายใจ การลูบหน้าท้อง และการนวดหลังบริเวณกระเบนเหน็บ