Please enable JavaScript.

Coggle requires JavaScript to display documents.

การใช้กระบวนการพยาบาลในการดูแลมารดาและทารกที่มีภาวะแทรกซ้อนในระยะตั้งครรภ์…

- - - - มีเนื้องอกกดหรือดันให้ท่อนำไข่คดงอ
      - มีพังผืดรัดตัวอยู่รอบๆ ท่อนำไข่
      - การอักเสบเรื้อรังในช่องท้อง (pelvic inflammatory disease)
      - มีแผลเป็นจากที่เคยผ่าตัดท่อนำไข่ (tubal surgery)
        
        การผ่าตัดแก้หมัน
        
        การผ่าตัดเนื้องอกที่ท่อนำไข่
      - ความผิดปกติของท่อนำไข่แต่กำเนิด
        
        ท่อนำไข่คดงอ (diverticular)
        
        ท่อนำไข่ยาวผิดปกติ
      - ความผิดปกติของฮอร์โมน
  - - - ผลข้างเคียง คลื่นไส้ อาเจียน ท้องเสีย อักเสบในช่องปาก กระเพาะอาหารและลำไส้ ผมร่วง กดไขกระดูก ผิวหนังอักเสบ ตับแข็ง ไตพิการ กระดูกผุ ปอดอักเสบ
- - - - 1.ขนาดของมดลูกเล็กกว่าอายุครรภ์ คลำส่วนของทารกได้ชัดเจน
      - 2.สตรีมีครรภ์อาจรู้สึกว่าทารกเคลื่อนไหวน้อยกว่าปกติเนื่องจากมดลูกบีบรัด
  - - - ประเมินความก้าวหน้าของการคลอด
      - ฟังเสียงหัวใจทารกอย่างใกล้ชิด
      - แนะนำให้นอนตะแคงซ้าย
      - หลีกเลี่ยงการใช้ยาบรรเทาปวด
    - - ประเมินความพิการ ความผิดปกติของทารก
      - ให้การช่วยเหลือทารกแรกเกิดที่มีน้ำหนักตัวน้อย
      - ควบคุมอุณหภูมิ
      - ประเมินการหดรัดตัวของมดลูก
    - - แนะนำให้พักผ่อนอย่างเพียงพอ
      - รับประทานอาหารที่มีคุณค่า
        ทางโภชนาการเพิ่มโปรตีน
      - นับการดิ้นของทารกในครรภ์
      - ติดตามระดับความสูง
        ของยอดมดลูก
  - - - การตั้งครรภ์เกินกำหนด (Post-term)
      - ภาวะแทรกซ้อนทางอายุรกรรม
        
        ภาวะความดันโลหิตสูงร่วมกับ
        การตั้งครรภ์โรคเบาหวาน
      - การแตกรั่วของถุงน้ำคร่ำเป็นเวลานาน
        (Prolonged PROM)
      - การใช้ยาบางอย่าง
        
        Protaglandin synthetase inhibitor
        
        Angiotension-converting enzyme inhibitor
    - - ทารกพิการระบบทางเดินปัสสาวะ ทำให้ปัสสาวะออกน้อยผิดปกติ
        
        การอุดตันของระบบทางเดินปัสสาวะ
        
        ความผิดปกติของไต
        
        Renal agenesis
        
        Renal dysplasia
        
        Chromosomal abnormalities
        
        Turner syndrome
        
        Triploidy , Trisomy 18
        
        ทารกเจริญเติบโตช้าในครรภ์
        
        ทารกแฝดที่มีภาวะ
        Twin-twin transfusion syndrome
- - - - เมื่อถุงน้ำคร่ำแตกหรือถูกเจาะที่บริเวณปากมดลูก จะทำให้หลอดเลือดที่ทอดผ่านปาก
        
        เมื่อมีการฉีดขาด จะมีเลือดไหลออกมาจากสายสะดือซึ่งมาจากตัวทารก
        
        ทารกในครรภ์เสียเลือด ขาดออกซิเจน
        มีโอกาสตายในครรภ์สูง
  - - - แบ่งเป็น 2 ระยะ
        
        ขณะตรวจทางช่องคลอดจะคลำพบหลอดเลือด
        ที่เต้นในจังหวะเดียวกับการเต้นของหัวใจทารก
        
        ส่องตรวจถุงน้ำคร่ำ (amnioscopy)
        จะเห็นหลอดเลือดทอดอยู่บนถุงน้ำคร่ำชัดเจน
        
        ตรวจด้วย Ultrasound
        เห็นหลอดเลือดทอดอยู่ต่ำกว่าส่วนนำ
        
        FHR มีภาวะ Variable deceleration
- - - - การดิ้นของทารกในครรภ์
      - ทารกจะดิ้นอายุครรภ์ 18-20 สัปดาห์
      - มารดาจะรู้สึกได้ในช่วง 16-18 สัปดาห์
  - - - มีความเสี่ยงต่อการเสียชีวิตในครรภ์เป็น 2 เท่า
      - เมื่ออายุครรภ์ > 42 สัปดาห์ จะเพิ่มเป็น 4 เท่า
      - สาเหตุส่วนใหญ่เกิดจาก เช่น
        
        ภาวะขาดออกซิเจน
        
        ภาวะสำลักขี้เทาในน้ำคร่ำ
        
        การติดเชื้อในครรภ์
      - ทารกในครรภ์มีขนาดใหญ่กว่าทารกครบกำหนด
      - เสี่ยงต่อการคลอดยากติดไหล่
    - - มีแนวโน้มทำให้การดำเนินการคลอดผิดปกติ
      - มีโอกาสคลอดด้วยหัตถการช่วยคลอด
      - ทำให้บาดเจ็บจากการคลอดสูงขึ้น
- - - - 2.ทารกมีขี้เทาปนในน้ำคร่ำ ลักษณะขี้เทาในน้ำคร่ำ แบ่งออกเป็น 3 รูปแบบ คือ
      - 2.1 น้ำคร่ำมีสีเหลือง (mild meconium stained)
      - คือ ภาวะที่ทารกถ่ายขี้เทาจำนวนเล็กน้อย
      - 2.2น้ำคร่ำมีสีเขียวปนเหลือง (moderate meconium stained) คือ ทารกมีการถ่ายขี้เทาระดับปานกลาง
      - 2.3น้ำคร่ำมีสีเขียวคล้ำและข้น (thick meconium stained) คือ ทารกมีการถ่ายขี้เทาเป็นจำนวนมาก
  - - - 1.การช่วยฟื้นคืนชีพทารกในครรภ์ (intrauterine resuscitation) เพื่อให้เลือดไปเลี้ยงส่วนต่างๆของทารกได้ดีขึ้น
      - 1.1จัดท่าให้นอนตะแคงซ้าย ดูแลให้ได้รับออกซิเจนทางหน้ากาก (mask) 10 ลิตร/นาที
      - 1.2หากผู้คลอดได้รับการฉีดยา epidural nerve block ดูแลปรับความดันโลหิตที่ลดต่ำลงโดยการเพิ่มสารละลายทางหลอดเลือดดำมากขึ้น
    - - 1.3หยุดการได้รับสารละลายที่กระตุ้นการหดรัดตัวของมดลูก ได้แก่ กลุ่ม oxytocin
      - 1.4ตรวจทางช่องคลอดเพื่อตรวจสายสะดือพลัดต่ำ
      - 1.5ดูแลให้ผู้คลอดได้รับ LRS 500-1000 cc ใน 20 นาที
      - 1.6เมื่อทารกแสดงผล tracing ในแบบที่ 2 3
      - 1.6.1ดูแลการทำ amnioinfusion
  - - - 2.จัดท่าให้ผู้คลอดอยู่ในท่าศีรษะสูง เช่น ท่านั่งท่าคุกเข่า ท่ายืน เพื่อช่วยให้ศีรษะทารกเคลื่อนลงมาได้ดีขึ้น
        
        3.ประเมินการหดรัดตัวของมดลูกทุก30 นาที – 1 ชั่วโมง
        
        4.สังเกตลักษณะสีของน้ำคร่ำว่ามีขี้เทาปนหรือไม่
        
        5.ดูแลให้ผู้คลอดได้รับสารละลายอย่างเพียงพอ
        
        6.กระตุ้นให้ผู้คลอดถ่ายปัสสาวะ
    - - ระยะตั้งครรภ์
      - 1.ประเมินและวินิจฉัยภาวะสุขภาพของสตรีตั้งครรภ์และทารกในครรภ์
      - 2.ให้คำแนะนำการปฏิบัติตัวในระยะตั้งครรภ์เพื่อหลีกเลี่ยงภาวะแทรกซ้อน
      - 3.ให้คำแนะนำเกี่ยวกับการประเมินสภาวะทารกในครรภ์ การสังเกต การนับลูกดิ้น
  - - - 1.ภาวะที่เลือดไหลเวียนไปที่รกไม่ดี/ไม่เพียงพอ
      - มี 2 สาเหตุใหญ่ๆ คือ
      - 1.1ภาวะที่เลือดไหลเวียนไปยังรกไม่เพียงพอแบบฉับพลัน ได้แก่ มดลูกหดรัดตัวมากหรือแรงเกินไป ได้รับยากระตุ้นการหดรัดตัวเกินขนาดทำให้เกิดภาวะ tatanic contraction มีภาวะรกลอกตัวก่อนกำหนด รกเกาะต่ำ Vasa previa
      - 1.2ภาวะที่เลือดไหลไปยังรกไม่เพียงพอแบบเรื้อรัง ได้แก่ ผู้คลอดมีภาวะแทรกซ้อนทางอายุรศาสตร์ เช่น ความดันโลหิต เบาหวาน โลหิตจาง โรคหัวใจ class 2 3 และ 4