Please enable JavaScript.
Coggle requires JavaScript to display documents.
กรณีศึกษาที่ 1, ผลกระทบต่อภาวะสุขภาพของหญิงตั้งครรภ์ - Coggle Diagram
กรณีศึกษาที่ 1
ภาวะครรภ์แฝดน้ำ
สาเหตุและปัจจัยเสี่ยง
ด้านทารก
ความผิดปกติด้านระบบประสาทส่วนกลาง เช่น anencephaly, spina bifida
ความผิดปกติของระบบทางเดินอาหาร เช่น cleft lip/palate, esophageal atresia, duodenal atresia, diaphragmatic hernia
-
ความผิดปกติอื่น ๆ เช่น trisomy18, hydrops fetails
-
สาเหตุที่เกี่ยวกับรกและเยื่อหุ้มทารก เช่น chorioangioma, amnitis, congenitis syphilis
-
-
แนวทางการรักษา
รักษาสาเหตุโดยตรง เช่น ทำ intravascular transfusion ในรายที่มีภาวะ Rh-incompatibility ซิฟิลิส ควบคุมโณคเบาหวาน กรณีทารกไม่มีโอกาสรอดชีวิตควรสิ้นสุดการตั้งครรภ์โดยเร็วที่สุด ได้แก่ Bart's hydrops fetalis, anencephaly และ trisomy18
รักษาแบบประคับประคอง
-
ให้ยา Indomethacin แนะนำครั้งแรกในขนาด 25 mg ทุก 6 ชั่วโมง แล้วค่อย ๆ ลดเหลือ 25 mg เช้า-เย็น ไม่ควรให้หลังอายุครรภ์ 32-34 สัปดาห์
-
-
แนวทางการวินิจฉัย
การซักประวัติ
ถ้าเป็น acute hydramnios อาหารรุนแรง มักเกิดรวดเร็วในระยะ 4-5 เดือนแรกของการตั้งครรภ์และเป็นสาเหตุของการคลอดก่อนกำหนด
-
การตรวจร่างกาย
การตรวจร่างกายทั่วไป พบอาการหายใจลำบาก นอนราบไม่ได้ เคลื่อนไหวไม่สะดวก บวมที่ขาและอวัยะสืบพันธ์ภายนอก
การตรวจครรภ์ พบขนาดมดลูกโตกว่าอายุครรภ์ ผนังหน้าท้องตึง คลำส่วนทารกไม่ชัดเจน ฟังเสียงหัวใจทารกได้ยาก ท่ารกมีส่วนนำผิดปกติหรืออยู่ในท่าผิดปกติ
การตรวจทางห้องปฏิบัติการ
คัดกรองเบาหวานช่วงตั้งครรภ์, ตรวจหาภาวะเลือดออกของทารกในเข้าสู่กระแสเลือดแม่ (fetomaternal hemorrhage), การติดเชื้อซิฟิลิส
การตรวจพิเศษ
ตรวจด้วยคลื่นความถี่สูง ดูปริมาณน้ำคร่ำ ค่าที่วัดจากแอ่งลึกสุดของน้ำคร่ำ ค่าดัชนีปริมาณน้ำคร่ำ ความผิดปกติของทารกในครรภ์ ครรภ์แฝด รวมทั้งการตรวจน้ำคร่ำหรือเลือดจากสายสะดือทารก
การพยาบาล
- ในระยะคลอดดูแลจัดสิ่งแวดล้อมให้สะอาดและสงบ ดูแลให้นอนท่าศีรษะสูง ตะแคงชัายเพื่อลดอาการหายใจลำบากและแน่นอึดอัด
- ประเมินสัญญาณชีพทุก 4 ชั่วโมง
- ประเมินการหดรัดตัวของมดลูกและฟังเสียงหัวใจทารกในครรภ์ ทุก 30 นาที ถึง 1 ชั่วโมง
- ดูแลความสะอาดของร่างกายทั่วไปและอวัยวะสืบพันธุ์
- กรณีที่แพทย์ทำการเจาะถุงน้ำคร่ำ ให้ประเมินเสียงหัวใจทารกในครรภ์ก่อนและหลังทันทีที่มีการแตกของถุงน้ำคร่ำ และสังเกตภาวะแทรกซ้อน
- กรณีที่พบว่ามีขี้เทา (meconium) ปนในน้ำคร่ำ หรือฟังเสียงหัวใจทารกในครรภ์ผิดปกติควรจัดให้ผู้คลอดนอนตะแคงช้าย ดูแลให้ได้รับออกชิเจน ปรับเพิ่มอัตราการหยดของสารละลายที่ได้รับทางหลอดเลือดดำ และรีบรายงานแพทย์ทราบทันที
- กรณีที่มีแผนการรักษาให้ใช้สูติศาสตร์หัตถการในการช่วยคลอดหรือผ่าตัดคลอด ควรเตรียมผู้คลอดให้พร้อมทั้งทางด้านร่างกาย จิตใจ และกฎหมาย
-
-
การแท้ง
ชนิด
การแท้งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ (Inevitable abortion) มีเลือดออกจากโพรงมดลูก ปวดท้องน้อยมาก ปากมดลูกเปิด โดยที่ยังไม่มีไม่มีชิ้นส่วนปฏิสนธิ อาจมีถุงน้ำคร่ำแตก ตรวจตัวยคลื่นเสียงความถี่สุงพบชิ้นส่วนของการตั้งครรภ์อยู่ในมดลูกส่วนล่างหรือในปากมดลูก
การแท้งคุกคาม (threatened abortion) ภาวะใกล้แท้ง มีเลือดออกกะปริดกะปรอยทางช่องคลอด ปากมดลูกปิด ปวดท้องน้อยคล้ายปวดประจำเดือน ขนาดมดลูกสัมพันธ์กับอายุครรภ์ พบ gestational sac
การแท้งครบหรือการแท้งสมบูรณ์ (complete abortion) ช่วงแรกมีอาการปวดท้องมากและมีเลือดออกมาก เมื่อชิ้นส่วนหลุดออกมาหมดแล้ว เลือดที่ออกลดลงจนหยุดไปเอง ปากมดลูกปิด ขนาดของมดลูกเล็กกว่าอายุครรภ์ ตรวจด้วยคลื่นเสียงความถี่สูงจะไม่พบชิ้นส่วนของการตั้งครรภ์
การแท้งเป็นอาจิณหรือการแท้งซ้ำ (้habitual/recurrent abortion) การแท้งเองก่อนอายุครรภ์ 20 สัปดาห์ ติดต่อกันตั้งแต่ 3 ครั้งขึ้นไป โดยไม่รวมการตั้งครรภ์นอกมดลูก ครรภ์ใช่ปลาอุก
การแท้งติดเชื้อ (septic abortion) มีการอักเสบติดเชื้อเฉพาะที่อวัยวะสืบพันธุ์หรือกระจายไปทั่วร่างกาย โดยมีใช้สูงกว่า 37.5 องศาเซลเชียส ปวดท้องน้อย ปวดมดลูก กดเจ็บบริเวณท้องน้อย มีสารคัดหลั่งที่มีกลิ่นเหม็นหรือหนองอยู่ในcervical os อาจมีอาการหนาวสั่น รายที่มีการติดเชื้อในกระแสเลือด (sepsis) อาการแสดงสำคัญ คือ ความดันโลหิตต่ำ ชีพจรเร็ว และหายใจเร็ว
การแท้งไม่ครบหรือการแท้งไม่สมบูรณ์ (incomplete abortion) มีเลือดออกช่องคลอดมาก ปวดท้องน้อยมาก ปากมดลูกเปิด ขนาดมดลูกเล็กกว่าอายุครรถ์ ตรวจด่วยคลื่นความถี่สูงพบชิ้นส่วนของการตั้งครรภ์บางส่วนค้างในโพรงมดลูก
การแท้งค้าง (missed abortion) ทารกเสียชีวิตค้างอยู่ในโพรงมดลูกเป็นเวลานานหลายวัน อาการต่าง ๆ ของการตั้งครรภ์จะหายไป มดลูกมีขนาดเล็กลงหรือไม่โตตามอายุครรภ์ การตรวจด้วยคลื่นเสียงความถี่สูงพบ ตัวอ่อนที่ตายค้างอยู่ในโพรงมดลูก โดยไม่แสดงอาการใด ๆ อาจมีเลือดออกเล็กน้อย
สาเหตุและปัจจัยเสี่ยง
-
สตรีตั้งครรภ์
-
-
-
โรคประจำตัว เช่น โรคเบาหวาน โรคต่อมไทรอยด์ โรค Cushing syndrome โรคอื่น ๆ เช่น โรคเกี่ยวกับภูมิคุ้มกัน เอสแอลอี (SLE) โรคที่เกี่ยวกับการแข็งตัวของเลือด thrombophilia ความดันโลหิตสูง
-
-
-
-
แนวทางการวินิจฉัย
การซักประวัติ
ประวัติการขาดประจำเดือนและการตั้งครรภ์ ประวัติการมีเลือดออกทางช่องคลอด อาการปวดหน่วงหรือปวดบีบที่ท้องน้อย การมีชิ้นส่วนของทารกหรือรกหลุดทางช่องคลอด
การตรวจร่างกาย
พบเลือดหรือชิ้นส่วนของทารกหรือรกออกทางช่องคลอด อาการปวดท้องน้อย ขนาดมดลูกโตไม่สัมพันธ์กับอายุครรภ์หรือระยะเวลาที่ขาดประจำเดือน ตรวจสัญญาณชีพหากเสียเลือดมากจะมีชีพจรเร็วและความดันโลหิตต่ำ
การตรวจทางห้องปฏิบัติการ
ตรวจ free beta-hCG ต่ำกว่า 20 ng/ml หรือ beta-hCG เพิ่มขึ้นน้อยกว่าร้อยละ 66 ใน 48 ชั่วโมง ตรวจพบฮอร์โมนโปรเจสเตอโรนน้่อยกว่า 45 nmol/l ในไตรมาสแรก
การตรวจพิเศษ
ตรวจคลื่นความถี่สูง ทารกยังมีชีวิตอยู่หรือไม่ ตรวจพบเลือดหลังรก (subchorionic hematoma) การตั้งครรภ์ไข่ปลาอุก การตั้งครรภ์นอกมดลูก
แนวทางการรักษา
-
การรักษาด้วยยา ยาที่นิยมใช้ในกลุ่ม prostaglandins คือ misoprostal (Cytotec) เป็นsynthetic prostaglandin E 1 analog โดยอาจจะให้รับประทาน อมใต้ลิ้น หรือ เหน็บทางช่องคลอด
การรักษาด้วยการทำหัตถการ ได้แก่ การขยาย (lilatation) ปากมดลูก ตามด้วยการขูดมดลูก (sharp curettage) หรือ ใช้คีมคีบชิ้นส่วนออก (uterine evacuation) ตามด้วยการดูดด้วยสุญญากาศ (acum aspiation)
การพยาบาล
- ต้านจิตใจ ให้สตรีตั้งครรภ์ไต้พูดระบายความรู้สึก ดูแลให้ได้รับการสนับสนุนด้านอารมณ์จากสามี และครอบครัว กรณีมีปัญหาซับซ้อน หรือมีปัญหาสุขภาพจิตควรส่งต่อให้ได้รับการปรึกษาจากผู้เชี่ยวชาญ
2.การพยาบาลขณะอยู่โรงพยาบาลดูแลให้พักผ่อนบนเดียง (Bed rest) ให้ยานอนหลับ หรือยาระงับปวดตามแผนการรักษา
- ในรายที่แท้งคุกคาม และแท้งอาจิณ ดูแลให้พักผ่อนบนเตียง (Bed rest) งด PV และงดสวนอุจจาระ ประเมินการหดรัดตัวของมดลูกและเลือดที่ออกมาจากช่องคลอดดูแลให้ได้รับการตรวจตวามก้าวหน้าของการคลอด
-
-
-