Please enable JavaScript.
Coggle requires JavaScript to display documents.
กรณีศึกษาที่ 1 - Coggle Diagram
กรณีศึกษาที่ 1
ภาวะแท้ง
-
-
-
-
-
การพยาบาล
-
-
-
-
เจาะเลือดเพื่อตรวจหาหมู่เลือด ระดับ Hb, Hct
-
-
-
การวินิจฉัย
การตรวจร่างกาย
แพทย์คลำหน้าท้องไม่พบยอดมดลูกตรวจภายในพบว่าปากมดลูกเปิดจากการ ultrasound พบว่ามีเศษชิ้นเนื้อ เศษรกเกาะอยู่ที่โพรงมดลูกซึ่งเนื่องจากหญิงตั้งครรภ์ที่เกิดการแท้งขึ้นหลังอายุครรภ์ 10 สัปดาห์เป็นต้นไปมักจะยังมีรกหรือเศษรกค้างอยู่ แพทย์จึงทำการรักษาโดยการขูดมดลูก
-
-
ภาวะแฝดน้ำ
-
-
หมายถึง การตั้งครรภ์จำนวนน้ำคร่ำมากกว่า 2,000 มิลลิลิตร หรือการตรวจค่าดัชนีในน้ำคร่ำ (Amniotic fuid index : AFI) มีค่ามากกว่าหรือเท่ากับ 95 เปอร์เซ็นต์ไทล์ของอายุครรภ์นั้น
สาเหตุ
ปัจจัยด้านมารดา
สตรีตั้งครรภ์ที่เป็นโรคเบาหวาน และไม่สามารถควบคุมระดับน้ำตาลในกระแสเลือดได้ มักพบในไตรมาสที่ 3 ของการตั้งครรภ์ จากที่มีน้ำคร่ำมากเกิดจากภาวะทารกในครรภ์มีระดับน้ำตาลในเลือดสูง ทำให้เกิดภาวะการซึมผ่านของน้ำปัสสาวะจำนวนมาก
ปัจจัยด้านทารก
ส่วนใหญ่เกิดจากทารกมีภาวะพิการแต่กำเนิดที่พบได้บ่อย ได้แก่ ความผิดปกติของระบบประสาทส่วนกลางหรือระบบทางเดินอาหาร ความผิดปกติของหัวใจ ระบบทางเดินปัสสาวะ ทารกที่มีโครโมโซมผิดปกติ ภาวะทารกบวมน้ำ ทารกที่ไม่มีกะโหลกศีรษะ (Anencephaly) หรือทารกที่มีกระดูกสันหลังโหว่ (Spina bifida) จะมีการแลกเปลี่ยน
ของน้ำผ่านเยื่อหุ้มสมองที่ปราศจากการห่อหุ้มและกลไกการขับน้ำปัสสาวะของทารกในครรภ์ที่ขาดการควบคุมจากสมอง ทำให้มีปริมาณน้ำคร่ำมากกว่าปกติ
การวินิจฉัย
การซักประวัติ
ให้ประวัติว่าเคยตั้งครรภ์แฝดน้ำหรือทารกมีความพิการแต่กำเนิดของระบบประสาทส่วนกลาง หรือเคยมีประวัติเป็นเบาหวานขณะตังครรภ์ หรือให้ประวัติว่า ขนาดของหน้าท้องขยายมากขึ้น แน่นอึดอัด หายใจลำบาก บวมที่ผนังหน้าท้อง อวัยวะสืบพันธุ์ และขาก่อนมาโรงพยาบาล 2-3 วัน ในรายที่มีอาการรุนแรงมาก อาจให้ประวัติว่ามีอาการคลื่นไส้ อาเจียนร่วมด้วย ปัสสาวะออกน้อยหรือปัสสาวะไม่ออก
การตรวจร่างกาย
-
-
การตรวจทางห้องปฏิบัติการ
การวัดค่าดัชนีในน้ำคร่ำ (Amniotic fluid index : AFI) ด้วยเครื่องคลื่นเสียงความถี่สูง โดยวัดช่องว่างที่ประกอบด้วยน้ำคร่ำที่ลึกที่สุดในแนวดิ่งใน 4 ระนาบแล้วนำค่าที่วัดได้มารวมกัน ถ้าค่าดัชนีในน้ำคร่ำมากกว่า 24 เซนติเมตรจัดว่าผิดปกติมีการตั้งครรภ์แฝดน้ำ
การพยาบาล
ระยะตั้งครรภ์
ให้รับประทานอาหารที่มีโปรตีนสูง เนื่องจากสูญเสียโปรตีนในการสร้างน้ำคร่ำไปเป็นจำนวนมาก ไม่ควรงดอาหารเค็มและจำกัดน้ำดื่ม เพราะไม่มีประโยชน์และอาจก่อให้เกิดอันตรายได้
รักษาโรคหรือภาวะผิดปกติที่มีร่วม เช่น การให้ยาขับปัสสาวะถ้าสตรีตั้งครรภ์มีอาการบวมมาก แต่ไม่ใช่การลดปริมาณน้ำคร่ำ
ให้นอนพักผ่อน ถ้าแน่นอึดอัดให้นอนศีรษะสูง ให้ยาระงับประสาทและยานอนหลับ (ถ้าจำเป็น) เพื่อลดความวิตกกังวล
ถ้าพบความผิดปกติของทารก อาจสิ้นสุดการตั้งครรภ์โดยแพทย์เจาะถุงน้ำทูนหัวให้น้ำคร่ำค่อยๆ ไหลออกมาอย่างช้ๆ แล้วให้ทารกคลอด ถ้าน้ำคร่ำไหลออกมาเร็วอาจทำให้เกิดรกลอกตัวก่อนกำหนดทำให้มารดาตกเลือดได้
ถ้าไม่พบความผิดปกติของทารก แพทย์ใช้เข็มเจาะทางหน้าท้องมารดาให้น้ำคร่ำไหลออกมาเองช้าๆ และไม่ควรเอาออกเกินคราวละ 500-1,000 มิลลิลิตร โดยเฉพาะเจาะครั้งแรกเพราะอาจทำให้เกิดเจ็บครรภ์ ถุงน้ำคร่ำแตกก่อนกำหนด อาจะเจาะถูกรก สายสะดือหรือตัวทารกและติดเชื้อได้ เจาะซ้ำได้ในวันหลังถ้าแน่นอึดอัดมากอีก
-
การให้ยาอินโดเมทาชิน (Indomethacin) ขนาด 1.5-3 มิลลิกรัม/กิโลกรัม ซึ่งยาตัวนี้มีกลไกการออกฤทธิ์ที่ปอดของทารกในครรภ์ และลดการขับปัสสาวะของทารกในครรภ์ จึงได้ผลดีในการลดปริมาณน้ำคร่ำระยะเจ็บครรภ์
ระยะเจ็บครรภ์
เมื่อทารกอยู่ท่าผิดปกติหรือสายสะดือย้อยให้จัดการช่วยคลอด โดยการผ่าตัดทารกออกทางหน้าท้อง ซึ่งถ้าพบภาวะสายสะดือย้อย ควรรีบให้ออกซิเจน นอนศีรษะต่ำ (Trendelen berge) หรือท่างอเข่าชิดอก
อาจเกิดการตกเลือดหลังคลอดจากรกไม่ลอกตัว หรือมดลูกหดตัวไม่ดีหลังรกออกแล้วได้ง่าย ฉะนั้นป้องกันโดยฉีดเมทเทอร์จิน (Methergin) หรือหยดออกชิโตชิน (Oxytocin) ทางหลอดเลือดดำหลังทารกคลอด เพื่อกระตุ้นการหดรัดตัวของมดลูกพร้อมกับดูแลมารดาอย่างใกล้ชิด
การคลอดจะดำเนินไปตามปกติ นอกจากบางรายที่มดลูกหดรัดตัวไม่ดีต้องพิจารณาหยดออกซิโตซิน (Oxytocin) เข้าหลอดเลือดดำช่วยกระตุ้นการหดรัดตัวของมดลูก
-