Please enable JavaScript.
Coggle requires JavaScript to display documents.
บทที่ 6 หน้าที่เเละมารยาทชาวพุทธ, การเเสดงความเคารพต่อพระรัตนตรัย : -…
บทที่ 6 หน้าที่เเละมารยาทชาวพุทธ
มารยาทชาวพุทธ
การเเสดงความเคารพ
การเเสดงความเคารพต่อปูชนียสถาน
ปูชนียสถานคือ สถานที่อันควรเเก่การเเสดงความเคารพสักการะได้เเก้ ศาสนสถาน โบสถ์ วัด เจดีย์ เป็นต้น
ถ้าเป็นสถานที่ที่ประดิษฐานพระพุทธรูปเเละมีพื้นที่เหมาะสมเเกการเเสดงความเคารพให้กราบเเบบเบญจางคประดิษฐ์
เเต่ถ้าสถานที่ไม่เหมาะสมเเก่การกราบเบญจางคประดิษฐ์ให้ประนมมือไหว้
การเเสดงความเคารพต่อปูชนียบุคคล
ปูชนียบุคคลคือ บุคคลที่ควรเเสดงความเคารพสักการะเช่น พระภิกษุ บิดา มารดา ครู เป็นต้น
:การกราบ
การกราบพระ
กราบเเบบเบญจางคประดิษฐ์
)
การกราบ บิดา มารดา ครู อาจารย์
1)นั่งพับเพียบเก็บปลายเท้า
2)เบื่องตัวก้มลง ให้เข้าข่างหนึ่งอยู่ระหว่างเเขนสองข้าง
3)วางเเขนทั้งสองราบกับพื้นตลอดตั้งเเต่ศอกถึงมือ
4)ประนมมือวางตั้งลงกะพื้นเเละก้มศีรษะให้หน้าผากเเต่สันมือ
(ทำเเค่1หน)
การไหว้
การไหว้พระสงฆ์
1)ยกมือที่ประนมขึ้นจดหน้าผาก
2)ให้ปลายหัวเเม่มืออยู่ระหว่างคิ้ว ก้มหัวลงให้ปลายนิ้วชี้อยู่ที่ตีนผม เเนบมือขิดหน้าผาก
3)ผู้ชายยืนส้นเท้าชิดปลายเท้าเเยก
ผู้หญิงก้าวเท้าขวาไปข้างหน้าเพื่อยันกันล้ม
การไหว้บิดา มารดา
1)ยกมือที่ประนมขึ้นจดส่วนกลางของหน้าผาก
2)ให้ปลายนิ้วหัวเเม่มืออยู่ที่ปลายจมูก ก้มศีรษะให้ปลายนิ้วชี้อยู่ที่ระหว่างคิ้ว
:
การไหว้ผู้ใหญ่
ยกมือประนมจดส่วนล่างของหน้าให้แลายนิ้วหัวเเม่มือจดปลายคางเเละนิ้วชี้อยู่ที่ปลายจมูกก้มศีรษะรับปลายมือ
การรับไหว้
ยกมือทั้งสองมาประยมไว้ที่อก เเล้วก้มศีรษะเล็กน้อย
การปฎิสันถาร
การปฏิสันถารคือการต้อนรับเเขก
อามิสปฏิสันถาร
การต้อนรับด้วยสิ่งของเช่นเเขกมาบ้านเเล้วเอาน้ำให้ดื่ม หรือเเขกมาบ้านเเล้วเรียกกินข้าวเป็นต้น
ธรรมปฏิสันถาร
การต้อนรัยด้วยธรรม การต้อนรับที่ทำพอดีพอสมควร เช่น ถ้าเเขกมาก็ยืนต้อนรับ ถ้าเเขกมีเรื่องปรึกษาก็ รับฟัง เป็นต้น
หน้าที่ชาวพุทธ
หน้าที่ชาวพุทธ คือ สิ่งที่ชาวพุทธทั่วไปต้องเรียนรู้ เพื่อจะได้ทราบและปฏิบัติตนได้ถูกต้องในที่นี้กล่าวถึงเรื่องการบรรพชาและอุปสมบทในพระพุทธศาสนา การบวชเป็นชี ธรรมจาริณี หรือเนกขัมมนารี การศึกษาพระพุทธศาสนาวันอาทิตย์ และธรรมศึกษา การมีส่วนร่วมในสังคม
การบรรพชาและอุปสมบทในพระพุทธศาสนา
การบรรพชา แปลว่า การเว้นจากความชั่วทุกอย่าง หมายความว่าการบวชเป็นภิกษุ เช่น ระยะแรกที่เจ้าชายสิทธัตถะเสด็จออกผนวช ก็ใช้คำว่า เสด็จออกบรรพชา เป็นต้น
อุปสมบท แปลว่า การเข้าถึงสภาวะอันสูง หมายถึง การบวชเป็นภิกษุ
ประโยชน์ของการบรรพชาและอุปสมบท
1.เพื่อเรียนรู้พระธรรมวินัย ฝึกฝนพัฒนาตนเอง
เพื่อสืบทอดอายุพระพุทธศาสนาให้ยืนยาวต่อไป
เพื่อฝึกฝนอบรมให้รู้จักอดทน อดกลั้น
เพื่อดำรงตนให้เป็นพลเมืองดีของสังคม ในการฝึกอบรมทั้งกาย วาจา และใจ ให้รู้จักเกรงกลัวและละอายต่อบาป แยกแยะถูกผิดดีชั่ว ซึ่งจะเป็นพื้นฐานสำคัญของพลเมืองดีในการดำรงชีวิตอยู่ในสังคมต่อไป
การบวชเป็นชี ธรรมจาริณี หรือเนกขัมมนารี
วิธีการบวช
1.ผู้ขอบวชต้องแต่งกายชุดขาว พร้อมสไบขาว
ตัวแทนผู้ขอบวชถวายธูปเทียนแพแด่พระสงฆ์จำนวน 1 รูป หรือ 4 รูปขึ้นไป
กราบ 3 ครั้ง
กล่าวคำบูชาพระรัตนตรัย
กล่าวคำอาราธนาศีล 5
รับไตรสรณคมน์
7.สมาทานศีล 8
8.นำเครื่องสักการะไปถวายพระอาจารย์ รับฟังโอวาท เป็นอันเสร็จพิธี
ชี หมายถึง สตรีผู้นุ่งขาวห่มขาว โกนผม โกนคิ้ว สมาทานและรักษาศีล8
ธรรมจาริณี หรือเนกขัมมนารี หมายถึง สตรีที่นุ่งขาวห่มขาว ไม่โดนผม ไม่โกนคิ้ว สมาทานและรักษาศีล 8
ประโยชน์ของการบวช
1.เพื่อฝึกฝนอบรมตนเอง
2.เพื่อเพิ่มพูนบุญกุศลให้ยิ่งๆขึ้นไป
3.เพื่อให้จิตสงบ ปราศจากความฟุ้งซ่าน
4.เพื่อปลดเปลื้องตนเองให้พ้นจากความทุกข์
ประเภทของการบรรพชาและอุปสมบท
เอหิภิกขุอุปสัมปทา การบวชที่พระพุทธเจ้าประทานให้เองโดยการเปล่างพระวาจาว่า “จงเป็นภิกษุ มาเถิด ธรรมที่เรากล่าวดีแล้ว จงประพฤติพรหมจรรย์ เพื่อทำที่สุดแห่งทุกข์โดยชอบเถิด”
2.ติสรณคมนูสัมปทา การบวชด้วยวิธีที่พระพุทธเจ้าทรงอนุญาตให้พระสาวกทำในยุคต้นพุทธกาล
โอวาทปฏิคคหณูปสัมปทา การบวชด้วยการรับพระโอวาท [เป็นวิธีที่พระพุทธเจ้าทรงอนุญาตแก่พระมหากัสสปะ]
ปัญหาพยากรณูสัมปทา การบวชด้วยการตอบปัญหาของพระพุทธเจ้า เป็นสิธีที่ทรงอนุญาตแก่โสปากสามเณร
ครุธรรมปฏิคคหณูปสัมปทา การบวชด้วยการรับครุธรรม 8 ประการ
ทูเตนอุปสัมปทา การบวชด้วยทูต เป็นวิธีที่ทรงอนุญาตแก่นางคณิกา ชื่อ อัฑฒากาลี
อัฏฐวาจิกาอุปสัมปทา การบวชจากสงฆ์สองฝ่ายคือ ภิกษุ ภิกษุณี
ญัตติจตุตถกัมมอุปสัมปทา การบวชโดยคณะสงฆ์
การศึกษาพระพุทธศาสนาวันอาทิตย์ และธรรมศึกษา
ความเป็นมาของโรงเรียนพระพุทธศาสนาวันอาทิตย์
เริ่มมาจากแนวคิดของพระพิมลธรรม(อาจ อาสภมหาเถร) องค์สภานายกมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย ได้พบเห็นการสอนพระพุทธศาสนาในวันอาทิตย์ในประเทศนั้นๆ เห็นว่ามีผลดี จึงได้นำแนวคิดดังกล่าว มาเปิดสินเป็นครั้งแรก
การปลูกจิตสำนึกและการมีส่วนร่วมในสังคมพุทธ
สังคม หมายถึง การอยู่ร่วมกันของสมาชิก ต้องมีการปฏิสัมพันธ์ และมีหน้าที่สร้างสมาชิกใหม่ ถ่ายทอดลักษณะของสังคม ประเพณี ความน่าเชื่อถือ
สังคมพุทธ หมายถึง การอยู่ร่วมกันของสมาชิก ซึ่งกระกอบด้วยพุทธบริษัท4 ได้แก่ ภิกษุ ภิกษุณี อุบาสก และอุบาสิกา
1.การบวช : วิธีหนึ่งของการสร้างสมาชิกให้กับสังคมพุทธ
ในสังคมพุทธการสร้างสมาชิกใหม่ คือการที่ผู้ชายต้องทำหน้าที่บวชเรียนพระธรรมวินัยเพื่อสืบทอดพระพุทธศาสนาให้คงอยู่ต่อไป โดยผู้บวชจะต้องตระหนักว่า นอกเหนือจากความเชื่อที่ว่าบวชเพื่อให้เกิดอานิสงส์แก่พ่อแม่ บุพการีเกาะชายผ้าเหลืองแล้ว ผู้บวชจะต้องเรียนรู้พระธรรมวินัยฝึกฝนพัฒนาให้เป็นชาวพุทธที่ดี
2.ศึกษาคำสอนและปฏิบัติตามคำสอน สังคมพุทธเน้นการศึกษาและปฏิบัติตามคำสอนของพระพุทธเจ้า เมื่อเรียนรู้และเข้าใจธรรมะ จึงต้องปฏิบัติอย่างถูกต้อง
3.เผยแผ่คำสอน ทั้งพระและฆราวาส ควรเข้าใจและนำหลักคำสอนในพระพุทธศาสนาไปใช้อย่างถูกต้อง
4.ปกป้อง และรักษาพระพุทธศาสนา สังคมพุทธไม่ว่าจะเป็นพระหรือฆราวาสต่างก็มีหน้าที่สอดส่องดูแล ถ้าพบว่าผู้ใดทำผิด ลบหลู่พระพุทธศาสนาก็จะต้องหาทางช่วยปกป้องและรักษาพระพุทธศาสนาให้คงอยู่ต่อไป
การแสดงตนเป็นพุทธมามกะ
ขั้นตอนที่1การกล่าวคำบูชาพระรัตนตรัย
ขั้นตอนที่2กล่าวคำปฏิญาณตน
ขั้นตอนที่3ฟังโอวาทจากประธานสงฆ์ในพิธี
ขั้นตอนที่4ขอเผดียงสงฆ์
การเข้าค่ายพุทธธรรม
คือการเข้าค่ายที่จัดขึ้นเพื่อฝึกอบรมส่งเสริมคุณธรรมให้นักเรียน เพื่อให้มีโอกาสเรียนรู้และฝึกฝนปฏิบัติเป็นพุทธศาสนิกชนที่ดี
ประโยชน์ของการเข้าค่ายพุทธธรรม-ปลูกฝังนิสัยที่ดีงามตามหลัก พระพุทธพุทธศาสนา
-รู้จักการอยู่ร่ามกันในสังคม
-เรียนรู้ธรรมและปฏิบัติตามหลักธรรมคำสอน
-ได้ฝึกอบรมจิตรฝึกใช้ชีวิตครองตนถือพรหมจรรย์
การเข้าร่วมพิธีกรรมทางพระพุทธศาสนา
พิธีกรรมทางพระพุทธศาสนา คือ วิธีการในการประกอบพิธีหรือกิจกรรมในวันสำคัญทางพระพุทธศาสนา เช่นพิธีเวียนเทียน พิธีเข้าพรรษา พิธีถวายเทียนพรรษา
ความสำคัญของการประกอบพิธีกรรมทางพระพุทธศาสนา
1.เป็นเครื่องยึดเหนี่ยวจิตใจของคนในสังคม
2.เป็นจุดนัดหมายให้ตั้งใจเริ่มต้นเตรียมตัวให้พร้อม
3.เป็นเครื่องควบคุมกาย วาจา และใจให้เป็นระเบียบเรียบร้อย
4.เป็นอุบายที่ทำให้คนหมู่มากอยู่ร่วมกันได้อย่างสงบสุข
ธรรมศึกษา
การจัดการศึกษาพระพุทธศาสนาสำหรับคฤหัสถ์ เริ่มขึ้นครั้งแรกใน พ.ศ. 2472 แบ่งเป็นการเรียน3ระดับ คือ ธรรมศึกษาชั้นตรี ธรรมศึกษาชั้นโท และธรรมศึกษาชั้นเอก
วัตถุประสงค์ของการจัดธรรมศึกษา
1.เพื่อเปิดโอกาสให้พุทธศาสนิกชนมีโอกาสศึกษา พุทธประวัติ พุทธสาวก
2.เพื่อให้คฤหัสถ์สามารถนำหลักธรรมมาประยุกต์ใช้ในชีวิตประจำวันได้
3.เพื่อความั่นคงและแพร่หลายยิ่งๆขึ้นไป
4.เพื่อนสร้างสังคมคุณภาพ
การเเสดงความเคารพต่อพระรัตนตรัย :
พระรัตนตรัยคือ พระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์
การเเสงความเคารพต่อพระรัตนตรัยคือการกราบด้วยวิธีเบญจางคประดิษฐ์เป็นการกราบที่อวัยวะทั้ง5 ถูกพื้นคือ มือ2ข้างเขา2ข้่งหน้าผาก1
วิธีการกราบ
1นั่งท่าเตรียม(ผู้หญิง:นั่งท่าเทพธิดา/ผู้ชาย:นั่งท่าเทพบุตร)
2)ประนมมือระหว่างอก 3)ยกมือประนมขึ้นพร้อมกับก้มศีรษะเล็กน้อย 4)ก้มลงกราบโดยผู้ชายศอกต่อเข้าเเละผู้หญิงศอกเเนบเข่า
(ทำซ้ำจนครบ3รอบ)