Please enable JavaScript.
Coggle requires JavaScript to display documents.
ภาวะลำไส้อักเสบเน่าตาย (Necrotizing Enterocolitis: NEC)** - Coggle…
ภาวะลำไส้อักเสบเน่าตาย
(Necrotizing Enterocolitis: NEC)**
ความหมาย
ภาวะลำไส้เน่าอักเสบ (Necrotizing Enterocolitis: NEC)
เป็นภาวะที่เนื้อเยื่อของระบบทางเดินอาหารตายจากการอักเสบจนขาดเลือด มักเกิดบริเวณลำไส้เล็ก และลำไส้ใหญ่ในทารกแรกเกิดที่มีน้ำหนักตัวน้อย และเป็นสาเหตุการตาย และทุพลภาพของทารกแรกเกิดที่พบได้มากที่สุด
พยาธิสภาพ
เมื่อมีภาวะแทรกซ้อนในระยะคลอดหรือการคลอดล่าช้า ทําให้มี ร่างกายเกิดภาวะขาดออกซิเจน เลือดจากส่วนต่าง ๆ ของร่างกายจะไหลไปยังอวัยวะที่สําคัญคือ หัวใจและ สมอง ทําให้ลําไส้มีภาวะขาดเลือด ในทารกที่เป็นไม่มากอาจมีแค่อาการท้องอืดและตรวจพบเลือดใน อุจจาระ (Occult Blood) แต่เมื่อลําไส้มีการขาดเลือดมากขึ้น เยื่อบุลําไส้เป็นแผลและลอกหลุด เชื้อโรคจะ เข้าสู่เยื่อบุชั้นในและกล้ามเนื้อของลําไส้ ทําให้ก๊าซเข้าไปแทรกซึมในชั้นใต้เยื่อบุลําไส้และถ้าอาการรุนแรง มากขึ้น ทารกจะมีอาการท้องอืดมากขึ้น ถ่ายอุจจาระเป็นมูกปนเลือด การเน่าตายของลําไส้เกิดขึ้นตลอด ความหนาของผนังลําไส้จนทําให้ลําไส้ทะลุได้ (กรรณิการ์ วิจิตรสุคนธ์, 2561
การรักษา
งดน้ําและนมทางปาก ประมาณ 10-14 วัน
ให้ยาปฏิชีวนะทางหลอดเลือดดํา เช่น Ampicillin ร่วมกับ Gentamycin เป็นต้น
ให้ออกซิเจนหรือเครื่องช่วยหายใจ ในทารกที่มีอาการหยุดหายใจบ่อยครั้ง
ใส่สายสวนกระเพาะอาหารทางจมูก ดูดออกลมออกเป็นระยะหรือต่อเนื่องเพื่อลด
อาการท้องอืด
แก้ไขความไม่สมดุลของเกลือแร่ การแข็งตัวของเลือดและภาวะซีด เช่น ให้เลือดหรือ
พลาสมา ตามความจําเป็น
ให้สารน้ําและสารอาหารทางหลอดเลือดให้พอเพียง เมื่อผู้ป่วยพ้นระยะวิกฤตแล้วควร
ใส่สายทางหลอดเลือดใหญ่เพื่อให้สารอาหาร ไม่ควรให้อาหารทางลําไส้เร็วกว่ากําหนด เพราะอาจเกิดภาวะ ลําไส้เน่าอักเสบซ้ําได้
การให้อาหารทางลําไส้ ควรเริ่มด้วยสารน้ําเกลือแร่ นมเจือจาง แล้วเพิ่มความเข้มข้น ของนมจนปกติเมื่อทารกรับได้ การเพิ่มปริมาณไม่ควรเกิน 20 มล./กก./วัน
156
การผ่าตัด มีข้อบ่งชี้ คือ มีลําไส้ทะลุ การผ่าตัดก่อนตั้งแต่ระยะใกล้ทะลุเพื่อตัดลําไส้ ส่วนที่เน่าตาย อาจช่วยรักษาลําไส้ส่วนที่เหลือไว้ได้ เพราะทําให้เลือดไปเลี้ยงส่วนนั้นมากขึ้น การผ่าตัด ใช้ ข้อบ่งชี้ดังนี้
8.1 เมื่อภาพรังสีแสดงว่ามีลมในช่องท้อง
8.2 มีอาการแสดงของการระคายเยื่อบุช่องท้อง เช่น อาการกดเจ็บ ผนังท้องแข็ง เกร็ง บวมแดงบริเวณผนังหน้าท้อง
8.3 มีอาการทางคลินิกเลวลง เช่น หยุดหายใจ มีภาวะขาดออกซิเจนในเลือด มีภาวะ คาร์บอนไดออกไซด์สูงในเลือด และมีจํานวนเกร็ดเลือดต่ําตลอดเวลา
การพยาบาล
1.ดูแลให้ทารกงดน้ําและอาหารทางปาก เพื่อให้ลําไส้ได้พัก และให้ได้รับสารน้ําและ สารอาหารทางหลอดเลือดดําอย่างพอเพียง
ใส่สายสวนกระเพาะอาหารทางปากหรือจมูก ดูดลมและนมเหลือค้างในกระเพาะ ออกเป็นระยะๆ และบันทึกปริมาณนมเหลือค้างในกระเพาะที่ดูดออกมาทุก 4-5 ชั่วโมง
สังเกตอาการผิดปกติแลประเมินอาการของระบบทางเดินอาหาร เช่น ดูดนมไม่ดี มี อาหารเหลือค้างในกระเพาะอาหาร บริเวณหน้าท้องมีสีแดงหรือท้องอืด อาเจียนมีน้ําดีปน เสียงการ เคลื่อนไหวของลําไส้น้อยหรือไม่มี เป็นต้น หลีกเลี่ยงการจับต้องบริเวณหน้าท้องของทารก
ดูแลให้ได้รับยาปฏิชีวนะตามแผนการรักษา
ติดตามผลเลือด เช่น เฮโมโกลบิน เม็ดเลือดขาว การตรวจนับเม็ดเลือด เกร็ดเลือด อิเล็คโทรลัยต์ เป็นต้น ผลการเพาะเชื้อ และผลเอกซเรย์ เป็นระยะ ๆ
สังเกตและบันทึกอาการและอาการแสดงของภาวะแทรกซ้อนที่อาจเกิดขึ้น ได้แก่ เลือดหยุดช้า และเยื่อบุช่องท้องอักเสบ (Peritonitis) ถ้าพบอาการผิดปกติต่าง ๆ ดังกล่าว ต้องรีบรายงาน แพทย์เพื่อให้ได้รับการรักษาอย่างทันท่วงที
ประเมินภาวะขาดน้ำ เช่น ผิวหนังแห้ง ความยืดหยุ่นของผิวหนังไม่ดี กระหม่อมบุ๋ม
ไข้ ปากแห้ง ปัสสาวะน้อย เป็นต้น
ก่อนให้นมทุกครั้ง ต้องดูดนมเหลือค้างในกระเพาะออก ถ้ามีนมเหลือค้างในกระเพาะ
ค้างมาก แสดงว่าการดูดซึมยังไม่ดี จะทำให้ท้องอืดและอาเจียนได้
ขณะให้นม จัดให้นอนในท่าศีรษะสูง หลังให้นมจัดให้นอนตะแคงขวา เพื่อให้อาหาร
ผ่านกระเพาะไปสู่ลำไส้ได้ดีขึ้น
ในขณะที่ลำไส้ยังทำงานได้ไม่ดี ดูแลให้ได้รับสารอาหารทางหลอดเลือดดำตาม
แผนการรักษา