Please enable JavaScript.
Coggle requires JavaScript to display documents.
หน้าที่ในการชำระหนี้, ดังนั้น จะเห็นได้ว่าวัตถุแห่งหนี้กับวุตถุแห่งนิติกรร…
-
-
ดังนั้น จะเห็นได้ว่าวัตถุแห่งหนี้กับวุตถุแห่งนิติกรรมมีความแตกต่างกันหลายประการ ๑).วัตถุประสงค์ของนิติกรรมนั้นอยู่ในขั้นมูลฐานก่อนก็ดีคือเป็นที่มาแห่งหนี้ประการหนึ่งแต่วัตถุแห่งหนี้นั้นเป็นผลเมื่อนิติกรรมเกิดและเกิดนี่ขึ้นจึงมีวัตถุแห่งหนี้ขึ้นมา ๒).วัตถุประสงค์ของนิติกรรมนั้นก็มีเฉพาะในนิติกรรมเท่านั้นแต่วัตถุแห่งหนี้นั้นมีในหนี้ทุกชนิดไม่ว่าจะเป็นหนี้ที่เกิดจากนิติกรรมหรือนี่ที่เกิดจากละเมิดจัดการงานนอกสั่งและลาภมิควรได้ก็จะมีวัตถุแห่งหนี้ทั้งสิ้น ๓).วัตถุประสงค์ของนิติกรรมนั้นมีได้ไม่จำกัดขึ้นอยู่กับความประสงค์ของผู้ทำนิติกรรมนั้นว่าต้องการจะผูกนิติสัมพันธ์กันในเรื่องใดแม้จะมิได้มีบัญญัติไว้ในกฎหมายได้แก่สัญญาณลอกแบบต่างๆดังนั้นวัตถุประสงค์ของนิติกรรมจึงมีได้มากมายไม่จำกัดแต่วัตถุประสงค์แห่งหนี้ไม่ว่าจะเป็นหนี้เกิดจากอะไรในที่สุดแล้ววัตถุแห่งหนี้ก็จะมีเพียง ๓ อย่างคือ หนี้การกระทำ หนี้งดเว้นกระทำการ และหนี้ส่งมอบทรัพย์สินเท่านั้น
วัตถุแห่งหนี้ กับวัตถุที่ประสงค์แห่งนิติกรรม อาจมีความใกล้เคียงกันอยู่ เช่น ทําสัญญาซื้อขายม้ากันหนึ่งตัว วัตถุประสงค์ของนิติกรรมคือการโอนกรรมสิทธิ์ในม้า จากผู้ขายไปยังผู้ซื้อในขณะที่เมื่อนิติกรรมการซื้อขายเกิดแล้ววัตถุแห่งหนี้ในเรื่องนี้ก็คือ การส่งมอบม้าให้แก่ผู้และผู้ซึ่งก็มีหนี้ที่มีวัตถุแห่งหนี้เป็นการส่งมอบ(เงิน)
"หนี้งดเว้นกระทำการ"วัตถุแห่งนี้นั้นอาจกำหนดให้ลูกหนี้ต้องไม่กระทำการอย่างใดอย่างหนึ่ง ตามที่ตกลงกันไว้ก็ได้ในมาตรา ๒๑๓ วรรคสาม วิธีการบังคับชำระหนี้ที่บัญญัติว่า "ส่วนหนี้ซึ่งมีวัตุเป็นอันจะให้งดเว้นการอันใด เจ้าหนี้จะเรียกร้องให้รื้อถอนการที่ได้กระทำลงแล้วนั้นโดยไม่ให้ลูกหนี้เสียค่าใช้จ่าย และให้จัดการอันสมควรเพื่อการภายหน้าด้วยก็ได้" บทบัญญัตินี้มุ่งถึงหนี้งดเว้นกระทำการที่มีวัตถุแห่งหนี้เป็นการงดเว้นการก่อสร้างเท่านั้นจึงกล่าวถึงการรื้อถอน เช่น ทำสัญญาเช่าที่ดินเขาสร้างอาคารพาณิชย์เพื่อการทำค้าขาย เจ้าของที่ดินไม่ต้องการให้อาคารพาณิชย์ที่จะสร้างขึ้นบังวิวทิวทัศน์ของบ้านตนจึงห้ามให้อาคารสูงเกิน ๒ชั้น ถ้าผู้เช่าสร้างอาคารสูงเกินกว่าที่ตกลงกันไว้ผู้เช่าซึ่งเป็นลูกหนี้ก็ฝ่าฝืนหน้าที่ในการชำระหนี้และอาจถูกบังคับให้รื้อถอนการที่ได้ทำลงนั้นตามมาตรา ๒๑๓วรรคสาม
หนี้ส่งมอบทรัยพ์สิน"วัตถุแห่งหนี้เป็นการส่งมอบทรัพย์สินนั้นหมายถึงหนี้ที่ลูกหนี้มีหน้าที่ต้องส่งมอบทรัพย์สินแก่เจ้าหนี้ เช่น สัญญาซื้อขายก๋วยเตี๋ยว ฝ่ายผู้ซื้อก็มีหน้าที่ต้องส่งมอบทรัพย์สินคือราคาก๋วยเตี๋ยวแก่คนขาย ในขณะที่คนขายก็มีหน้าที่ต้องส่งมอบทรัพย์สินคือก๋วยเตี๋ยวแก่ผู้ซื้อ การโอนกรรมสิทธิ์ในทรัพย์สินย่อมหมายถึงการโอนกรรมสิทธิ์ในทรัพย์และการส่งมอบทรัพย์ด้วย แต่ในบางกรณี อาจเป็นเพียงการส่งมอบทรัย์เท่านั้น เช่น ในการซื้อขายทรัพย์เฉพาะสิ่ง ซึ่งเป็นสังหาริมทรัพย์โดยผลของกฎหมายกรรมสิทธิ์ในทรัพย์ย่อมโอนไปยังผู้ซื้อทันทีที่สัญญาซื้อขายมีผล ผู้ขายย่อมมีหน้าที่เพียงส่งมอบเท่านั้น
หนี้กระทำการ" [เป็นหนี้ที่ลูกหนี้ต้องไปทำการงานอย่างใดอย่างหนึ่งหรือหลายอย่างแก่เจ้าหนี้ เช่น ไปสร้างบ้านให้ ไปออกแบบบ้านให้ตามสัญญาจ้างทำของ ไปทำงานต่างๆ ให้แก่นายจ้างตามสัญญาจ้างแรงงาน เช่น ทำสวน ทำงานบ้าน เป็นต้น
ทรัพย์ที่ส่งมอบเป็นทรัพย์สินทั่วไป ทรัพย์สินที่จะส่งมอบเป็นทรัพย์สินทั่วไปนี้อาจเป็นได้ทั้งสังหาริมทรัพย์และอสังหาริมทรัพย์ และจะเป็นทรัพย์เฉพาะสิ่งหรือไม่ใช่ทรัพย์เฉพาะสิ่งก็ได้และแม้จะเป็นทรัพย์ในอนาคตคือในขณะที่เกิดลูกหนี้นั้น ลูกหนี้ก็ยังไม่มีทรัพย์นั้นอยู่เลยก็ได้ เช่น มดทำสัญญาขายโต๊ะ ๕๐ ตัว ให้แก่ดำกำหนดส่งมอบใน ๑ เดือน เช่นนี้ แม้มดจะยังไม่มีโต๊ะอยู่เลยในขณะทำสัญญาและเกิดหนี้นั้น ทรัพย์นั้นยังเป็นทรัพย์ในอนาคตก็ได้
๑).กรณีหนี้ที่กำหนดเวลาชำระหนี้มิใช่ตามวันแห่งปฏิทิน ในมาตรา ๒๐๔ วรรคแรก บัญญัติว่า "ถ้าหนี้ถึงกำหนดชำระแล้ว และภายหลังแต่นั้นเจ้าหนี้ได้ให้คำตักเตือนลูกหนี้แล้วลูกหนี้ยังไม่ชำระหนี้ไซร้ ลูกหนี้ได้ชื่อว่าผิดนัดเพราะเขาเตือนแล้ว" หนี้ประเภทนี้เป็นหนี้ที่มีกำหนดชำระมิใช่ตามวันแห่งปฏิทิน เช่น ยืมกระบือไปใช้ไถนาโดยตกลงว่าเมื่อไถนาเสร็จจะส่งคืนปรากฏว่าในระหว่างที่ไถนาไปได้เพียงบางส่วนกระบืออีกตัวหนึ่งของผู้ให้ยืมถูกคนร้ายลักไปผู้ให้ยืมจึงมาทวงกระบือตัวที่ยืมมาไถนรคืนทั้งทั้งที่ยังไถนาไม่เสร็จแม้ผู้ยืมจะไม่ยอมส่งคืน ก็ถือว่าผิดนัดเพราะหนี้ยังไม่ถึงกำหนดการจัดการเตือนต้องเตือนเมื่อหนี้ถึงกำหนดชำระแล้ว
๒).กรณีหนี้ที่ไม่มีกำหนดเวลาชำระตามมาตรา ๒๐๓ หนี้ที่ไม่มีกำหนดเวลาชำระหนี้ไว้และจะอนุมานจากพฤติการณ์ทั้งปวงก็ไม่ได้นั้นมาตรา ๒๐๓ กำหนดให้เจ้าหนี้มีสิทธิ์เรียกให้ลูกหนี้ชำระหนี้ได้โดยพลัน
ตามมาตร๒๐๔ วรรคสอง เมื่อมีกำหนดเวลาชำระหนี้แล้ว ลูกหนี้ต้องชำระหนี้ตามกำหนดนั้น แต่การที่ลูกหนี้ยังไม่ชำระหนี้นั้น ในบางกรณีกฎหมายยังไม่ถือว่าลูกหนี้ผิดนัด ในหนี้บางประเภทนั้นกฎหมายที่กำหนดให้เจ้าหนี้ต้องตักเตือนลูกหนี้ก่อนลูกหนี้ถึงจะผิดนัด คือการผิดนัดเกิดจากการกระทำของเจ้าหนี้เพื่อให้ครบเงื่อนไขตามกฎหมาย หนี้ประเภทที่เจ้าหนี้ต้องตักเตือนก่อนลูกหนี้ถึงจะผิดนัดแก่เจ้าหนี้ มี ๒ กรณี คือ
หนี้ทั้งสองประเภทดังกล่าวแล้วนั้น ลูกหนี้จะผิดนัดได้ก็ต่อเมื่อเจ้าหนี้ได้ตักเตือนให้ลูกหนี้ชำระหนี้แล้วแต่หนี้บางประเภทลูกหนี้ผิดนัดโดยเจ้าหนี้ไม่ตักเตือนเลย หนี้กลุ่มนี้มี ๒ ประเภทคือ
๑).หนี้ที่มีกำหนดชำระตามวันแห่งปฏิทิน กฎหมายกฎหมายกำหนดเวลาชำระหนี้ไว้ตามวันแห่งปฏิทินและลูกหนี้มิได้ชำระตามกำหนดไซร้ท่านว่าลูกหนี้ตกเป็นผู้ผิดนัดโดยมิพักต้องเตือนเลย วิธีเดียวกันท่านให้ใช้บังคับแก่กรณีที่ต้องบอกกล่าวล่วงหน้าก่อนการชำระหนี้ซึ่งได้กำหนดเวลาลงไว้อาจคำนวณนับไปโดยปฏิทินวันที่บอกกล่าว เช่เช่นซื้อขายโคกันฝูงหนึ่งจำนวน ๓๐ ตัวโดยมีข้อตกลงว่าถ้าเจ้าหนี้พร้อมจะรับชำระหนี้แล้วให้แจ้งแก่ลูกหนี้ลูกหนี้จะนำโคมาส่งมอบให้ให้ภายใน ๗ วันดังนั้นเมื่อผู้ซื้อแจ้งให้ทราบแล้วเมื่อครบกำหนด ๗ วันซึ่งคำนวณนับได้ตามปฏิทินเช่นนี้ถ้าลูกหนี้ไม่นำมาส่งมอบก็ถือว่าผิดนัดโดยมีพักต้องตักเตือนเช่นเดียวกัน
๒).หนี้ละเมิดนั้นเกิดขึ้นจากการล่วงสิทธิของผู้อื่นมิใช่เกิดจากนิติกรรมสัญญาจะไม่มีกำหนดเวลาชำระหนี้ไว้ในเรื่องการผิดนัดสำหรับดีหนี้ละเมิดนั้นมีบัญญัติไว้ในมาตรา ๒๐๖ ว่าในกรณีหนี้อันเกิดแต่มูลละเมิด ลูกหนี้ได้ชื่อว่าผิดนัดมาแต่เวลาที่ทำละเมิดเพราะกฎหมายเห็นว่าเมื่อการทำละเมิดทำให้เขาเสียหายก็มีหน้าที่ต้องจ่ายค่าสินใหม่ทดแทนทันทีที่ทำละเมิดซึ่งถือว่าผิดนัดมาแต่เวลาที่ทำละเมิดทันทีโดยไม่ต้องตักเตือนแต่อย่างใดทั้งสิ้นรวมถึงค่าเสียหายในอนาคตก็ต้องเสียดอกเบี้ยตั้งแต่เวลาที่ทำละเมิด
๑)กำหนดเวลาชำระหนี้นั้นเป็นการกำหนดที่ลูกหนี้จะต้องชำระหนี้แต่การผิดนัดเป็นผลของการไม่ชำระหนี้ตามกำหนดประกอบกับเรื่องไขบางประการของกฎหมายกล่าวคือถ้าเป็นการให้ชำระหนี้ที่มิใช่กำหนดตามวันแห่งปฏิทินลูกหนี้จะผิดนัดก็ต่อเมื่อเจ้าหนี้ได้ให้คำตักเตือนลูกดีแล้ว
๒).กำหนดเวลาชำระหนี้ เป็นกำหนดที่เจ้าหนี้สามารถเรียกให้ลูกหนี้ชำระหนี้ได้ และเป็นองค์ประกอบสำคัญประการหนึ่งของการผิดนัดคือการที่เจ้าหนี้จะทำให้ลูกหนี้ผิดนัดได้ด้วยการตักเตือนลูกหนี้หลังจากที่หนี้ถึงกำหนดชำระแล้ว
๑).เป็นเหตุที่เกิดจากเจ้าหนี้เอง การที่การที่ลูกหนี้ยังไม่ชำระหนี้นั้นหากเกิดเพราะเจ้าหนี้จะต้องรับผิดแล้วก็ถือเป็นพฤติการณ์ที่ลูกหนี้ไม่ต้องรับผิดชอบเหตุที่เจ้าหนี้ต้องรับผิดชอบนั้นอาจมีหลายสาเหตุด้วยกัน ได้แก่ กรณีเจ้าหนี้ผิดนัดและกรณีเจ้าหนี้ต้องรับผิดชอบด้วยเหตุอื่นอีก การที่เจ้าหนี้ผิดนัดอาจด้วยเพราะได้รับชำระหนี้ตามมาตรา ๒๐๗ หรือเพราะไม่เสนอชำระหนี้ตอบแทนเมื่อตนมีหน้าที่ต้องชำระหนี้ตอบแทนตามมาตรา ๒๑๐ ก็ดีก็ถือเป็นการชำระหนี้ที่ยังมิได้กระทำลงเพราะพฤติการณ์ที่ลูกหนี้ไม่ต้องรับผิดชอบลูกหนี้จึงได้ผิดนัด
๒).เหตุเกิดจากบุคคลภายนอก บางครั้งการชำระหนี้ยังไม่ได้กระทำลงนั้นเป็นพฤติการณ์ที่โทษลูกหนี้ไม่ได้เพราะเป็นเหตุเกิดจากบุคคลภายนอกซึ่งเป็นเรื่องมอบอำนาจของลูกหนี้ที่จะป้องกันได้ เช่น ตกลงกันทำสัญญาจะซื้อขายที่ดินโดยตกลงกันว่าลูกหนี้จะรังวัดแบ่งแยกที่ดินที่จะซื้อขายและโอนไปให้แก่ผู้ซื้อภายในเวลาที่กำหนดปรากฏว่าลูกหนี้ได้พยายามดำเนินการเพื่อรังวัดแบ่งแยกที่ดินตามสัญญาเต็มความสามารถแล้วแต่รังวัดแบ่งแยกใบเสร็จเพราะเจ้าพนักงานที่ดินได้อาจดำเนินการได้ทันทีถือว่าลูกหนี้ไม่ผิดนัด
จะเห็นได้วาาหนี้ที่จะถือว่าไม่ได้กำหนดเวลาชำระต้องหมายถึงหนี้นั้น นั้นไม่ได้กำหนดเวลาชำระไว้โดยชัดแจ้งและอนุมานจากพฤติการณ์ก็ไม่ได้ด้วยแต่ถ้าแม้จะมิได้กำหนดเวลาชำระหนี้ไว้แต่สามารถอนุมานจากพฤติการณ์ได้ก็ต้องถือว่าเป็นหนี้มีกำหนดเวลาชำระเช่นกันและจะบังคับตามนี้ไม่ได้
บางกรณีหนี้หลายอย่างก็อาจไม่ได้กำหนดเวลาไว้แต่หนี้ที่มิได้กำหนดเวลาชำระหนี้ไว้นี้มิได้หมายความว่าลูกหนี้จะไม่ต้องชำระ กฎหมายได้กฎหมายได้กำหนดหลักเกณฑ์ไว้ในมาตรา ๒๐๓ วรรคแรกว่า ถ้าถ้าเวลาอันจะพึงชำระหนี้นั้นมิได้กำหนดลงไว้หรือจะอนุมานจากพฤติการณ์ทั้งปวงก็ไม่ได้ไซร้ท่านว่าเจ้าหนี้ย่อมจะเรียกให้ชำระหนี้ได้โดยพลันและฝ่ายลูกหนี้ก็ย่อมจะชำระหนี้ของตนได้โดยพลันดุจกัน
๑).กรณีนี้มาตรา ๒๐๓ วรรคสอง บัญญัติว่า ถ้าได้กำหนดเวลาไว้แต่หากกรณีเป็นที่สงสัยท่านให้สันนิษฐานไว้ก่อนว่าเจ้าหนี้จะเรียกให้ชำระหนี้ก่อนถึงเวลานั้นหาได้ไม่แต่ฝ่ายลูกหนี้จะชำระหนี้ก่อนกำหนดนั้นก็ได้
ตัวอย่างเช่น นายดีให้นางมียืมขันเงินใบหนึ่งไปสายได้งานมงคลสมรสบุตรสาวของนางมีพอื่นการสมรสต้องเลื่อนไป ๑ เดือนนายดีไม่อาจเรียกร้องขันเงินคืนก่อนเสร็จการสมรสเว้นแต่นายดีจะพิสูจน์ได้ว่านางมีมิได้มีเจตนาเอาขันเงินไว้เกินกว่า ๑๕ วันแต่อย่างไรก็ดีนางมีอาจคือขันเงินก่อนทำการมงคล
กำหนดเวลาชำระหนี้กำหนดเวลาชำระหนี้ที่ลูกหนี้และเจ้าหนี้กำหนดตกลงกันไว้นั้นเมื่อไม่เป็นที่สงสัยก็ยังอาจแบ่งออกได้เป็นสองอย่างซึ่งมีผลบังคับในทางกฎหมายแตกต่างกันคือ ๑).กำหนดเวลาชำระหนี้ตาม ชำระหนี้ตามวันแห่งปฏิทิน ๒).กำหนดเวลาชำระหนี้ กำหนดเวลาชำระหนี้มิใช่ตามวันแห่งปฏิทิน
-
การที่การที่ลูกหนี้ไม่ชำระหนี้ตามกำหนดและตกเป็นผู้ผิดนัดนั้นก็ถือว่าเป็นการที่ลูกหนี้ไม่ชำระหนี้ ชำระหนี้ให้ต้องตามความประสงค์อันแท้จริงแห่งมูลหนี้ด้วยดังนั้นเมื่อการชำระหนี้ล่าช้าเป็นเหตุให้เกิดความเสียหายแก่เจ้าหนี้ เจ้เจ้าหนี้ก็อาจเรียกเอาค่าสินไหมทดแทนได้ดังที่บัญญัติไว้ในมาตรา ๒๑๕ ว่าเมื่อลูกหนี้ไม่ชำระหนี้ให้ต้องตามความประสงค์อันแท้จริงแห่งมูลหนี้ไซร้เจ้าหนี้จะเรียกเอาค่าสินไหมทดแทนเพื่อความเสียหายอันเกิดแต่การนั้นก็ได้
เวลาในการชำระหนี้เวลาในการชำระหนี้นั้นแม้จะเป็นส่วนหนึ่งของการชำระหนี้ที่ลูกหนี้จะต้องชำระให้ถูกต้องในเรื่องของเวลาซึ่งเป็นความประสงค์แห่งมูลหนี้อย่างหนึ่งดังได้กล่าวไว้แต่เวลารายการสำหรับร์นันปกติแล้วก็ไม่ใช่สาระสำคัญถึงขนาดที่จะทำให้เจ้าหนี้มีสิทธิ์ที่จะปฏิเสธไม่รับชำระหนี้ได้เสมอไปแม้แต่ในเรื่องการผิดนัดในบางกรณีแม้ลูกหนี้จะไม่ชำระหนี้ตามเวลาที่กำหนดก็ยังหาได้ทำให้ลูกหนี้ผิดนัดเสมอไปต้องให้เจ้าหนี้ตักเตือนก่อนถึงจะผิดนัดตามมาตรา ๒๐๔ วรรคแรก
นอกจากความความรับผิดในความเสียหายที่เกิดจากการผิดนัดการชำระหนี้ได้ดังกล่าวมาแล้วซึ่งเป็นความเสียหายจากการผิดนัดโดยตรงแล้วเมื่อลูกหนี้ผิดนัดลูกหนี้ยังอาจต้องรับผิดในความเสียหายในความประมาทเลินเล่อและการที่ชำระหนี้กลายเป็นพ้นวิสัยเพราะอุบัติเหตุอันเกิดขึ้นในระหว่างผิดนัดด้วยดังบัญญัติไว้ใน มาตรา ๒๑๗ ว่า ลูลูกหนี้จะต้องรับผิดในความเสียหายบรรดาที่เกิดแต่ความประมาทเลินเล่อในระหว่างที่ตนผิดนัดที่จะต้องรับผิดในการชำระหนี้กลายเป็ กลายเป็นพ้นวิสัยเพราะอุบัติเหตุอันเกิดขึ้นในระหว่างเวลาที่ผิดนัดนั้นด้วยเว้นแต่ความเสียหายนั้นถึงแม้ว่าตนจะได้ชำระหนี้ทันเวลากำหนดก็คงจะต้องเกิดมีอยู่นั่นเอง