Malaria
กรณีศึกษา
ผู้ป่วยชายพม่า อายุ 20 ปี สถานภาพสมรสโสด อาชีพรับจ้าง
ถูกส่งตัวเข้ารับการรักษาที่โรงพยาบาล
อาการสำคัญที่มาโรงพยาบาล
4 วันก่อนมาโรงพยาบาลผู้ป่วยมีอาการไข้สูง หนาวสั่น รับประทานอาหารได้น้อย เนื่องจากมีอาการคลื่นไส้อาเจียน ต่อมามีอาการซึมลงญาตินำส่งโรงพยาบาลสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช อ.เมือง จ.ตาก ญาติให้ประวัติว่าผู้ป่วยเดินทางมาจากชายแดนพม่ามีประวัติเดินทางจากชายแดนพม่าเข้ามาในประเทศไทย ประมาณ 1 สัปดาห์
ผลตรวจเลือดทางห้องปฏิบัติการ
พบเชื้อ Malaria P-falciparum เป็นเชื้อมาเลเรียพลาสโมเดีมฟัลชิปารัม เป็นเชื้อชนิดรุนแรง หากป่วยหนัก อาจมีอาการมาลาเรียขึ้นสมอง ถ้ารักษาไม่ทันอาจถึงตายได้ แพทย์วินิจฉัยเป็นโรคมาลาเรียจึงรับไว้รักษาในหอผู้ป่วยอายุรกรรมรวม วันที่ 30 มิถุนายน 2564 เวลา 23.00 น.
อาการแรกรับ
ผู้ป่วยรู้สึกตัวดี ท่าทางอ่อนเพลีย มีอาการคลื่นไส้ อาเจียน พูดภาษาพม่า อุณหภูมิร่างกาย 40 องศาเซลเซียส อัตราการเต้นของชีพจร 110 ครั้งต่อนาที อัตราการหายใจ 24 ครั้งต่อนาที ความดันโลหิต 100/60 มิลลิเมตรปรอท ส่วนสูง 170 เซนติเมตร น้ำหนัก 69 กิโลกรัม
โลหิตวิทยา
WBC 12 thsd/cumm (ค่าปกติ 4.5-10thsd/cumm)
PMN 81.7% (ค่าปกติ 40-70%)
Lymphocyte 8% (ค่าปกติ20-50%)
Monocyte 9%(ค่าปกติ 2-10%)
Eosinophil 0.2%(ค่าปกติ1-6%)
Basophil 0.2%(ค่าปกติ0-0.5%)
hemoglobin 10 gm/dl (ค่าปกติ 12-16 gm/dl)
hematocrit 32 % (ค่าปกติ37-47%)
MCV 60.3 (ค่าปกติ 80-96)
platelet 100 thsd/cumm (ค่าปกติ 150-400 thsd/cumm)
การตรวจร่างกายโดยทั่วไป
ตัวตาเหลือง
ท้องโตตึง
การรักษา
เริ่มแรก
ถ้ามีไข้ให้ยาลดไข้ Paracetamol ขนาด 500 มิลลิกรัม รับประทาน 2 เม็ด ทุก 4-6 ชั่วโมง
ดูแลให้ยา Artesunate ขนาด 600 มิลลิกรัม ฉีดทางหลอดเลือดดำทันทีเวลา 23.40 น. หลังจากนั้นให้เป็นทุก 4 ชั่วโมง ทุก 24 ชั่วโมง และทุก 48 ชั่วโมงตามแผนการรักษา
Artesunate เป็นยาในกล่มุ sesquiterpene lactones ออกฤทธ์ิเป็น bloodschizontocide สําหรับเชื้อมาลาเรียทุกชนิดและลดอัตราการตรวจ พบgametocyteในผู้ติดเชื้อ
วันที่ 1 กรกฎาคม 2564
เวลา 01.00 น.
ผู้ป่วยมีอาการคลื่นไส้ อาเจียนมาก รายงานแพทย์ ให้ยาแก้คลื่นไส้ อาเจียน ชนิด Plasil 10 มิลลิกรัม ฉีดทางหลอดเลือดดำทันที หลังจากได้รับยา ผู้ป่วยมีอาการคลื่นไส้อาเจียนทุเลา นอนหลับได้
เวลา 08.30 น.
ผู้ป่วยมีอาการปากแห้ง ท้องเสีย ถ่ายอุจจาระเหลว 4 ครั้งเก็บอุจจาระส่งตรวจ Stool exam ผลปกติ รับประทานอาหารอ่อนไม่ได้เนื่องจากมีอาการคลื่นไส้ อาเจียนดูแลให้ได้รับสารน้ำทางหลอดเลือดดำ ชนิด 5% D/N/2 1,000 มิลลิลิตร หยดเข้าทางหลอดเลือดดำ ในอัตรา 100 มิลลิลิตรต่อชั่วโมง
ตรวจวัดสัญญาณชีพ อุณหภูมิร่างกาย 38.7 องศาเซลเซียส
อัตราการเต้นของชีพจร 110 ครั้งต่อนาที
อัตราการหายใจ 22 ครั้งต่อนาที
ความดันโลหิต 120/60 มิลลิเมตรปรอท
แพทย์ให้เจาะเลือด
ตรวจหาทางโลหิตวิทยาพบ
WBC 17.5 thsd/cumm
PMN 73%
Lymphocyte 10%
Monocyte 2%
hemoglobin 12gm/dl
hematocrit 30.7 %
MCV 60.3
platelet 79,000 thsd/cumm
Hypochromia 2+ Anisocytosis few Target cell 2+
ตรวจเพิ่มเติม
Malaria Not Found เอ็กซเรย์ปอดผล ปกติ
ดูแลให้ผู้ป่วยได้รับยาปฏิชีวนะทางหลอดเลือดดำชนิด Cifloxacin ขนาด500 มิลลิกรัม ทางหลอดเลือดดำทุก 12 ชั่วโมง
ยาลดไข้ Paracetamol ขนาด 500 มิลลิกรัม รับประทาน 2 เม็ด Mirax รับประทานครั้งละ 1 เม็ดวันละ 3 ครั้ง ก่อนอาหาร เช้า กลางวัน เย็น
Miracid รับประทานครั้งละ 1 เม็ดวันละ 2 ครั้ง ก่อนอาหารเช้า และก่อนนอน
บันทึกจำนวนน้ำเข้าร่างกาย 1,700 มิลลิลิตรและน้ำออกจากร่างกาย 1,400 มิลลิลิตร และผู้ป่วยมีภาวะชีดเนื่องจากผล Hct เหลือ 30.7 %
ประเด็นคำถามให้ศึกษา
อุบัติการณ์การเกิดโรคและสถิติการเกิดโรค
สาเหตุและปัจจัยด้านบุคคล
สภาพแวดล้อมของการเกิดโรค
จากตำรา
จากกรณีศึกษา
อาการและอาการแสดงของโรค
จากตำรา
จากกรณีศึกษา
ผลการตรวจร่างกายและข้อมูล
ที่ควรชักประวัติในโรคนี้
จากตำรา
จากกรณีศึกษา
การวินิจฉัยโรคของผู้ป่วยรายนี้
ได้แก่อะไรบ้าง
จากตำรา
การตรวจทางห้องปฏิบัติการ
และผลการตรวจพิเศษที่เกี่ยวข้อง
ที่ใช้ในการวินิจฉัยโรค
ตรวจเพื่อช่วยในการระบุชนิดของเชื้อโปรโตซัว
แนวทางการรักษาโรค
จากตำรา
จากกรณีศึกษา
พยาธิสรีรวิทยาและกระบวนการเกิดโรค
ภาวะแทรกซ้อนที่สำคัญของโรค
บทบาทของพยาบาลในการดูแลผู้ป่วยโรคนี้
และผลกระทบจากการเป็นโรคนี้
พบมากในเขตร้อน
เชื้อที่ทําใหเกิดโรคในคนมี 4 ชนิด
Plasmodium falciparum
Plasmodium vivax
Plasmodium malariae
Plasmodium ovale
ถูกยุงก้นปล่องที่มีเชื้อกัด
อาการและอาการแสดงของโรค
อาการนําคล้ายกับเป็นไข้หวัดแต่ไม่มีน้ำมูก
มีไข้
ปวดศีรษะ
ซักถามว่า “เคยเข้าป่าหรือเปล่าในช่วงที่ผ่านมา”
ปวดเมื่อยตามตัวและกล้ามเนื้อ
อาจมีอาการคลื่นไส้และเบื่ออาหาร
โรคไข้มาลาเรียมี 3 ระยะ
ตรวจร่างกาย
อ่อนเพลียมาก จนไม่สามารถเดินหรือยืนเองได้
ระยะที่ 1 ระยะหนาว (cold stage)
อาจนาน 15-60 นาที เริ่มมีหนาว สั่นเกร็ง อุณหภูมิของร่างกายสูงขึ้น ชีพจรเบาเร็ว BPเพิ่มขึ้น ผิวหนังเย็น ซีด และอาจมีอาการคลื่นไส้อาเจียน อาจมีปัสสาวะน้อยได้
ระยะที่ 2 ระยะร้อน (hot stage)
ชัก หอบ หายใจมากกว่า 30 ครั้ง/นาที
กินเวลานานประมาณ 2 ชั่วโมงอุณหภูมิของรางกายขึ้นสูง ชีพจรแรง BPสูง ลมหายใจร้อน หน้าและผิวหนังแดงและแห้ง อาจมีคลื่นไส้ อาเจียน กระหายน้ำ อาจกระสับกระสาย หรือไม่ค่อยรู้สึกตัว และปวดศีรษะลึกเข้าไปในกระบอกตา
ตัวตาเหลือง ระดับ Bilirubin มากกว่า 3 mg/dL
ระยะที่ 3 ระยะเหงื่อออก (sweating stage)
กินเวลานานประมาณ 1 ชั่วโมง เหงื่อเริ่มออกที่ขมับก่อนแล้วจึงออกทั่วตัว ชีพจรและPBกลับคืนปกติ จะรู้สึกเพลีย เหนื่อย จะรู้สึกสบายดี
ซีด hemoglobin ในเด็กอายุน้อยกว่า 12 ปี น้อยกว่าหรือเท่ากับ 5 g/dL ในผู้ใหญ่ น้อยกว่าหรือเท่ากับ 7g/dL
อาการและอาการแสดงของโรค
ซีด
มีไข้
คลื่นไส้อาเจียนมาก
รับประทานอาหารน้อย
หนาวสั่น
การซักประวัติ
.การตรวจสไลด์ thick และblood
การเจาะเลือดหาเชื้อ
การตรวจทางห้องปฏิบัติการ
การตรวจโดยใช้ชุดตรวจ(rapid diagnosis test)
ตรวจปัสสาวะ
.severe malaria เมื่อพบว่ามีจำนวนเม็ดเลือดที่ติดเชื้อ(infected rate) เกินร้อยละ10 ร่วมกับมีความผิดปกติต่อไปนี้ตั้งแต่2ข้อขึ้นไป
การตรวจด้วยการย้อมสีเลือดและตรวจด้วยกล้องจุลทรรศน์
การตรวจยีนส์
ปัสสาวะออกน้อย หรือ ไม่มีปัสสาวะภายใน 4 ชั่วโมง ภาวะไตวาย โดยพบค่า Blood Urea Nitrogen มากกว่า 20 mmol/L
จากกรณี
-WBC 12 thsd/cumm
-PMN 81.7%
-Lymphocyte 8%
-Eosinophil 0.2%
-hemoglobin 10 gm/dl
-hematocrit 32 %
-MCV 60.3
-platelet 100 thsd/cumm
ผลการตรวจเลือด
-Malaria P-falciparum เป็นเชื้อมาเลเรียพลาสโมเดีมฟัลชิปารัม
ตรวจการทำงานของตับ
ตรวจความสมบูรณ์ของเม็ดเลือด (Complete Blood Count: CBC)
ตรวจน้ำตาลในเลือด
การตรวจยีน (Gene) มีราคาแพงมาก ไม่เป็นที่นิยมใช้ในไทย
ตรวจอุจจาระ
การตรวจฟิล์มหนาและบาง (Thick and Thin Blood Smear)
การตรวจโดยใช้ชุดตรวจอย่างเร็ว (Rapid Diagnostic Test)
เอกซเรย์พบน้ำท่วมปอด
การตรวจทางชีวโมเลกุล
จำนวนเชื้อมาลาเรียในเลือดมากกว่าร้อยละ 10
- การรักษาผู้ป่วยมาลาเรียที่มีอาการไม่รุนแรง สามารถรับประทานยาได้ขึ้นอยู่กับชนิดของเชื้อมาลาเรีย
- การรักษามาลาเรียที่มีอาการรุนแรง มักเกิดภาวะมาลาเรียขึ้นสมองยาที่ให้เป็นยาฆ่าเชื้อชนิดฉีด
- การรักษาทั่วไป โดยการเฝ้าระวังป้องกันและรักษาภาวะแทรกซ้อนต่างๆ ที่จะเกิดขึ้น
- ไข้สูงพยายามเช็ดตัวให้บ่อย ๆให้ยาลดไข้ถ้าไข้สูงนานอาจทําใหเซลล์สมองตายได้
- ภาวะขาดความสมดุลของน้ําและเกลือแร่ ผู้ป่วยรับประทานอาหารไม่ได้ อาเจียน จึงมีภาวะขาดน้ําและเกลือแร่ การให้น้ําและเกลือแร่จะให้แบบทดแทนตามสภาพของผู้ป่วยควรระมัดระวังการ เกิดน้ําคั่งที่ปอด
- อาการชัก ต้องให้ยาระงับอาการชักทันที ระวังภาวะขาดออกซิเจน สําลัก ภาวะน้ำตาลในเลือดต่ำ ปล่อยไว้นานเซลล์สมองจะตาย โดยให้สารน้ำทางหลอดเลือดดํา ถ้ารู้สึกตัวให้ดื่มน้ําหวาน ถ้าไม่รู้สึกตัวใส่สายยางเข้ากระเพาะอาหารให้น้ําหวานทางสายยาง
- ไตวาย ให้การรักษาเหมือนกับไตวายจากสาเหตุอื่นๆ
- ภาวะซีด hematocrit ต่ำกว่า 20 เปอรเซ็นต์ ต้องให้เลือด เป็นเม็ดเลือด (Packed red cell) ซีดไม่มากรักษาหายแล้วให้ยาธาตุเหล็ก รับประทานต่อแต่ไม่ควรให้ในระยะที่เป็นมาลาเรียเพราะยาจะดูดซึมไม่ดีและอาจทําให้ผู้ป่วยอาเจียนได้
- ภาวะเหลือง ให้การรักษาแบบประคับประคองเหมือนกับภาวะตับวายจากสาเหตุอื่นๆ
- มีภาวะลิ่มเลือดแพร่กระจายในหลอดเลือด (DIC) ให้เลือดและพลาสมาใหมท
ยารักษามาลาเรียชนิดฟัลชิปารัมหรือพีเอฟ
ผู้ป่วยที่พบเชื้อต้องกินยารักษาให้ครบ 3 วันติดต่อกัน จํานวนเม็ดยาขึ้นอยู่กับอายุของผู้ป่วย
ผู้ป่วยจะได้รับการนัดตรวจเลือดซ้ำ 4 ครั้ง ซึ่งต้องกลับไปตรวจตามนัดทุกครั้ง เพื่อให้แน่ใจว่าไม่มีเชื้อมาลาเรียในร่างกายแล้ว
ยา 1 ชุด สําหรับผู้ป่วยหนึ่งคนเท่านั้น ห้ามนํายารักษามาลาเรียไปให้ผู้อื่นกิน
เม็ดเลือดแดงถูกพัดพาไปตามหลอดเลือดต่างๆ ในร่างกายจนถึงระดับเส้นเลือดฝอยของอวัยวะต่างๆ เม็ดเลือดแดงจะเกาะติดผนังหลอดเลือดทำให้เลือดหนืดมากขึ้นเมื่อไหลผ่านเส้นเลือดฝอยขณะเดียวกันส่วนประกอบการแข็งตัวของเลือดมีความผิดปกติไปด้วยจากการเปลี่ยนแปลงทั้งในส่วนของเม็ดเลือดแดงเองและในส่วนพลาสมาของเลือดรวมทั้งการเกิดก้อนตะกอนไฟบริน (fibrin thrombi) ในหลอดเลือดขนาดเล็กโดยเฉพาะที่สมอง ปอด หัวใจ ตับ และไต เป็นต้น ทำให้เซลล์ของอวัยวะต่างๆ ในร่างกายขาดออกซิเจนมากน้อยเท่าไรขึ้นกับชนิดของอวัยวะและสภาวะทางร่างกายของผู้ป่วยขณะนั้นอวัยวะที่สำคัญเหล่านี้ ได้แก่ สมอง ตับ ม้าม และปอด เกิด focal necrosis ได้
- Hyperthermia ผู้ป่วยไข้มาลาเรียและไข้มาลาเรียขึ้นสมองมักมีไข้สูง ถ้าไข้สูงเกิน 38.5 องศาเซลเซียส จะทําให้เกิดภาวะชัก โดยเฉพาะในเด็ก
- Acute pulmonary edema เป็นภาวะแทรกซ้อนที่มักเกิดในระยะหลังของมาลาเรียในระยะเฉียบพลัน
- Acute renal failure ภาวะไตวายเฉียบพลันเป็นผลมาจาก acute tubular necrosis ผู้ป่วยจะมีปัสสาวะเป็นสีน้ำปลา(black water fever)มักมีประสิทธิภาพของไตลดลง
ดูแลให้ผู้ป่วยมีภาวะสมดุลน้ำและอิเล็กโทรไลต์ ลดไข้ และลดอาการปวดเมื่อยตามร่างกาย ป้องกันภาวะแทรกซ้อน และลดความวิตกกังวลของผู้ป่วยและญาติ
- Hepatic dysfunction จะพบอาการตัวและตาเหลือง ระดับเอนไซม์ของตับเพิ่มสูงขึ้น การแข็งตัวของเลือดผิดปกติ
- Hypoglycemia ภาวะระดับน้ำตาลในเลือดต่ำ มักเกิดในผู้ป่วยที่ระดับความรูสึกตัวเปลี่ยนแปลง มีภาวะชักหรือหายใจผิดปกติ
- Shock ภาวะช็อกมักมีสาเหตุมาจากภาวะ Hypovolemia ภาวะsepticemia,endotoxemia ,hypoglycemia, lactic acidosis, hemorrhage หรือ cardiac arrhythmias
กิจกรรมการพยาบาลที่เหมาะสม
สำหรับโรคนี้ในการแก้ไขปัญหาสุขภาพ
1.การตรวจบันทึกสัญญาณชีพ คือ อุณหภูมิ การหายใจ ชีพจรและความดันโลหิต เพื่อประเมินภาวะ shock
- ถ้ามีไข้สูงมากต้องให้ยาลดไข้ ทํา Tepid sponge
- ถ้าหายใจเร็ว ต้องหาสาเหตุ ทํา CXR เจาะเลือดตรวจ Aterial blood gas ตามแผนการรักษาของแพทย์
- Severe anemia ภาวะเลือดจางมักเกิดอย่างรวดเร็วในผู้ป่วยมาลาเรียขึ้นสมอง ซึ่งเกิดจากการทํางานของไขกระดูกถูกกดและเม็ดเลือดแดงถูกทําลายโดยเชื้อมาลาเรีย
- ถ้ามีการติดเชื้อในปอดต้องดูแลให้ได้รับยาปฏิชีวนะตามแผนการรักษา พร้อมทั้งสังเกต ผลขางเคียงของยา
- ตวงและบันทึกปริมาณน้ําเข้าและออกจากร่างกาย เพื่อประเมินภาวะปอดคั่งน้ําและสังเกตภาวะแทรกซ้อน จากการให้ยาขับปัสสาวะเมื่อมีแนวทางการรักษาให้ใช้ยาขับปัสสาวะ
- Metabolic acidosis เป็นภาวะที่ทําให้ผู้ป่วยเสียชีวิตมากที่สุด
- Hyperparasitemia เป็นภาวะอันตรายสําหรับผู้ป่วยที่ไม่มีภูมิคุ้มกันเชื้อมาลาเรีย
- Bacterial infection เป็นการติดเชื้อแบคทีเรียแทรกซ้อนในผู้ป่วยมาลาเรีย
- ดูแลให้ผู้ป่วยได้รับออกซิเจนอย่างเพียงพอเพื่อเพิ่ม
การกําซาบของเนื้อเยื่อสมอง
- ดูแลให้ยาควินิน พร้อมสังเกตผลขางเคียงจากยา เช่น หูอื้อ ปวดศีรษะ คลื่นไส้ ตามัว ถ้าได้รับยาขนาดมากอาจมีอาการแพ้ เช่น ตัวร้อน หน้าแดง ผื่นขึ้น หน้าบวม หัวใจเต้นไม่สม่ำเสมอ ปวดท้อง เป็นต้น
- Coagulopathy ภาวะการแข็งตัวของเลือดผิดปกติมักเกิดกับผู้ป่วยมาลาเรีย ผู้ป่วยทุกรายควรได้รับการตรวจหาความผิดปกติของการแข็งตัวของเลือด