Please enable JavaScript.
Coggle requires JavaScript to display documents.
พระราชบัญญัติ ว่าด้วยการกระทำความผิด เกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ ฉบับที่ 2 …
พระราชบัญญัติ
ว่าด้วยการกระทำความผิด
เกี่ยวกับคอมพิวเตอร์
ฉบับที่ 2 (2560)
หมวดที่ 1 ความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์
เข้าใช้งานคอมพิวเตอร์ของผู้อื่นโดยมิชอบ
มาตรา 6
เข้าถึงคอมพิวเตอร์ที่มีการป้องกันการเข้าถึงโดยเฉพาะ
โทษจำคุกไม่เกิน 6 เดือน
ปรับไม่เกิน 10,000 บาท
หรือทั้งจำทั้งปรับ
มาตรา 7
รู้มาตรการป้องกันการเข้าถึงคอมพิวเตอร์แล้วนำมาตรการเหล่านั้นไปเปิดเผยโดยมิชอบ
โทษจำคุกไม่เกิน 1 ปี
ปรับไม่เกิน 20,000 บาท
หรือทั้งจำทั้งปรับ
มาตรา 5
เข้าถึงข้อมูลที่มีการป้องกันการ
เข้าถึงโดยเฉพาะ
โทษจำคุกไม่เกิน 2 ปี
ปรับไม่เกิน 40,000 บาท
หรือทั้งจำทั้งปรับ
มาตรา 8
"ดักรับข้อมูลส่วนบุคคล"
ระหว่างการส่งในระบบคอมพิวเตอร์
โทษจำคุกไม่เกิน 3 ปี หรือ
ปรับไม่เกิน 60,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
มาตรา 9
เปลี่ยนแปลง แก้ไข หรือ
ทำลายข้อมูลให้เสียหาย
โทษจำคุกไม่เกิน 5 ปี หรือ
ปรับไม่เกิน 100,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
มาตรา 10
รบกวน หรือชะลอระบบคอมพิวเตอร์
จนไม่สามารถทำงานได้อย่างปกติ
โทษจำคุกไม่เกิน 5 ปี หรือ
ปรับไม่เกิน 100,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
มาตรา 11
ส่งสแปมเมล
โทษปรับไม่เกิน 100,000 บาท
มาตรา 12
วรรคสาม
ถ้ากระทำความผิดในมาตรา 9 หรือ มาตรา 10
เป็นการกระทำต่อข้อมูลหรือระบบคอมพิวเตอร์
ของโครงสร้างพื้นฐานของประเทศ
โทษจำคุกตั้งแต่ 3 ปี ถึง 15 ปี และ
ปรับตั้งแต่ 60,000 บาท ถึง 300,000 บาท
วรรคสอง
ถ้ากระทำความผิดเเล้วเกิดความเสียหายต่อข้อมูล หรือระบบคอมพิวเตอร์ดังกล่าว
โทษจำคุกตั้งแต่ 1 ปี ถึง 10 ปี
ปรับตั้งแต่ 20,000 บาท ถึง 200,000 บาท
วรรคหนึ่ง
กระทำความผิดตามมาตรา 5, 6, 7, 8 หรือ 11 เป็นการกระทำต่อข้อมูลหรือระบบคอมพิวเตอร์ของ
โครงสร้างพื้นฐานของประเทศ
โทษจำคุกตั้งแต่ 1 ปี ถึง 7 ปี
ปรับตั้งแต่ 20,000 บาท ถึง 140,000 บาท
วรรคสี่
มิได้มีเจตนาฆ่า แต่เป็นเหตุทำให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย
โทษจำคุกตั้งแต่ 5 ปี ถึง 20 ปี
ปรับตั้งแต่ 100,000 บาท ถึง 400,000 บาท
มาตรา 12/1
ถ้าการกระทำความผิดตามมาตรา 9 หรือมาตรา 10
เป็นเหตุให้เกิดอันตรายแก่ผู้อื่นหรือทรัพย์สินของผู้อื่น
โทษจำคุกไม่เกิน 10 ปี และ
ปรับไม่เกิน 200,000 บาท
ถ้ากระทำความผิดในมาตรา 9 หรือ มาตรา 10
โดยมิได้เจตนาฆ่า แต่เป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย
โทษจำคุกตั้งแต่ 5 ปี ถึง 20 ปี และ
ปรับตั้งแต่ 100,000 บาท ถึง 400,000 บาท
มาตรา 13
วรรคหนึ่ง
จำหน่าย หรือ เผยแพร่ชุดคำสั่ง
ที่จะนำไปใช้กระทำความผิดตาม
มาตรา 5 ถึง มาตรา 11
โทษจำคุกไม่เกิน 1 ปี หรือ
ปรับไม่เกิน 20,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
วรรคสอง
จำหน่าย หรือ เผยแพร่ชุดคำสั่ง
ที่จะนำไปใช้กระทำความผิดตาม
มาตรา 12 วรรคหนึ่งหรือวรรคสาม
โทษจำคุกไม่เกิน 1 ปี หรือ
ปรับไม่เกิน 20,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
วรรคสาม
กระทำความผิดตามวรรคหนึ่ง และหากกระทำความผิดตามมาตรา 12 วรรคหนึ่งหรือวรรคสาม หรือ
ต้องรับผิดตามมาตรา 12 วรรคสองหรือวรรคสี่
หรือมาตรา 12/1
ผู้จำหน่ายหรือเผยแพร่ชุดคำสั่งจะต้องรับผิดทางอาญาตามความผิดที่มีกำหนดโทษสูงขึ้นด้วย ก็ต่อเมื่อรู้และเล็งเห็นได้ว่าจะเกิดผลเช่นที่เกิดขึ้น
วรรคสี่
กระทำความผิดตามวรรคสอง และหากกระทำความผิดตามมาตรา 12 วรรคหนึ่งหรือวรรคสาม หรือ
ต้องรับผิดตามมาตรา 12 วรรคสองหรือวรรคสี่
หรือมาตรา 12/1
ผู้จำหน่ายหรือเผยแพร่ชุดคำสั่งจะต้องรับผิดทางอาญา
ตามความผิดที่มีกำหนดโทษสูงขึ้นด้วย
วรรคห้า
ในกรณีที่ผู้จัดจำหน่ายหรือเผยแพร่ชุดคำสั่งต้องรับ
ผิดตามวรรคหนึ่งหรือวรรคสอง และตามวรรคสามหรือวรรคสี่ด้วย ต้องรับโทษอัตราสูงสุดแต่กระทงเดียว
มาตรา 14
ผู้ใดกระทำความผิดดังต่อไปนี้
โทษจำคุกไม่เกิน 5 ปี หรือ
ปรับไม่เกิน 100,000 บาท
(1) นำเข้าข้อมูลปลอม ที่ก่อให้เกิดความเสียหายต่อประชาชน ที่ไม่ใชการหมิ่นประมาทตามประมวลกฎหมายอาญา
(2) นำเข้าข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จทำให้เกิด
ความเสียหายต่อโครงสร้างพื้นฐานของประเทศ
(3) นำเข้าข้อมูลที่เกี่ยวกับการก่อการร้ายตาม
ประมวลกฎหมายอาญา
(4) นำเข้าข้อมูลที่มีลักษณะลามก และประชาชนทั่วไปอาจเข้าถึงใด
(5) เผยแพร่ส่งต่อข้อมูลโดยรู้อยู่แล้วว่าเป็นไปตาม (1) (2) (3) หรือ (4)
มาตรา 15
ผู้ให้บริการผู้ใดให้ความร่วมมือกับให้มี
การกระทำความผิดตามมาตรา 14
โทษจำคุกไม่เกิน 5 ปี หรือ
ปรับไม่เกิน 100,000 บาท
มาตรา 16
นำเข้าภาพผู้อื่นโดยที่ภาพนั้นเกิดจาก การตัดต่อ เติม แต่ง หรือดัดแปลงด้วยวิธีการใดๆแล้วทำให้ผู้อื่นเสียชื่อเสียง ถูกดูหมิ่น ถูกเกลียด หรือได้ความอับอาย
โทษจำคุกไม่เกิน 3 ปี และปรับไม่เกิน 200,000
มาตรา 16/1
(1) ให้ทำลายข้อมูลนั้น
(2) ให้เผยแพร่คำพิพากษาตามสื่อต่างๆ ตามศาลเห็นสมควร โดยให้จำเลยชำระค่าโฆษณาหรือเผยแพร่
(3) ดำเนินการอื่นเพื่อบรรเทาความเสียหาย
มาตรา 16/2
ผู้รู้ว่าข้อมูลคอมพิวเตอร์ในครอบครองเป็นข้อมูลที่ศาลสั่ง
ให้ทำลายตามมาตรา 16/1 ผู้นั้นต้องทำลาย
หากฝ่าฝีนโทษกึ่งหนึ่งของมาตรา 14 หรือมาตรา 16 แล้วแต่กรณี
มาตรา 17
บุคคลใดกระทำความผิดนอกราชอาณาจักร และ
(1) เป็นคนไทย และรัฐบาลแห่งประเทศที่มีความผิด
หรือผู้เสียหายได้ร้องขอให้ลงโทษ
(2) เป็นคนต่างด้าว และรัฐบาลไทยหรือผู้เสียหายคน
ไทยได้ร้องขอให้ลงโทษ
จะต้องรับโทษภายในราชอาณาจักร
มาตรา 17/1
วรรคหนึ่ง
ความผิดตามมาตรา 5, 6, 7, 11, 13 วรรคหนึ่ง, 16/2, 23, 24, และ 27 ให้คณะกรรมการเปรียบเทียบ
ที่รัฐมนตรีแต่งตั้งมีอำนาจเปรียบเทียบได้
วรรคสอง
คณะกรรมการตามวรรคหนึ่งกำหนดให้มีจำนวน 3 คน
โดยคนหนึ่งต้องเป็นพนักงานสอบสวนตามประมวลกฎหมาย
วิธีพิจารณาความอาญา
วรรคสาม
เมื่อคณะกรรมการได้เปรียบเทียบค่าปรับตาม
กรณีใดและผู้ต้องหาได้ชำระเงินค่าปรับตามระยะ
เวลาที่กำหนดแล้ว ให้ถือว่าคดีเป็นอันเลิกกัน
วรรคสี่
หากผู้ต้องหาไม่ชำระค่าปรับตามกำหนด ให้เริ่มอายุความใหม่ตั้งแต่วันครบกำหนดระยะเวลาจ่ายค่าปรับ
หมวดที่ 2 พนักงานเจ้าหน้าที่
มาตรา 18
เพื่อเป็นประโยชน์การสืบสวนและสอบสวน
(1) มีหมายเรียกเพื่อให้ปากคำ เอกสาร หรือในรูปแบบอื่นที่สามารถเข้าใจได้
(2) เรียกข้อมูลจราจรทางคอมพิวเตอร์
จากผู้ให้บริการของผู้เกี่ยวข้อง
(3) สั่งให้ผู้บริการส่งมอบข้อมูลเกี่ยวกับผู้ใช้บริการ
ตามมาตรา 26 ให้แก่เจ้าหน้าที่หรือ เก็บเอาไว้ก่อน
(4) ทำสำเนาข้อมูลจราจรทางคอมพิวเตอร์ที่มี
ความผิด ในกรณีที่คอมพิวเตอร์นั้นไม่ได้อยู่ใน
การครอบครองของเจ้าหน้าที่
(7) ถ้าข้อมูลมีการเข้ารหัสให้เจ้าของ
ทำการถอดรหัส หรือให้ความร่วมมือ
กับเจ้าหน้าที่ในการถอดรหัส
(5) สั่งให้เจ้าของที่ครอบครองอุปกรณ์
คอมพิวเตอร์ที่ใช้กระทำความผิด ส่งมอบให้
แก่เจ้าหน้าที่
(8) ยึดหรืออายัดคอมพิวเตอร์เท่าที่จำเป็นเพื่อเป็นประโยชน์ในการทราบรายละเอียดแห่ง
ความผิดและผู้กระทำผิด
(6) ตรวจสอบหลักฐานที่เกี่ยวกับการกระทำความผิด เพื่อสืบสวนหาตัวผู้กระทำผิดและสั่งให้บุคคลนั้นส่งข้อมูลจราจรทางคอมพิวเตอร์ ที่เกียวข้องเท่าที่จำเป็นก็ได้
มาตรา 19
การใช้อำนาจของเจ้าหน้าที่ตามมาตรา 18 (4) (5) (6) (7) และ (8)
ให้เจ้าหน้าที่ยื่นคำร้องต่อศาลที่มีอำนาจคำสั่งอนุญาตให้เจ้าหน้าที่ดำเนินการตามคำร้องที่มีเหตุ
เท่าที่ระบุได้ว่ามีการกระทำความผิด
เมื่อศาลอนุญาตแล้วให้เจ้าหน้าที่ส่งสำเนาเหตุที่ทำให้ต้องใช้อำนาจตามมาตราที่กล่าวไว้ข้างต้น
มอบให้ผู้ครอบครองระบบคอมพิวเตอร์ไว้เป็นหลักฐาน
หลังจากนั้นให้ส่งสำเนารายละเอียด และเหตุผลในการดำเนินการให้ศาลภายใน 48 ชั่วโมง
ตามมาตรา 18 (4)
ทำสำเนาข้อมูลได้เมื่อเชื่อได้ว่ากระทำผิดจริง และ ต้องไม่เป็นอุปสรรคในการดำเนินกิจการของผู้ครอบครองข้อมูลมากเกินไป
ตามมาตรา 18 (8)
เจ้าหน้าที่จะสั่งยึดหรืออายัดระบบคอมพิวเตอร์ได้
ไม่เกิน 30 วัน หากเกินต้องยื่นคำร้องต่อศาลที่มี
อำนาจ ซึ่งขยายเวลาให้เพิ่มได้ไม่เกิน 60 วัน เมื่อ
หมดความจำเป็นต้องส่งคืนระบบคอมพิวเตอร์ทันที
มาตรา 20
ในกรณีที่มีการเผยแพร่ข้อมูลคอมพิวเตอร์ ดังต่อไปนี้
(1) ข้อมูลที่ผิดพระราชบัญญัตินี้
(2) ข้อมูลที่อาจกระทบความมั่นคงของประเทศ
(3) ข้อมูลที่ผิดกฎหมายเกี่ยวกับทรัพย์สินทางปัญญา หรือกฎหมายอื่นๆที่ขัดต่อความสงบเรียบร้อย หรือศีลธรรมอันดีของประชาชน
เจ้าหน้าที่โดยรับความเห็นชอบจากรัฐมนตรีอาจยื่นคำร้องพร้อมหลักฐานต่อศาลที่มีอำนาจให้สั่งระงับการเผยแพร่ หรือลบข้อมูลออกจากระบบคอมพิวเตอร์
มาตรา 21
วรรคหนึ่ง
หากเจ้าหน้าที่พบว่ามีชุดคำสั่งที่ไม่พึ่งประสงค์ เจ้าอาจยื่นคำร้องต่อศาลเพื่อขอให้มีคำสั่งห้าม
จำหน่ายหรือเผยแพร่
วรรคสอง
ชุดคำสั่งไม่พึ่งประสงค์ตามวรรคหนึ่ง
หมายถึงชุดคำสั่งที่มีผลให้คอมพิวเตอร์
หรือระบบคอมพิวเตอร์เกิดความเสียหาย
ขัดข้องหรือทำงานไม่ตรงคำสั่ง
มาตรา 22
ห้ามมิให้เจ้าหน้าที่และพนักงานสอบสวนในกรณีตาม
มาตรา 18 วรรคสองเปิดเผยหรือส่งมอบข้อมูล
คอมพิวเตอร์ ข้อมูลจราจรทางคอมพิวเตอร์ หรือข้อมูล
ของผู้ใช้บริการที่ได้มาตามมาตรา 18 ให้แก่บุคคลใด
พนักงานเจ้าหน้าที่ผู้ใดฝ่าฝืน
โทษจำคุกไม่เกิน 3 ปี หรือปรับไม่เกิน 60,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
มาตรา 23
พนักเจ้าหน้าที่หรือพนักงานสอบสวนในกรณีตาม
มาตรา 18 วรรคสอง ผู้ได้ประมาทเป็นเหตุให้ผู้อื่นล่วง
รู้ข้อมูลคอมพิวเตอร์ ข้อมูลจราจรทางคอมพิวเตอร์
หรือข้อมูลของผู้ใช้บริการที่ได้มาตามมาตรา 18
โทษจำคุกไม่เกิน 1 ปี หรือปรับไม่เกิน 20,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
มาตรา 24
ผู้ใดล่วงรู้ข้อมูลคอมพิวเตอร์ ข้อมูลจราจรทางคอมพิวเตอร์
หรือข้อมูลของผู้ใช้บริการที่พนักงานเจ้าหน้าที่หรือพนักงาน
สอบสวนได้มาตามมาตรา 18 และเปิดเผยต่อผู้อื่น
โทษจำคุกไม่เกิน 2 ปี หรือปรับไม่เกิน 40,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
มาตรา 25
ข้อมูลคอมพิวเตอร์ ข้อมูลจราจรทางคอมพิวเตอร์
ที่พนักงานเจ้าหน้าที่หรือพนักงานสอบสวนได้รับ
มาตามมาตรา 18 วรรคสอง ให้อ้างและรับฟังเป็น
พยานหลักฐาน ต้องไม่ได้เกิดจากการจูงใจ ขู่เข็ญ
หลอกลวง หรือโดยมิชอบประการอื่น
มาตรา 26
ผู้ให้บริการต้องเก็บรักษาข้อมูลจราจรทาง
คอมพิวเตอร์ไว้ไม่น้อยกว่า 90 วัน แต่ในกรณี
จำเป็นพนักงานเจ้าหน้าที่สามารสั่งให้เก็บไว้
เกิน 90 วันได้แต่ไม่เกิน 2 ปี เป็นกรณีพิเศษ
เฉพาะรายและเฉพาะคราวก็ได้
มาตรา 27
ผู้ใดไม่ทำตามคำสั่งศาลหรือเจ้าพนักงานเจ้าหน้าที่
ที่สั่งตามมาตรา 18 มาตรา 20 หรือคำสั่งศาลมาตรา 21
โทษปรับไม่เกิน 200,000 บาท หรือปรับเป็นรายวัน
วันละ 5,000 บาท จนกว่าจะทำตามให้ถูกต้อง
มาตรา 28
วรรคสอง
ผู้ได้รับการแต่งตั้งอาจได้รับค่าตอบแทนพิเศษ
วรรคสาม
ในการกำหนดค่าตอบแทนต้องคำนึงถึง ภาระหน้าที่ ความรู้ความเชี่ยวชาญ
ตามความขาดแคลนในการหาผู้มาปฏิบัติหน้าที่
วรรคหนึ่ง
การแต่งตั้งพนักงานเจ้าหน้าที่ตามพระราชบัญญัตินี้
ให้รัฐมนตรีแต่งตั้งจากผู้มีความรู้และความชำนาญ
เกี่ยวกับระบบคอมพิวเตอร์และมีคุณสมบัติตามที่กำหนด
มาตรา 29
ในการปฎิบัติหน้าที่ตามพระราชบัญญัตินี้
ให้พนักงานฝ่ายปกครองหรือตำรวจชั้นผู้ใหญ่เป็น
ผู้มีอำนาจในการรับคำร้องทุกข์หรือคำกล่าวโทษ
มาตรา 30
เจ้าหน้าที่ต้องแสดงบัตรประจำตัวต่อบุคคลที่เกี่ยวข้อง
มาตรา 31
ค่าใช้จ่าย รวมไปถึงวิธีการเบิกจ่ายทางด้าน
(1) การสืบสวน แสวงหาข้อมูล และรวบรวมหลักฐาน
(2) การดำเนินการตามมาตรา 18 วรรคหนึ่ง (4) (5) (6) (7) และ (8) และมาตรา 20
(3) การดำเนินการอื่นๆในการป้องกันและปราบปราม
การกระทำความผิดตามพระราชบัญญัตินี้
ให้เป็นไปตามระเบียบที่รัฐมนตรีกำหนดโดย
ได้รับความเห็นชอบจากกระทรวงการคลัง