Please enable JavaScript.
Coggle requires JavaScript to display documents.
หน้าที่ในการชำระหนี้ - Coggle Diagram
หน้าที่ในการชำระหนี้
หน้าที่ชำระหนี้ให้ถูกต้อง : :star:
วัตถุแห่งหนี้กับวัตถุที่ประสงค์แห่งนิติกรรม :warning:
วัตถุประสงค์แห่งนิติกรรมและวัตถุแห่งหนี้นั้นมีความหมายต่างกัน ซึ่ง
วัตถุแห่งนิติกรรม
คือวัตุประสงค์ของนิติกรรมที่ได้ก่อขึ้นมา ว่าจุดมุ่งหมายของนิติกรรมต้องการอะไรส่วน
วัตถุแห่งหนี้
นั้นเป็นสิ่งที่ต้องทำเพื่อให้การปฎิบัติการชำระหนี้ให้สมบูรณ์ตามวัตถุประสงค์แห่งนิติกรรม ที่ได้ตกลงกันไว้
ดังนั้นแล้วต้องมีวัตถุแห่งนิติกรรมก่อนจึงจะมีวัตถุแห่งหนี้
EX.นายเอได้ตกลงทำสัญญาซื้อขายรถยนต์กับนายบี วัตถุประสงค์แห่งนิติกรรมคือการโอนกรรมสิทธิ์รถยนต์ไปให้กับนายเอ เพื่อให้นายเอนั้นได้มีสิทธิ์เหนือทรัพย์สินบนตัวรถ ส่วนวัตถุแห่งหนี้นั้นก็คือการส่งมอบทรัพย์ในที่นี้คือการที่นายบีนำรถไปให้กับนายเอ ส่วนนายเอก็จะมีวัตถุแห่งหนี้การส่งมอบทรัพย์เช่นเดียวกันนั้นก็คือเงินตรา ที่ต้องชำระแกนายบี :red_flag:
ข้อแตกต่าง :!!:
1.วัตถุแห่งนิติกรรมเป็นขั้นมูลฐานก่อนก่อหนี้ เมื่อมีวัตถุแห่งนิติกรรมอันก่อให้เกิดหนี้แล้วจึงจะมีวัตถุแห่งหนี้ขึ้นมา
2.วัตถุประสงค์ของนิติกรรมมีเฉพาะนิติกรรม ส่วนวัตถุแห่งหนี้นั้นมีในหนี้ทุกชนิดไม่ว่าะเป็นนิติหตุ นิติกรรม หรือทุกอย่างที่เป็นบ่เกิดแห่งหนี้
3.วัตถุแห่งนิติกรรมนั้นมีความหมายโดยกว้างและไม่จำกัดซึ่งในการทำนิติกรรมย่อมมีมูลมาจากหลากหลายสาเหตุ แต่วัตถุแห่งหนี้นั้นมีเพียง 3 ประการเท่านั้นคือ หนี้กระทำการ หนี้งดเว้นกระทำการ หนี้ส่งมอบทรัพย์
กรณีวัตถุแห่งหนี้ซึ่งเลือกชำระได้ :warning:
หนี้เดี่ยว(วัตถุแห่งหนี้เป็นอย่างเดียว)
EX.นายเอได้ตกลงซื้อส้มกับนายบี ซึ่งนายเอนั้นก็มีหนี้ส่งมอบเงินตราเพื่อชำระราคาส้มแก่นายบี ส่วนนายบีก็มีหนี้ส่งมอบส้มแก่นายเอ :red_flag:
หนี้ผสม(วัตถุแห่งหนี้มีหลายอย่าง)
เลือกชำระวัตถุหนี้อันใดอันหนึ่งได้
EX.นายเอได้ตกลงซื้อลูกหมากับนายบีเป็นจำนวนเงิน 2000 บาทโดยนาบีนั้นได้ให้นายบีเลือกที่จะส่งมอบเป็นเงินหรือจะส่งมอบเป็นลูกไก่ชนของนายเอก็ได้ จะเห็นได้ว่าวัตถุแห่งนี้นั้นมีหลายอย่างและนายเอสามารถเลือกชำระได้ :red_flag:
ต้องชำระทุกวัตถุแแห่งหนี้
EX.นายเอได้ทำการเช่าหอกับนายบี ซึ่งนายเอนั้นก็ต้องมีหนี้งดเว้นที่จะไม่ทำลายทรัพย์สินที่เช่ามา และมีหนี้ส่งมอบทรัพย์อันเป็นค่าชำระหอแก่เจ้าหนี้ ส่วนนายบีก็มีหนี้งดเว้นกระทำการที่จะไม่ไปบุกรุกหรือยุงกับทรัพย์สินที่ให้เช่า และมีหนี้กระทำการที่ต้องซ่อมแซมหอ เนื่องจากเกิดจากการเสียหาย :red_flag:
สิทธิในการเลือก
สิทธิในการเลือกตามาตรา 198 :check:
ถ้ากำหนดไว้ว่าให้ผู้ใดเป็นผู้เลือกซึ่งเป็นตามที่ตกลงกันไว้ สิทธิในการเลือกก็ให้เป็นไปตามที่ตกลงกันไว้
ถ้าไม่ได้กำหนดไว้ว่าให้ฝ่ายใดเป็นผู้เลือก สิทธิในการเลือกจะตกไปอยู่แก่ฝ่ายลูกหนี้
สิทธิในการเลือกตามมาตรา 201
(บุคลลภายนอก) :check:
ถ้ากำหนดให้บุคคลภายนอกนั้นเป็นผู้เลือก และผู้นั้นไม่อาจสามารถที่จะเลือกได้ เช่น ป่วย ไม่สบาย หรือการที่บุคคลภายนอกนั้นไม่เต็มใจในการเลือก สิทธิในการเลือกชำระหนี้จะตกแก่ฝ่ายลูกหนี้ แต่ถ้าหากมีการตกลงไว้เป็นอย่างอื่นก็บังคับตามที่ตกลงกันไว้
ถ้ากำหนดให้ฝ่ายลูกหนี้หรือเจ้าหนี้เป็นฝ่ายเลือก และฝ่ายที่มีสิทธิเลือกนั้นมิได้เลือกให้ทันตามเวลาที่กำหนด สิทธิในการเลือกย่อมตกไปแก่อีกฝ่าย (ม.200)
วิธีการเลือก
กรณีฝ่ายลูกหนี้หรือเจ้าหนี้มีสิทธิเลือก (ม.199) :check:
ถ้าฝ่ายใดที่มีสิทธิเลือกต้องมีการแสดงเจตนาให้แก่อีกฝ่ายได้ทราบ ไม่ว่าจะโดยชัดเเจ้งหรือโดยปริยาย
EX.ลูกหนี้มีสิทธิเลือก ลูกหนี้นั้นจะต้องเเสดงเจตนาแก่ฝ่ายเจ้าหนี้ :red_flag:
กรณีบุคคลภายนอกมีสิทธิเลือก (ม.201) :check:
หากบุคคลนั้นเป็นผู้มีสิทธิในการเลือกเพื่อชำระหนี้ ลูกหนี้นั้นจะต้องแจ้งความนั้นแก่เจ้าหนี้ เพื่อให้ลูกหนี้นั้นได้ปฎิบัติการชำระหนี้ตามบุคคลภายนอกได้เลือก
EX.นายแดงจะซื้อเสื้อแต่ให้ดำบุคคลภายนอกเป็นคนเลือกเสื้อนั้น โดยแสดงเจตนาแก่เจ้าของร้าน เเละเจ้าของร้านจะต้องแจ้งแก่นายแดงผู้เป็นเจ้าหนี้ที่จะต้องส่งมอบบเสื้อ :red_flag:
ผลของการเลือก
เมื่อมีการเลือกแล้วจะต้องมีการแสดงเจตนาต่อคู่กรณีอีกฝ่ายหนึ่ง การเลือกนั้นก็จะมีผลแล้วตามการแสดงเจตนา ผลคือให้ถือว่าเป็นอย่างนั้นมาตั้งแต่ต้น การเลือกจะส่งผลย้อนหลังไปถึงการเกิดหนี้ครั้งแรก
EX.นายเอให้นายบีนั้นได้เลือกไก่มา่งมอบแก่ตนเลย ซึ่งสิทธิในการเลือกนั้นตกอยู่ทที่นายบี ปรากฎว่านายบีนั้นได้ลูกไก่หนุ่มตัวผู้ให้ ใน 2 อาทิตย์ต่อมา แสดงว่าไก่ตัวผู้นี้คือเป็นทรัพย์ในการส่งมอบตั้งแต่ต้นแล้ว :red_flag:
ระยะเวลาในการเลือก (ม.200)
มีกำหนดเวลาให้เลือก (ม.200 ว.1)
ฝ่ายที่มีสิทธิในการเลือกต้องเลือกภายในระยะเวลาที่กำหนด หากมิได้เลือกในเวลาที่กำหนดแล้ว สิทธิในการเลือกจะตกแก่อีกฝ่ายหนึ่ง
EXนายเอผู้เป็นลูกหนี้มีสิทธิเลือกว่าจะชำระหนี้โดยการส่งมอบเงินตราหรือจะส่งมอบด้วยทรัพย์ทั่วไป : เพื่อชำระหนี้แก่นายบี ระยะเวลาเลือกภายใน 2 วัน ถ้าหากเกิน 2 วัน นายบีจะเป็นผู้มีสิทธิเลือกแทนว่าจะให้นายบีชำระหนี้โดยวิธีการใด :red_flag:
มิได้มีกำหนดเวลาในการเลือก(ม.200 ว.2)
กรณีมิได้กำหนดเวลาในการเลือก กำหนดให้อีกฝ่ายที่ไม่มีสิทธิในการเลือกนั้นเป็นฝ่ายที่จะต้องกำหนดเวลา โดยมีเงื่อนไขว่าต้องถึงกำหนดเวลาชำระหนี้ และเวลาที่กำหนดนั้นต้องเป็นเวลาที่เหมาะสม
EX.นายเอผู้มีสิทธิเลือกในการชำระหนี้และทั้งนายเอและนายบีมิได้กำหนดเวลาในการเลือกชำระ เมื่อถึงกำหนดนายบีฝ่ายผู้ไม่มีสิทธิเลือกสามารถกำหนดเวลาในการเลือกชำระหนี้ของนายเอได้ :red_flag:
กรณีการชำระหนี้บางอย่างได้เป็นการพ้นวิสัยที่จะสามารถชำระได้
เป็นวิสัยตั้งแต่ต้น
EX.นายเอรู้ว่านายบีมีลูกสุนัขทั้งหมด 3 ตัว นายเอต้องการซื้อลูกสุนัข โดยให้นายเอเลือก โดยทั้งสองได้พูดคุยกันที่ตลาดและไม่ทราบว่าลูกหมาตัวหนึ่งได้ตายลง แต่เป็นตัวเดียวกันที่นายเอได้เลือกและเเสดงเจตนาแก่นายบีแล้ว เมื่อสิ่งที่เลือกนั้นเป็นการพ้นวิสัยย่อมตกเป้นโมฆะ :red_flag:
เป็นวิสัยในภายหลัง
พ้นวิสัยที่ฝ่ายไม่มีสิทธิจะเลือกไม่ผิด
(ให้จำกัดหนี้ไว้เพียงอย่างอื่นที่ไม่พ้นวิสัย)
EX.นายเอได้ตกลงซื้อลูกหมากับบี โดยแดงนั้นทราบว่าบีมีหมาสีอะไรบ้าง โดยบีให้แดงเลือกและแจ้งก่อนส่งมอบในอีก 5 วัน แต่ก่อนถึงวันนั้นลูกหมาตัวหนึ่งได้ตายไปด้วยเหตุสุดวิสัย นายเอนั้นก้จะต้องเลือกลูกหมาที่เหลือเท่านั้น เลือกตัวที่ตายไปไม่ได้ :red_flag:
พ้นวิสัยที่ฝ่ายผู้ไม่มีสิทธิเลือกจะต้องรับผิดชอบ (ไม่ถูกจำกัดเพียงหนี้วิสัยแต่รวมถึงพ้นวิสัยด้วย ถ้าหากเลือกส่วนที่พ้นวิสัย ผู้นั้นจะต้องจ่ายค่าสินไหมทดแทน)
EX.นายเอได้ตกลงซื้อลูกหมากับบี โดยแดงนั้นทราบว่าบีมีหมาสีอะไรบ้าง โดยบีให้แดงเลือกและแจ้งก่อนส่งมอบในอีก 5 วัน แต่ก่อนถึงวันนั้นลูกหมาตัวหนึ่งได้ตายไปด้วยเหตุที่นายบีนั้นได้ให้อาหารผสมยาเบื่อ นายเอนั้นก้จะต้องเลือกลูกหมาที่เหลือได้แต่ถ้าหากนายเอเลือกตัวที่ตายเพราะเหตุที่นายบีทำ นายบีจะต้องชดใช้ค่าสินไหมทดแทน :red_flag:
ทรัพย์อันเป็นวัตถุแห่งหนี้ :warning:
ทรัพย์สินที่จะส่งมอบเป็นทรัพย์สินทั่วไป (ม.195)
หนี้กำหนดทรัพย์แต่เพียงประเภท(ม.195 วรรค 1) :<3:
หนี้ที่ต้องที่ต้องกระทำการส่งมอบทรัยพ์แต่คู่กรณีมิได้ตกลงกำหนดทรัพย์ที่จะส่งมอบเพียงกว้างๆมิได้ลงรายละเอียดและมิได้ระบุชนิดที่แน่นนอน จะต้องเป็นทรัพย์ชนิดใด ซึ่งตามมาตรา 195 วรรค 2 ให้พิจารณาทรัพย์ระบุเพียงประเภทที่จะส่งมอบแก่เจ้าหนี้ดังนี้
2.กำหนดได้ตามเจตนาของคู่กรณี
แม้มีแต่เพียงกำหนดไว้เป็นทรัพย์เพียงประเภท มิได้ได้ระบุถึงรายละเอียดของทรัพย์ แต่หากตามเจตนาของคู่กรณีทำให้ทราบได้ถึงชนิดของทรัพย์ได้ ก็จะเป็นไปตามนั้น
EX. นายเอได้ตกลงที่จะซื้อขายข้าวสารกับนายบี แต่มิได้ระบุว่าเป็นทรัพย์ชนิดใด แต่นายบีนั้นได้ทำการซื้อขายข้าวสารกับนายเออยู่บ่อยครั้งอยู่แล้ว ต่อให้นายเอมิได้ระบุถึงทรัพย์สินนั้นว่าเป็นทรัพย์ชนิดใด แต่นายบีก็สามารถทราบถึงเจตนาของนายเอได้ นายบีก็ต้องส่งมอบทรัพย์นั้นตามเจตนาของคู่กรณี :red_flag:
3.ตามที่กฎหมายกำหนด (ชนิดปานกลาง)
หากไม่สามารถทราบได้จากสภาพแห่งนิติกรรมหรือตามเจตนาของคู่กรณี ลูกหนี้จะต้องส่งมอบทรัพย์ชนิดปานกลางให้แก่จ้าหนี้ เพราะลูกหนี้ก็มีหน้าที่ส่งมอบทรัยพ์ชนิดต่ำสุดแต่เจ้าหนี้นั้นก็ต้องการที่จะได้ทรัยพ์ชนิดสูงสุด กฎหมายจึงกำหนดว่าให้ส่งมอบทรัพย์ชนิดปานกลาง
EX.นายเอได้ตกลงซื้อข้าวสารกับนายบี แต่มิได้ระบุว่าเป็นทรัพย์ชนิด นายบีนั้นจะต้องส่งมอบทรัพย์ชนิด 50%
1.กำหนดได้ตามสภาพแห่งนิติกรรม
แม้คู่กรณีนั้นมิได้ระบุไว้อย่างชัดเเจ้งว่าต้องเป็นทรัพย์ชนิดใด แต่สภาพแห่งนิติกรรมนั้นสามารถทำให้ทราบว่าเป็นทรัพย์ชนิดใด ลูกหนี้นั้นก็จะต้องส่งมอบตามที่สามารถกำหนดได้ตามสภาพแห่งนิติกรรม
EX.ในนิติกรรมมิได้ระบุว่านายเอ จะต้องการซื้อข้าวสาร 50 กระสอบชนิดใด (50% 80%100%) แต่จากราคาในนิติกรรมนั้นได้บอกให้ทราบถึงราคาทรัพย์สิน ซึ่งราคาดังกล่าวนั้นเป็นราคาของข้าวสารชนิด 100 % จึงทำให้ทราบถึงชนิดได้แม้มิได้ระบุไว้ในนิติกรรมอย่างชัดเเจ้ง :red_flag:
หนี้กำหนดทรัพย์เฉพาะสิ่ง(ม.195 วรรค 2) :<3:
ทรัพย์ก่อนจะเป็นวัตถุแห่งหนี้ันั้นจะต้องมีการกำหนดให้เป็นทรัพย์เฉพาะสิ่งก่อนจึงจะเป็นวัตถุแห่งหนี้ได้ ซึ่งทรัพย์สินทั่วไปที่จะเป็นมรัพย์เฉพาะสิ่งได้มี 2 กรณี
1.ลูกหนี้ได้กระทำการอันตนจะพึงต้องทำเพื่อส่งมอบทรัพย์สินนั้นทุกประการแล้ว
EX. นายเอตกลงที่จะซื้อไก่กับนายบี จำนวน 2 ตัว ซึ่งนายบีนั้นจะต้องมีการแยกไก่ 2 ตัวจากในเล้าไว้ต่างหาก จึงจะเป็นทรัพย์เฉพาะสิ่งที่พร้อมจะส่งมอบแก่นายเอแล้ว :red_flag:
2.ลูกหนี้ได้เลือกกำหนดทรัพย์แล้วด้วยความยินยอมของเจ้าหนี้
EX.นายเอต้องการที่จะซื้อรองเท้ากับนายบี 1 คู่ และนายบีได้แยกไว้ต่างหากให้เเล้ว ก็ย่อมยังไม่เป็นทรัพย์อันเป็นวัตถุแห่งการชำระหนี้ นายเอต้องได้ห้นและให้ความชอบก่อนจึงจะเป็นทรัพย์เฉพาะสิ่ง เมื่อได้ให้ความยินยอมแล้วรองเท้าคู่นั้นจะเป็นทรัพย์อันเป็นวัตถุแห่งหนี้นับแต่เวลานั้น :red_flag:
ผลเมื่อเป็นทรัพย์เฉพาะสิ่งแล้ว :explode:
ผลของการโอนกรรมสิทธิ์ของทรัพย์สิน (ม.460 ว.1 )
กรรมสิทธิ์ย่อมถูกโอนตั้งแต่มีการแบ่งเป็นทรัพย์เฉพาะสิ่งไม่ว่าจะโดยวิธีการใดก็ตาม (ชั่ง ตวง วัด คัด แยก)
EX.นายเอได้ตกลงซื้อส้มกับนายบี 10 กิโล กรรมสิทธิ์ของผลส้มจะถูกโอนไปแก่นายเอก็ต่อเมื่อ นายบีนั้นได้ชั่งส้ม 10 กิโลแยกจากจำนวนส้ม 100 กิโลแล้ว :red_flag:
ผลของการรับความเสี่ยงในภัยพิบัติ(ม.370)
ตามมาตรา 460 ว.1 แล้วเมื่อมีการกำหนดทรัพย์เป้นทรัพย์เฉพพาะสิ่งแล้วกรรมสิทธิ์จะถูกโอนไปยังผู้ซื้อทันที ซึ่งถ้าหากมีการสูญหายไปหรือเพราะภัยพิบัติ อุบัติเหตุที่ไม่สามารถคาดการณ์ได้ตามมาตรา 370 เกิดขึ้นก่อนการส่งมอบทรัพย์สิน ย่อมตกเป็นพับของเจ้าหนี้ทันที แม้ทรัพย์สินนั้นยังอยู่ที่ตัวลูกนี้แล้วยังมิได้มีการส่งมอบทรัพย์สิน
EX.นายเอได้ตกลงที่จะซื้อส้มกับนายบีจำนวน 10 กิโลซึ่งนายบีนั้นได้มีการชั่งแยกไว้เรียบร้อยเเล้ว ขณะที่นายบีจะนำส้มไปส่งให้นายเอที่บ้าน ได้มีคันนึงมาชนที่ท้ายรถนายบีเป็นเหตุให้ส้มที่นำมาด้วยตกพื้น ต่อมาก็มีรถคนอื่นมาทับส้มอีก การนี้ย่อมตกเป็นพับแก่เจ้าหนี้ :red_flag:
ทรัพย์สินที่จะส่งมอบเป็นเงินตรา
กรณีหนี้เงินได้แสดงไว้เป็นเงินต่างประเทศ(ม.196) :fire:
ในมาตรานี้ในการชำระหนี้หากตามแต่นิติกรรมได้แสดงไว้เป็นเงินต่างประเทศ เราก็สามารถที่จะส่งใช้เป็นเงินไทยได้โดยต้องคำนึงถึงอัตราแลกเปลี่ยนเงิน ณเวลาและสถานที่ในเวลาที่ต้องใช้เงินนั้น ยกเว้นในนิติกรรมได้มีการระบุโดยเฉพาะเจาะจงว่าต้องให้ใช้หนี้เป็นเงินตราต่างประเทศเท่านั้น ซึ่งก็จะบังคับไปตามเจตนาเช่นนั้น จะมิเข้าตามมาตรา 196
EX.นายเอได้เป็นหนี้เงินสกุลดอง ซึ่งเป็นเงินตราต่างประเทศ หากนายเอต้องการชำระหนี้หรือถึงกำหนดชำระหนี้ นายเอจะต้องนำเงินไทยไปแลกเปลี่ยนตามอัตราเเลกเปลี่ยน โดยคิดตามเวลาและสภานที่ในการแลกเปลี่ยนเงินนั้น :red_flag:
กรณีเงินตราที่พึงส่งใช้เป็นอันยกเลิกไม่ใช้เเล้ว(ม.197) :fire:
ในการชำระหนี้นั้นหากตอนเป็นหนี้ได้กำหนดเงินตราอันที่ในปัจจุบันหรือในตอนที่มีการชำระหนี้ ได้มีอันยกเลิกใช้แล้ว ให้ถือว่ามิได้ตกลงว่าจะต้องใช้หนี้กันตามเงินตราที่มีการยกเลิกใช้ไป ซึ่งบังคับทั้งตัวลูกหนี้เเละเจ้าหนี้
EX.นายเอได้ยืมเงินนายบีในสมัยที่ไทยใช้เงินพดดวง มา 10 ตำลึง เมื่อถึงกำหนดการชำระหนี้เงินพดดวงนี้ก็มิได้ใช้แล้ว ให้ถือเสมือนว่าไม่ได้ตกลงในเงินตรานั้น ลูกหนี้จะต้องใช้เป็นเงินบาทที่มีการใช้อยู่ขณะถึงกำหนดการชำระหนี้ :red_flag:
ลักษณะพิเศษ
2.เงินตรานั้นโดยสภาพไม่มีการชำระหนี้ด้วยเงินตราจะพ้นวิสัยไป
3.หนี้เงินสามารถมีดอกเบี้ยได้ กฎหมายได้กำนหดดอกเบี้ยไว้ในหลายกรณี
4.เงินตราไม่มีความแตกต่างกันในตัวเงินตรา มีราคาตามที่กำหนดไว้ ราคาเท่ากันผลทางกฎหมายมีเท่ากัน ( แบงก์ 20 ก็จะมีค่าเท่ากับเหรียญ 10 2 เหรียญ)
1.เงินนั้นมูลค่าอยู่ที่
ตัวราคาที่ตราไว้
มิได้อยู่ที่คุณภาพหรือความเก่าใหม่แต่อย่างใด
ทรัพย์เป็นวัตถุแห่งการชำระหนี้
วัตถุแห่งหนี้ (ม.208) :warning:
หนี้กระทำการ ( ม.213 วรรค 2)
ลูกหนี้อาจไม่ต้องกระทำด้วยตนเอง
เป็นการที่ลูกหนี้เป็นผู้รับผิดชอบในสัญญา แต่ไม่จำเป็นที่ตัวลูกหนี้จะกระทำตามสัญญานั้นด้วยตัวเอง สามารถที่จะจัดหาผู้อื่นหรือจ้างผู้อื่นมากระทำเพื่อให้เสร็จตามสัญญานั้นๆ
EX. นายบอมอยากจะสร้างบ้านจึงว่าจ้างนายอาร์มให้มารับเหมา ในการสร้างบ้านหลังนี้ให้แกนายบอม นายอาร์มนั้นไม่ต้องจำเป็นที่ตนต้องกระทำการสร้างบ้านหลังนี้ด้วยตนเองทั้งหมด แต่ตนนั้นต้องเป็นผู้รับผิดชอบในการสร้างบ้านนี้ นายอาร์มสามารถที่จะจ้าง วิศวกร กรรมกร หรือสถาปนิก ได้เพื่อให้การสร้างบ้านนั้นเสร็จตามสัญญาจ้าง :red_flag:
ความหมาย
หนี้กระทำการคือ การที่ลูกหนี้ต้องกระทำการอย่างใดอย่างหนึ่งแก่เจ้าหนี้ไม่ว่าการนั้นจะเกิดจากนิติกรรมสัญญาหรือเกิดจากที่ตัวลูกหนี้ได้ทำละเมิดแก่เจ้าหนี้ เพื่อให้การชำระหนี้นั้นสำเร็จลูกหนี้จะต้องกระทำการเพื่อชำระหนี้ให้สมบูรณ์
มาตรา 213 วรรค 2 "เมื่อสภาพแห่งหนี้ไม่เปิดช่องให้บังคับชำระหนี้ได้
ถ้าวัตถุแห่งหนี้เป็นอันให้กระทำการอันหนึ่งอันใด
เจ้าหนี้จะร้องขอต่อศาลให้สั่งบังคับให้บุคคลภายนอกกระทำการอันนั้นโดยให้ลูกหนี้เสียค่าใช้จ่ายให้ก็ได้ แต่ถ้าวัตถุแห่งหนี้เป็นอันให้กระทำนิติกรรมอย่างใดอย่างหนึ่งไซร้ ศาลจะสั่งให้ถือเอาตามคำพิพากษาแทนการแสดงเจตนำของลูกหนี้ก็ได้
ลูกหนี้อาจไม่ต้องกระทำด้วยตนเอง
เป็นการที่ลูกหนี้เป็นผู้รับผิดชอบในสัญญา แต่ไม่จำเป็นที่ตัวลูกหนี้จะกระทำตามสัญญานั้นด้วยตัวเอง สามารถที่จะจัดหาผู้อื่นหรือจ้างผู้อื่นมากระทำเพื่อให้เสร็จตามสัญญานั้นๆ
EX. นายบอมอยากจะสร้างบ้านจึงว่าจ้างนายอาร์มให้มารับเหมา ในการสร้างบ้านหลังนี้ให้แกนายบอม นายอาร์มนั้นไม่ต้องจำเป็นที่ตนต้องกระทำการสร้างบ้านหลังนี้ด้วยตนเองทั้งหมด แต่ตนนั้นต้องเป็นผู้รับผิดชอบในการสร้างบ้านนี้ นายอาร์มสามารถที่จะจ้าง วิศวกร กรรมกร หรือสถาปนิก ได้เพื่อให้การสร้างบ้านนั้นเสร็จตามสัญญาจ้าง :red_flag:
วัตถุแห่งหนี้ คือสิ่งที่ลูกหนี้จะต้องดำเนินการเพื่อการปฎิบัตการชำระหนี้แก่เจ้าหนี (ม.208) และตัวเจ้าหนี้ก็มีสิทธิที่จะเรียกร้องจากตัวของลูกหนี้
หนี้งดเว้นกระทำการ(ม.194)
มาตรา 194 "ด้วยอำนาจแห่งมูลนี้ เจ้าหนี้ย่อมมีสิทธิจะเรียกให้ลูกหนี้ชำระหนี้ได้ อนึ่ง
การชำระหนี้ด้วยงดเว้นการอันใดอันหนึ่งก็ย่อมมีได้
"
ความหมาย
เป็นการที่ลูกหนี้และเจ้าหนี้ตกลงจะไม่ให้กระทำการอย่างใดอย่างหนึ่ง ซึ่งอาจระบุไว้ในสัญญาอันชัดเเจ้ง เพื่อให้การชำระหนีี้นั้นสมบูรณ์ลูกหนี้จะต้องงดเว้นกระทำการตามที่ได้ตกลงกันไว้
ตัวอย่าง
การงดเว้นเกี่ยวกับการก่อสร้าง ม.213 วรรค 3 )
มาตรา 213 วรรค 3 " ส่วนหนี้ซึ่งมีวัตถุประสงค์อันจะ
ให้งดเว้นการอันใด เจ้าหนี้จะเรียกร้องให้รื้อถอนการที่ได้กระทำลงแล้วนั้นโดยให้ลูกหนี้เสียค่าใช้จายและให้จัดการอันควรเพื่อกาลภายหน้าด้วยก็ได้
"
EX. นายแดงผู้ที่มีที่ดินรกร้างจึงได้ตัดสินใจให้นายดำได้เช่าเพื่อใช้สร้างอาคารพาณิชย์ และนายดำนั้นจะต้องสร้างไม่เกิน 2 ชั้นเนื่องจากบริเวณที่ให้เช่าและบ้านของนายแดงอยู่ติดกัน หากตึกมีความสูงเกิน 2 ชั้นจะทำให้บทบังวิว และแสงแดด(ในบางช่วงเวลา) หากนายดำได้สร้างตึกเกินกว่า 2 ชั้น ที่นายแดงได้ให้งดเว้นกระทำการในสัญญา นายแดงมีสิทธิที่จะรื้อถอดสิ่งก่อสร้างนั้นได้ตามาตรา 213 วรรค 3 อันเนื่องมาจากนายดำซึ่งเป็นลูกหนี้ ได้ฝ่าฝืนการชำระหนี้ซึ่งให้งดเว้นกระทำการ :red_flag:
การงดเว้นกระทำการแบบอื่นๆ
EX. นายเอ ได้ไปสมัครเป็นเชฟร้านอาหารแห่งหนึ่งโดยในสัญญาจ้างนั้นได้ระบุไว้ว่าห้ามนายเอผู้ซึ่งเป็นเชฟนำสูตรอาหารของทางร้านไปเผยแพร่กับผู้อื่นตลอดระยะเวลาที่ตนได้ทำงานที่ร้านอาหารแห่งนี้ :red_flag:
หนี้งดเว้นกระทำการต้องมีสภาพเป็นหนี้
ในการงดเว้นการกระทำการใดๆต้องเป็นการงดเว้นกระทำจากการเป็นหนี้ ซึ่งลูกหนี้มีหน้าที่ต้องงดเว้นกระทำการสิ่งนั้น ไม่ใช่การงดเว้นทั่วๆไป
EX. การสั่งให้นางสาวเอ ไม่มียุ่งกับสามีของตนเองอีกในอนาคต ซึ่งการให้งดเว้นนี้ไม่ใช่การงดเว้นที่เกิดจากการเป็นหนี้ตามกฎหมายลักษณะหนี้ ถือว่าไม่สามารสั่งให้นางสาวเองดเว้นกระทำการได้ :red_flag:
หนี้งดเว้นกับหลักเสรีภาพ
การงดเว้นกระทำการอันเกิดจากหนี้นั้นจะต้องไม่ขัดกับหลักเสรีภาพ ในการงดเว้นกระทำการนั้นจะต้องมีข้อจำกัดด้านระยะเวลาหรือด้านสถาน หากไม่มีข้อจำกัดนั้นหนี้งดเว้นกระทำการอาจจะขัดกับหลักเสรีภาพได้ เมื่อขัดกับหลักเสรีภาพแล้วสัญญานั้นย่อมตกเป็นโมฆะ
EX. การให้งดเว้นกระทำการห้ามเดินทางโดยใช้ยานพหนะตลอดชีวิต การงดเว้นนี้ย่อมตกเป็นโมฆะแม้การงดเว้นนี้จะเกิดจากหนี้ก็ตาม เนื่องจากการนั้นขัดต่อหลักเสรีภาพ :red_flag:
หนี้งดเว้นกระทำการต้องไม่ขัดต่อกฎหมายและความสงบเรียบร้อยของประชาชน และจะต้องไม่พ้นวิสัย
การงดเว้นอันขัดต่อความสงบเรียบร้อย
EX.นายเอและนายบี เป็นพี่น้องกันได้ทำสัญญาให้ฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งไม่ต้องอุปการะเลี้ยงดูบิดามารดา สัญญาอันเป็นงดเว้นกระทำการนี้ย่อมตกเป็นโมฆะเพราะขัดต่อความสงบเรียบร้อยละศีลธรรมอันดีของประชาชน :red_flag:
การงดเว้นอันเป็นการพ้นวิสัย
EX. นายเอได้ทำสัญญากับนายบี ซึ่งสัญญานั้นได้ให้นายบีห้ามหายใจ ซึ่งการงดเว้นนี้ย่อมถือว่าเป็นการพ้นวิสัยและตกเป็นโมฆะ :red_flag:
การงดเว้นอันขัดกับหลักกฎหมาย
EX. นายเอได้ให้นายบี ห้ามไปใช้สิทธิในการเลือกตั้งผู้ใหญ่บ้าน การงดเว้นกระทำการนี้ย่อมตกเป็นโมฆะเนื่องจากขัดต่อกฎหมาย :red_flag:
หนี้ส่งมอบทรัพย์
ความหมาย
วัตถุแห่งหนี้อันเป็นการส่งมอบทรัพย์สิน คือลูกหนี้มีหน้าที่จะต้องส่งมอบทรัพย์สินนั้นๆที่ได้ทำสัญญาให้แก่เจ้าหนี้ เพื่อให้การปฎิบัติการชำระหนี้นั้นสมบูรณ์ โดยเป็นการส่งมอเพื่อให้ทรัพย์นั้นได้ไปอยู่ภายใต้การปกครองของตัวเจ้าหนี้
การโอนกรรมสิทธิ์
สังหาริมทรัพย์
ในการทำสัญญาซื้อขายหากเป็นสังหาริมทรัพย์และเป็นทรัพย์เฉพาะสิ่ง กรรมสิทธิ์นั้นย่อมถูกโอนไปตั้งแต่ตกลงซื้อขายกัน ลูกหนี้นั้นจะเหลือหน้าที่เพียงส่งมอบทรัพย์สินเท่านั้น
EX.นายเอตกลงซื้อปากกากับป้าบี กรรมสิทธิ์ของปากกาย่อมตกเป็นของนายเอตั้งแต่ตกลงกัน โดยป้าบีมีหน้าที่ส่งมอบก๋วยเตี๋ยวนั้นให้นายเอ :red_flag:
สังหาริมทรัพย์ชนิดพิเศษ/อสังหาริมทรัพย์
ในการซื้อขายทรัพย์ที่เป็นสังหาริมทรัพย์ชนิดพิเศษและอสังหาริมทรัพย์นั้น การซื้อขายนอกจากลูกหนี้จะมีหน้าที่ส่งมอบทรัพย์สินให้แก่ลูกหนี้แล้วยังมีหน้าที่โอนกรรมสิทธิ์ของทรัพย์นั้นให้แก่เจ้าหน้าอีกด้วยซึ่งอาจจะแตกต่างกันไป เช่น ทำเป็นหนังสือและจดทะเบียนต่อเจ้าหน้าที่
EX.นายเอได้ตกลงซื้อขายบ้านของนายบี ซึ่งนอกจากที่นายบีจะต้องส่งมอบทรัพย์สินให้แก่นายเอแล้ว นายบียังต้องโอนกรรมสิทธิ์ของบ้านดังกล่าวนั้นให้กับนาบเออีกด้วย เนื่องจากบ้านนั้นถือว่าเป็นอสังการัมทรัพย์ การโอนกรรมสิทธิ์ จะต้องมีการทำเป็นหนังสือและจดทะเบียนต่อเจ้าหน้าที่ :red_flag:
วิธีการส่งมอบทรัพย์ (ม.462 )
การส่งมอบทรัพย์สินนั้นมีหลากหลายวิธี และแต่ละทรัพย์นั้นมีความแตกต่างในการส่งมอบ ตามมาตรา 462 ระบุเพียงว่าการส่งมอบนั้นทำอย่างไรก็ได้แต่ขอให้ทรัพย์สิน นั้นได้ไปอยู่ในเงื่อมมือของผู้ซื้อ
นายเอตกลงซื้อปากกากับป้าบี ป้าบีได้ส่งปากกาให้นายเอ การกระทำนี้ถือว่าป้าบีซึ่งเป็นลูกนี้ได้ทำการส่งมอบทรัพย์แก่นายเอแล้ว
มาตรา 462 " การส่งมอบทรัพย์นั้นจะทำอย่างหนึ่งอย่างใดก็ได้สุดแต่ว่าเป็นผลให้ทรัพย์สินย์สินนั้นไปอยู่ในเงื้อมมือของผู้ซื้อ"
มาตรา 208 วรรคแรก " การชำระหนี้จะทำให้สำเร็จผลเป็นอย่างใด
ลูกหนี้จะต้องปฎิบัติการชำระหนี้ต่อเจ้าหนี้
เป็นอย่างนั้นโดยตรง"
กำหนดเวลาชำระหนี้ :star:
หนี้ที่กำหนดเวลาชำระหนี้ :warning:
การกำหนดเวลาชำระหนี้ไว้แต่เป็นที่สงสัย (ม.203 ว.2 )
มีการกำหนดชำระหนี้เเล้วแต่การกำหนดเวลาชำระหนี้นั้นยังมิได้ชัดเจนว่าเวลาใดกันแน่ ที่เป็นเวลาที่แน่นอน กฎหมายได้กำหนดว่าเจ้านี้มิอาจเรียกชำระหนี้ก่อนถึงเวลานั้นมิได้ (เวลานั้นคือเวลาสุดท้าย) แต่ลูกหนี้สามารุชำระหนี้ก่อนเวลานั้นได้
EX.นายเอได้ยืมจอบของนายบีซึ่งนายเอนั้นได้บอกว่าจะนำมาคือในวันสงกรานต์ แต่วันสงกรานต์ดังกล่าวนั้นมิได้บอกอย่างชัดเจนว่าวันใด เนื่องจากวันสงกรานต์นั้นมีหลายวัน นายบีจึงไม่สามารถเรียกให้นายเอคืนของก่อนวันสงกรานต์วันสุดท้ายได้ นั้นก็คือวันที่ 15 เมษายน แต่นายเอสามารถคืนทรัพย์ก่อนนั้นได้ : :red_flag:
กำหนดเวลชำระหนี้ไว้ไม่เป็นที่สงสัย
ตามวันเวลาปฎิทิน (ม.204)
ความหมายตามปฎิทินนี้มิใช่หมายถึงตามวันที่เป๊ะเพียงอย่างเดียวเช่น วันที่ 14 กันยายน พ.ศ. 2545 แต่ให้รวมถึงการที่คิดเป็นวัน เป็นเดือน หรือเป็นปีนับแต่วันทำสัญญาด้วย ซึ่งในกรณีต้องบอกกล่าวล่วงหน้าก่อนวันชำระหนี้ อาจคำนวณนำได้จากวันเวลาตามปฎิทินโดยนับแต่วันมีการบอกกล่าว
EX.นายเอได้ตกลงซื้อขายรถยนต์กับนายบี ซึ่งได้มีการกำหนดส่งมอบรถ และส่งมอบการชำระราคาทรัพย์สิน ในอีก 20 วันโดยทั้ง 2 ได้ตกลงการทำสัญญาซื้อขายในวันที่ 10 กันยายน 2565 ดังนั้นวันที่กำหนดเวลาในการชำระหนี้คือวันที่ 20 กันยายน 2565 :red_flag:
เวลาชำระมิใช่ตามวันเวลาปฎิทิน
การชำระหนี้ไม่ตามปฎิทินอาจเกิดได้จากมีการกำหนดวันเวลาชำระหนี้แล้วแต่พอถึงวันที่ต้องชำระหนี้ ไม่สามารรถที่จะทำการชำระหนี้ได้ด้วยเหตุอย่างใดอย่างหนึ่งของลูกหนี้ ิีกกรณีหนึ่งคือมีการกำหนดเป็นช่วงๆแต่ยังไม่แน่นอน
EX.การยืมแท่งสูบน้ำไปใช้และจะนำมาคือหลังฤดูแล้ง เช่นนี้ก็ถือว่าเป็นการชำระหนี้ไม่ตาามวันเวลาปฎิทิน : :red_flag:
หนี้ที่มิได้กำหนดเวลาชำระหนี้ :warning: (ม.203)
เมื่อมิได้มีเวลาในการกำหนดเวลาชำระหนี้และการนั้นย่อมไม่สามารถที่จะอนุมานได้จากพฤติการณืทั้งปวงได้เลยกฎหมายได้ให้สิทธิในตัวเจ้าหนี้และลูกหนี้เท่ากันคือ เจ้าหนี้มีสิทธิที่จะเรียกให้ชำระหนี้โดยพลัน และลูกหนี้ก็จะต้องชำระหนี้นั้นโดยพลันเช่นกัน และทางกลับกันหาดลูกหนี้ต้องการชำระหนี้โดยพลัน เจ้านี้ก็ต้องรับชำระหนี้ ถ้าหากไม่รับชำระหนี้จะต้องมีมูลอันจะอ้างกฎหมายได้
EX.นายเอได้ยืมเคียวเกี่ยวข้าวไปจากนายบี ซึ่งนายเอก็สามารถก็สามารถอนุมานได้ว่านายเอจะส่งมอบเคียวคืนช่วงใด นั้นก็คือช่วงที่เกี่ยวข้าวแล้วเสร็จ หนี้นี้ถือว่าไม่เป็นหนี้ที่มิได้มีกำหนดเวลาชำระหนี้เนื่องจากสามารถอนุมากจากพฤติการณ์ได้ :red_flag:
การผิดนัดไม่ชำระหนี้ :star:
การผิดนัดของลูกหนี้
ลูกหนี้ผิดนัดโดยต้องเตือนก่อน :explode:
2.หนี้ไม่มีกำหนดเวลาชำระหนี้(ม.203) (การเรียกชำระหนี้=การเตือนให้ชำระหนี้)
การที่ลูกหนี้ที่ไม่ได้มีการกำหนดเวลาชำระหนี้จะผิดนัดนั้น มีลักษณะดังนี้
(1)หนี้ประเภทนี้มีกำหนดนับแต่การก่อหนี้
(2)เจ้าหนี้มีสิทธิที่จะเรียกให้ลูกหนี้ชำระหนี้โดยพลันได้ (เมื่อเจ้าหนี้เรียกให้ชำระหนี้ ลูกหนี้ก็จะเกิดหน้าที่จะต้องชำระหนี้ทันที)
(3)หากเจ้าหนี้ยังไม่เรียกชำระหนี้ลูกหนี้มีสทธิที่จะชำระหนี้ก่อนได้
EX.นายเอได้ยืมค้อนของนายบี แต่มิได้บอกว่าจะนำมาส่งคืนแก่นายบีเมื่อใด ถือว่าเป็นการไม่กำหนดชำระหนี้ เมื่อนายบีนั้นได้ทวงถาม(เรียกชำระหนี้) นายเอนั้นก้จะต้องคืนค้อนที่ตนได้ยืมมา หากไม่คืนแล้วนายเอก็จะผิดนัดการชำระหนี้ทันที :red_flag:
1.หนี้ที่กำหนดเวลาชำระหนี้มิอาจใช่ตามวันแห่งปฎิทิน (อาจอนุมานได้)(ม.204 ว.1)
ในการที่ลูกหนี้จะผิด ในกรณีชำระหนี้มิใช่ตามวันแห่งปฎิทิน ต้องมีเงื่อนไขดังนี้ลูกหนี้จึงจะผิดนัดเพราะเตือนแล้ว
(1) ถึงกำหนดเวลาชำระหนี้
(2)เจ้าหนี้ได้ให้คำเตือนแก่ลูกหนี้
(3)ลูกหนี้ไม่ปฎิบัติการชำระหนี
EX.นายเอได้ยืมเครื่องสูบน้ำนายบี โดยตกลงกันว่าจะนำมาคืนเมื่อถึงฤดูฝน นายบีนั้นจะสามารถทวงถามหรือเตือนได้เมื่อถึงหน้าฝนเเล้วเท่านั้น หากมีการเตือนก่อนฤดูฝนแล้วไม่มีการชำระหนี้ก็ไม่ถือว่าผิดนัดเนื่องจากการเตือนนั้นยังมิได้ถึงกำหนดเวลาชำระหนี้ :red_flag:
ลูกหนี้ผิดนัดโดยเจ้าหนี้ไม่ต้องเตือน :explode:
หนี้ที่กำหนดชำระตามวันที่แห่งปฎิทิน (ม.204 ว.2)
การผิดนัดในการชำระหนี้นี้ที่ไม่ต้องเตือนเนื่องจาก กำหนดเวลาชำระหนี้นั้นได้มีความแน่นอนและชัดเจนอยู่แล้วมิต้องให้ทางเจ้านี้นั้นต้องเตือนเลย ดังนั้นหากถึงกำหนดเวลาชำระหนี้แล้ว ลูกหนี้มิชำระหนี้ก็ย่อมเป็นฝ่ายผิดนัดชำระหนี้
EX.นายเอได้ยืมค้อนนายบีโดยตกลงกันว่าจะคืนในวันที่ 14 กันยายน 2565 เมื่อถึงวันที่ 14 กันยายน 2565 แล้วนายเอมิได้ส่งมอบทรัพย์ที่ยืมไปคือแก่นายบีผู้ซึ่งเป้นเจ้าหนี้ ดดยอ้างว่านายบีนั้นมิได้เตือนให้ตนต้องชำระหนี้ จากข้อต่อสู้นี้ย่อมยกมาต่อสู้ไม่ได้เนื่องจากการยืมนี้ได้มีการกำหนดเวลาชำระหนี้ตามปฎิทินอย่างชัดเจน เมื่อถึงกำหนดเวลาชำระหนี้ลูกหนี้นั้นจะต้องปฎิบัติการชำระหนี้โดยมิต้องให้ฝ่ายเจ้าหนี้เตือน :red_flag:
หนี้ละเมิด (ม.206)
หนี้จากการละเมิดนั้นเกิดจากการล่วงสิทธิของผู้อื่น ซึ่งตามมาตรา 206 นั้นได้กำหนดว่า หากมีหนี้อันเกิดจากมูลละเมิด ลูกหนี้ได้ชื่อว่าผิดนัดตั้งแต่การทำละเมิดนั้น จึงสรุปได้ว่าลูกหนี้ที่ทำละเมิดนั้นย่อมผิดนั้นเมื่อทำละเมิด ลูกหนี้จะต้องชดใช้ค่าสินไหมทดแทนแก่เจ้าหนี้ทันที มิต้องมีการเตือนจากเจ้าหนี้อีก
EX.นายเอได้ชนเข้ากับรถของนายบีโดยเกิดจากความประมาท ซึ่งนายเอนั้นจะมีหน้าที่ในการปฎิบัติการชำระหนี้ให้แก่นายบีทันที โดยที่ไม่ต้องรอการเตือนจากตัวนายบีผู้ซึ่งเป็นเจ้าหนี้จากการที่นายเอได้กระทำละเมิด :red_flag:
กำหนดการชำระหนี้กับการผิดนัด :explode:
การกำหนดเวลาชำระหนี้นั้นเป็นการกำหนดที่ทำให้เจ้าหนี้สามารถมีสิทธิในการเรียกให้ลูกหนี้มาชำระหนี้ได้ ไม่ว่าจะโดยมีการเตือนหรือไม่มีการเตือนซึ่งทั้ง 2 ล้วนมีวิธีหรือมีเหตุที่ทำให้ลูกหนี้ผิดนัดต่างกัน ซึ่งก่อนจะมีเรื่องของการผิดนัดต้องมีเรื่องของการกำหนดเวลาชำระหนี้ก่อนส่วนจะมีการกำหนดหรือไม่มีการกำหนดนั้นย่อมแตกต่างกันออกไป
กรณีที่ไม่ถือว่าลูกหนี้ผิดนัด :fire:
เป็นเหตุที่เกิดจากเจ้าหนี้
EX. การที่เจ้าหนี้ผิดนัดเพราะไม่รับชำระหนี้ตามมาตรา 207
การที่เจ้าหนี้ไม่เสนอชำระหนี้ตอบแทน เมื่อตนมีหนี้ที่ต้องชำระหนี้ตอบแทนตามตรา 210 :red_flag:
เหตุเกิดจากบุคคลภายนอก
เป็นเหตุที่เกิดขึ้นจากบุคคลภายนอกที่ลูกหนี้มิมีอำนาจในการควบคุมในเรื่องนั้นจนเป็นเหตุให้ไม่สามารถปฎิบัติการชำระหนี้ได้ตามกำหนด เช่นนี้ย่อมไม่ใช่ความผิดของลูกหนี้จึงไม่ถือว่าลูกหนี้ได้ผิดนัด ย้ำ!!ต้องเป็นความผิดจากบุคคลภายนอก ลูกหนี้ไม่สามารถควบคุมได้
EX.นายเอได้ตกลงซื้อรถมือสองจากนายบี ซึ่งนายบีได้นำรถนั้นไปซ่อมเพื่อรอส่งมอบแก่นายเอ ซึ่งได้ตกลงกับช่างให้ซ่อมแล้วเสร็จก่อนวันที่นายบีจะส่งมอบรถแก่นายเอ ซึ่งต่อมาช่างมิซ่อมรถให้เเล้วเสร็จตามที่นัดกันไว้ทำให้นายบีไม่สามารถส่งมอบรถใ้แก่นายเอได้ การนี้จะไม่ถือว่านายบีได้ผิดนัด :red_flag:
ผลของการผิดนัดของลูกหนี้
เจ้าหนี้ไม่อาจรับชำระหนี้ :explode:
(เวลาที่กำหนดเวลาชำระหนี้เป็นสำคัญ)
เจ้าหนี้สามารถปฎิเสธการรับชำระหนี้หรือสามารถบอกเลิกสัญญาได้หากลูกหนี้นั้นไม่ได้ชำระหนี้ตามกำหนดเวลาชำระหนี้ ซึ่งเวลาที่ได้กำหนดนั้นเป็นสาระสำคัญหากมิได้ชำระหนี้ตามเวลาอาจทำให้การชำระหนี้หลังจากนั้นเปล่าประโยชน์(ม.216)(สัญญายังคงอยู่แต่ไม่รับชำระหนี้+เรียกค่าเสียหายได้) หรือวัตถุประสงค์แห่งสัญญา จะเป็นผลสำเร็จได้ก็แต่ด้วยการชำระหนี้ในเวลาที่กำหนด หากไม่ตามเวลาที่กำหนดสามารถบอกเลิกสัญญาได้(ม.388)(สัญญาโดนบอกเลิก สามารถเรียกค่าเสียหายได้ตาม ม.391 ว.4)
EX.นายเอได้จ้างให้นายบีได้ตัดชุดอุปสมบทนาค ซึ่งไกด้กำหนดว่าจะต้องส่งในวันที่ 14 กันยายน 2565 ซึ่งเป็นวันที่นายเอบวช แต่ข้อเท็จจริงกลับรากฎว่านายบีมิได้ชำระหนี้ตามกำหนดหนี้ดังกล่าว ทำให้นายเอได้รับความเสียหายและต่อให้นายบีได้ชำระหนี้ในภายหลังก็ทำให้อันเป็นไร้ประโยชน์ นายเอสามารถที่จะไม่รับการชำระหนี้และเรียกค่าเสียหายได้ :red_flag:
ลูกหนี้ต้องรับผิดในความเสียหายอันเกิดจากระหว่างผิดนัดเพิ่มเติม(ม.217) :explode:
ลูกหนี้นั้นจะต้องรับผิดจากความเสียหายเพิ่มเติ่มหากการผิดนัดนั้นเกิดจากความประมาทเลินเล่อหรือการที่การชำระหนี้เป็นการพ้นวิสัยเพราะอุบัติเหติที่เกิดขึ้นระหว่างที่ลูกหนี้ผิดนัดชำระ (เว้นแต่ต่อให้ชำระหนี้ไปแล้วอุบัติเหตินั้นก็ยังคงเกิดขึ้นอยู่ดี)
EX.นายเอได้ให้รถยืมแก่นายบีโดยให้นายบีนั้นคืนรถแก่นายเอในวันที่ 14 กันยายน 2565 แต่เมื่อถึงกำหนดดังกล่าวนายบีไม่ชำระหนี้แก่นายเอ แล้วต่อมาวันที่ 16 กันยายน 2565 เกิดเหตุน้ำท่วมที่บริเวณบ้านของนายบี ซึ่งทำให้รถของนายเอเสียหายเป็นอย่างหนัก นายบีนั้นจะต้องรับผิดชอบเพิ่มเติมหากนายบีไม่ผิดนัดชำระหนี้ความเสียหายต่อรถของนายเอเช่นนี้ก็จะมิเกิดขึ้น :red_flag:
ลูกหนี้ต้องรับผิดในความเสียหายอันเกิดจากการผิดนัด :explode: (ม.215)
การผิดนัดตามมตรา 215 นี้มิได้หมายความเฉพาะการผิดนัดเพราะการชำระหนี้ล้าช้าแต่เกิดจากการผอดนัดเพราะชำระหนี้ต้องตามความประสงคืแห่งมูลหนี้ด้วย ซึ่งทั้งสองกรณีนี้ล้วนแต่เป็นเหตุทำให้เกิดความเสียหายแก่เจ้าหนี้ เจ้าหนี้จึงมีสิทธิที่จะเรียกค่าสินไหมทดแทนกับตัวลูกหนี้
EX.นายเอได้จ้างให้นายบีซ่อมรถยนต์ให้ และมีการส่งมอบรถภายในอีก 1 เดือน เมื่อถึงกำหนดที่นายบีจะต้องส่งมอบรถกลับพบว่ารถมีการซ่อมเสร็จที่ล่าช้า ด้วยความจำเป็นนายเอจึงต้องไปเช่ารถเพื่อนำมาใช้ทดเเทนก่อน ซึ่งค่าใช้ในการเช่ารถนี้อันเป็นผลจากการที่นายบีได้ผิดนัด นายบีจะต้องชดใช้ค่าเสียหายที่นายเอได้เช่ารถนั้นมาใช้ :red_flag: