Please enable JavaScript.
Coggle requires JavaScript to display documents.
ความรับผิดกระทำละเมิดในการกระทำของผู้อื่น - Coggle Diagram
ความรับผิดกระทำละเมิดในการกระทำของผู้อื่น
1.ความรับผิดของนายจ้างในผลแห่งการละเมิดของลูกจ้างในทางการที่จ้าง
1.1ความรับผิดของนายจ้าง
มาตรา425 นายจ้างต้องร่วมกันรับผิดกับลูกจ้างในผลแห่งละเมิด ซึ่งลูกจ้างได้กระทำไปในทางการที่จ้างนั้น
มาตรา425 นายจ้างต้องร่วมกันรับผิดกับลูกจ้างในผลแห่งละเมิด ซึ่งลูกจ้างได้กระทำไปในทางการที่จ้างนั้น ที่ว่าลูกจ้าง นายจ้างนั้น หมายถึงบุคคล2ฝ่ายมีความสัมพันธ์กันตามลักษณะเอกเทศสัญญาจ้างแรงงานตามที่บัญญัติไว้ในปพพ.ลักษณะ6
ตั้งแต่มาตรา575ถึงมาตรา586
บุคคลคนหนึ่งเรียกว่าลูกจ้าง บุคคลอีกคนหนึ่งเรียกว่านายจ้าง แต่ก็เป็นการเรียกกันตามกฎหมาย ในทางปฏิบัติจะใช้ถ้อยคำเรียกชื่อสัญญากันว่าอย่างไรไม่สำคัญ
เช่น สัญญาจ้างทำความสะอาด สัญญาจ้างทำครัว
ถ้าเข้าลักษณะสัญญาจ้างแรงงานแล้วก็ย่อมเป็นสัญญาจ้างแรงงานอยู่นั่นเอง ผู้ที่เป็นลูกจ้างจะใช้คำว่าอย่างไรก็ไม่สำคัญเช่นเดียวกัน
เช่น จ้างคนเข้าทำงานในบ้านเรือน เรียกว่าคนใช้ คนรับใช้ จ้างให้ทำงานในบริษัท ห้างร้าน ธนาคาร เรียกว่าพนักงาน
1.2ลูกจ้างทำละเมิดในทางการที่จ้าง
การกระทำละเมิดนั้นได้เกิดในทางการที่นายจ้าง นายจ้างจึงจะต้องรับผิดร่วมด้วย ไม่ว่าลักษณะละเมิดนั้นจะเป็นอย่างไร แม้การละเมิดนั้นจะก่อขึ้นโดยจงใจหรือประมาทเลินเล่อ และไม่ว่าการละเมิดนั้นจะก่อขึ้นแก่ผู้ใด ถ้าหากมิใช่การกระทำในทางการที่จ้างแล้วก็ไม่ต้องร่วมรับผิด และนายจ้างจะต้องรับผิดร่วมด้วยต่อเมื่อมีบทบัญญัติไว้โดยแจ้งชัดเป็นพิเศษ
เช่น ตามมาตรา430
มีหลักกฎหมายทั่วไปว่า ผู้ใดทำสิ่งใดโดยบุคคลอื่นเท่ากับทำด้วยตนเอง แต่หลักนี้ใช้เฉพาะแต่การที่ได้รับมอบอำนาจ ไม่ใช่แก่การกระทำในทางการที่จ้าง
1.3สิทธิไล่เบี้ย
มาตรา426 บัญญัติว่า นานจ้างซึ่งได้ใช้ค่าสินไหมทดแทนให้แก่บุคคลภายนอกเพื่อละเมิดอันลูกจ้างได้ทำนั้น ชอบที่จะได้ชดใช้จากลูกจ้างนั้น
เหตุที่การละเมิดนั้นเป็นการกระทำของลูกจ้างต่อบุคคลภายนอกเองโดยลำพัง ที่นายจ้างต้องรับผิดร่วมด้วยกับลูกจ้างก็เป็นความรับผิดต่อผู้เสียหาย แต่ในระหว่างนายจ้างลูกจ้างแล้ว นายจ้างไม่ต้องรับผิดร่วมกับลูกจ้างในผลที่ลูกจ้างละเมิดนั้นด้วย
1.4ตัวการรับผิดในการละเมิดของตัวแทน
ลักษณะตัวการตัวแทน
โดยเหตุที่ตัวแทนไม่ใช่ลูกจ้างจึงไม่อยู่ในบังคับแห่งสิทธิของตัวการที่จะควบคุมดูแลเกี่ยวกับความประพฤติทางปฏิบัติของตัวแทน โดยปกติตัวแทนจึงย่อมมีความรับผิดแต่เพียงผู้เดียว ตัวการไม่ต้องรับผิดในผลแห่งการละเมิดที่ตัวแทนอาจก่อขึ้น
ตัวแทนคืออะไรนั้น ปพพ.มาตรา797 บัญญัติว่า อันว่าสัญญาตัวแทนนั้น คือสัญญาซึ่งให้บุคคลคนหนึ่งเรียกว่าตัวแทน มีอำนาจทำการแทนบุคคลอีกคนหนึ่ง เรียกตัวการ และตกลงจะทำการดังนั้น
ความรับผิดของตัวการ
พึงเข้าใจว่าเหตุละเมิดที่จะให้ตัวการรับผิดต้องเป็นเหตุที่ได้เกิดขึ้นในขอบเขตแห่งการปฏิบัติตามหน้าที่เพื่อตัวการหรือในฐานที่ตัวแทนได้ทำการเป็นตัวแทน
เช่น เป็นตัวแทนในการซื้อรถยนต์ ก็ย่อมมีอำนาจทำการใดที่จะให้ได้รถยนต์นั้นมาเป็นตัวการ
เช่น คนขับรถมาส่งให้แก่ตัวการ
สิทธิไล่เบี้ยตัวการ
มาตรา427 บัญญัติให้นำมาตรา426 มาใช้บังคับแก่ตัวการด้วยโดยอนุโลม กล่าวคือ เมื่อตัวการได้ใช้ค่าสินไหมทดแทนให้แก่บุคคลภายนอกเพื่อละเมิดอันตัวแทนได้ทำไปแล้วนั้น ก็ชอบที่จะได้ชดใช้จากตัวแทน
2.ความรับผิดของผู้ว่าจ้างทำของ
2.1ความรับผิดของผู้ว่าจ้างทำของไม่เป็นความรับผิดในการกระทำของบุคคลอื่น
มีเหตุผลที่แสดงให้เห็นความรับผิดชอบของผู้ว่าจ้างทำของไม่เป็นความรับผิดในการกระทำของบุคคลอื่นดังบทบัญญัติมาตรา428
1.กฎหมายได้บัญญัติถึงผู้ว่าจ้างเป็นผู้ผิด ได้กล่าวมาแล้วว่าบุคคลที่รับผิดในการกระทำของบุคคลอื่นนั้นมิได้กระทำละเมิดด้วยตนเอง ถ้าได้กระทำละเมิดด้วยแล้ว ก็มิใช่การรับผิดในการกระทำของบุคคลอื่น แต่เป็นความรับผิดของบุคคลในการกระทำของตนเอง
2.ตัวบทมาตรา428 ใช้คำว่าความเสียหาย หาได้ใช้คำว่าการกระทำละเมิด หรือละเมิด อย่างที่บัญญัติไว้ในมาตรา425,429และ430ไม่
3.โดยเหตุที่ความรับผิดของผู้ว่าจ้างทำของมิใช่ความรับผิดในการกระทำของบุคคลอื่น ในเมื่อผู้ว่าจ้างได้ชดใช้ค่าสินไหมทดแทนให้แก่บุคคลภายนอกผู้ได้รับความเสียหายไปแล้ว จึงไม่มีบทบัญญัติให้ผู้ว่าจ้างไล่เบี้ยเรียกให้ชดใช้เอาจากผู้รับจ้าง
2.2หลักความรับผิดของผู้ว่าจ้างทำของ
มีหลักทั่วไปว่าความรับผิดของผู้ว่าจ้างทำของมิใช่ความรับผิดในการกระทำของบุคคลอื่น ทั้งนี้ก็เพราะว่าผู้ว่าจ้างไม่มีสิทธิควบคุมวิธีการทำงานจึงถือว่าเป็นงานของผู้รับจ้างเอง ผู้ว่าจ้างไม่มีสิทธิที่จะออกคำสั่งบังคับบัญชาผู้รับจ้างดังนายจ้างกับลูกจ้างในสัญญาจ้างแรงงาน
ความผิดของผู้ว่าจ้างตามที่กฎหมายกำหนดไว้มี3กรณี
1.ความรับผิดในส่วนการงานที่สั่งให้ทำ
เช่น จ้างให้ทำถนนเข้าไปในที่ดินของผู้อื่นเพื่อผ่านไปถึงที่ของตนอันเป็นการละเมิด
2.ความผิดในคำสั่งที่ตนให้ไว้
เช่น แนะนำให้ช่างทำรางน้ำชายคาของบ้านใกล้ชิดกับแนวเขตที่ดินข้างเคียงของผู้อื่น เวลาฝนตกน้ำไหลตกลงในที่ดินข้างเคียง
3.ความผิดในการเลือกหาผู้รับจ้าง
เช่น จ้างสร้างบ้านทำด้วยไม้ ไปจ้างผู้ที่เข้าตัวไม้ไม่แน่นหนาจึงเป็นผลทำให้บ้านทรุดพังลงมาถูกทรัพย์สินของบุคคลข้างเคียงเสียหาย
3.ความรับผิดของบิดามารดาหรือผู้อนุบาลในการกระทำละเมิดของผู้เยาว์หรือบุคคลวิกลจริตและความรับผิดของครูบาอาจารย์ นายจ้าง หรือบุคคลอื่นในการกระทำละเมิดของผู้ไร้ความสามารถ
3.1 ความรับผิดของบิดามารดาหรือผู้อนุบาลในการทำละเมิดของคนไร้ความสามารถ
ความสามารถของบุคคลผู้ทำละเมิดไม่เป็นข้อสำคัญ แม้เป็นผู้เยาว์หรือบุคคลวิกลจริตก็ยังต้องรับผิดเพราะการละเมิดเป็นการล่วงสิทธิ ไม่ใช่การใช้สิทธิ
ผู้เยาว์หรือบุคคลวิกลจริตมีความรับผิดฐานละเมิดได้ก็ย่อมเป็นไปตามที่บัญญัติไว้ในมาตรา420 กล่าวคือจะมีการกระทำโดยจงใจหรือประมาทเลินเล่อที่จะถือว่าเป็นการกระทำจะต้องมีความเคลื่อนไหวในอิริยาบถโดยรู้สำนึกในความเคลื่อนไหวนั้น
ความรับผิดของบิดามารดาหรือผู้อนุบาลตามมาตรา429 เป็นความรับผิดที่ผู้ไร้ความสามารถไปทำความเสียหายอันเป็นการละเมิดต่อบุคคลภายนอกตามหลักเกณฑ์ที่บัญญัติไว้ตามมาตรา420 ถ้าหากไม่เป็นการละเมิดผู้ไร้ความสามารถก็ไม่ต้องรับผิด บิดามารดาหรือผู้อนุบาลก็ไม่ต้องรับผิด
3.2 ความรับผิดของครูบาอาจารย์ นายจ้าง หรือบุคคลอื่นในการทำละเมิดของผู้ไร้ความสามารถ
บุคคลต้องรับผิดตามมาตรา430 มาตรานี้กำหนดความรับผิดของผู้มีหน้าที่ดูแลผู้ไร้ความสามารถในผลแห่งการละเมิดที่ผู้ไร้ความสามารถได้ทำขึ้นเช่นเดียวกับมาตรา429
ผู้ที่ต้องรับผิดร่วมกับบุคคลผู้ไร้ความสามารถตามมาตรานี้คือ ครูบาอาจารย์ นายจ้างหรือบุคคลอื่นซึ่งรับดูแลบุคคลดังกล่าว หากไม่รับดูแลก็เป็นกรณีที่ไม่ต้องด้วยมาตรานี้
เช่น จ้างครูพิเศษไปสอนเด็กที่บ้านที่เด็กอยู่กับบิดามารดา
ความระมัดระวังตามสมควรแก่หน้าที่ดูแล
ความรับผิดตามมาตรา430นี้ต่างกับความรับผิดตามมาตรา429ที่ว่าที่ว่ามาตรา429บัญญัติให้บิดามารดาหรือบุคคลอนุบาลมีหน้าที่นำสืบว่าตนได้ใช้ความระมัดระวังตามสมควรจึงจะพ้นจากความรับผิด ถ้าไม่นำสืบหรือนำสืบยังไม่ได้ก็ไม่พ้นจากความรับผิด แต่มาตรา430เป็นหน้าที่ของผู้เสียหายนำสืบให้ได้ความว่าผู้มีหน้าที่ดูแลมิได้ใช้ความระมัดระวังตามสมควรแก่หน้าที่ที่ต้องดูแล ถ้าไม่นำสืบหรือนำสืบให้ฟังไม่ได้ บุคคลที่รับดูแลบุคคลบุคคลผู้ไร้ความสามารถก็ไม่ต้องรับผิด
สิทธิไล่เบี้ยของครูบาอาจารย์หรือบุคคลอื่นซึ่งรับดูแลบุคคลผู้ไร้ความสามารถ
เมื่อครูบาอาจารย์หรือบุคคลซึ่งรับดูแลบุคคลผู้ไร้ความสามารถได้ใช้ค่าสินไหมทดแทนให้แก่บุคคลภายนอกไปแล้ว ก็ชอบที่จะชดใช้จากบุคคลผู้ไร้ความสามารถและไล่เบี้ยเอาได้จนครบจำนวนที่ได้ชดใช้(มาตรา431และมาตรา426)
เช่นเดียวกับกรณีตามมาตรา429