Please enable JavaScript.
Coggle requires JavaScript to display documents.
สรุปการเรียนรู้ครั้งที่ 5 - Coggle Diagram
สรุปการเรียนรู้ครั้งที่ 5
Respiratory Tract Infection
Acute tonsillitis
อาการ
มีไข้ ปวดหัว
กลืนเจ็บ กลืนลำบาก
เจ็บคอ โดยเฉพาะตำแหน่งมุมขากรรไกร ถ้าเป็นมากอาจเจ็บร้าวไปที่หูได้
อาการแสดง
ต่อมน้ำเหลืองที่คอโต
ในเด็กเล็กที่ยังพูดไม่ได้ อาจมีน้ำลายไหลออกจากมุมปาก ไม่ยอมกินอาหารและงอแง
ต่อมทอนซิลโตบวมแดง / อาจมีหนองบริเวณต่อมทอนซิล
พบมากในเด็กเล็ก มักเกิดจากการติดเชื้อไวรัส
การรักษา
หากเกิดจากแบคทีเรียต้องเพิ่มยาฆ่าเชื้อแบคทีเรีย ประมาณ 7-10 วัน
การผ่าตัดจะทำในกรณีที่เป็นต่อมทอนซิลอักเสบบ่อยๆ ต่อมทอนซิลอักเสบเรื้อรัง หรือมีภาวะแทรกซ้อน เช่น มีหนองลามเข้าไปในช่องคอส่วนลึกของต่อมทอนซิล
หากเกิดจากไวรัสจะรักษาตามอาการ เช่น ให้ยาลดไข้ ยาพ่น ยาอมแก้เจ็บคอ
ในเด็กโตอายุ 5-15 ปี และผู้ใหญ่มักเกิดจากการติดเชื้อแบคทีเรีย
Avian Influenza
ระยะฟักตัวและอาการในคน
ระยะฟักตัวประมาณ 1-3 วัน
อาการ
บางครั้งพบอาการตาแดง ซึ่งหายได้เองภายใน 2-7 วัน
หากมีอาการแทรกซ้อนจะมีอาการรุนแรงถึงปวดบวม เกิดระบบหายใจล้มเหลว โดยเฉพาะในเด็กเล็กและผู้สูงอายุ
ปวดเมื่อยกล้ามเนื้อ อ่อนเพลีย น้ำมูกไหล ไอและเจ็บคอ
มีอาการในระบบทางเดินหายใจแบบเฉียบพลัน ไข้สูง หนาวสั่น ปวดศีรษะ
การป้องกันและการควบคุม
ในกรณีที่สัมผัสสัตว์ปีก
ล้างมือบ่อยๆ
อาบน้ำทำความสะอาดร่างกาย
ใส่เสื้อผ้ามิดชิด
หากสงสัยว่ามีอาการป่วยโดยเฉพาะผู้สัมผัสสัตว์ ให้พบแพทย์โดยเร็ว
ใช้แว่นป้องกันของเหลวกระเด็นเข้าตา
อย่านำสัตว์ป่วยหรือสงสัยว่าติดเชื้อมาปรุงอาหาร
เฝ้าระวังการป่วยด้วยโรคปอดบวมและไข้หวัด
ระยะฟักตัวและอาการในสัตว์
อาการ
ขนยุ่ง ไข่ลด
ไอจาม หายใจลำบาก
ซึม ซูบผอม ไม่กินอาหาร
หน้าบวม หงอนและเหนี่ยงบวม มีสีคล้ำ
มีอาการทางประสาท ท้องเสีย
อาจตายกระทันหัน
ระยะฟักตัวสั้น ไม่กี่ชั่วโมงถึง 3 วัน
การติดต่อระหว่างสัตว์สู่คน
สัมผัสสัตว์ป่วยโดยตรง
สัมผัสสิ่งคัดหลั่งจากสัตว์ที่เป็นโรค เช่น อุจจาระ น้ำมูก น้ำตา น้ำลายของสัตว์ป่วย
Acute pharyngitis
ประเภท pharyngitis
Viral pharyngitis
มีน้ำมูก คัดจมูก ตาแดง
ส่วนใหญ่ไม่มีการตรวจพิเศษ ยกเว้น Viral Infection บางชนิด ได้แก่ Influenza , Mononucleosis-Like symtoms
ลักษณะที่สงสัย คือ Vasicular / Petechial pattern ที่ Soft palate และ Tonsils
Bacterial pharyngitis
Bacteria ที่พบบ่อยที่สุด คือ Group A Beta-Hemolytic Streptococcus
วินิจฉัยการติดเชื้อ GAS ( Centor criteria )
มีจุดขาวหรือจุ่มหนองที่ต่อมทอนซิล
พบต่อมน้ำเหลืองบวมโตกดเจ็บ
ไม่ไอ มีไข้
ไข้ หนาวสั่น เจ็บคอมากทันที กลืนเจ็บ ปวดหัว คลื่นไส้ อาเจียน
กลุ่มเด็กที่มักพบ คือ อายุมากกว่า 3 ปี (3-14ปี) ถ้ายิ่งมี Features มาก ยิ่งเหมือน Strep sore throat มาก ควรพิจารณาให้ Antibiotic เพื่อ Eradicate เชื้อจนหมด
สาเหตุ
Viral Infection
Bacterial Infection
ถ้าเป็น Strep sore throat แนะนำให้ใช้ Penicilin V ทานให้ครบ 10 วัน อาจให้เป็น Amoxycillin ก็ได้ ถ้าแพ้ให้เป็น Erythromycin ได้ (กรณีที่ผู้ป่วยไม่ตอบสนองต่อการรักษาด้วย Amoxycillin พิจารณาใช้ Co-amoxiclav / Clarithromycin / azithromycin )
กรณีให้ยาปฏิชีวนะ
Acute Bacterial rhinosinusitis
ไข้มากกว่าหรือเท่ากับ 39 องศาเซลเซียส ตั้งแต่เริ่มป่วย ร่วมกับน้ำมูกเหลือง-เขียว / เจ็บบริเวณไซนัส 3-4 วัน
อาการไข้หวัด ไซนัสอักเสบดีขึ้น แล้วกลับมีอาการแย่ลง "Double sickening / Worsening"
ไข้หวัด ไซนัสอักเสบ มากกว่าหรือเท่ากับ 10 วัน
Acute Otitis media
อาการไม่ดีขึ้นเองใน 3 วัน หรือตรวจพบ Timpanic membrane โป่ง
หรือมี Otorrhea
โรคไข้หวัดใหญ่
การติดต่อ
สิ่งของเครื่องใช้ที่ปนเปื้อนเชื้อ
ได้รับเชื้อทางอ้อมผ่านทางมือ
ไอ จาม หายใจเอาละอองฝอยเข้าไป
อาการ
ปวดเมื่อยกล้ามเนื้อ
ไอแห้งๆ
เจ็บคอ
คัดจมูกน้ำมูกไหล
ไข้ ปวดศีรษะ
ระยะฟักตัว
1-4วัน เฉลี่ย 2 วัน
การวินิจฉัย
การตรวจหาไวรัสโดยการแยกเชื้อไวรัสไข้หวัดใหญ่จาก หอคอยหรือสารคัดหลั่งจากน้ำมูก / น้ำล้างโพรงจมูก
แยกเชื้อได้จาก
FA / ELISA
การตรวจหา Antibody titer ใน Paired serum
Culture
สาเหตุ
ขนิด B ทำให้เกิดการระบาดในพื้นที่ระดับภูมิภาค
ชนิด C มักเป็นการติดเชื้อที่แสดงอาการอย่างอ่อนหรือไม่แสดงอาการและไม่ทำให้เกิดการระบาด
ชนิด A เป็นชนิดที่ทำให้เกิดการระบาดทั่วโลก
การรักษา
รักษาตามอาการ และพิจารณาให้ยาต้านไวรัส Oseltamivir
ภาวะแทรกซ้อน (ที่พบบ่อยสุด คือ ปอดบวม)
ต่อระบบหัวใจและหลอดเลือด
Heart Failure
Myocardial infraction
Myocarditis
ต่อระบบประสาท
Focal neurologic dificits
Acute disseminated encephalomyeliitis
Guillain - Barre syndrome
Transverse myelitis
Encephalopathy
อาการทางจิต
Encephalitis
ต่อระบบทางเดินหายใจ
Bronchiolitis
Hypoxemia
Tracheo-bronchitis
Asthma
Influenzal pneumonia
กลุ่มเป้าหมายในการให้บริการฉีดวัคซีนไข้หวัดใหญ่
โรคอ้วน
หญิงตั้งครรภ์ อายุครรภ์ 4 เดือนขึ้นไป
ธาลัสซีเมียและผู้ที่มีภูมิคุ้มกันบกพร่อง (HIV ที่มีอาการ)
เด็กอายุ 6 เดือน ถึง 2 ปี ทุกคน
ผู้พิการทางสมองที่ช่วยเหลือตนเองไม่ได้
ผู้มีโรคเรื้อรัง
บุคคลากรทางการแพทย์ที่มีความเสี่ยงต่อการสัมผัสโรค
บุคคลที่มีอายุ 65 ปีขึ้นไป ทุกคน
คำแนะนำสำหรับผู้ป่วย
เวลาไอต้องปิดปาก จมูก ด้วยกระดาษชำระ หลังจากนั้นต้องล้างมือทุกครั้ง
หลักเลี่ยงการคลุกคลีกับบุคคลในครอบครัว ไม่ควรไปในที่ชุมชน
ต้องสวมผ้าปิดปาก ปิดจมูกตลอดเวลา นอกจากเวลารับประทานอาหาร และทำธุระส่วนตัว
อาการที่ต้องไปพบแพทย์
รับประทานอาหารไม่ได้
อาเจียน
หายใจเร็ว เหนื่อย อ่อนเพลีย
ถ่ายอุจจาระมาก
ไอมาก เจ็บหน้าอก
ไข้สูงงเกิน 48 ชั่วโมง
ทำความสะอาดมืออย่างเคร่งครัด โดยเฉพาะในระยะการติดต่อของโรค
COVID-19
การรักษา
ผู้ป่วยที่มีอาการไม่รุนแรง ไม่มีปอดอักเสบ ไม่มีปัจจัยเสี่ยงต่อการเป็นโรครุนแรง
ให้ Favipiravir ควรเริ่มยาให้เร็วที่สุด
หากตรวจพบเชื้อเมื่อผู้ป่วยมีอาการมาแล้ว 5 วัน และผู้ป่วยไม่มีอาการหรืออาการนอย ไม่จำเป็นต้องให้ยาต้านไวรัส
ผู้ที่มีอาการไม่รุนแรง แต่มีปัจจัยเสี่ยงต่อการเป็นโรครุนแรงหรือมีโรคร่วมสำคัญ หรือผู้ป่วยที่ไม่มีปัจจัยเสี่ยงแต่มีปอดอักเสบ เล็กน้อยถึงปานกลางยังไม่ต้องให้ออกซิเจน
แนะนำให้ยาต้านไวรัสเพียง 1 ชนิด ควรเริ่มภายใน 5 วัน
ผู้ป่วยที่ไม่มีอาการหรือสบายดี
ให้ดูแลรักษาอาการตามดุลยพินิจของแพทย์ ไม่ให้ยาต้านไวรัส เช่น Favipiravir
อาจให้ยาฟ้าทะลายโจร
รักษาแบบผู้ป่วยนอก แยกกักตัวที่บ้าน
ผู้ป่วยยืนยันที่มีปอดอักเสบที่มี Hypoxia (resting Oxygen saturation น้อยกว่าหรือเท่ากับ 94% ปอดอักเสบรุนแรง ไม่เกิน 10วัน หลังจากมีอาการ และได้รับ Oxygen)
แนะนำให้ Remdesivir โดยเร็วที่สุด เป็นเวลา 5-10 วัน ขึ้นกับอาการทางคลินิก และติดตามอาการผู้ป่วยอย่างใกล้ชิด
ร่วมกับให้ Corticosteroid
การรักษา Covid-19 ในหญิงตั้งครรภ์
สามารถใช้ Remdesivir ได้ในหญิงตั้งครรภ์ทุกประเภท
ยังไม่มีข้อมูลการศึกษา Nirmatrelvir / Ritonavir ในหญิงตั้งครรภ์
สามารถใช้ Favipiravir ในหญิงตั้งครรภ์ในไตรมาสที่ 2,3 หรืออยู่ในดุลยพินิจของแพทย์
เนื่องจาก Molnupiravir มี teratogenic effect จึงห้ามใช้ในหญิงตั้งครรภ์ในทุกไตรมาส
ไม่แนะนำให้ใช้ Favipiravir ในหญิงตั้งครรภ์ในไตรมาสที่ 1
หากหญิงตั้งครรภ์มีแนวโน้มอาการรุนแรง ให้รีบส่งต่อโรงพยาบาลที่สามารถดูแลได้โดยเร็วที่สุด
การใช้ Favipiravir ในหญิงตั้งครรภ์อาจทำให้เด็กอ่อนในท้องเสียชีวิตหรือพิการได้
การวินิจฉัย
ATK
RT-PCR
ข้อพิจารณาในการส่งต่อผู้ป่วย Covid-19
Oxygen saturation RA น้อยกว่าหรือเท่ากับ 94%
Rapid progressive pneumonia ใน 48 ชั่วโมง
ลักษณะอาการ
มีน้ำมูก
ปวดศีรษะ
ปวดกล้ามเนื้อ
ไข้
เจ็บคอ
ไอ
คำแนะนำการปฎิบัติตัว กรณีผู้ติดเชื้อ COVID-19 กักตัวที่บ้าน
ให้นมบุตรได้ (กรณัมารดาให้นม)
ใช้ห้องน้ำแยกจากผู้อื่น
ถูมือด้วยเจลแอลกอฮอล์ หรือล้างมือด้วยสบู่และน้ำเป็นประจำ
การทำความสะอาดห้องน้ำ/โถสุขภัณฑ์ ด้วยน้ำและ 5% โซเดียมไฮโปคลอไรด์
ไอจาม หากไม่ได้สวมหน้ากากอนามัยให้ใช้ต้นแขนด้านในปิดปากและจมูก
แยกสิ่งของส่วนตัวไม่ใช้ร่วมกับผู้อื่น
หากจำเป็นต้องใกลผู้อื่น ต้องสวมหน้ากากอนามัย และอยู่ห่างอย่างน้อย 1 เมตร
ไม่ร่วมกับประทานอาหารกับผู้อื่น
อยู่ในห้องส่วนตัวตลอดเวลา
ซักเสื้อผ้า ผ้าปูเตียง ผ้าขนหนู และอื่นๆ ด้วยน้ำ/สบู่ ผงซักฟอก
ไม่ให้บุคคลอื่นมาเยี่ยม
ทิ้งหน้ากากอนามัย/ขยะปนเปื้อน ในถุงพลาสติก ปิดปากถุงให้สนิทก่อนทิ้ง
ไม่ใช้รถโดยสารสาธารณะ / สวมหน้ากากตลอดเวลา
วัดไข้และOxygen saturation ทุกวัน หากอาการแย่ลง ให้รีบติดต่อโรงพยาบาล
ไข้ปวดข้อยุงลาย (Chikungunya)
อาการของโรค
ส่วนใหญ่มักปวดข้อ ข้อบวมแดงอักเสบและเจ็บ
เกิดผื่นบริเวณลำตัวและแขนขา มักไม่คัน อาจมีผื่นขึ้นที่กระพุ้งแก้มและเพดานปาก
ปวดศีรษะมาก
ไข้อาจหายได้ในระยะนี้ (2-3วันหลังเริ่มป่วย) ผื่นนี้จะลอกเป็นขุยและหายได้เองภายใน 7-10 วัน
ไข้เฉียบพลัน
พบต่อมน้ำเหลืองบริเวณคอโตได้บ่อย
อาการปวดข้อจะหายภายใน 2-3 วัน / อาจนานหลายสัปดาห์ บางรายเรื้อรังอยู่หลายเดือน
อาจมีอาการแทรกซ้อนไม่รุนแรงที่ตา ระบบประสาท หัวใจและทางเดินอาหาร
ผู้ติดเชื้อบางส่วนมีอาการอ่อนๆ แต่ในผู้สูงอายุอาการอาจรุนแรงถึงเสียชีวิตได้
การวินิจฉัย
แยกเชื้อไวรัสจากเลือดผู้ป่วยระยะเริ่มมีอาการในช่วง 2-3 วัน
RT-PCR
Enzyme-Linked immunosorbent assays (ELISA)
ระยะฟักตัวของโรค
2-12 วัน (โดยทั่วไป 4-7 วัน)
การรักษา
ห้ามกินยาแอสไพริน รวมถึง NSAID
รักษาตามอาการ โดยเฉพาะอาการปวดข้อ กินยาพาราเซตามอลเพื่อลดไข้
เช็ดตัวด้วยน้ำสะอาดเป็นระยะเพื่อช่วยลดไข้ รวมทั้งให้ผู้ป่วยดื่มน้ำและนอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอ
การแพร่ติดต่อโรค
ยุงลายบ้าน Aedes aegypti มักเป็นสาเหตุการระบาดในเขตเมือง
ยุงลายสวน Aedes albopictus มักเป็นสาเหตุของโรคในชนบท
มาตรการป้องกันโรค
ปิดฝาโอ่ง
เปลี่ยนน้ำในจานรองขาตู้ แจกัน และอื่นๆ ทุกๆ 7 วัน
สำรวจแหล่งเพาะพันธุ์ลูกน้ำยุงลายในชุมชน
ปล่อยปลากินลูกน้ำในอ่างบัว คว่ำแหล่งน้ำขัง (ตามพื้น หลังคาบ้าน ท่อน้ำฝน)
สื่อสาร ประชาสัมพันธ์ และให้สุขศึกษาแก่ชุมชน
การป้องกันยุงกัด
เปิดพัดลม
การใช้ยากันยุง ยาทากันยุง ฉีดพ่นสารเคมีกำจัดยุง
นอนในห้องมุ่งลวด หรือนอนกางมุ้ง
มาตรการควบคุมการระบาด
การใส่ปลากินลูกน้ำ
การใส่สารเคมีฆ่าลูกน้ำ
การหมั่นเปลี่ยนถ่ายน้ๆ (เช่น ทุกๆ 7 วัน)
ฉีดพ่นยาฆ่าแมลงแบบพ่นหมอกหรือพ่นฝอยละออง
การปกปิดภาชนะเก็บน้ำให้มิดชิด
แนะนำประชาชนให้ป้องกันตนเองไม่ให้ถูกยุงกัด
สำรวจและกำจัดแหล่งเพาะพันธุ์ของยุง
แนะนำให้บ้านที่มีผู้ป่วยโรคชิคุุนกุนยาในบ้าน ต้องให้ผู้ป่วยนอนในมุ้ง
Zika Virus Disease
การติดต่อ
การติดต่อจากแม่สู่ลูกผ่านทาง Intrauterine / Perinatal
ทางเลือด ทางเพศสัมพันธ์ุ การสัมผัสทางเชื้อทางห้องปฏิบัติการ
การถูกยุงลายที่มีเชื้อกัด
ทางทฤษฎี คือ Organ / Tissue transplantation นมแม่
ระยะเวลาที่ตรวจพบเชื้อ Zika Virus
น้ำอสุจิ : อย่างน้อย 2 เดือน
ในช่วงแรกของผู้ที่มีอาการ Meningoencephalitis
ปัสสาวะ : น้อยกว่า 30 วัน
น้ำคร่ำ : ถึงคลอด
น้ำลาย : 5-7 วัน
ทารกตายในครรภ์ : พบในการผ่าศพทารก
เลือด : 5-7วัน
น้ำนมแม่ : ติดเชื้อในช่วงคลอด
อาการ
ปวดข้อ ปวดกล้ามเนื้อ ปวดศีรษะ
อาการป่วยจะปรากฏอยู่เพียง 4-5 วัน และมักจะมีอาการไม่เกิน 1 สัปดาห์
ผื่น ไข้ เยื่อบุตาอักเสบ
อาการรุนแรงถึงขั้นต้องรับไว้รักษาตัวในโรงพยาบาลพบได้น้อย
ระยะฟักตัว
3-12 วัน โดยเฉลี่ย 4-7 วัน
อาการผิดปกติที่พบในทารก
ทารกตัวเล็กกว่าอายุครรภ์
ทารกตายในครรภ์
พบแคลเซียมเกาะในสมองทารก
การมองเห็นผิดปกติ
ทารกศีรษะเล็ก
สามารถแพร่เชื้อสู่เด็กในครรภ์ได้ในทุกไตรมาส
สาเหตุ
Zika Virus อยู่ในกลุ่มของ Flavivirus
พาหะนำโรค
ยุงลาย (Aedes aegypti)
การรักษา
ไม่มียารักษาเฉพาะ เป็นการรักษาแบบประคับประคอง
การตรวจวินิจฉัย
Altona kit (RealStar Zika Virus RT-PCR Kit 1.0)
In-house (US-CDC) protocol
การป้องกันควบคุมโรค
แจกยาทากันยุงและพ่นกำจัดยุงตัวแก่
การจัดระบบเพื่อติดตามผู้สัมผัส และหญิงตั้งครรภ์ในระยะที่อยู่ระหว่างการควบคุมโรค
การพ่นสารเคมีกำจัดยุงตัวแก่
คำแนะนำสำหรับประชาชนทั่วไป
อาศัยและนอนในห้องที่มีมุ้งลวดประตูและหน้าต่าง หรือนอนกางมุ้ง
กัจัดแหล่งเพาะพันธุ์ยุงลาย
สวมเสื้อผ้าเนื้อหนาสีอ่อนๆ ที่สามารถคลุมผิวหนังและร่างกายได้
สำหรับผู้ที่จะบริจาคโลหิต
ไม่อยู่ในครอบครัวเดียวกัน หรือไม่มีเพศสัมพันธุ์กับผู้มีอาการไข้หรือผื่น ร่วมกับตาแดง ปวดข้อ ปวดศีรษะ อ่อนเพลีย ภายใน 4 สัปดาห์ก่อนบริจาคโลหิต
ไม่มีประวัติเพิ่งเดินทางกลับมาจากประเทศที่มีการระบาด ภายใน 4 สัปดาห์ก่อนบริจาคโลหิต
ไม่มีไข้ หรือผื่น ร่วมกับตาแดง ปวดข้อ ปวดศีรษะ อ่อนเพลีย ภายใน 4 สัปดาห์ก่อนบริจาคโลหิต
หลังจากบริจาคโลหิตแล้วมีอาการไข้ หรือผื่น ร่วมกับตาแดง ปวดข้อ ปวดศีรษะ อ่อนเพลีย หลังจากบริจาคโลหิตภายใน 2 สัปดาห์ต้องรีบแจ้งกลับมายังศูนย์บริจาคโลหิต
ใช้ยากำจัดแมลง หรือยาทาป้องกันยุง
สำหรับผู้ที่จะเดินทางไปยังประเทศที่มีการระบาด
ผู้เดินทางระมัดระวังป้องกันไม่ให้ยุงกัด โดยสวมเสื้อแขนยาว กางเกงขายาวให้มิดชิด และใช้ยาทางป้องกันยุงกัด
หญิงตั้งครรภ์ควรหลีกเลี่ยง การเดินทางไปยังประเทศที่มีรายงานการระบาด หากจำเป็นต้องเดินทางควรปรึกษาแพทย์และระมัดระวังไม่ให้ถูกยุงกัด
การกำจัดลูกน้ำ
ด้านการสื่อสารความเสี่ยง
โรคไข้เลือดออก
การตรวจทางห้องปฏิบัติการ
เกล็ดเลือดต่ำกว่า 100,000 เซลล์/ลบ.มม.
มีการรั่วของ Plasma : Hematocrit เพิ่มขึนมากกว่า 20 % , มีน้ำในช่องปอด , ช่องท้อง , Albumin น้อยกว่า 3.5 gm%
ความรุนแรงของโรคไข้เลือดออก
เกรด 2 : มีเลือดออกร่วมด้วย เช่นมีจุดเลือดออก มีเลือดกำเนา อาเจียนเป็นเลือด
เกรด 3 : มีอาการช็อก
เกรด 1 : ไม่มีอาการเลือดออก มีแต่การตรวจทูนิเกต์ให้ผลบวก
เกรด 4 : มีอาการช็อกนาน ความดัน /ชีพจรวัดไม่ได้ ตัวเป็นลาย ตัวเขียว
การวินิจฉัย
Tourniquet test positive + น้อยกว่าหรือเท่ากับ 5,000 cells/cu.mm
CBC (อย่างช้าที่สุด วันที่ 3 ของไข้ และตรวจติดตามจนกว่าไข้จะลงอย่างน้อย 24 ชั่วโมง)
การดำเนินโรคไข้เลือดออก
ระยะวิกฤต 24-48 ชั่วโมง
ระยะฟื้นตัว 3-7 วัน
ระยะไข้ 2-7 วัน
อาการทางคลินิก
อาการเลือดออก : การตรวจทูนิเกต์ให้ผลบวก จุดเลือดออกตามตัว
ตับโต
ไข้สูงลอย 2-7 วัน
ช็อก
อาการระยะไข้
เบื่ออาหาร
ปวดท้อง
คลื่นไส้ / อาเจียน
อาการเลือดออก
ปวดศีรษะ
ผู้ป่วยที่มีความเสี่ยงสูง
ผู้ป่วยอายุน้อยกว่า 1 ปี
ผู้ป่วยเอะอะโวยวาย มีอาการทางสมอง
ผู้ป่วย Grade IV
ผู้ป่วยมีโรคประจำตัว เช่น Thalassemia , G-6-PD Deficiency , CHD
ผู้ป่วยอ้วน
มีเลือดออกมา
อาการอันตรายที่ต้องนำผู้ป่วยมาโรงพยาบาลทันที
กระสับกระส่าย ผุดลุกผุดนั่ง ร้องกวนมากในเด็กเล็ก
เหงื่อออก ตัวเย็น ตัวลาย เขียว
อาเจียนมาก
ซึมมาก ความประพฤติเปลี่ยนแปลง
ปวดท้องมาก
ไม่ปัสสาวะ 4-6 ชั่วโมง
ไข้ลง / ไข้ต่ำลง และอาการไม่ดีขึ้น หรือเลวลง
การดูแลเบื้องต้นระดับ รพสต./PCU
ให้การดูแลรักษาในระยะไข้ 2 วันแรก
ส่งต่อผู้ป่วยไปโรงพยาบาลชุมชน
ข้อบ่งชี้ : ปวดท้อง / อาเจียนมาก เลือดออก ขาดน้ำ
เพื่อการวินิจฉัย : ส่งไปตรวจเลือด CBC ในวันที่3ของโรค
ให้การตรวจคัดกรอง โดยการตรวจทูนิเกต์
ให้การวินิจฉัยภาวะช็อกและให้การรักษาเบื้องต้นในผู้ป่วยที่มีภาวะช็อก
การวินิจฉัยภาวะช็อก เนื่องจากผู้ป่วยจะมีความรู้สติดี
ชีพจรเบา เร็ว
ระบบไหลเวียนที่ปลายมือปลายเท้าไม่ไดี
ความดันแคบ
กระสับกระส่าย ผุดลุกผุดนั่ง
ไข้ลง แต่ชีพจรเร็ว
เอะอะโวยวาย พูดจาหยาบคาย ความประพฤติเปลี่ยนแปลง
สาเหตุเบื้อต้นที่ทำให้ผู้ป่วยเสียชีวิตจากไข้เลือดออก
มีภาวะน้ำเกิน : 75%
ช็อกนาน : 25%
วินิจฉัยช้า / วินิจฉัยผิด : 75-80%
เลือดออกมาก : 0%
ไข้เลือดออกเดงกี (DHF)
ผลการตรวจทางห้องปฏิบัติการ
มีหลักฐานการรั่วของพลาสมา
มีปริมาณเกล็ดเลือด น้อยกว่าหรือเท่ากับ 100,000 /ลบ.มม.
การรักษา DHF ในผู้ป่วยผู้ใหญ่
ข้อบ่งชี้ในการให้สารน้ำทางหลอดเลือดดำ
ผู้ป่วยที่มีอาการแสดงของภ่วะขาดน้ำตั้งแต่ระดับปานกลางถึงระดับรุนแรง
ผู้ป่วยที่เริ่มเข้าสู่ระยะวิกฤตที่มีการรั่วของพลาสมา
ผู้ป่วยที่มีอาการอาเจียนมาก
ชนิดของสารน้ำ
กลุ่ม Isotonic crystalloid ได้แก่ 5% dextose in normal saline , 0.9% sodium chloride
กลุ่ม Babaced crystalloid ได้แก่ acetated Ringer's , Lactated Ringer's ที่มีหรือไม่มี 5% dextrose
อาการทางคลินิก
ตับโต มักกดเจ็บ ปวดท้อง หรืออาเจียน
ภาวะเดงกีช็อก
มีการไหลเวียนเลือดล้มเหลว
มีค่าความดันเลือดต่ำ ร่วมกับมีภาวะ Tissue hypoperfusion
ภาวะเลือดออกผิดปกติ
ภาวะแทรกช้อนทางโลหิตวิทยา
ผลการตรวจทางห้องปฏิบัติการ
ความผิดปกติในการแข็งตัวของเลือด
ภาวะเกล็ดเลือดต่ำ
ภาวะเลือดออกผิดปกติที่ไม่รุนแรง (การดูแลรักษา)
หยุดเองได้ เมื่อเข้าสู่ระยะฟื้นตัว
หลีกเลี่ยงยาที่เพิ่มความเสี่ยงต่อภาวะเลือดออกผิดปกติ
ภาวะเลือดออกผิดปกติ
รุนแรง
เลือดออกในทางเดินอาหาร
ไม่รุนแรง
เลือดออกตามไรฟัน เลือดกำเดาไหล จุดเลือด จ้ำเลือด / เลือดออกใต้ผิวหนัง ประจำเดือนมามากกว่าปกติ
ภาวะเลือดออกผิดปกติที่รุนแรง หรือสงสัย
การให้เลือด หรือส่วนประกอบของเลือด
Prolonged shock
Malaria
โรคมาลาเรียเป็นโรคติดต่อที่เกิดจากเชื้อ Plasmodium
การติดต่อของไข้มาลาเรีย
ติดต่อจากมารดา ถ่ายทอดผ่านทางรกไปสู่ทารกในครรภ์ พบได้น้อยมาก
ตดต่อจากการถ่ายเลือด
ยุงก้นปล่องที่มีเชื้อมาลาเรียในต่อมน้ำลาย ปล่อยเชื้อเข้าสู่กระแสเลือดคน พบได้มากที่สุด
ยุงพาหะหลัก
ยุงก้นปล่องชนิดแมคคูลาตัส
ยุงก้นปล่องชนิดมินิมัส
ยุงก้นปล่องชนิดไดรัส
วงจรชีวิตใน Plasmodium
วงจรชีวิตไม่มีเพศในคน
ระยะในเซลล์ตับ
ระยะในเซลล์เม็ดเลือดแดง
วงจรชีวิตมีเพศในยุงพาหนะ
ยุงพาหะรอง
ยุงก้นปล่องชนิดอโคไนตัส
ยุงก้นปล่องชนิดซูโดวิวโมไร
ยุงก้นปล่องชนิดซันไดคัส
ระยะฟักตัวหลังจากถูกยุงกัดจนเกิดอาการป่วย
P. malariae : 18-40 วัน
P.ovale : 16-18 วัน
P.vivax : 12-17 วัน
P. knowlesi : 9-12 วัน
P.falciparum : 9-14 วัน
อาการ (ไข้ 3 ระยะ)
ระยะร้อน
ประมาณ 2 ชั่วโมง ผู้ป่วยอุณหภูมิร่างกายสูงขึ้น 39-40 องศาเซลเซียส ชีพจรแรง ปวดกระบอกตา หน้าแดง ผิวหนังแดงและแห้ง กระหายน้ำ คลื่นไส้อาเจียน กระสับกระส่าย เพ้อ บางคนไม่รู้สติ
ระยะเหงื่อออก
ระยะนี้กินเวลาราว 1 ชั่วโมง ผู้ป่วยเริ่มมีเหงื่ออกตามหน้าบริเวณขมับ และ ผิวหนังลำตัว อุณหภูมิร่างกายลดลงอย่างรวดเร็ว อ่อนเพลีย หลังจากนั้นเข้าสู่ระยะพัก คือไม่จับไข้ กินระยะเวลา 1-2 วัน แล้วกลับมาจับไข้อีก
ระยะหนาว
15-20นาที ผู้ป่วยจะรู้สึกหนาวมาก สั่นเกร็ง อุณหภูมิร่างกายสูง ชีพจร เบาเร็ว ความดันเลือดเพิ่มขึ้น คลื่นไส้ อาเจียน
การจับไข้มาลาเรีย
Recrudescence
การจับไข้ครั้งแรก
Reinfection
อาการไข้กลับของไข้มาลาเรีย
ประวัติและอาการที่ต้องสงสัยโรคไข้มาลาเรีย
เคยเป็นโรคไข้มาลาเรียในระยะเวลา 1 ปี
ไข้ ร่วมกับ ไม่จำเพาะคล้ายโรคติดเชื้อไวรัสทั่วไป ปวดศีรษะ อ่อนเพลีย ไม่สบายท้อง ปวดเมื่อยกล้ามเนื้อและข้อ หนาวสั่น เหงื่อออก คลื่นไส้ อาเจียน ในผู้ป่วยเด็กอาจซึม รับประทานอาหารได้น้อยหรือไม่ได้ ซีด ตับ ม้ามโต
เป็นผู้มีประวัติอาศัยอยู่ / เดินทางมาจากพื้นที่ที่มีอาการระบาดภายใน 1 เดือน
กรณีรุนแรง ระดับสติสัมปชัญญะลดลงหรือหมดสติ อ่อนเพลียมาก ชัก เหนื่อยหอบ หายใจเร็ว ช็อค ตาเหลือง ตัวเหลือง ปัสสาวะออกน้อย หรือไม่มีปัสสาวะ ปัสสาวะสีเข้ม ซีดมาก
การวินิจฉัย
ตรวจ Antigen , Antibody
Rapid test
ผลแล็บ Thick film , Thin film
PCR
ซักประวัติ ตรวจร่างกาย
การรักษา
ชนิดมาลาริอี/โนเลไซที่ไม่มีภาวะแทรกซ้อน
Chloroquine
ชนิดซัลซิปารัมที่ไม่มีภาวะแทรกซ้อน
ไม่พบการดื้อต่อยา
Dihydroartemisinin-Piperaquine + Primaquine
พบการดื้อต่อยา
Artesunate - Pyronaridine + Primaquine
ชนิดผสมที่ไม่มีภาวะแทรกซ้อน
ชนิดฟัลซิปารัม + ไวแวกซ์/โอวาเล่
Dihydroartemisinin-Piperaquine + Primaquine
ชนิดฟัลซิปารัม + มาลาริอี
Dihydroartemisinin-Piperaquine + Primaquine
ชนิดไวแวกซ์/โอวาเล่ ที่ไม่มีภาวะแทรกซ้อน
Chloroquine + Primaquine
อาการที่ควรแนะนำให้ผู้ป่วยกลับมาพบแพทย์ทันที
หอบเหนื่อย หายใจเร็ว
Juandice
รับประทานยาแล้วอาเจียน
ปัสสาวะออกน้อย
รับประทานอาหาร / ดื่มน้ำไม่ได้ อาเจียนมาก
ปัสสาวะดำ
ไข้สูง อ่อนเพลียมาก
Alteration of conscious
การป้องกัน
มาตรการต่อยุง
สวมเสื้อปกปิดร่างกายมิดชิด
ใช้ยาทากันยุง
นอนในมุ้ง
จุดยาไล่ยุง
มาตรการต่อคน
ให้สุขศึกษา
รณรงค์ป้องกันไข้มาลาเรีย
ประชาสัมพันธ์
การมีส่วนร่วมชุมชน
Typhus
ระยะฟักตัว
ปกติ 10-12 วัน (แตกต่างได้ตั้งแต่ 6-21 วัน)
ระยะติดต่อของโรค
ไม่มีการติดต่อจากคนสู่คน คนเป็น Accidental host
Rickettsia
อาศัยอยู่ในสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนม
มีแมลงเป็นพาหะนำโรค ถ่ายทอดเชื้อมาสู่คนที่่โดยแมลงกัด
อาการสำคัญ
ปวดเมื่อยกล้ามเนื้อ ปวดตัว ปวดศีรษะ (ขมับ หน้าผาก)
ต่อมน้ำเหลืองโต อักเสบ
เบื่ออาหาร คลื่นไส้อาเจียน ถ่ายเหลว
ถ่ายเหลว
มีผืนแดงตามตัว
ไอแห้งๆ
มีไข้สูง ปวดศีรษะ / หนาวสั่น
Scrub typhus เป็นโรคติดต่อในสัตว์ฟันแทะ คนเป็น Host โดยบังเอิญ
มีปัจจัยดังนี้
มีไรอ่อน
มีแหล่งอาศัยของไร
มีหนูป่า
มีเชื้อ Orientia tsutsugamushi
Eschar
มักพบตามซอกพับ เช่น ขาหนีบ รักแร้ ใต้ราวนม
พบอยู่นานประมาณ 6-18 วัน
อาจพบแผลคล้ายบุหรี่จี้ บริเวณที่ถูกไรอ่อนกัด
การวินิจฉัยโรคที่ใช้
Serology
อาจมีรอยการถูกแมลงกัดที่ผิวหนัง เป็นแผลขอบยกสีแดง มีสะเก็ดสีดำตรงกลาง
Physical examination
Lymphadenopathy
Hepatospleenomegaly after fever 4-5 day
อาจมีอาการตาแดง ไม่สู้แสง
ถ้าอาการรุนแรงอาจมีอาการ ซึม สับสน ความรู้ตัวเปลี่ยนแปลง
ผื่นแดงตามตัว
ภาวะแทรกซ้อนของScrub typhus (ถ้าไม่ได้รับการรักษา)
Pneumonitis (Interstitial infiltration)
ARDS
Acute renal failure
Septic schock
Pneumonitis
DIC
Hepatitis
Myocarditis
Coma
การรักษา
Trtracycline
Chlormphenicol
Doxycycline
Ciprofloxacin / Ofloxacin
Leptospirosis
การรักษา
รักษาตามอาการ เช่น ยาลดไข้
แนะนำให้เฝ้าระวังภาวะแทรกซ้อน และการปฏิบัติตัว
การรักษาจำเพาะ
Doxycycline
Azithromycin
นัดติดตามอาการและมาเจาะเลือดเพื่อยืนยันการวินิจฉย ภายใน 1-4 สัปดาห์
การตรวจวินิจฉัยทางห้องปฏิบัติการ
การตรวจหาเชื้อโดยตรง
Culture
ตรวจ PCR for pathogenic Leptospia DNA
การตรวจหาเชื้อทางอ้อม / การตรวจหาแอนติบอดีต่อเชื้อก่อโรคเลปโตสไปโรสิส
Indirect immunofluorescent antibody assay
Rapid / Screening test
Serogroup-specific test /Microscopic agglutination test
ประเมินความรุนแรงและภาวะแทรกซ้อน
ประวัติเลือดออกผิดปกติ
Hypotension
ตัว/ตาเหลือง หรือ Total bilirubin มากกว่า 2.5 mg./dL
HR มากว่า 100 ครั้ง/นาที หรือหัวใจเต้นไม่สม่ำเสมอ
ประวัติปัสสาวะน้อยลง หรือไม่มีปัสสาวะ หรือ Cretinine มากกว่า 2 mg./dL
RR มากกว่าหรือเท่ากับ 24 ครั้งต่อนาที หรือหอบเหนื่อย หรือ CXR ผิดปกติ
ประวัติความรู้สึกตัวผิดปกติ / พบ Stiffness of neck
Platelet น้อยกว่า 100,000 /cu.mm. หรือ WBC มากกว่า 12,000 / cu.mm.
แบ่งอาการและอาการแสดงของโรคLeptospirosis
อาการรุนแรง / Weil's syndrome
มีไข้ ตัว ตาเหลือง ไตวายเฉียบพลัน เลือดออกผิดปกติ กล้ามเนื้อหัวใจอักเสบ หัวใจเต้นผิดปกติ
อาการเยื่อหุ้มสมองอักเสบ / เนื้อสมองอักเสบ
อาการไม่รุนแรง
ไข้ ปวดเมื่อยจามตัว ปวดศีรษะ
อาการเลือดออกในปอด / การหายใจล้มเหลว
Herpes simplex
ระยะฟักตัว
3-7 วันหลังได้รับเชื้อ
ปัจจัยที่ทำให้เกิดเริมซ้ำ
รอยถลอกขีดข่วน
การเจ็บป่วยจากโรคอื่น
แสงแดดที่มาก
การได้รับยากดภูมิคุ้มกัน
ความเครียด
การผ่าตัดที่กระทบกระเทือนต่อเส้นประสาท
เกิดจาก Herpes simplex virus
ในกลุ่มที่มีอาการ
เจ็บ ปวด แสบร้อน
แผลจะค่อยๆ แห้งตกสะเก็ด
แตกเป็นแผลตื้นๆ
จะหายได้เองในระยะประมาณ 2-6 สัปดาห์
กลุ่มของตุ่มน้ำ
Primary Lesions
Bulla
ตุ่มน้ำใสของผิวหนังหรือเยื่อบุ ขนาดใหญ่กว่า 1 cm.
Pustule
vesicle / bulla ที่ภายในบรรจุด้วยหนอง
Vesicle
ตุ่มน้ำใส่ของผิวหนังหรือเยื่่อบุ ขนาดไม่เกิน 1 cm.
การรักษาและการปฎิบัติตัว
ถ้ามีไข้ เช็ดตัวลดไข้ + กินยา Paracetamol
ควรพักผ่อน+ดื่มน้ำมากๆ
ตัดเล็บสั้น ไม่แกะ/เกา
โรคส่วนใหญ่ไม่รุนแรง + หายเองได้
แผล ใช้ผ้า gauze ชุบน้ำเกลือ/ต้มสุก ประคบทำความสะอาดแผล
ถ้ามีแผลในปาก ใช้น้ำเกลือกลั้วปาก
การป้องกันการกลับมาเป็นซ้ำ
ควรหลีกเลี่ยงปัจจัยกระตุ้น
ถ้าเริมเป็นซ้ำ มากกว่า 6 ครั้งต่อปี หรือ เริมที่เป็นซ้ำอาการรุนแรง หรือ การเป็นซ้ำ
การป้องกันการแพร่เชื้อ
หลีกเลี่ยงการสัมผัสแผล น้ำลาย สารคัดหลั่งของผู้ป่วย
งด SI ใน Symptomatic HSV
ระยะแพร่เชื้อ คือ ตั้งแต่เริ่มมีอาการนำ จนกระทั่งแผลหายตกสะเก็ด
Asymptomatic HSV : Use condom
Herpes zoster
ภาวะแทรกซ้อน
การติดเชื้อแบคทีเรียซ้ำเติม ตาอักเสบ แผลที่กระจกตา และภาวะแทรกซ้อนทางหู
ผู้ที่มีภูมิต้านทานต่ำ โรคงูสวัดอาจเป็นรุนแรงและแพร่กระจายได้
ปวดตามแนวเส้นประสาทหลังการ่ติดเชื้อ บางรายปวดนานหลายปี
ภาวะแทรกซ้อนที่รุนแรงแต่พบน้อย เช่น สมองและปอดอักเสบ
การรักษาและการปฏิบัติตัวของผู้ป่วยโรคงูสวัด
ประคบแผลด้วยน่้ำเกลือ ครั้งละประมาณ 10 นาที 3-4 ครั้งต่อวัน
ในรายที่ติดเชื้อแบคทีเรียแทรกซ้อน อาจต้องได้รับยาปฏิชีวนะชนิดทาหรือรับประทานร่วมด้วย
ผู้สูงอายุ/ผู้ที่ภูมิคุ้มกันต่ำ ได้ยาต้านไวรัส เช่น Acyclovir
ตัดเล็บสั้น ไม่แกะเกา และอาบน้ำฟอกสบู่ให้สะอาด
ผู้ป่วยที่ภูมิคุ้มกันปกติ รักษาตามอาการ
ถ้าปวดหลังการติดเชื้อ สามารถรับประทานยาพาราเซตามอลแก้ปวด ถ้าอาการไม่ดีขึ้น ควรพบแพทย์
ถ้าปากเปื่อยลิ้นเปื่อย ให้ใช้น้ำเกลือกลั้วปาก
ไม่พ่นหรือทายา เช่นยาพื้นบ้านหรือยาสมุนไพรลงไปบริเวณตุ่มน้ำ
อาการ
ผื่นมักเรียงกันเป็นกลุ่ม /เป็นแถวยาวตามแนวเส้นประสาท
แตกออกเป็นแผล
บางรายมีไข้ร่วม
ตกสะเก็ด หายได้เองใน 2 สัปดาห์
จากนั้น 2-3 วัน จะมีผื่นแดงขึ้นบริเวณที่ปวด กลายเป็นตุ่มน้ำใส
เมื่อแผลหาย อาจยังมีอาการปวดตามแนวเส้นประสาทได้
จะเริ่มมีอาการปวดแสบปวดร้อนบริเวณผิวหนัง
การป้องกันการแพร่กระจายของโรคงูสวัด
แยกผู้ป่วย ไม่ใกล้ชิดกับผู้ที่ไม้เคยเป็นโรค เด็กเล็กและหญิงตั้งครรภ์
แยกข้าวของเครื่องใช้ เครื่องนุ่งห่ม ผ้าเช็ดตัว ที่นอน ของผู้ป่วยโรคงูสวัดกับผู้ที่ไม่เคยเป็นโรคอีสุกอีใสมาก่อน
Varicella virus
เริ่มเข้าสู่ร่างกายทั้งจากการหายใจ การสัมผัสตุ่มน้ำใสโดยตรง จะทำให้เป็นโรคอีกสุกอีใส
วัคซีนงูสวัด
สำหรับเด็ก
Chickenpox vaccine
สำหรับผู้ใหญ่
Zostavax
Shingrix
ผู้ทึ่ควรฉีดวัคซีนงูสวัด
ผู้ที่ระบบภูมิคุ้มกันอ่อนแอ เช่น ติดเชื้อ HIV เป็นลูคีเมีย หรือรับการรักษาแบบเคมีบำบัด ควรปรึกษาแพทย์
ผู้ที่มีโอกาสเสี่ยงที่จะได้รับเชื้องูสวัด
ผู้ที่อายุ 50 ปีขึ้นไป
Cellulitis /Erysipelas
การวินิจฉัย
การตรวจร่างกาย
อาจมีหนึ่งรอยโรค / อาจจะมีจำนวนมากกว่าหนึ่งรอยโรค และลามอย่างรวดเร็ว
ไข้สูง หนาวสั่น
แดง กดเจ็บ ปวด บวม ร้อน
การตรวจทางห้องปฏิบัติการ
ESR
Gram stain
CBC
Culture
ประวัติ
แผลทางเข้าของรอยโรค อาจพบปัญหาของ Venous / Lymphatic drainage
บางรายอาจจะมีโรคที่กลับมาเป็นซ้ำ
อาจพบรอยโรคCellulitis เกิดใกล้กับผิวหนังหรือแผลนำมาก่อน
อาการ
มีไข้หรือมีอาการของการอักเสบ
Erysipelas เกิดในระดับตื้นกว่า Cellulitis
บวม แดง ร้อน
สาเหตุ
Erysipelas เกิดในชั้น Dermis , Upper subcutaneous tissue
Cellulitis เกิดในชั้น subcutaneous tissue , Loose connective tissue
เกิดจากการติดเชื้อแบคทีเรีย
การรักษา
Cellulitis ที่เกิดจากการทิ่มแทง
Cephalexin
Clindamycin
Dicloxacillin
ในกรณีที่ผู้ป่วยแพ้ยา Penicillin อาจเลือกใช้ยา Clindamycin
อาการไม่รุนแรง
Cephalexin
Clindamycin
Dicloxacillin
Erythromycin
Monkey pox
ระยะเวลาอาการ ประมาณ 2-4 สัปดาห์ อาการรุนแรงพบได้ในบางกลุ่ม
การดูแลรักษา
Suspected case
ให้รับไว้เป็นผู้ป่วยในทุกราย ในห้องแยกเดี่ยวมีห้องน้ำส่วนตัว จนกว่าจะทราบผล
Confirmed case
แบบประคับประคอง
ให่การรักษาตามอาการ รวถึงการทำความสะอาดตุ่มแผล
เรื่อวภาวะจิตใจของผู้ป่วย
แบบจำเพาะ
ยังไม่มียาต้านไวรัส
ระยะเวลากักตัว 14-21 วัน จนสะเก็ดแผลแห้ง
Monkey pox ปกติหายได้เอง
ผู้ป่วยที่มีความเสี่ยงสูง (เกิดโรครุนแรง)
ผู้เป็นโรค Autoimmune disease ที่มีภาวะภูมิคุ้มกันต่ำ
เด็ก (โดยเฉพาะอายุน้อยกว่า 8 ปี)
ผู้ที่ได้รับการปลูกถ่ายอวัยวะ ได้รับการผูกถ่ายไขกระดูกมาภายใน 2 ปี
หญิงตั้งครรภ์ / ระหว่างให้นมบุตร
ผู้ที่มีภูมิคุ้มกันต่ำ
ผู้ที่มีประวัติเป็น Atopic dermatitis / มีโรคผิวหนังชนิด Exfoliative อยู่
เชื้อสาเหตุ Monkey pox virus ในกลุ่ม Orthopoxvirus genus , Family poxviridae
คำแนะนำในการป้องกันโรค
หลีกเลี่ยงการสัมผัสตุ่มหนอง / ผู้ติดเชื้อโดยตรง
หลีกเลี่ยงการสัมผัสสารคัดหลั่งของร่างกาย
ล้างมือบ่อยๆ ด้วยน้ำสบู่
แนะนำให้รับประทานเนื้อสัตว์ปรุงสุกสะอาด
การสวมหน้ากากอนามัย
กลุ่มอาการปวดศีรษะ
Migraine
อาการปวดศีรษะต้องร่วมกับความผิดปกติมางการมองเห็น /ระบบทางเดินอาหาร
Promonitory symptom and sign
กล้ามเนื้อคออาจตึง มีอาการอ่อนเพลียทั่วไป รู้สึกหนาวต้องห่มผ้า
หน้าซีด ขอบตาคล้ำ หนังตาหนักๆ ตาลึก
นอนมากเหนื่อยง่าย พูดไม่ชัด คิดคำพูดไม่ออก พูดน้อยลง
GI tract : อยากอาหาร (โดยเฉพาะที่มีรสหวาน) ถ่ายอุจจาระบ่อย ท้องผูก ท้องอืด ปวดท้อง
ผิวหนังไวต่อความรู้สึก ทนต่อการสัมผัสไม่ได้
ปัสสาวะบ่อย กระหายน้ำ บวม
หาวบ่อย ง่วงนอนมาก ทนต่อแสงเสียงไม่ค่อยได้
ปวดเป็นๆหายๆ แต่ละครั้งไม่เกิน 72 ชั่วโมง
ลักษณะสำคัญ
อาการร่วมขณะปวดศีรษะ มักเป็นอาการทางระบบประสาท /ระบบประสาทอัตโนมัติ
อาการปวดศีรษะจะหายไป ภายหลังได้นอน 45 นาที ถึง 3 ชั่วโมง หรือภายหลังดื่มร้อนๆ ภายหลังอาเจียน หรือได้ยาแก้ปวด
จะปวดมากเมื่อมีการเคลื่อนไหวศีรษะ
ปวดในตำแหน่งต่างๆ จะย้ายที่ได้ ย้ายข้างได้
การรักษา
สังเกตการดำเนินของโรค จะช่วยให้ใช้ยาได้อย่างเหมาะสม
ยา
Ergot based drug
Sedation
Analgesic : Paracetamol, NSAIDs(naproxen), Mixed
analgesic preparation, Narcotics analgesic, Aspirin
Amitryptyline
Sumatriptan-5HT1- like agonist drug
Flunarizine
Propranolol
Antiserotonergics
Pizotifen
Methylsergide
Calciumchannelantagonists
สังเกตสิ่งกระตุ้น เพื่อที่จะได้หลีกเลี่ยง
อาการที่บ่งชี้ถึงภาวะเนื้องอกในสมอง หรือมีสิ่งกินที่ในสมอง
การเปลี่ยนแปลงท่าทำให้เกิดการปวดศีรษะ
ปวดศีรษะในขณะหลับ หรือตื่นนอนใหม่ๆ
ปวดศีรษะเริ่มในอายุ มากกว่าหรือเท่ากับ 40 ปี / มีการเปลี่ยนแปลงลักษณะการปวดศีรษะที่ไม่เหมือนเดิม
ตรวจพบอาการแสดงทางระบบประสาท
ปวดศีรษะแบบค่อยเป็นค่อยไป
มีอาการสับสน ชัก อ่อนแรงร่วมด้วย
กลุ่มอาการปวดศีรษะ
อาการปวดศีรษะทุติยภูมิ ที่ไม่ต้องได้รับการรักษาฉุกเฉิน
อาการปวดศีรษะทุติยภูมิ ที่ไม่รุนแรง และรักษาหาย
อาการปวดศีรษะทุติยภูมิ ที่ต้องได้รับการรักษาฉุกเฉิน
อาการปวดศีรษะปฐมภูมิ
Tension type Headache
อาจพบร่วมกับ Migraine
กรณีเรื้อรัง จะปวดบ่อยกว่า 15วันต่อเดือน เป็นเวลา6เดือน หรือนานกว่า
มักปวดเริ่มที่บริเวณท้ายทอย ร้าวมาที่ขมับทั้ง2ข้าง แล้วปวดทั้งศีรษะ
การรักษา
ถ้าเรื้อรัง ควรนึกถึงโรคซึมเศร้า Amitryptylline
ฝึกผ่อนคลายกล้ามเนื้อ ออกกำลังกาย ทำสมาธิ
ถ้าไม่เรื้อรัง ให้ยาแก้ปวดธรรมดา
ปวดชนิดบีบกดหรือรัดแน่น
การปวดศีรษะชนิดท่ีพบบ่อยที่สุด
การประเมินผู้ป่วย
การปวดศีรษะ โดยมีความผิดปกติ ของโรคทางกายอื่นๆ
การตรวจศีรษะที่ตรวจพบความผิดปกติ หรือมีประวัติของโรคทางระบบประสาทส่วนกลาง หรือมีอาการ/อาการแสดงของการระคายเคืองต่อเยื่อหุ้มสมอง
การปวดศีรษะอย่างเดียว และตรวจไม่พบความผิดปกติอย่างอื่น
การปวดศีรษะจากสมอง ที่ไม่มีสิ่งกินที่
กลุ่มอาการเวียนศีรษะ
Peripheral cause (inner ear)
ปัจจัยกระตุ้น
การเคลื่อนไหวศีรษะ เปลี่ยนท่าทาง
อาการร่วม
คลื่นไส้อาเจียน หูอื้อเสียงในหู อาจมีเดินโคลเคลงช่วงมีอาการ
เวลาที่มีอาการ
เป็นๆหายๆ
อาการทางระบบประสาท
ไม่พบ
อาการ
เวียนศีรษะ บ้านหมุน โคลงเคลง
การปรับตัวของร่างกาย
เร็ว
การรักษา
รักษาตามสาเหตุของโรค
รักษาตามอาการ
ยากลุ่ม H3 receptor antagonist eg. betahistine
ยาแก้อาเจียน Antiemetic
ให้ยากลุ่มกดการรับรู้ทางการทรงตัว (vestibular suppressants)
ยากลุ่ม antianxiety eg. diazepam , antidepressant eg. Amitryp, Nortrip
Central cause
ปัจจัยกระตุ้น
ความดันโลหิตสูงหรือต่ำเกินหัวใจเต้นผิดจังหวะ ความเครียด กังวล
อาการร่วม
ปวดศีรษะ เหงื่อแตก ใจสั่น ตาพร่ามัว เจ็บหน้าอก หน้ามืด จะเป็นลม เดินเซไปข้างเดียว
เวลาที่มีอาการ
เป็นตลอดเวลา
อาการทางระบบประสาท
พบร่วมด้วย
อาการ
มึนศีรษะ หนักๆ ตื้อๆ
การปรับตัวของร่างกาย
ช้า
Common Skin Diseases
Tinea manum (โรคกลากที่มือ)
มักพบในผู้ใหญ่ เด็กพบได้น้อย
พบบ่อยที่สุดเชื้อจะเข้าทางปลายเล็บ ทำให้เกิดขุยหนาใต้เล็บและตัวเล็บ หลุดออกจากพื้นเล็บ
ลักษณะผื่นคล้ายใน tinea pedis
การรักษา
Topical treatment ไม่ได้ผลต้องใช้ยารับประทาน
Griseofulvin
Itraconazole
กลาก
Tinea coporis โรคกลากบริเวณ non-hairy area
ตรงกลางมีcentralclearing(annularlesion)หรือตรงกลางหาย กลายเป็นสีคล้ำ (iris lesion)
คันมาก ถ้าไม่รักษาจะลามไปเรื่อยๆ
ลักษณะผื่นมีได้หลายแบบ ที่พบบ่อย คือ วงแดงขอบชัดเจนมีตุ่มน้ำใสเล็กๆและScaleที่ขอบผื่น
ตรวจหาเชื้อ KOH
การรักษา
topical treatment
ใช้ในรายที่ผื่นเป็นบริเวณไม่กว้างนัก ได้แก่ topical imidazole,
tolnaflate, Whitfield ointment
systemic treatment
ใช้ในรายที่ผื่นเป็นบริเวณกว้าง และเป็น granulomatous type ได้แก่ Griseofulvin ในรายที่แพ้ ให้เป็น Itraconazole
Tinea cruris (โรคกลากที่บริเวณ genital, pubic, perineal, perianal area)
การรักษา
ใช้ยาในกลุ่ม Imidazolecream
รายที่เป็นบริเวณกว้าง ให้ griseofulvin , Itraconazole
ผื่นเหมือน Tinea corporis พบบ่อยในผู้ชาย โดยเฉพาะบริเวณขาหนีบและต้นขา มักไม่เป็นที่บริเวณอัณฑะ
Tineacapitis(โรคกลากที่หนังศรีษะ)
การรักษา
griseofulvin
ใช้แชมพูที่ช่วยฆ่าสปอร์ของเชื้อควบคู่ไปด้วย เช่น 2.5% selenium sulfide (Selsun) shampoo
topical treatment ใช้ไม่ได้ผล
ในรายที่มีการติดเชื้อแบทีเรียแทรกซ้อน ควรให้ Antibiotic ร่วมด้วย
เกิดจากหนังศีรษะก่อนแล้วจึงเข้าไปในผม
อาการ
ถ้ารุนแรง จะมีผื่นอักเสบเป็นก้อนบวมแดง มีหนองและผมหลุดร่วง
ต่อมน้ำเหลืองโต (บริเวณที่พบบ่อย occipital และ cervical lymph node)
ผมร่วง เส้นผมหัก มี spore ของเชื้อราอยู่รอบๆเส้นผม (ectothrix) ทำให้เส้นผมเป็นสีเทาๆ
ในบางรายคัน
ผื่นมีขุย (Scale)
Tinea pedis (โรคกลากที่เท้า)
มักเกิดบริเวณซอกระหว่างนิ้วก้อยและนิ้วนางของเท้า
ลักษณะ
ผิวหนังเปื่อยยุ่ยเป็นฝ้าขาว อาจแตกเป็นร่องตื้นๆ (scalng, maceration, fissuring)
มักมีการติดเชื้อแบคทีเรียร่วมด้วย
เป็นโรคกลากที่พบได้บ่อยที่สุด มักพบในผู้ชายที่ใส่รองเท้าอบชื้น/ทำงานที่เท้าต้องโดนน้ำบ่อยๆ
การรักษา
Systemic treatment
Griseofulvin 500 mg/d
Itraconazole100 mg/day
ในรายที่มี Maceration มาก
ควรให้ systemic antibiotic ที่คลุมเชื้อ gram negative และ Staphylococcus aureus ด้วย
Topical treatment
ได้ผลดี ยกเว้นใน chronic hyperkeratotic type
เกิดจากเชื้อรากลุ่ม Dermatophytes
Contact Dermatitis
Dermatiis , Eezema
Subacute stage
ผื่นแดงน้อยกว่าระยะเฉียบพลัน มีตุ่มแดง อาจมีตุ่มน้ำเล็กน้อย มีสะเก็ดและขุย อาจมีรอยแตกเป็นร่อง
การรักษา ระยะปานกลาง/เรื้อรัง
ยาทาภายนอก
ผื่นหนา
Moderate / High potency steroid
ผื่นกว้างและไม่หนามาก
Low potency steroid หรือชนิดเจือจาง
ยารับประทาน
เช่นเดียวกับระยะเฉียบพลัน
Chronic stage
ผื่นมีลักษณะหนานูน มี lichenification สีแดงคล้ำหรือค่อนข้างดำ มีขุยและรอยเกา
Acute stage
ผื่นแดง บวม มีตุ่มแดง ตุ่มน้ำ มีน้ำเหลืองไหล
การรักษา
ยาทาภายนอก
น้ำด่างทับทิม 1: 4,000
น้ำเกลือ
Burow solution 1:40
ยารับประทาน
ถ้ามีอาการแสดงของการอักเสบติดเชื้อ ให้รับประทานยาปฏิชีวนะ Cloxacillin
ถ้ามีอาการคันให้ Antihistamine
ถ้าเป็นรุนแรงและบริเวณกว้าง ให้ Prednisolone
การป้องกัน
ใส่เครื่องป้องกัน
การใช้สิ่งทดแทนสิ่งสารที่แพ้
หยุดใช้สารที่ทำให้เกิดการแพ้หรือระคายเคือง
สาเหตุ
Allergic contact dermatitis
Irritant contact dermatitis
การวินิจฉัย
ผื่นชนิดเฉียบพลัน ผื่นเกิดขึ้นเร็ว
ผื่นเรื้อรัง อาศัยประวัติที่เกี่ยวข้องกับการสัมผัสสารต่างๆ ในชีวิตประจำวัน
ลักษณะทางคลินิก
สารระคายเคืองอย่างอ่อน ต้องมีการสัมผัสนานหรือบ่อยจึงเกิดผื่น
สารที่สัมผัสมีฤทธิ์ระคายเคืองสูง
เกลื้อน
ลักษณะของผื่นในโรคเกลื้อนจะพบเป็นวงเล็กๆ ขนาดตั้งแต่ 1มิลลิเมตร รอบรูขุมขนจนถึงรวมกันเป็นปื้นใหญ่ อาจมีสีซีดจางหรือสีเข้มกว่าสีผิวปกติ
ข้อแตกต่าง
กลากจะเป็นผื่นสีแดง มีขอบเขตชัดเจน มีรูปร่างเป็นวงกลม หรือวงแหวน ขอบภายนอกมักมีสีเข้มกว่าผิวหนังด้านใน ถ้าลุกลามขยายออกมากขึ้นจะเห็นผื่นรูปวงแหวน มีขอบเขตชัดเจนยิ่งขึ้น อาจจะพบขุย สะเก็ดบางๆ ที่ขอบวงแหวนได้ด้วย
พบได้บ่อยบริเวณที่มีต่อมไขมันมาก
ปัจจัยส่งเสริม
ผู้ที่ปฏิบัติงานในสถานที่ร้อนอบอ้าว มีเหงื่อออก
สภาวะทุพโภชนาการ
พันธุกรรม
ภาวะอื่นๆ เช่น ภาวะเครียด การใช้ยาต้านแบคทีเรียชนิดกว้างเป็นเวลานาน คนที่ติดเชื้อ HIV
ช่วงอายุ ช่วงวัยรุ่นจะพบได้บ่อย
เกิดจากเชื้อรา Malassezia furfur
ยา
ยาทาภายนอก
การป้องกันการเกิดโรคซ้ำ ให้ใช้ยาเดือนละ 1 ครั้งหรือใช้ zinc pyrithione Ketolytic agent เช่น Whitfield’s ointment,
prooylene glycol in water 40-50%
Mild fungicide เช่น sodium thiosulfate 20-30%, precipitation sulfur ointment 3-6%
Selenium sulfide
ยาทาที่มี imidazole derivatives
ยาฆ่าเชื้อชนิดรับประทาน
Ketoconazole
Itraconazole
Urticaria
การรักษา
ระยะเฉียบพลัน
ยาทาภายนอก
Calamine lition / ประคบเย็นเพื่อลดคัน
ยารับประทาน
Chlorpheniramine ในรายที่กินแล้วง่วงมาก อาจให้ Loratadine
ถ้าให้ยาแก้แพ้ไปแแล้วไม่ดีขึ้น อาจให้ Prednisolone
ในรายที่มี Angioedema ควรระวังปฏิกิริยา Anaphylaxis ควรให้ Epinephrine และติดตามอาการอย่างใกล้ชิด
ลมพิษเรื้อรัง
หาสาเหตุและกำจัดสาเหตุ
ในรายที่ไม่ทราบสาเหตุ ควบคุมอาการโดยรับประทานยาในขนาดที่เหมาะสม ประมาณครึ่งหนึ่งของผู้ป่วยลมพิษเรื้อรังที่ไม่ทราบสาเหตุ
การป้องกัน
พยายามหลีกเลี่ยงสิ่งที่ทำให้เกิดลมพิษ
การวินิจฉัย
ซักประวัติเกี่ยวกับยา อาหารสารต่างๆที่ผู้ป่วยได้รับก่อนเป็นลมพิษ
ลมพิษที่เป็นติดต่อกันนานเกิน 6 สัปดาห์ จัดเป็นลมพิษเรื้อรัง
ลักษณะคลินิกของโรคค่อนข้างชัดเจน
ลักษณะทางคลินิก
เกิดขึ้นพร้อมกัน หรือทยอยขึ้นหลายแห่ง
ผื่นมีขนาด รูปร่างต่างกันได้มาก
คันรุนแรง
เกิดขึ้นส่วนใดของร่างกายก็ได้ เมื่อเกิดเต็มที่แล้วจะค่อยๆยุบหายไปกลายเป็นผิวหนังปกติ ภายในเวลา 24 ชั่วโมง
บวมที่ผิวหนัง