Please enable JavaScript.
Coggle requires JavaScript to display documents.
ความรับผิดของนายจ้างในผลแห่งการละเมิดของลูกจ้างในทางการที่จ้าง - Coggle…
ความรับผิดของนายจ้างในผลแห่งการละเมิดของลูกจ้างในทางการที่จ้าง
1. ความรับผิดของนายจ้าง
ลูกจ้างทำละเมิดในทางที่จ้าง
การที่ลูกจ้างทำละเมิด นายจ้างต้องรับผิดหรือไม่ ต้องดูว่าการกระทำนั้นเกิดในเวลางานหรืองานที่จ้างให้ทำหรือไม่ ถ้าหากไม่ใช่การกระทำที่จ้าง นายจ้างก็ไม่ต้องรับผิด แต่ถ้าการกระทำนั้นเกิดจากที่จ้าง นายจ้างต้องร่วมรับผิดด้วย
ผู้ใดทำสิ่งใดโดยบุคคลอื่นเท่ากับทำด้วยตนเอง การที่ได้รับมอบอำนาจไม่ใช้แก่การกระทำในทางการที่จ้าง
ลักษณะงานที่จ้างต้องอยู่ในการดูแลของนายจ้าง เพราะการร่วมรับผิดละเมิดระหว่างนายจ้างกับลูกจ้างต้องเกี่ยวข้องกัน
เช่น จ จ้าง ค เป็นพนักงานส่งของ จ ใช้ให้ ค ไปส่งของให้ ง ในระหว่างทางเกิดอุบัติเหตุ ค ได้ทำตามหน้าที่ของตนโดยประมาทเลินเล่อทำให้สินค้าพัง ดังนี้ จ ต้องร่วมรับผิดกับ ค ด้วย
สิทธิไล่เบี้ย
การกระทำของลูกจ้างต่อบุคคลภายนอกเองโดยลำพัง (นายจ้างต้องรับผิดร่วมด้วยกับลูกจ้างต่อผู้เสียหาย) แต่ระหว่างนายเจ้ากับลูกจ้างในการละเมิดนั้น นายจ้างไม่ต้องรับผิด เมื่อนายจ้างใช้ค่าสินไหมทดแทนลูกจ้างแล้ว นายจ้างจึงมีสิทธิไล่เบี้ยเรียกให้ลูกจ้างชดใช้ให้แก่ตน
นายจ้าง ลูกจ้าง บุคคล 2 ฝ่ายมีความสัมพันธ์กันซึ่งในทางกฏหมายให้เรียกตามสัญญาแรงงาน
มาตรา 425 วางหลักไว้ว่า นายจ้างต้องร่วมกันรับผิดกับลูกจ้างในผลแห่งละเมิด ซึ่งลูกจ้างได้กระทำไปในทางการที่จ้าง
-ถ้าลูกจ้างกระทำละเมิดที่ไม่ได้อยู่ในหน้าที่ปฏิบัติงาน นายจ้างไม่ต้องรับผิด เช่น ก เป็นลูกจ้าง จ ขับรถชนสินค้าบริษัทแห่งหนึ่งได้รับความเสียหาย แต่ไม่ได้อยู่ในหน้าที่ปฏิบัติงานและเป็นเวลาเลิกงานแล้ว ดังนี้ จ จึงไม่ต้องรับผิด
สัญญาจ้างแรงงานระหว่างนายจ้างกับลูกจ้าง
นายจ้าง มีหน้าที่ ออกคำสั่งและควบคุม
ลูกจ้าง มีหน้าที่ ทำตามคำสั่ง
เช่น ขาว เป็นลูกจ้าง เหลือง สั่งให้ขาวเก็บผลไม้ เฉพาะผลส้มอย่างเดียว ดังนั้น ขาวจึงมีหน้าที่เก็บแค่ผลส้มตามคำสั่งของเหลือง
2. ตัวการรับผิดในการกระทำละเมิดของตัวแทน
ลักษณะตัวแทน - ตัวแทนทำตามคำสั่งของตัวการ บุคคลคนหนึ่งใช้อำนาจออกคำสั่งให้ทำการกับอีกบุคคลคนหนึ่งที่ตกลงกันและเต็มใจทำ
เช่น แก้วใช้กล้าเป็นตัวแทนในการขับรถขนส่งผลไม้ กล้าขับรถตกหลุมโดยประมาทเลินเล่อทำให้ผลไม้ตกกระจัดกระจายเต็มถนนได้รับความเสียหาย ดังนี้ กล้า เป็นตัวแทนในการขับรถขนส่งผลไม้ แต่ แก้ว ต้องร่มรับผิดด้วย เพราะกล้าได้ทำการปฏิบัติหน้าที่ของตัวแทนตามคำสั่งของแก้ว
ความรับผิดของตัวการ ออกคำสั่ง (เสมือนนายจ้าง) เหตุที่ตัวการต้องรับผิดต้องอยู่ในขอบเขตของการปฏิบัติงานตามหน้าที่เพื่อตัวการหรือมอบอำนาจให้ตัวแทนได้ทำการเป็นตัวแทนใหหน้าที่นั้น
เช่น ผู้ใหญ่บ้านมอบหน้าที่ให้ผู้ช่วยเป็นตัวแทนไปรับรถที่ต่างจังหวัด ดังนี้ ผู้ช่วยมีอำนาจหน้าที่ทำการไปรับรถมาให้ผู้ใหญ่บ้าน
3. ความรับผิดของผู้ว่าจ้างทำของ
หลักความรับผิดของผู้ว่าจ้างทำของ - ผู้จ้างไม่มีสิทธิควบคุมการทำงานและไม่มีสิทธิออกคำสั่ง ตามมาตรา 428 ผู้ว่าจ้างทำของไม่ต้องรับผิดในความเสียหาย เว้นแต่ ผู้ว่าจ้างจะได้ทำความผิดทางละเมิดขึ้นเองในการว่าจ้าง จึงต้องรับผิดในผลที่เกิดขึ้นแม้จะเป็นการกระทำของผู้รับจ้างก็ตาม
ความผิดของผู้ว่าจ้างตามกฎหมายกำหนดไว้มี 3 กรณี คือ
ความรับผิดในส่วนการงานที่สั่งให้ทำ ทำตามสัญญาจ้างที่มีต่อกัน เช่น จ้างให้ทำงานสวนที่บุกรุกพื้นที่ของผู้อื่นถือว่าเป็นการละเมิด
2.ความคิดในคำสั่งที่ตนให้ไว้ คำสั่งการทำสิ่งใดสิ่งหนึ่งที่อาจทำให้ผู้อื่นเสียหาย เช่น จ้างทำความสะอาดบ้าน ยกเว้นแจกัน
ความผิดในการเลือกหาผู้รับจ้าง การจ้างทำงานที่ตนเองไม่รู้ว่าบุคคลคนนั้นไม่ใช่ผู้มีความสามารถ เช่น ต จ้าง ม ให้ตัดต้นไม้ข้างบ้าน แต่ ม ไม่ทันระวังทำกิ่งไม้ตกใส่รถข้างบ้านเกิดความเสียหาย ซึ่งทำให้ทรัพย์สินผู้อื่นเสียหาย
ความรับผิดของผู้ว่าจ้างทำของไม่เป็นความรับผิดใน
การกระทำของบุคคลอื่น
ความรับผิดผู้ว่าจ้างทำของหรือเป็นการรับผิดแทน
ความรับผิดในการกระทำของบุคคลอื่น มาตรา 428
ผู้จ้างเป็นผู้ก่อความเสียหาย
เหตุผลที่แสดงให้เห็น ความรับผิดของผู้ว่าจ้างทำของไม่เป็นความรับผิดในการกระทำของบุคคลอื่น ตามมาตรา 428
ความรับผิดของผู้ว่าจ้างมิใช่ความรับผิดการรกระทำของบุคคลอื่น ผู้ว่าจ้างชดใช้ค่าสินไหมทดแทน ผู้ว่าจ้างไม่สามารถไล่เบี้ยเรียกชดใช้เอาจากผู้รับจ้าง
กฎหมายบัญญติถึงผู้ว่าจ้างเป็นผู้ผิด กระทำละเมิดถือว่าเป็นความรับผิดของบุคคลในการกระทำของตนเอง
ความเสียหาย ผู้ว่าจ้างต้องรับผิดกับผู้รับจ้าง
ความรับผิดของบิดามารดาหรือผู้อนุบาลในการทำละเมิดของคนไร้ความสามารถ เป็นผู็เยาว์หรือบุคคลวิกลจริตที่ต้องรับผิดเพราะการละเมิดเป็นการล่วงสิทธิ ไม่ใช่การใช้สิทธิ
ต้องมีการกระทำโดยจงใจหรือประมาทเลินเล่อและต้องมีการเคลื่อนไหวร่างกายโดยรู้สำนึก และต้องรู้ถึงผลเสียหายที่จะเกิดจากการกระทำของตน
เช่น จำปีอายุ 5 ขวบ วิ่งชนจำปา อายุ3ขว เช่นนี้ ย่อมถือได้ว่าเด็กนั้นได้กระทำละเมิดแล้วเพราะมีความตั้วใจจะชนหรือก่อให้เกิดความเสียหายขึ้นได้
บุคคลไร้ความสามารถ ผู้รับผิดแทนหรือรับผิดร่วมด้วย คือ บิดามารดา หรือผู้อนุบาล
ความรับผิดของบิดามารดา ผู้อนุบาล ตามมาตรา 429 ความบกพร่องในการดูแลผู้ไร้ความสามารถ เหตุนั้นต้องเกิดขึ้นในขณะที่ผู้ไร้ความสามารถอยู่ในระหว่างการดูแลของบิดามารดาหรือผู้อนุบาลจึงต้องรับผิด แต่ถ้าไม่ใช่เหตุละเมิดเกิดขึ้นระหว่างนั้นก็ไม่ต้องรับผิด
ความรับผิดในการกระทำของบุคคลอื่น บิดามารดาหรือผู้อนุบาลมีหน้าที่ดูแลนั้นต้องรับผิดโดยผู้เสียหายไม่ต้องพิสูจน์ แต่หน้าที่ของบิดามารดาหรือผู้อนุบาลต้องพิสูจน์ว่าตนได้ใช้ความระมัดระวังตามความสมควรแก่หน้าที่ดูแล หากพิสูจน์ได้หรือไม่ได้ก็แพ้คดี ถ้าพิสูจน์รับฟังได้ก็พ้นความผิด
เช่น พ่อปล่อยให้บุตรสาวเป็นผู้เยาว์อายุ 10 ปี นั่งเล่นอยู่คนเดียวตามลำพังชั่วคราว บุตรสาวมองเห็นเพื่อนตีกันเลยเข้าไปตีด้วยจนเพื่อนได้รับบาดเจ็บ เช่นนี้ บุตรสาวเป็นผู้เยาว์อายุ 10 ปี ได้กระทำละเมิดและพ่อไร้ความระมัดระวังในการดูแลบุตร พ่อจึงต้องรับผิดร่วมด้วย
ความรับผิดของครุบาอาจารย์ นายจ้าง หรือบุคคลอื่นในการทำละเมิดของผู้ไร้ความสามารถ
บุคคลต้องรับผิด ความรับผิดของผู้มีหน้าที่ดูแลผู้ไร้ความสามารถในแห่งการละเมิดที่ผู้ไร้ความสามารถทำขึ้น ตามมาตรา 430 ผู้ไร้ความสามรถย่อมนำมาใช้โดยอนุโลมได้ แต่ผู้มีหน้าที่ดูแลไม่สามารถนำมาใช้ในการอนุโลมได้ มาตรา 429 ผู้เยาว์หรือบุคคลวิกลจริตต้องรับผิดละเมิดในผลที่ตนทำละเมิด จะอ้างเพื่อไม่รับผิดไม่ได้ผู้ที่ต้องรับผิดร่วมกับบุคคลไร้ความสามารถ ตามมาตรา 430 คือ ครูบาอาจารย์ นายจ้าง ผู้ดูแลบุคคลดังกล่าว
ความระมัดระวังตามสมควรแก่หน้าที่ดูแล มาตรา 429 บิดามารดาหรือผู้อนุบาล ผู้รับบุตรบุญธรรม มีหน้าที่นำสืบว่าตนได้ใช้ความระมัดระวังตามสมควรจึงจะพ้นความผิด แตกต่างกับมาตรา 430 ผู้มีหน้าที่ดูแลมิใช้ความระมัดระวังตามหน้าที่ต้องดูแล ถ้าไม่นำสืบหรือไม่มีสืบ บุคคลที่ดูแลก็ไม่ต้องรับผิด
สิทธิไล่เบี้ยของครูบาอาจารย์หรือบุคคลอื่นซึ่งรับดูแลบุคคลผู้ไร้ความสามารถ
บุคคลดูแลใช้ค่าสินไหมทดแทน
ไล่เบี้ยตามจำนวนที่ชดใช้จนครบ