Please enable JavaScript.

Coggle requires JavaScript to display documents.

การบริหารงานของหัวหน้าวอร์ด 5DB9EADF-8E47-4A0E-8BA7-F5531D08A97B,…

- - - - ช่วยสืบค้นความจริง ช่วยสังเกตและช่วยตัดสินตาม
        ข้อเท็จจริง รวมทั้งช่วยให้เกิดการพัฒนาและเป็น
        จุดเริ่มต้นของความคิดสร้างสรรค์
    - - 1.เผชิญหน้ากับเหตุการณ์ที่ไม่คาดคิด (Trigger)
      - 2.การประเมินสถานการณ์ (Appraisal)
      - 3.การวินิจฉัยตรวจสอบอย่างละเอียด (Exploration)
      - 4.พัฒนามุมมองที่ต่างไปจากเดิม (Development of Alternative Perspectives)
  - - - ความฉลาด (Intelligence)
      - ความเอาใจใส่ใฝ่รู้ (Awareness) ความใฝ่รู้เป็นลักษณะของความพยายาม แสวงหาความรู้ ประสบการณ์และความพอใจใหม่ๆ เป็นแรง บันดาลใจภายในที่กระตุ้นให้มีความอยากรู้อยากเห็น
      - ความสามารถที่ตอบสนองความคิดได้คล่องแคล่ว (Fluency) ความสามารถที่จะแสดงออก ทางความคิดได้หลากหลาย เสนอ ข้อคิดเห็นหรือให้คําตอบได้มากกว่าคนปกติธรรมดา
      - ปรับสภาพความคิดได้ง่าย (Flexibility) ผู้มีความคิดสร้างสรรค์สูง จะไม่ยึดถือความคิดที่เป็นความจําเจ และเคยชินเป็นนิสัย ในทางตรงกันข้าม จะมีความสามารถปรับสภาพ ความคิด ให้ทันเหตุการณ์ และปัญหาใหม่ๆ อยู่เสมอ
      - มีความคิดริเริ่ม (Originality) )
      - ความรอบคอบในการคิด ความคิดแปลกใหม่ในทางสร้างสรรค์จะต้องมีความเหมาะสมด้วย เพราะจะต้องผ่านการไตร่ตรอง อย่าง รอบคอบ พิถีพิถัน
      - ความช่างสงสัยกับความคิดสร้างสรรค์
        ความช่างสงสัย เป็นต้นกําเนิดของความคิด และการนําไปสู่ความแปลกใหม่ ผู้มีความคิดสร้างสรรค์สูง มักมีความสงสัยในข้อคิดเห็นของผู้อื่นเสมอ ไม่ยอมรับหรือเชื่อถือสิ่งใดโดยปราศจากการเข้าใจ
      - การมีอารมณ์ขันและจิตใจเบิกบานกับความคิดสร้างสรรค์
        อารมณ์ขันเป็นผลของความคิด ที่พิจารณาในทางกลับกันกับความคิดเป็นปกติ ธรรมดา และสามารถเป็นแรงกระตุ้น ให้สร้างสรรค์แสดงออกทางอารมณ์ร่วมกับความคิดได้เต็มที่โดยไม่เส แสร้ง
    - - 1.คิดเชิงบวก การที่จะมีความคิดสร้างสรรค์ได้ ต้องเริ่มจากการมีความเชื่อมั่นในตนเอง
      - ใช้การระดมสมอง มองหาความคิดใหม่ ๆ (Brain Storming) เป็นเทคนิคการระดมความคิดแปลก ๆ ใหม่ ๆ เป็นการแก้ปัญหาในองค์กรที่ได้รับความนิยมมากที่สุด
      - คิดท่าใหม่จากของเก่า โดยใช้ 8 แนวทาง คือ
        1) เพิ่มขยาย
        2) หดลด
        3) ทดแทน
        4) ดัดแปลง
        5) ปรับเปลี่ยน
        6) จัดใหม่
        7) ใช้สลับ
        8) ปรับผสม
      - ขยายขอบเขตปัญหาเพื่อการคิด เช่น หยุดคิดใน เรื่องที่กำลังคิดติดพันอยู่ แต่คิดในความเป็นนามธรรมเรื่องนั้น นามธรรมของปัญหา สามารถนำไปสู่การสร้างสรรค์และ นวัตกรรมใหม่ ๆ
      - คิดมุมกลับ ให้มองมุมอีกมุมหนึ่งที่ไม่เคยคิด มาก่อน หรือคิดแบบกลับด้าน ไม่ยึดติดกับรูปแบบ
        การคิด เดิม ๆ ที่เคยชิน หรือปรับคิดตรงข้าม)
      - คิดแบบใหม่ เป็นการคิดที่ไม่เคยใช้มาก่อน หรือความคิดที่ไม่น่าจะเป็นไปได้ (Impossible Thinking) เช่น บางสิ่งบางอย่างที่เราเคยคิดว่ามันเป็นไปไม่ได้ในอดีต แต่ใน ปัจจุบันมันกลับเป็นไปได้ หรือคิดเชื่อมโยงจากความเป็นไป ไม่ได้สู่ความน่าจะเป็นไปได้
      - คิดแบบเชื่อมโยง หาสิ่งไม่เชื่อมโยงเป็นตัวสกัด ความคิดสร้างสรรค์ เพื่อให้เกิดการค้นพบสิ่งใหม่ เพื่อตอบ ปัญหาที่คิดอยู่ให้เห็นทางออกของปัญหาที่ใหม่ ๆ และปฏิบัติได้ จริง โดยตัวสกัดหรือเขียความคิด ค้นหาได้จากการเปิดหนังสือ ตารา วารสาร และเปิดพจนานุกรม)
      - คิดแบบหาจุดตัด โดยคิดแล้วเขียนบันทึกรายการ ของแนวคิดที่เกี่ยวกับลักษณะหรือแง่มุมของสิ่งที่ต้องการตอบ เขียนไว้ในแกนหนึ่งเขียนรายการของแนวคิด ลักษณะหรือ มุมมองที่ต้องการไว้อีกแกนหนึ่ง หาช่วงตัด (matrix) ระหว่าง รายการของแนวคิดทั้งสอง ที่ได้อาจเป็นคำตอบที่สร้างสรรค์
      - คิดเปรียบเทียบ ใช้การเปรียบเทียบเพื่อกระตุ้น ให้เห็นมุมมองใหม่ ๆ หรือใช้การเทียบเคียงอุปมาอุปไมย โดย ทำความคุ้นเคยกับปัญหาใหม่ที่ไม่คุ้นเคยให้เข้าใจ แล้วเทียบ เคียงกับสิ่งที่คนทั่วไปจะทำให้เห็นภาพชัดขึ้น
      - เปลี่ยนสถานที่และเวลาในการคิด การอยู่ใน สภาพแวดล้อมแบบเดียวกันนาน ๆ อาจจํากัดความคิดสร้างสรรค์ และเวลาก็มีความสำคัญต่อการคิดในบางเวลาจะคิดได้ดี และ ในบางเรื่องการจํากัดเวลาช่วยกระตุ้นความคิดได้ แต่บางเรื่อง การจํากัดเวลาช่วยกระตุ้นความคิดได้ แต่บางเรื่องจําเป็นต้อง ให้เวลาในการคิด)
      - อ้างอิง : จุฑารัตน์ บันดาลสิน. (2557). การพัฒนาความคิดสร้างสรรค์สู่นวัตกรรมการบริการพยาบาล. วารสารพยาบาลทหารบก. 15(3), 9-17.
  - - - การทดลอง ซึ่งเป็นวิธีการที่ควบคุมเป็นระบบในเรื่องของเงื่อนไข เวลา ทรัพยากรที่ใช้ แต่อาจจะมีประสิทธิภาพหรือไม่มีประสิทธิภาพก็ได้
      - ใช้แบบธรรมชาติทั่วไปโดยอาศัยความชํานาญ
        สามัญสํานึกประสบการณ์เดิมที่ใช้อยู่
    - - การระบุปัญหาต้องระบุให้แน่ชัดก่อนจึงจะแก้ปัญหาเพื่อจะได้ตรงตามความต้องการ
        
        การวิเคราะห์และการค้นหาสาเหตุของปัญหา ซึ่งเป็นสิงที่ต้องให้เวลากับส่วนนี้ เพื่อจะได้พบกับ
        
        การกําหนดวัตถุประสงค์ในการแก้ปัญหาจะต้องกําหนดให้ชัดเจนว่าจะแก้ปัญหาเหล่านั้นเพียงใด
        เรื่องใดบ้าง และต้องการผลลัพธ์ออกมาอย่างไร
        
        การค้นหาแนวทางในการแก้ปัญหา ผู้นําจะต้องใช้ความคิดสร้างสรรค์ อาจใช้วิธีการระดมสมอง
        จากผู้ที่เกี่ยวข้องให้มากที่สุด
        
        การเลือกวิธีการแก้ปัญหาที่ดีที่สุดโดยเปรียบเทียบข้อดีข้อเสียเกี่ยวกับเวลางบประมาณที่ใช้
        
        การดําเนินการแก้ปัญหา ควรแก้ไขตามทางเลือกที่
        กําหนดไว้ โดยต้องเตรียมความพร้อมในด้าน ต่างๆ ให้เพียงพอ เพื่อให้การดําเนินงานมีประสิทธิภาพ
        
        การประเมินผลการดําเนินงานควรทําทุกขั้นตอนการ
        ดําเนินงานจนกระทั่งเสร็จสิ้นกระบวนการ
  - - - ผู้ทําการตัดสินใจ ซึ่งอาจเป็นคนเดียวหรือเป็นกลุ่มก็ได้แล้วแต่ความเหมาะสม
        
        ประเด็นเรื่องราว หรือปัญหา หรือเป้าหมายที่ต้องทําการตัดสินใจ
        
        ทางเลือกต่างๆ ส่วนใหญ่มักจะมีทางเลือกอย่างน้อย 2 ทางเลือกขึ้นไป
        
        เวลา หากมีเวลาน้อยมากที่ต้องตัดสินใจอาจมีโอกาสผิดพลาดได้มาก
        
        สถานการณ์หรือสภาพแวดล้อม บางประเด็นเป็นสถานการณ์ปกติธรรมดา บางสถานการณ์ก็เสี่ยง และบางสถานการณ์ก็ไม่แน่นอน ดังนั้นผู้บริหารต้องพิจารณาถึงผลที่จะเกิดต่อการตัดสินใจด้วย
  - - - การเจรจาที่มีลักษณะเป็นการร่วมมือ (Win-Win)
        คือต่างฝ่ายต่างแสวงหา ข้อตกลงที่จะให้ ทุกฝ่ายที่ร่วม
        เจรจาได้รับประโยชน์ด้วยกัน การเจรจาต่อรอง ในลักษณะ
        นี้มีผลทำให้คู่เจรจาคบกันได้นาน เป็นมิตรหรือเป็นคู่ค้าถาวร
      - การเจรจาที่มีลักษณะเป็นการแข่งขันกัน (Win-Lose)
        คือ มุ่งที่จะให้ฝ่ายตนได้รับประโยชน์ เพียงฝ่ายเดียว
        โดยไม่คำนึงว่าฝ่ายอื่นจะได้รับประโยชน์หรือไม่
        โดยเฉพาะอย่างยิ่งเน้นที่จะให้ได้ประโยชน์ ทั้งหมด
        หรือไม่ก็ยอมสูญเสียทั้งหมดไปเลย การเจรจาในลักษณะนี้
        มักจะไม่ใช้การประนีประนอม อาจมีผล เป็นการแข่งขัน
        กลายเป็นคู่แข่งที่ขาดความสัมพันธ์ที่ดีต่อกัน
    - - ชั้นเตรียมการ ก่อนที่จะตัดสินใจเปิดการเจรจาต่อรอง
        ในเรื่องใด จะต้องกำหนดกลยุทธ์โดยนำเอาสถานการณ์
        และ สิ่งแวดล้อมทั่วไป ในการกำหนดยุทธศาสตร์ จำเป็น
        ต้องเตรียมข้อมูลและศึกษาประเด็นปัญหาต่อไปนี้ให้
        พร้อม กำหนดวันและเวลาสำหรับการเจรจา
      - ขั้นตอนในการดำเนินการเจรจา ผู้เข้าร่วมการเจรจาต้องใช้
        ความสามารถเฉพาะตัวอย่างเต็มที่ และจะต้องรักษากฎ
        ระเบียบ และพิธี การในการเจรจาต่อรอง ตลอดจนมรรยาท
        ด้วยความระมัดระวังอย่างมาก โดยใช้เทคนิคในการเจรจา
        อย่างฉลาดและแนบเนียน ต้องคำนึงถึงขนบธรรมเนียม
        ประเพณี และวัฒนธรรมของแต่ละฝ่าย
      - ชั้นการมีผลบังคับใช้ เป็นขั้นตอนที่จะให้มีการปฏิบัติตาม
        ผลของการเจรจาที่ได้ตกลงกันไว้ โดยทำสัญญาหรือ
        ความตกลง ระหว่างกันไว้เป็นลายลักษณ์อักษรในรูปแบบ
        ที่ถูกต้องตามกฎหมายอย่างระมัดระวัง
    - - สร้างบรรยากาศก่อนการเจรจา
      - เป็นนักฟังที่ดี
    - - อย่าถือว่าคู่เจรจาเป็นศัตรู แต่ให้ถือว่าเป็นหุ้นส่วน
        ในการเจรจาต่อรอง อย่าใช้ วิธีการขู่เข็ญคุกคาม
        ใช้การประนีประนอม ผ่อนปรนกัน เป็นหลัก อย่าเอาใจ
        ผู้อื่นเป็นส่วนตัว จนลืม เป้าหมายของการเจรจา
        อย่าคิดว่าทุกคนคิดเหมือนที่เราคิด
  - - - รูปแบบวงกลม (Circle) เป็นการสื่อสารสิ่งที่ต้องการให้รู้กันทั่วไป
      - รูปแบบทุกช่องทาง (All Channel) สามารถติดต่อกันได้ทุกมิติ
      - รูปแบบวงล้อ (Wheel) เป็นการสื่อสารกระจายรอบทิศ
      - รูปแบบเส้นตรง (Chain) ในแนวดิ่ง (Vertical) แบบบนลงล่าง (Top down) ลักษณะการสั่งการ หรือจากล่างขึ้นบน (Bottom Up) เป็นการนําเสนอผู้มีอํานาจ หรือแนวระนาบ (Horizontal ) เป็นการแจ้ง ข้อมูลข่าวสารในระดับเดียวกัน
    - - ข้อมูลข่าวสารที่ดีสามารถนํามาใช้ประโยชน์ในการบริหารครั้งต่อไปได้
    - - 1.การสื่อสารทางเดียว คือผู้ส่งเป็นคนส่งข้อมูลทางเดียว ไม่มีปฏิกิริยาตอบกลับ
      - 2.การสื่อสารสองทาง คือการสื่อสารโดยผู้รับสามารถตอบกลับและแสดงความคิดเห็นได้
  - - - ความขัดแย้งภายในบุคคล
      - ความขัดแย้งระหว่างบุคคล
      - ความขัดแย้งระหว่างบุคคลและกลุ่ม
      - ความขัดแย้งระหว่างกลุ่มภายในองค์การเดียวกัน
      - ความขัดแย้งระหว่างองค์การ
    - - การกระตุ้นความขัดแย้งภายในแผนกงานหรือ องค์การที่ผลการปฏิบัติงานล้าหลังเพราะว่า
        ระดับของความขัดแย้งค่อนข้างจะต่ำ
      - การลดหรือการระงับ ความขัดแย้ง เมื่อระดับของ
        ความขัดแย้งสูงจนเกินไป
      - การยุติความขัดแย้ง
    - - การส่งเสริมการแข่งขัน การให้โบนัส ผลตอบแทนแบบจูงใจ และคํายกย่องผลการ ปฏิบัติงานท่ีดีเด่น
      - การเลือกผู้บริหารที่เหมาะสม
      - การใช้บุคคลภายนอก การนําบุคคลภายนอกเข้ามา ที่มีภูมิหลัง ค่านิยม และแบบของการบริหารแตกต่างเป็นอย่างมากจากบรรทัด ฐานที่เป็น
      - การจัดโครงสร้างขององค์การใหม่ การแบ่งทีมงานและแผนกงานใหม่
    - - อาจใช้อํานาจและการระงับ การประนีประนอม และ
        การแก้ปัญหาร่วมมือ
  - - - เป็นการจัดระเบียบการทำงานที่มีความเกี่ยวเนื่องกัน เพื่อให้บุคลากรร่วมมือกัน ทำงานด้วยความสามัคคี และงานต่างๆ ที่มีอยู่ไม่ซ้ำซ้อนกัน ขัดแย้งกันหรือเหลื่อมล้ำกัน เพื่อเป้าหมายให้งาน ออกมามีประสิทธิภาพสูงสุด
    - - การประสานภายในองค์กร เช่น ประสานตามสายบังคับบัญชา ตามหน้าที่รับผิดชอบตามลักษณะ งาน
        
        การประสานงานภายนอกองค์กร เช่น ประสานงานเพื่อตกลงทำงานวิชาการ ทำวิจัยร่วมกัน ระหว่างสถาบัน การส่งต่อผู้ป่วยระหว่างโรงพยาบาลเพื่อผู้ป่วยจะได้ดูแลอย่างต่อเนื่อง
    - - ความไม่สามารถร่วมมือกับผู้อื่นได้ ย่อมทำให้เกิดความล้มเหลวได้เพราะไม่เข้าใจธรรมชาติของ มนุษย์ ไม่รู้จักปรับตัว ในการเข้าสังคม
        
        วัฒนธรรมไทยไม่ชอบทำงานเป็นทีม ชอบทำงานคนเดียว เพราะไม่ชอบให้ใครมาขัดแย้งทาง ความคิด อารมณ์ ซึ่งควรที่จะเปลี่ยนแปลงอย่างยิ่ง
        
        การเคารพผู้อาวุโสกว่า ส่วนใหญ่ผู้น้อยฝันฟังเสียงจากผู้ว่า เรากว่ายา มีอำนาจต่อการบังคับบัญชาโดยตรงก็ได้ ดังนั้นควรรับฟังความคิดเห็นซึ่งกันและกันจะดีกว่ารับฟังคำสั่งสอน ชี้แนะด้านเดียว
        
        การปฏิบัติงานที่ไม่มีแผนงานล่วงหน้า และขาดการนิเทศงานที่ต่อเนื่อง 5. การมอบหมายงานที่ซ้ำซ้อนและก้าวก่ายหน้าที่กัน ดังนั้นจะต้องกำหนดหน้าที่ความรับผิดชอบให้ชัดเจน
    - - การทำงานต้องมีแผนงานที่ดี มีวัตถุประสงค์และเป้าหมายที่แน่นอน
        
        การเข้าใจที่ตรงกันและพร้อมที่จะช่วยเหลือกัน
        
        มีการติดต่อสื่อสารที่ดีตลอดจนการประชุมพบปะหารือกันอยู่เสมอ
        
        ผู้บริหารควรเห็นความสำคัญของการประสานงานและเป็นผู้มองการณ์ไกล