Please enable JavaScript.
Coggle requires JavaScript to display documents.
1ความรับผิดของนายจ้างในผลแห่งการละเมิดของลูกจ้างในทางการที่จ้าง, 1.1…
1ความรับผิดของนายจ้างในผลแห่งการละเมิดของลูกจ้างในทางการที่จ้าง
3.ความรับผิดของบิดามารดาหรือผู้อนุบาลในการกระทำละเมิดของผู้เยาว์หรือบุคคลวิกลจริตและความรับผิดของครูบาอาจารย์ นายจ้าง หรือบุคคลอื่นในการกระทำละเมิดของผู้ไร้ความสามารถ
3.1 ความรับผิดของบิดามารดาหรือผู้อนุบาลในการทำละเมิดของคนไร้ความสามารถ
มาตรา 429
บุคคลใดแม้ไร้ความสามารถเพราะเหตุเป็นผู้เยาว์หรือวิกลจริตก็ยังต้องรับผิดในผลที่ตนทำละเมิด บิดามารดาหรือผู้อนุบาลของบุคคลเช่นว่านี้ย่อมต้องรับผิดร่วมกับเขาด้วย เว้นแต่จะพิสูจน์ได้ว่าตนได้ใช้ความระมัดระวังตามสมควรแก่หน้าที่ดูแลซึ่งทำอยู่นั้น
ความรับผิดของบิดา มารดา และ ผู้ไร้ความสามารถรับผิด มาตรานี้ยืนยันว่าคนที่ไร้ความสามารถไม่ว่า จะเป็นผู้เยาว์หรือวิกลจริตก็ต้องรับผิดในผลละเมิดที่ตนได้ก่อให้เกิดขึ้น เรื่อง ความสามารถของผู้ไร้ความสามารถเพราะเป็นผู้เยาว์หรือวิกลจริตตามกฎหมาย มีเฉพาะเรื่องการทำนิติกรรม กล่าวคือ ผู้ไร้ความสามารถมีแต่ถูกจำกัดในการ ใช้สิทธิโดยลำพัง จึงอาจไม่ต้องรับผิดในการแสดงเจตนาทำนิติกรรม แต่ ในทางละเมิดเป็นการกระทำที่ไม่มีสิทธิ ผู้ไร้ความสามารถจึงต้องรับผิดในทาง ละเมิดเช่นเดียวกับบุคคลธรรมดา
ผู้ไร้ความสามารถเพราะเหตุเป็นผู้เยาว์ คือบุคคลที่ยังไม่บรรลุนิติภาวะ ไม่ว่าจะโดยอายุหรือโดยการสมรส ส่วนบุคคลวิกลจริตหมายรวมทั้งบุคคลที่ศาล สั่งให้เป็นคนไร้ความสามารถและที่มิได้สั่งให้เป็นคนไร้ความสามารถด้วย ส่วนบุคคลผู้เสมือนไร้ความสามารถและหญิงมีสามีต้องรับผิดในการทำละเมิด เช่นเดียวกับบุคคลทั่วไป ผู้พิทักษ์หรือสามีไม่ต้องมาร่วมรับผิดด้วย
ที่มาตรา ๔๒๙ ให้บิดามารดาหรือผู้อนุบาลร่วมรับผิดด้วยนี้ หมายถึง ว่าผู้เสียหายจะเลือกฟ้องบิดามารดาหรือผู้อนุบาลให้รับผิดโดยเฉพาะ โดยไม่ ต้องฟ้องผู้ไร้ความสามารถซึ่งเป็นผู้ทำละเมิดด้วย (ฎ.๙๓๔/๒๕๑๗) หรือจะ ฟ้องให้ร่วมรับผิดกับผู้ไร้ความสามารถด้วยก็ได้
บิดามารดารับผิด เหตุที่กฎหมายให้บิดามารดารับผิดเพราะบิดา มารดามีหน้าที่ควบคุมดูแลและให้การศึกษาแก่บุตรผู้เยาว์ตามมาตรา ๑๕๖๔
3.2 ความรับผิดของครูบาอาจารย์ นายจ้าง หรือบุคคลอื่นในการทำละเมิดของผู้ไร้ความสามารถ
มาตรา 430
"ครูบาอาจารย์ นายจ้าง หรือบุคคลอื่นซึ่งรับดูแลบุคคลผู้ไร้ความสามารถอยู่เป็นนิตย์ก็ดี ชั่วคราวก็ดี จำต้องรับผิด ร่วมกับผู้ไร้ความสามารถในการละเมิด ซึ่งเขาได้กระทำลงในระหว่างที่อยู่ในความดูแลของตน ถ้าหากพิสูจน์ได้ว่าบุคคลนั้นๆ มิได้ใช้ความระมัดระวังตามสมควร"
มาตรา 430 นี้แตกต่างจากมาตรา 429 ในเรื่องหน้าที่นำสืบหรือภาระการพิสูจน์ กล่าวคือ กรณีตามมาตรา 430 นั้นภาระการพิสูจน์ตกอยู่แก่ผู้เสียหาย
การดูแลตามมาตรา 430 มีอยู่ 3 ลักษณะ
รับดูแลโดยกฎหมายบังคับ เช่น ผู้ปกครองที่ศาลสั่งตั้ง สถานพินิจคุ้มครองเด็กที่รับเด็กต้องคดีมาดูแล ถือเป็นผู้รับดูแลโดยกฎหมายบังคับ
ดูแลโดยสัญญา เช่น สถานรับเลี้ยงเด็ก จ้างคนมาดูแลผู้เยาว์ หรือครูบาอาจารย์ก็ถือว่าดูแลโดยสัญญา
ดูแลโดยข้อเท็จจริง เช่น บิดานอกกฎหมายที่รับผู้เยาว์ไปดูแลในขณะเกิดเหตุ หรือปู่ย่าตายายลุงป้าน้าอาที่รับผู้เยาว์ไปดูแล หรือรับเด็กมาอุปการะเลี้ยงดู เป็นต้น
บุคคลผู้รับดูแลมีอยู่ 3 ประเภท
ได้แก่ ครูบาอาจารย์ นายจ้าง หรือผู้รับดูแล
ครูบาอาจารย์นั้นมีหน้าที่ดูแลนักเรียนผู้เยาว์ด้วย หากนักเรียนผู้เยาว์ไปทำละเมิดก่อให้เกิดความเสียหายกับผู้ใดในระหว่างอยู่ในความดูแลของครูบาอาจารย์และปรากฏว่าครูบาอาจารย์นั้นมิได้ใช้ความระมัดระวังตามสมควร ครูบาอาจารย์นั้นย่อมต้องร่วมรับผิดในผลแห่งละเมิดนั้นด้วย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 356/2511 เช้าวันเกิดเหตุ ครูได้เก็บเอาไม้กระบอกพลุที่เด็กนักเรียนเล่นมาทำลายและห้ามไม่ให้เล่นต่อไปตอนหยุดพักกลางวันนักเรียนคนหนึ่งได้เล่นกระบอกพลุที่นอกห้องเรียนไปโดนนัยน์ตานักเรียนอีกคนหนึ่งบอดพฤติการณ์เช่นนี้ครูได้ใช้ความระมัดระวังตามสมควรแล้วเหตุที่เกิดละเมิดเป็นการนอกเหนืออำนาจและวิสัยที่ครูจะดูแลให้ปลอดภัยได้ครูจึงไม่ต้องรับผิด
นายจ้าง หมายถึงนายจ้างที่มีลูกจ้างเป็นผู้เยาว์ ซึ่งนายจ้างมีหน้าที่ดูแลลูกจ้างผู้เยาว์ด้วย โดยที่ความรับผิดของนายจ้างตามมาตรา 430 นี้ ไม่จำเป็นต้องเป็นการกระทำละเมิดในทางการที่จ้างเหมือนดังมาตรา 425 แต่การกระทำละเมิดจะเกิดเวลาใดก็ได้ ตราบใดที่ลูกจ้างผู้เยาว์ยังอยู่ในความดูแลของนายจ้างหากไปทำละเมิดแล้วนายจ้างก็ต้องรับผิดชอบด้วย ส่วนถ้าหากลูกจ้างผู้เยาว์ยังอยู่ในความดูแลของนายจ้างแล้วการทำละเมิดเกิดขึ้นในทางการที่จ้าง กรณีนี้นายจ้างก็ต้องรับผิดทั้งตามมาตรา 425 และมาตรา 430
ผู้รับดูแล คือ ต้องมีความใกล้ชิดดูแลอบรมสั่งสอนผู้เยาว์ด้วย บิดานอกกฎหมายก็ถือเป็นผู้ดูแล ปู่ ย่า ตา ยาย ลุง ป้า น้า อา ถ้าได้ดูแลผู้เยาว์อยู่ก็ถือว่าเป็นผู้ดูแลเช่นกัน ดังนั้น หากผู้เยาว์ไปทำละเมิดก่อให้เกิดความเสียหายกับผู้ใดในระหว่างอยู่ในความดูแลของผู้รับดูแลและปรากฏว่าผู้รับดูแลนั้นมิได้ใช้ความระมัดระวังตามสมควร ผู้รับดูแลนั้นย่อมต้องร่วมรับผิดในผลแห่งละเมิดนั้นด้วย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3744/2537 จำเลยที่ 1 ซึ่งเป็นผู้เยาว์เป็นบุตรของจำเลยร่วมและเป็นน้องชายของจำเลยที่ 2 จำเลยร่วมต้องย้ายภูมิลำเนาไปประกอบอาชีพในที่ต่าง ๆ หลายแห่งบ่อย ๆ จึงได้ส่งจำเลยที่ 1 ไปอยู่กับจำเลยที่ 2 เพื่อให้เรียนหนังสือตั้งแต่จำเลยที่ 1 ยังมีอายุประมาณ10 ปี ตลอดมาเป็นเวลา 8-9 ปีแล้ว จำเลยร่วมส่งเสียให้เล่าเรียนโดยให้เบิกเงินจากจำเลยที่ 2 ทั้งหลังเกิดเหตุเมื่อมีการตกลงชดใช้ค่าเสียหายที่สถานีตำรวจก็ได้ระบุในข้อตกลงว่า จำเลยที่ 2เป็นผู้ปกครองของจำเลยที่ 1 ถือได้ว่าจำเลยที่ 1 ซึ่งเป็นผู้เยาว์อยู่ในความดูแลของจำเลยที่ 2 ดังนั้นเมื่อจำเลยที่ 1 ทำละเมิดต่อโจทก์โดยจำเลยที่ 2 ไม่ใช้ความระมัดระวังดูแลจำเลยที่ 1 ตามสมควรจึงต้องรับผิดร่วมกับจำเลยที่ 1 ด้วยตามที่บัญญัติไว้ในประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 430 โดยจำเลยที่ 2 หาจำต้องเป็นผู้ปกครองของจำเลยที่ 1 ตามกฎหมายไม่
ถ้าไม่ใช่ผู้รับดูแลก็ไม่ต้องร่วมรับผิดด้วย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1206/2535 จำเลยที่ 2 เป็นเพียงเจ้าของหอพักที่จำเลยที่ 1 ซึ่งเป็นผู้เยาว์เช่าอยู่ และเป็นผู้ใช้ให้จำเลยที่ 1 ขับรถยนต์คันเกิดเหตุไปเพื่อกิจธุระของตนเท่านั้นถือไม่ได้ว่าจำเลยที่ 2 เป็นบุคคลผู้รับดูแลจำเลยที่ 1 ไว้ และจะต้องร่วมรับผิดกับจำเลยที่ 1 ในการละเมิดตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 430 เพราะเจ้าของหอพักมีหน้าที่เพียงดำเนินกิจการหอพักและควบคุมการเข้าพักในหอพักเท่านั้น
แม้จะเป็นผู้รับดูแลผู้เยาว์ก็ตาม แต่ถ้าทางผู้เสียหายไม่สามารถพิสูจน์ได้ว่าบุคคลนั้นๆ มิได้ใช้ความระมัดระวังตามสมควรแล้ว บุคคลเหล่านั้นก็ไม่ต้องร่วมรับผิดด้วย
ซึ่งการรับดูแลนี้ไม่ว่าจะเป็นการชั่วคราวหรือเป็นประจำ ก็ถือว่ารับดูแล โดยไม่ต้องคำนึงว่าจะมีค่าจ้างหรือไม่
2.ความรับผิดของผู้ว่าจ้างทำของ
2.1 ความรับผิดของผู้ว่าจ้างทำของไม่เป็นความรับผิดในการกระทำของบุคคลอื่น
มาตรา 428
ผู้ว่าจ้างทำของไม่ต้องรับผิดเพื่อความเสียหายอันผู้รับจ้างได้ก่อให้เกิดขึ้นแก่บุคคลภายนอกในระหว่างทำการงานที่ว่าจ้าง เว้นแต่ผู้ว่าจ้างจะเป็นผู้ผิดในส่วนการงานที่สั่งให้ทำ หรือในคำสั่งที่ตนให้ไว้ หรือในการเลือกหาผู้รับจ้าง
กฎหมายได้บัญญัติถึงผู้ว่าจ้างเป็นผู้ผิด ว่าบุคคลที่รับผิดในการกระทำของบุคคลอื่นนั้นมิได้กระทำละเมิดด้วยตนเอง ถ้ากระทำละเมิดด้วยแล้ว ก็มิใช่เรื่ิงความรับผิดในการกระทำของบุคคลอื่นแต่เป็นความรับผิดของบุคคลในการกระทำของตนเอง
ตัวบทมาตรา 428 ใช้คำว่า "ความเสียหาย" หาได้ใช้คำว่า "กระทำละเมิด หรือ "ละเมิด" โดยความเสียหายที่เกิดขึ้นอาจมิได้เกิดจากการกระทำโดยจงใจหรือประมาทเลินเล่อก็ได้ ผู้รับจ้างไม่ต้องรับผิดทางละเมิด แต่ผู้ว่าจ้างก็ต้องรับผิดเพราะได้มีส่วนผิด
มีนักกฎหมายหลายคนที่เข้าใจไปว่า ความรับผิดของผู้ว่าจ้างทำของเป็นความรับผิดในการกระทำของบุคคลอื่น หรื่อกล่าวอีกนัยหนึ่งเป็นความรับผิดแทนกัน ซึ่งเป็นความเข้าใจผิด
ตามบทบัญญัติไว้ในมาตรา 428 นั้นแสดงว่าผู้รับจ้างก่อความเสียหายแก่บุคคลภายนอกจึงเป็นผู้กระทำด้วย แม้ความรับผิดของผู้ว่าจ้างทำของนั้นจะเป็นความผิดในฐานะที่ผู้ว่าจ้างเองเป็นผู้กระทำละเมิด มิใช่รับผิดร่วมกับผู้รับจ้าง แม้บางกรณีจะถือว่าผู้จ้างเองกระทำละเมิดโดยลำพังก็ตาม
2.2 หลักความรับผิดของผู้ว่าจ้างทำของ
ตามมาตรา 428 จะเห็นว่าโดยหลักผู้จ้างทำของไม่ต้องรับผิดในความเสียหายที่ผู้รับจ้างก่อขึ้นแก่บุคคลภายนอกในระหว่างทำการงานที่ว่าจ้องอันเป็นไปตามหลักทั่วไปดังกล่าว เพราะเป็นผลมาจากากรกระทำของผู้รับจ้าง
เว้นแต่ผู้ว่าจ้างจะได้ทำความผิดทางละเมิดขึ้นเองในการว่จ้าง ผู้ว่าจ้างจึงต้องรับผิดในผลที่เกิดขึ้น แม้ว่าจะเป็นการกระทำของผู้รับจ้างก็ตาม
ความผิดของผู้ว่าจ้างตามที่กฎหมายกำหนดไว้มี 3 กรณี
1ความผิดในส่วนงานที่สั่งให้ทำ
2ความผิดในคำสั่งที่ตนให้ไว้
3ตวามผิดในการหาผู้รับจ้าง
จ้างคนที่ตนไม่รู้ว่าไม่ใช่ผู้ที่มีความสามารถหรือระมัดระวังอันควรค่าแก่สภาพการทำของการงานที่จ้าง
แม้การงานที่สั่งให้ทำจะไม่เป็นละเมิดในตัวเอง แต่อาจสั่งให้ผู้รับจ้างทำโดยวิธีการอย่างใดอย่างหนึ่งอันเป็นผลทำให้ผู้อื่นเสียหายก็ได้
คำสั่งที่ว่านี้ไม่เหมือนคำสั่งเมื่อกล่าวถึงในส่วนการงานที่สั่งให้ทำตอนก่อนเป็นเพียงคำแนะนำเท่านั้น
เป็นเรื่องที่สั่งให้สัญญาจ้างที่มีต่อกัน
เช่น จ้างให้ทำถนนเข้าไปในที่ดินของผู้อื่นเพื่อผ่านไปถึงที่ของตนอันเป็นการละเมิด
นายภูริภัทร โสมทอง 64012310344 กลุ่ม2 เลขที่122
1.1 ความรับผิดของนายจ้าง
1.2 ลูกจ้างทำละเมิดในทางการที่จ้าง
การกระทำละเมิดนั้นต้องเกิดในทางการที่นายจ้าง นายจ้างต้องรับผิดร่วมด้วย
ตัวอย่าง
ข.เป็นลูกจ้าง ก. มีหน้าที่ถางหญ้าในส่วนรวมถึงตัดกิ่งที่รกรุงรังเข้าไปในมางสาธารณะ ข.ตัดกิ่งไม้ตกโดน ค. ที่เดินอยู่ทำให้ได้รับบาทเจ็บ ก.ต้องร่วมรับผิดด้วย
กรณีที่นายจ้างมีคำสั่งห้าม
การกระทำการอันเป็นละเมิดไว้โดยชัดแจ้งย่อมไม่เป็นข้อต่สู้ของนายจ้าง หากการกระทำนั้นเป็นเพียงสิ่งที่ลูกจ้างได้รับจ้างให้กระทำ
1.3 สิทธิไล่เบี้ย
มาตรา 426
นายจ้างซึ่งได้ใช้ค่าสินไหมทดแทนให้แก่บุคคลภายนอกเพื่อละเมิดอันลูกจ้างได้ทำนั้น ชอบที่จะได้ชดใช้จากลูกจ้างนั้น
สืทธิไล่เบี้ยของนายจ้างต่อลูกจ้างนั้นเกิดขึ้นเมื่อนายจ้างได้ชดใช้ค่าสินไหมทดแทนให้ผู้เสียหายแล้ว
สิทธิในการเรียกร้องให้รับผิดในการชำระหนี้ขึ้นไปเป็นลำดับ กล่าวคือ ผู้ทรงอาจใช้สิทธิบังคับการใช้เงินจากลูกหนี้ต่างๆเมื่อตนไม่สามารถเรียกให้ผู้มีหน้าที่จ่ายเงินชำระตามตั๋วแลกเงินได้
1.4 ตัวการรับผิดในการกระทำละเมิดของตัวแทน
มาตรา 797
อันว่าสัญญาตัวแทนนั้น คือสัญญาซึ่งให้บุคคลคนหนึ่งเรียกว่าตัวแทน มีอำนาจทำการแทนบุคคลอีกคนหนึ่ง เรียกว่าตัวการ และตกลงจะทำการดั่งนั้น
สัญญาตัวแทนอาจเป็นสัญญาต่างตอบแทนหรือไม่ก็ได้เพราะเป็นการที่ตัวการมอบอำนาจให้ตัวแทนแสดงเจตนาบางอย่างต่อบุคคลภายนอกโดยจะมีบำเหน็จหรือไม่ก็ได้และการกระทำของตัวแทนต่อบุคคลภายนอก ดังกล่าวจะผูกพันตัวการ
ฎ. 1049/2505
มารดาเป็นเจ้าของรถยนต์โดยสาร ได้มอบหมายให้บุตร (อายุ27 ปี) เป็นตัวแทนในการรับขนส่งผู้โดยสาร เก็บผลประโยชน์ให้แก่มารดา แม้มารดาจะมิใช่นายจ้างของบุตรแต่เมื่อบุตรขับรถโดยประมาททำให้รถคว่ำและผู้โดยสารบาดเจ็บ ก็เป็นการทำละเมิดในการเป็นตัวแทนของมารดา มารดาจึงต้องรับผิดร่วมด้วยตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 427
ความรับผิดของตัวการ
ต้องเป็นเหตุที่เกิดขึ้นในขอบเขตุแห่งการปฏิบัติตามหน้าที่เพื่อตัวการหรือในฐานที่ตัวแทนได้ทำการเป็นตัวแทน
เป็นตัวแทนในการซื้อรถยนต์ ก็ย่อมมีอำนาจทำการใดที่จะให้ได้รถยนต์นั้นมาเป็นของตัวกาน เช่น จ้างคนขับรถมาส่งให้แก่ตัวการ เป็นต้น แต่ไม่มีอำนาจที่จะเอารถนั้นไปขายได้อีกต่อไป
หากตัวแทนรับมอบอำนาจทั่วไป ย่อมทำกิจใดๆในการจัดการแทนตัวการก็ย่อมได้นอจากจะเข้่าข้อยกเว้นตามมาตรา 801
มาตรา 801
ถ้าตัวแทนได้รับมอบอำนาจทั่วไป ท่านว่าจะทำกิจใด ๆ ในทางจัดการแทนตัวการก็ย่อมทำได้ทุกอย่าง
แต่การเช่นอย่างจะกล่าวต่อไปนี้ ท่านว่าหาอาจจะทำได้ไม่ คือ
(1) ขายหรือจำนองอสังหาริมทรัพย์
(2) ให้เช่าอสังหาริมทรัพย์กว่าสามปีขึ้นไป
(3) ให้
(4) ประนีประนอมยอมความ
(5) ยื่นฟ้องต่อศาล
(6) มอบข้อพิพาทให้อนุญาโตตุลาการพิจารณา
การละเมิดโดยจงใจ
เป็นเรื่องที่ผู้กระทำเล็งเห็นได้ว่า การกระทำของตนถ้าทำลงไปแล้วจะทำให้ผู้อื่นได้รับความเสียหาย
การกระทำโดยจงใจบางทีก็แยกได้โดยชัดแจ้งไม่ดกี่ยวกับการปฏิบัติงานเพื่อนายจ้าง แต่เป็นเรื่องที่ลูกจ้างกระทำไปเพื่อประโยชน์หรือความเจ็บแค้นส่วนตัวบางทีก็ยกที่จะชี้ให้เห็นว่าเป็นการกระทำโดยส่วนตัวหรือเพื่อนายจ้าง
การที่นายจ้างจะต้องรับผิดของนายจ้าง
ลูกจ้างได้กระทำเพื่อผลประโยชน์ของนายจ้าง
หากลูกจ้างกระทำเพื่อประโยชน์ของตนเอง นายจ้างไม่ต้องรับผิด
การรับผิดของนายจ้างจะต้องรับผิดต้องเป็นการณีที่ลูกจ้างได้กระทำการละเมิดเข้าองค์ประกอบตามมาตรา420
การที่นายจ้างต้องรับผิดโดยจงใจของลูกจ้างนั้นจะต้องอยู่ภายใต้เงื่อนไขที่ว่าทำไปโดยความตั้งใจของนายจ้าง
หากลูกจ้างละเมิดเพื่อประโยชน์แก่ตัวเองนายจ้างไม่ต้องรับผิด
ความหมายของนายจ้างลูกจ้าง
มาตรา 425
นายจ้างต้องร่วมกันรับผิดกับลูกจ้างในผลแห่งละเมิด ซึ่งลูกจ้างได้กระทำไปในทางการที่จ้างนั้น
นายจ้าง ลูกจ้าง หมายถึงบุคคล2ฝ่ายที่มีความสัมพันธ์กัน
ตาม ปพพ.มาตรา 575
อันว่าจ้างแรงงานนั้น คือสัญญาซึ่งบุคคลคนหนึ่ง เรียกว่าลูกจ้าง ตกลงจะทำงานให้แก่บุคคลอีกคนหนึ่ง เรียกว่านายจ้าง และนายจ้างตกลงจะให้สินจ้างตลอดเวลาที่ทำงานให้
คำว่า นายจ้าง ลูกจ้างที่บัญญัติไว้ในมาตรา 425 575 จึงหมายถึงสัญญาจ้างแรงงาน มิใช่สัญญาจ้างทำของดังบัญญัติไว้ตาม
มาตรา 587
อันว่าจ้างทำของนั้น คือสัญญาซึ่งบุคคลคนหนึ่ง เรียกว่าผู้รับจ้าง ตกลงจะทำการงานสิ่งใดสิ่งหนึ่งจนสำเร็จให้แก่บุคคลอีกคนหนึ่ง เรียกว่าผู้ว่าจ้าง และผู้ว่าจ้างตกลงจะให้สินจ้างเพื่อผลสำเร็จแห่งการที่ทำนั้น
ในการทำสัญญาจ้างแรงงานแม้ในทางปฎิบัติจะใช้ถ้อยคำเรียกชื่อสัญญากันว่าอย่างไรก็ไม่สำคัญ ถ้าเข้าลักษณะนายจ้างลูกจ้างกันแล้วย่อมถือว่าเป็นนายจ้างลูกจ้างตามมาตรา 575
ตามมาตรา 575 สัญญาจ้างต้องมีสินจ้างตลอดเวลา
แต่หากไม่รู้เชื่อโดยสุจริตตามผู้ที่รับจ้างอวดอ้างว่าตนมีความชำนาญเป็นอย่างดีก็ไม่ใช่ความผิดในการเลือก