Please enable JavaScript.
Coggle requires JavaScript to display documents.
ความรับผิดกระทำละเมิดในการกระทำของผู้อื่น - Coggle Diagram
ความรับผิดกระทำละเมิดในการกระทำของผู้อื่น
ความรับผิดของนายจ้างในผลแห่งการละเมิดของลูกจ้างในทางการที่จ้าง
ความรับผิดของนายจ้าง
“นายจ้าง” “ลูกจ้าง” นั้น หมายถึงบุคคลสองฝ่ายมีความสัมพันธ์กันตามลักษณะเอกเทศสัญญาจ้างแรงงานตามที่บัญญัติไว้ใน ปพพ. ลักษณะ 6 ตั้งแต่มาตรา 575 ถึงมาตรา 586
คำว่านายจ้างลูกจ้าง ตามที่บัญญัติไว้ในมาตรา 425 จึงหมายถึงสัญญาจ้างแรงงานตามมาตรา 575 มิใช่สัญญาจ้างทำของดังบัญญัติไว้ในมาตรา 587 เราพึงเข้าใจว่าแม้ตัวบทจะใช้ความว่า “บุคคลหนึ่งเรียกว่าลูกจ้างบุคคลอีกคนหนึ่งเรียกว่านายจ้าง” แต่ก็เป็นการเรียกการตามกฎหมายในทางปฏิบัติจะใช้ถ้อยคำเรียกชื่อสัญญาการว่าอย่างไรไม่สำคัญ ถ้าเข้าลักษณะสัญญาจ้างแรงงานแล้วก็ย่อมเป็นสัญญาจ้างแรงงาน แม้จะเรียกกันอย่างไรแต่ถ้าเข้าลักษณะสัญญาเป็นนายจ้างลูกจ้างกันแล้วก็ย่อมถือว่าเป็นนายจ้างลูกจ้างตามมาตรา 575
นายจ้างมีอำนาจสั่งให้ลูกจ้างทำงานตามวิถีที่ตนต้องการอีกด้วยและลูกจ้างต้องปฏิบัติตามคำสั่งของนายจ้างเสมอแต่ต้องเป็นคำสั่งที่เกี่ยวกับการงานที่จ้าง
ลูกจ้างทำละเมิดในทางการที่จ้าง
การกระทำละเมิด การกระทำละเมิดนั้น ถ้าได้เกิดในทางการที่นายจ้าง นายจ้างจึงจะต้องรับผิดร่วมด้วย ไม่ว่าลักษณะละเมิดนั้นจะเป็นอย่างไร แม้การละเมิดนั้นจะก่อขึ้นโดยจงใจหรือประมาทเลินเลอ และไม่ว่าการละเมิดนั้นจะก่อขึ้นแก่ผู้ใด ถ้าหากมิใช่เป็นการกระทำในทางการที่จ้างแล้วก็ไม่ต้องร่วมรับผิด และนายจ้างจะต้องรับผิดร่วมด้วยต่อเมื่อมีบทบัญญัติไว้โดยแจ้งชัดเจนเป็นพิเศษ เช่น ตามมาตรา 430
สิทธิไล่เบี้ย
มาตรา 426 บัญญัติว่านายจ้างซึ่งได้ใช้ค่าสินไหมทดแทนให้แก่บุคคลภายนอกเพื่อละเมิดอันลูกจ้างได้ทำนั้น ชอบที่จะได้ชดใช้จากลูกจ้างนั้น
การละเมิดนั้นเป็นการกระทำของลูกจ้างต่อบุคคลภายนอกโดยลำพัง ที่นายจ้างต้องรับผิดร่วมด้วยกับลูกจ้างก็เป็นความรับผิดต่อผู้เสียหาย แต่ในระหว่างนายจ้างลูกจ้างแล้ว นายจ้างไม่ต้องรับผิดร่วมกับลูกจ้างในผลที่ลูกจ้างทำละเมิดนั้นด้วย เมื่อนายจ้างใช้ค่าสินใหม่ทดแทนให้ผู้เสียหายไปแล้วจึงชอบที่จะช่วงสิทธิของผู้เสียหายไล่เบี้ยเรียกให้ลูกจ้างชดใช้ให้แก่ตนได้
( มาตรา 229 (3) และมาตรา 426 ) ในระหว่างในระหว่างนายจ้างลูกจ้างซึ่งเป็นลูกหนี้ร่วมกันกับผู้เสียหายนั้นนายจ้างลูกจ้างยังต้องรับผิดต่อผู้เสียหายในฐานะลูกหนี้ร่วมกันจนกว่านี่นั้นจะได้ชำระสิ้นเชิง (มาตรา 291)
ตัวการรับผิดในการกระทำละเมิดของตัวแทน
ปพพ. มาตรา 797 บัญญัติว่าอันว่าสัญญาตัวแทนนั้นคือสัญญาซึ่งให้บุคคลหนึ่งเรียกว่าตัวแทนมีอำนาจทำการแทนบุคคลอีกคนหนึ่งเรียกว่าตัวการและตกลงจะกระทำการดังนั้น
ตัวแทนมิใช่ลูกจ้างจึงไม่อยู่ในบังคับแห่งสิทธิของตัวการที่จะควบคุมดูแลเกี่ยวกับความประพฤติทางปฏิบัติของตัวแทนโดยปกติตัวแทนจึงย่อมมีความรับผิดแต่เพียงผู้เดียวตัวการไม่ต้องรับผิดในผลแห่งการละเมิดที่ตัวแทนอาจก่อขึ้น
ตัวแทนเป็นสัญญาอย่างหนึ่งและเป็นเอกเทศสัญญาเช่นเดียวกับจ้างแรงงานอันเป็นความสัมพันธ์กันระหว่างนายจ้างลูกจ้างจึงต้องพิเคราะห์ดูก่อนว่ากรณีใดที่บุคคลเป็นตัวการตัวแทนระหว่างกันเพิ่งสังเกตว่าถ้ามิใช่เป็นการตั้งตัวแทน
ความรับผิดของผู้ว่าจ้างทำของ
ความรัความรับผิดของผู้ว่าจ้างทำของไม่เป็นความรับผิดในการกระทำของผู้อื่น
ความรับผิดของผู้ว่าจ้างทำของไม่เป็นความรับผิดในการกระทำของบุคคลอื่นดังบทบัญญัติมาตรา 428 คือ
กฎหมายได้บัญญัติถึงผู้ว่าจ้างเป็นผู้ผิดบุคคลที่รับผิดในการกระทำของบุคคลอื่นนั้นมิได้กระทำละเมิดด้วยตนเองถ้าได้กระทำละเมิดด้วยแล้วก็มิใช่ความรับผิดในการกระทำของคนอื่นแต่เป็นความรับผิดของบุคคลในการกระทำของตนเอง
ตัวบทมาตรา 428 ใช้คำว่า “ความเสียหาย” หาได้ใช้คำว่า “การกระทำละเมิด” หรือ “ละเมิด” อย่างที่บัญญัติไว้ในมาตรา 425,429 และ 430 ไม่ โดยที่ความเสียหายที่เกิดขึ้นอาจมิได้เกิดจากการกระทำโดยจงใจหรือประมาทเลินเล่อของผู้รับจ้างก็ได้ ผู้รับจ้างจึงไม่ต้องรับผิดทางละเมิดแต่ผู้ว่าจ้างก็ยังต้องรับผิดเพราะได้มีส่วนผิด
โดยเหตุโดยเหตุที่ความรับผิดของผู้ว่าจ้างทำของมิใช่ความรับผิดในการกระทำของบุคคลอื่นในเมื่อผู้ว่าจ้างได้ชดใช้ค่าสินใหม่ทดแทนให้แก่บุคคลภายนอกผู้ได้รับความเสียหายไปแล้วจึงไม่มีบทบัญญัติให้ผู้ว่าจ้างได้เบียร์เรียกให้ชดใช้เอาจากผู้รับจ้าง
หลักความรับผิดของผู้ว่าจ้างทำของ
ความรับผิดของผู้ว่าจ้างทำของมิใช่ความรับผิดในการกระทำของบุคคลอื่นทั้งนี้ก็เพราะว่าผู้ว่าจ้างไม่มีสิทธิ์ทิควบคุมวิธีการทำงานจึงถือว่าเป็นงานของผู้รับเหมาเองผู้ว่าจ้างไม่มีสิทธิ์ที่จะออกคำสั่งบังคับบัญชาผู้รับจ้างทางนายจ้างกับลูกจ้างในสัญญาจ้างแรงงาน
มาตรา 428 บัญญัติว่าผู้ว่าจ้างทำของไม่ต้องรับผิดเพื่อความเสียหายอันผู้รับจ้างได้ก่อให้เกิดขึ้นแก่บุคคลภายนอกในระหว่างทำการงานที่ว่าจ้างเว้นแต่ผู้ว่าจ้างจะเป็นผู้ผิดในส่วนการทำงานที่สั่งให้ทำหรือในคำสั่งที่ตนให้ไว้หรือในการเลือกหาผู้รับจ้าง
ความรับผิดของมารดาบิดาหรือผู้อนุบาลในการกระทำละเมิดของผู้เยาว์หรือบุคคลวิกลจริตและความรับผิดของครูบาอาจารย์ นายจ้าง หรือบุคคลอื่นในการกระทำละเมิดของผู้ไร้ความสามารถ
ความรับผิดของบิดามารดาหรือผู้อนุบาลในการกระทำละเมิดของคนไร้ความสามารถ
ความรับผิดของบิดามารดาหรือผู้อนุบาลถ้าหากจะมีนั้นจะเป็นความรับผิดตามมาตรา 420
ที่ว่ามานี้หมายความว่า ผู้เยาว์หรือบุคคลวิกลจริตจะต้องมีความรับผิดฐานละเมิดได้ก็ย่อมเป็นไปตามหลักเกณฑ์ตามที่บัญญัติไว้ในมาตรา 420 กล่าวคือ จะต้องมีการกระทำโดยจงใจหรือประมาทเลินเล่อที่จะถือว่าเป็นการกระทำจะต้องมีความเคลื่อนไหวในอิริยาบถโดยรู้สำนึกในความเคลื่อนไหว นั้นและที่จะถือว่าเป็นการจงใจ จะต้องรู้สำนึกถึงผลเสียหายที่จะเกิดขึ้นจากการกระทำของตนเอง
ความรับผิดของบิดามารดาหรือผู้อนุบาลสามารถตรา 429 เป็นความรับผิดเนื่องจากความบกพร่องในหน้าที่ดูแลผู้ไร้ความสามารถและเหตุละเมิดที่เกิดขึ้นนั้นต้องเกิดขึ้นในขณะที่ผู้ไร้ความสามารถอยู่ในระหว่างการดูแลของบิดามารดาหรือผู้อนุบาล จึงจะทำให้บุคคลเหล่านี้ต้องรับผิด ถ้าหากมิใช่เหตุละเมิดเกิดขึ้นในระหว่างที่อยู่ในความดูแล ก็ไม่ต้องรับผิด
ความรับผิดของบิดามารดาหรือผู้อนุบาลตามมาตรา 429 นี้เป็นความลับผิดที่ผู้ไร้ความสามารถไปทกความเสียหายอันเป็นการละเมิดต่อบุคคลภายนอกตามหลักเกณฑ์ที่บัญญัติไว้ตามมาตรา 420 ถ้าหากไม่เป็นการละเมิดผู้ไร้ความสามารถก็ไม่ต้องรับผิดบิดามารดาหรือผู้อนุบาลก็ไม่ต้องรับผิดร่วมด้วยตามมาตรา 429 แต่บิดามารดาหรือผู้อนุบาลที่มีหน้าที่ดูแลอาจต้องรับผิดฐานละเมิดเป็นส่วนตัวโดยการกระทำผิดตามมาตรา 420
ความรับผิดของ ครูบาอาจารย์ นายจ้าง หรือบุคคลอื่นในการกระทำละเมิดของผู้ไร้ความสามารถ
มาตราสี่มาตรา 430 บัญญัติว่า “ครูบาอาจารย์ นายจ้าง หรือบุคคลอื่นซึ่งรับดูแลบุคคลผู้ไร้ความสามารถอยู่เป็นนิจก็ดี ชั่วครั้งชั่วคราวก็ดี จำต้องรับผิดร่วมกับผู้ไร้ความสามารถในการละเมิดซึ่งเขาได้กระทำลงในระหว่างที่อยู่ในความดูแลของตน ถ้าหากพิสูจน์ได้ว่าบุคคลนั้นๆมิได้ใช้ความระมัดระวังตามสมควร
มาตรานี้กำหนดความรับผิดของผู้มีหน้าที่ดูแลผู้ไร้ความสามารถในผลแห่งการละเมิดที่ผู้ไร้ความสามารถได้ทำขึ้นเช่นเดียวกับมาตรา 429 คำอธิบายเกี่ยวกับมาตรา 429 ย่อมนำมาใช้ได้โดยอนุโลม แต่ต่างกันที่ตัวผู้มีหน้าที่ดูแล เพราะบุคคลที่เข้ารับหน้าที่ดูแลตามมาตรานี้ได้เกิดขึ้นโดยข้อเท็จจริง และต่างกันในหน้าที่นำสืบเกี่ยวกับการที่มีได้ใช้ความระมัดระวังตามสมควร
ต้องเป็นการละเมิดที่บุคคลไร้ความสามารถได้กระทำลงในระหว่างที่อยู่ในความดูแลของครูบาอาจารย์หรือบุคคลอื่นนั้นด้วยนางได้กล่าวมาเกี่ยวกับมาตรา 429
ความระมัดระวังตามสมควรแก่หน้าที่ที่ดูแล
ความรับผิดตามมาตรา 430 ต่างกับความรับผิดตามมาตรา 429
มาตรา 429 บัญญัติ ให้บิดามารดาหรือผู้อนุบาลมีหน้าที่นำสืบว่าตนได้ใช้ความระมัดระวังตามสมควรจึงจะพ้นความรับผิด
แต่ตามมาตรา 430 เป็นหน้าที่ของผู้เสียหายนำสืบให้ได้ความว่าผู้มีหน้าที่ดูแลได้ใช้ความระมัดระวังตามสมควรแก่หน้าที่ที่ต้องดูแลถ้าไม่นำสืบหรือนำสืบให้ฟังไม่ได้บุคคลที่รับดูแลบุคคลผู้ไร้ความสามารถก็ไม่ต้องรับผิด
สิทธิไร่เบี้ยของครูบาอาจารย์หรือบุคคลอื่นซึ่งรับดูแลบุคคลผู้ไร้ความสามารถ
เมื่อครูบาอาจารย์หรือบุคคลซึ่งรับดูแลบุคคลผู้ไร้ความสามารถได้ใช้ค่าสินไหมทดแทนให้แก่บุคคลภายนอกไปแล้วก็ชอบที่จะได้ชดใช้จากบุคคลผู้ไร้ความสามารถและไล่เบี้ยเอาได้จนครบจำนวนที่ได้ชดใช้ (มาตรา 431 และมาตรา 426 ) เช่นเดียวกับกรณีตามมาตรา 429