Please enable JavaScript.
Coggle requires JavaScript to display documents.
ความรับผิดในการกระทำของบุคคลอื่น, นางสาวปิยะพร โสภากุ 64012310309 -…
ความรับผิดในการกระทำของบุคคลอื่น
ความรับผิดของนายจ้างในผลแห่งละเมิดของลูกจ้างในทางการที่จ้าง
ความรับผิดของนายจ้าง
มาตรา 425 บัญญัติว่า “นายจ้างต้องร่วมกันรับผิดกับลูกจ้างในผลแห่งละเมิด ซึ่งลูกจ้างได้ กระทำไปในทางการที่จ้างนั้น” ที่ว่า “นายจ้าง” “ลูกจ้าง” นั้น หมายถึงบุคคล 2 ฝ่ายมีความสัมพันธ์กัน ตามลักษณะเอกเทศสัญญาจ้างแรงงานตามที่บัญญัติไว้ใน ปพพ. ลักษณะ 6 ตั้งแต่มาตรา 575 ถึงมาควร 586มีความว่า "อันว่าจ้างแรงงานนั้น คือ สัญญาซึ่งบุคคลคนหนึ่ง เรียกว่าลูกจ้าง ตกลงจะทำงานให้แก่บุคคลอีกคนหนึ่งเรียกว่านายจ้างนายจ้างตกลงจะให้สินจ้างตลอดเวลาที่ทำงานให้” ฉะนั้นเราพึงเข้าใจว่าแม้ตัวบทจะใช้ความว่า “บุคคลคนหนึ่ง เรียกว่าลูกจ้าง บุคคลอีกคนหนึ่ง เรียกว่า นายจ้าง”ในการทำสัญญาจ้างแรงงานนั้น
ถ้าหากไม่เรียกกันว่าสัญญาจ้างแรงงานหรือลูกจ้างนายจ้างก็ไม่ถือว่าเป็น สัญญาจ้างแรงงานซึ่งหาถูกต้องไม่แต่ถ้าเข้าลักษณะเป็นนายจ้างลูกจ้างกันแล้วก็ย่อมถือว่าเป็นนายจ้างลูกจ้าง คามมาตรา 575 อยู่นั่นเอง ในสัญญาจ้างแรงงาน ความเกี่ยวพันของนายจ้างและลูกจ้างมีอยู่ระหว่างบุคคล ซึ่งบุคคลหนึ่ง มีคำสั่งและควบคุมงานซึ่งทำโดยบุคคลอีกคนหนึ่ง นายจ้างมีอำนาจสั่งให้ลูกจ้างทำงานตามวิธีที่คนต้องการ อีกด้วย และลูกจ้างต้องปฏิบัติตามคำสั่งของนายจ้างเสมอ แต่ต้องเป็นค่าสั่งที่เกี่ยวกับการงานที่จ้างตลอดเวลาที่ทำงานให้ ถ้าตามพฤติการณ์ไม่อาจคาดหมายได้ว่างานนั้นจะพึงทำให้เปล่าย่อมถือเอาโดยปริยายว่ามีคำมั่นจะให้ สินจ้างวินิจฉัยว่า อำนาจบังคับบัญชาและสินจ้างเป็นหลักสำคัญถ้าหากไม่มีสินจ้างก็ย่อมไม่เป็นนายจ้าง ลูกจ้างกันในสัญญาจ้างแรงงาน แต่สินจ้างนั้นไม่จำเป็นต้องเป็นเงินเสมอไป อาจเป็นวัตถุหรือสิ่งอื่นก็ได้
การที่นายจ้างจะต้องรับผิดจะต้องเป็นกรณีที่ลูกจ้างได้กระทำละเมิดเข้าองค์ประกอบตามมาตรา 420 ไม่ว่าจะเป็นการกระทำละเมิดโดยจงใจหรือประมาทเลินเล่อก็ตาม และหากลูกจ้างมิได้ทำละเมิดก็ไม่มี ประเด็นให้ต้องพิจารณา
Ex. การที่ลูกจ้างมิได้ขับรถยนต์ทับขาผู้เสียหายโดยประมาทเลินเล่อ การกระทำของลูกจ้างจึงไม่เป็นละเมิด นายจ้างจึงไม่ต้องรับผิดร่วมด้วย
ลูกจ้างทำละเมิดในทางการที่จ้าง
เป็นการกระทำโดยจงใจหรือประมาทเลินเล่อ เมื่อได้ศึกษาถึงลักษณะของนายจ้างลูกจ้างกัน เมื่อลูกจ้างทำละเมิดขึ้น นายจ้างยังหาต้องรับผิดในการทำละเมิดของลูกจ้าง แม้การละเมิดนั้นจะก่อขึ้นโดยจงใจหรือประมาท และไม่ว่าการละเมิดนั้นจะก่อขึ้นแก่ผู้ใด ถ้าหากมิใช่เป็นการกระทำในทางการที่จ้างแล้วก็ไม่ต้องร่วมรับผิด และนายจ้างจะต้องรับผิดร่วมด้วย ต่อเมื่อมีบทบัญญัติไว้โดยแจ้งชัดเป็นพิเศษ
กรณีที่นายจ้างมีคำสั่งห้าม การที่นายจ้างมีคำสั่งห้ามการกระทำกันเป็นการละเมิดไว้โดยชัดแจ้ง ย่อมไม่เป็นข้อต่อสู้ของนายจ้าง ถ้าหากการกระทำนั้นเป็นแต่เพียงวิธีการปฏิบัติสิ่งที่ลูกจ้างได้รับจ้างให้
Ex. การที่ลูกจ้างจำเลยเห็นคนทิ้งก้นบุหรี่ แล้วยังสูบน้ำมันเบนซินต่อไปจนเกิดเพลิงไหม้ จําเลยที่ 1 รถของโจทก์เสียหาย เป็นการกระทำของลูกจ้างจำเลยโดยประมาทเลินเล่อในทางการที่จ้าง
การละเมิดโดยจงใจ
ตามมาตรา 420 ซึ่งเป็นหลักทั่วไปว่าด้วยการละเมิด เป็นที่เห็นได้ว่าการกระทำโดยประมาทเลินเล่อนั้น แตกต่างกับการกระทำละเมิดโดยจงใจเพราะการกระทำโดยประมาทเลินเล่อมีระดับทางจิตใจอ่อนกว่าการกระทำโดยจงใจ การกระทำโดยประมาทเลินเล่อเป็นการแสดงความไม่รอบคอบ ขาดความระมัดระวัง ซึ่งปกติจะพึงมีของผู้กระทำเท่านั้น แต่การกระทำโดยจงใจเป็นเรื่องที่ผู้กระทำเล็งเห็นได้ว่า การกระทำของตน ถ้าทำลงไปแล้วจะทำให้ผู้อื่นได้รับความเสียหาย แต่การที่จะให้นายจ้างต้องรับผิดอันเนื่องมาจากการกระทำละเมิดโดยจงใจของลูกจ้างนั้นจะต้อง ลูกจ้างได้กระทำไปโดยมีเจตนาปฏิบัติเพื่อประโยชน์ของนายจ้าง ถ้าหากลูกจ้างได้ กระทำไปเพื่อประโยชน์ของตนเอง และไม่ใช่เป็นการกระทำแทนนายจ้าง หรือในการกระทำละเมิดโดยจงใจนั้น เน้นการกระทำเพื่อความมุ่งหมายส่วนตัว หรือโดยมีเจตนาร้าย นายจ้างก็ไม่ต้องรับผิด
Ex. การที่นายจ้างมอบอาวุธปืนให้ลูกจ้างไปใช้ในการอยู่ยามเพื่อรักษาทรัพย์สินของ นายจ้าง และลูกจ้างใช้ปืนนั้นลอบไปยิงผู้เสียหายในขณะที่ลูกจ้างปฏิบัติหน้าที่ยามเพื่อรักษาทรัพย์สินของ นายจ้างซึ่งอยู่ในเหมือง ถือว่าเป็นการกระทำในทางการที่จ้าง
สิทธิไล่เบี้ย
มาตรา 120 บัญญัติว่า “นายจ้างซึ่งได้ใช้ค่าสินไหมทดแทนให้แก่บุคคลภายนอกเพื่อละเมิดอันลูกจ้างได้ทำนั้น ชอบที่จะได้ชดใช้จากลูกจ้างนั้น”โดยเหตุที่การละเมิดนั้นเป็นการกระทำของลูกจ้างต่อบุคคลภายนอกเองโดยลำพังแต่ในระหว่างนายจ้างลูกจ้างแล้ว นายจ้างไม่ต้อง รับผิดร่วมกับลูกจ้างในผลที่ลูกจ้างทำละเมิดนั้นด้วย
เมื่อนายจ้างใช้ค่าสินไหมทดแทนให้ผู้เสียหายไปแล้ว จึงชอบที่จะช่วงสิทธิของผู้เสียหายไล่เบี้ยเรียกให้ลูกจ้างชดใช้ให้แก่ตนได้พึงสังเกตว่าในระหว่างนายจ้างลูกจ้างซึ่งเป็นลูกหนี้ร่วมกันกับผู้เสียหายนั้น นายจ้างลูกจ้างยังคงต้องรับผิด ต่อผู้เสียหายในฐานะลูกหนี้ร่วมกันจนกว่าหนี้นั้นจะได้ชำระสิ้นเชิง
ตัวการรับผิดในการกระทำละเมิดของตัวแทน
ลักษณะตัวการตัวแทน โดยเหตุที่ตัวแทนมิใช่ลูกจ้าง จึงไม่อยู่ในบังคับแห่งสิทธิของตัวการที่จะควบคุมดูแลเกี่ยวกับความ ประพฤติทางปฏิบัติของตัวแทน โดยปกติตัวแทนจึงย่อมมีความรับผิดแต่เพียงผู้เดียว ตัวการไม่ต้องรับผิด ในผลแห่งการละเมิดที่ตัวแทนอาจก่อขึ้นตัวแทนคืออะไรนั้น
ปพพ. มาตรา 797 บัญญัติว่า “อันว่าสัญญาตัวแทนนั้น คือสัญญาซึ่งให้ บุคคลคนหนึ่ง เรียกว่าตัวแทน มีอำนาจทำการแทนบุคคลอีกคนหนึ่ง เรียกตัวการ และตกลงจะทำการ ดังนั้น” จะเห็นได้ว่า ตัวแทนเป็นสัญญาอย่างหนึ่งและเป็นเอกเทศสัญญาเช่นเดียวกับจ้างแรงงานอันเป็น ความสัมพันธ์กันระหว่างนายจ้างลูกจ้าง จึงต้องพิเคราะห์ดูก่อนว่ากรณีใดที่บุคคลเป็นตัวการตัวแทนระหว่างกัน พึงสังเกตว่าถ้ามิใช่เป็นการตั้งตัวแทน เช่น เป็นแต่การใช้หรือวานคนรู้จักกันให้ขับรถยนต์พาภริยาไปซื้อ ของ ดังนี้มิใช่ตัวแทนเพราะมิใช่เป็นกิจการที่ผู้รับใช้หรือรับงานทำแทนตัวการต่อบุคคลที่สาม
ความรับผิดของตัวการ ฟังเข้าใจว่าเหตุละเมิดที่จะให้ตัวการรับผิดต้องเป็นเหตุที่ได้เกิดขึ้นในขอบเขตแห่งการปฏิบัติตาม หน้าที่เพื่อตัวการหรือในฐานที่ตัวแทนได้ทำการเป็นตัวแทน ฉะนั้น ในเบื้องแรกจึงต้องทราบขอบเขตของ การเป็นตัวแทนเสียก่อนว่ามีเพียงไร ถ้าตัวแทนได้รับมอบอำนาจแต่เฉพาะการ ย่อมจะทำการแทนตัวการ ได้แต่เพียงในสิ่งที่จำเป็นเพื่อให้กิจการอันตัวการได้มอบหมายแก่ตนนั้นสำเร็จลุล่วงไป (มาตรา 800) เซ็น เป็นตัวแทนในการซื้อรถยนต์ ก็ย่อมมีอำนาจทำการใดที่จะให้ได้รถยนต์นั้นมาเป็นของตัวการ เช่น จ้าง คนขับรถมาส่งให้แก่ตัวการ เป็นต้น
ความรับผิดของผู้ว่าจ้างทำของ
ความรับผิดของผู้ว่าจ้างทำของไม่เป็นความรับผิดในการกระทำ ของบุคคลอื่น
ความรับผิดของผู้ว่าจ้างทำของไม่เป็นความรับผิดในการกระทำของบุคคลอื่น
กฎหมายได้บัญญัติถึงผู้ว่าจ้างเป็นผู้ผิด บุคคลที่รับผิดในการกระทำของบุคคลอื่นนั้นไม่ได้กระทำละเมิดด้วยตนเอง ถ้าได้กระทำละเมิดด้วยไม่ใช่เรื่องความรับผิดในการกระทำของบุคคลอื่นแต่เป็นความรับผิดของบุคคลในการกระทำของตัวเอง
โดยเหตุที่ความรับผิดของผู้ว่าจ้างทำของไม่ใช่ความรับผิดในการกระทำของบุคคลอื่นในเมื่อผู้ว่าจ้างได้ชดใช้ค่าสินไหมทดแทนให้แก่บุคคลภายนอกผู้ได้รับความเสียหายไปแล้ว
หลักความรับผิดของผู้ว่าจ้างทำของ
มีหลักทั่วไปว่าความรับผิดของผู้ว่าจ้างทำของไม่ใช่ความรับผิดในการกระทำของบุคคลอื่น เพราะว่าผู้จ้างไม่มีสิทธิควบคุมวิธีการทำงาน จึงถือว่าเป็นงานของผู้รับจ้างเอง ผู้ว่าจ้างไม่มีสิทธิพี่จะออกคำสั่งบังคับผู้รับจ้าง
เว้นแต่ผู้ว่าจ้างจะได้ทำความผิดทางละเมิดนั้นขึ้นเองในการว่าจ้าง ผู้ว่าจ้างจึงต้องรับผิดในผลที่เกิดขึ้น แม้ว่าจะเป็นการกระทำของผู้รับจ้าง เพราะในกรณีเช่นนี้ถือว่าผู้ว่าจ้างเป็นผู้กระทำละเมิดขึ้นแล้ว แม้จะมีการกระทำของผู้รับจ้างอยู่ด้วยไม่ทำให้ความสัมพันธ์ระหว่างความผิดของผู้ว่าจ้างกับความเสียหายที่ผู้รับจ้างกระทำขึ้นขาดตอนลง
1.ความผิดในส่วนการงานที่สั่งให้ทำเป็นเรื่องสั่งให้ทำตามสัญญาจ้างที่มีต่อกัน เช่น จ้างทำถนนเข้าไปในที่ดินของคนอื่นเพื่อเป็นที่ผ่านทางของตนถือว่าเป็นการละเมิด
2.ความผิดในคำสั่งที่ตนให้ไว้ ในการงานที่สั่งให้ทำจากไม่เป็นละเมิดในตัวเอง แต่อาจสั่งให้ผู้รับจ้างทำด้วยวิธีการอย่างใดอย่างหนึ่งอันเป็นผลให้ผู้เสียหายก็ได้
3.ความผิดในการเลือกหาผู้รับจ้าง เลือกหาผู้รับจ้าง คือ “การจ้าง” จ้างคนที่ตนรู้ว่าไม่ใช่ผู้ที่มีความสามารถหรือระมัดระวังอันควรแก่สภาพของการงานที่จ้างให้ทำ เป็นผลให้เกิดความเสียหายแก่บุคคลอื่นโดยละเมิด
ความรับผิดของมารดาบิดาหรือผู้อนุบาลในการกระทำละเมิดของผู้เยาว์ หรือบุคคลวิกลจริต และความรับผิดของครูบาอาจารย์ นายจ้าง หรือบุคคลอื่นในการกระทำละเมิดของผู้ไร้ความสามารถ
ความรับผิดของบิดามารดาหรือผู้อนุบาลในการทำละเมิด
ของคนไร้ความสามารถ
ผู้เยาว์หรือบุคคลวิกลจริตจะมีความรับผิดฐานละเมิดได้ ก็ย่อมเป็นไปตามหลักเกณฑ์ที่บัญญัติไว้ในมาตรา 420 ต้องมีการกระทำโดยจงใจหรือประมาทเลินเล่อที่จะถือว่าเป็นการกระทำจะต้องมีความเคลื่อนไหวในอิริยาบถโดยรู้สำนึก
การจงใจจะต้องรู้สำนึกถึงผลเสียหายที่จะเกิดขึ้นจากการกระทำของตน ถ้าบุคคลวิกลจริตไม่รู้สำนึกในการกระทำของตน หรือบุคคลวิกลจริตไม่รู้สภาพการกระทำของตน ย่อมจะถือว่าจงใจหรือประมาทเลินเล่อไม่ได้ แต่ถ้ารู้อาจเป็นการจงใจหรือประมาทเลินเล่อได้
สิทธิ์ไล่เบี้ยของบิดามารดาหรือผู้อนุบาล เมื่อบิดามารดาหรือผู้อนุบาลได้ใช้ค่าสินไหมทดแทนให้แก่บุคคลภายนอกไปแล้ว ก็ชอบที่จะได้ชดใช้จากผู้เยาว์หรือบุคคลวิกลจริตและไล่เบี้ยเอาได้จนกว่าจะครบจำนวนที่ชดใช้
ความรับผิดของครูบาอาจารย์ นายจ้าง หรือบุคคลอื่นในการทำละเมิดของผู้ไร้ความสามารถ
บุคคลต้องรับผิด มีข้อสังเกต คือ กฎหมายไม่ได้บัญญัติกำหนดไว้ว่าบุคคลผู้ไร้ความสามารถตามมาตรานี้หมายถึงบุคคลเช่นไรบ้างอย่างที่กำหนดไว้ในมาตรา 429 แต่มาถึงผู้เยาว์หรือบุคคลวิกลจริต
ผู้ที่ต้องรับผิดร่วมกับบุคคลผู้ไร้ความสามารถ ตามมาตรานี้ คือ ครูบาอาจารย์ นายจ้าง หรือบุคคลอื่น ซึ่งรับดูแลบุคคลดังกล่าว จะดูแลอยู่เป็นนิจหรือชั่วคราว ก็ต้องรับผิด
ความสำคัญของมาตรานี้ จึงอยู่ที่หน้าที่ดูแลอันมีอยู่ระหว่างผู้ไร้ความสามารถกับตัวผู้ที่จะต้องรับผิดซึ่งเกิดขึ้นโดยข้อเท็จจริงที่บุคคลหนึ่งเข้ารับดูแลผู้ไร้ความสามารถ
ความระมัดระวังตามสมควรแก่หน้าที่ดูแล
ในมาตรา 430 เป็นหน้าที่ของผู้เสียหายนำสืบให้ได้ความว่าผู้มีหน้าที่ดูแลไม่ได้ใช้ความระมัดระวังตามสมควรแก่หน้าที่ที่ต้องดูแล ถ้าไม่นำสืบ บุคคลที่รับดูแลบุคคลไร้ความสามารถก็ไม่ต้องรับผิด
สิทธิไล่เบี้ยของครูบาอาจารย์หรือบุคคลอื่นซึ่งรับดูแลบุคคลผู้ไร้ความสามารถ
เมื่อได้ใช้ค่าสินไหมทดแทนให้แก่บุคคลภายนอกไปแล้วก็ชอบที่จะได้ชดใช้จากผู้ไร้ความสามารถและไล่เบี้ยเอาได้จนครบจำนวนที่ชดใช้เช่นเดียวกับกรณีมาตรา 429
นางสาวปิยะพร โสภากุ 64012310309